นี่คือเหตุผลว่าทำไม “อยากให้เมื่อวานเป็นวันพรุ่งนี้ วันนี้จะได้เป็นวันศุกร์” จึงมีสองคำตอบ

เมื่อวันก่อนนั่งคิดจนปวดหัว คำถามคือ แล้ววันที่พูดอยู่เนี่ย มันคือวันอะไรกันแน่
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่คำถามนี้ได้รับการส่งต่อกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งหลายๆท่านก็ให้คำตอบกันไว้แล้ว
หากใครยังไม่ทราบก็ลองนั่งคิดดูเองก่อน หรือไม่ก็คลิ้กดูวิธีคิดที่ลิ้งค์ด้านล่าง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

มีสองคำตอบที่เป็นไปได้คือ วันพุธ กับ วันอาทิตย์

กระทู้นี้อยากนำเสนอมุมมองจากเจ้าของกระทู้ซึ่งเป็น "นักภาษาศาสตร์" ที่จะช่วยอธิบายว่าทำไมทั้งสองคำตอบถึงเป็นไปได้

อยากจะอธิบายกันให้ชัดๆ กันไปเลย โดยใช้หลักการทางภาษาศาสตร์
กล่าวคือ โลกสมมติ (hypothetical world) กับ โลกแห่งความเป็นจริง (actual world)

โลกแห่งความเป็นจริงคือโลกของผู้พูดขณะที่กำลังพูด โลกสมมติคือโลกในหัวของผู้พูด ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ดังภาพประกอบ



อยากให้เมื่อวานเป็นวันพรุ่งนี้ วันนี้จะได้เป็นวันศุกร์ จึงอ้างถึงโลกสองโลกที่ขนานกันไป
ระหว่างโลกขณะที่พูด กับโลกที่สมมติขึ้นมาที่อยู่ในหัวของผู้พูด ดังภาพ



ตัวเราไม่รู้ว่าคนพูดพูดวันไหนกันแน่ แต่ที่แน่ๆมันต้องไม่ใช่วันศุกร์
ดังนั้นเมื่อวานของโลกสมมติคือวันพฤหัส พรุ่งนี้ของโลกสมมติคือวันเสาร์
เมื่อดูแผนภูมิในโลกสมมติ เราจะเห็นได้ว่า มีแค่วันพฤหัส กับเสาร์ที่สามารถนำมาเป็นตัวแปรได้ ดังจะเขียนให้ดูด้านล่าง



ความเป็นไปได้ที่ 1 คือ อยากให้เมื่อวาน (โลกสมมติ) เป็นวันพรุ่งนี้ (โลกจริง) วันนี้ (โลกสมมติ) จะได้เป็นวันศุกร์
เพราะฉะนั้น วันนี้ (โลกจริง) คือวันพุธ



ความเป็นไปได้ที่ 2 คือ อยากให้เมื่อวาน (โลกจริง) เป็นวันพรุ่งนี้ (โลกสมมติ) วันนี้ (โลกสมมติ) จะได้เป็นวันศุกร์
เพราะฉะนั้น วันนี้ (โลกจริง) คือวันอาทิตย์



ดังนั้นประโยคที่ว่า “อยากให้เมื่อวานเป็นวันพรุ่งนี้” จึงมีได้สองความหมาย (มีความกำกวม) ซึ่งให้ค่าความจริงเป็นจริงทั้งคู่

ความหมายแรก     “อยากให้เมื่อวานของโลกสมมติ เป็นวันพรุ่งนี้ของโลกจริง วันนี้จะได้เป็นวันศุกร์”
        ตอบ วันที่พูดคือ วันพุธ = true

ความหมายที่สอง    “อยากให้เมื่อวานของโลกจริงเป็นวันพรุ่งนี้ของโลกสมมติ วันนี้จะได้เป็นวันศุกร์”
        ตอบ วันที่พูดคือ วันอาทิตย์ = true

ดังนั้นคำถามชวนปวดหัวนี้จึงมีได้สองคำตอบ ใครที่บอกว่ามีได้แค่คำตอบเดียวนั้นจึงผิด เพราะเราสามารถตีความได้ทั้งสองแบบ

อยู่ที่มุมมองของคนว่าจะเอาโลกจริงหรือโลกสมมติเป็นจุดเริ่มต้น

อยากจะฝากสั้นๆว่า เรื่องเดียวกันยังมองไม่เหมือนกันเลย และเรื่องเดียวกันอาจมองได้หลายมุม ความขัดแย้งมักเกิดจากการที่เรามักจะยึดเอามุมมองของเราเป็นหลักว่าถูกต้อง ทั้งๆที่จริงๆแล้วคำตอบอาจมีมากกว่าหนึ่งก็ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่