วันนี้แฟนเรากลับจากบ้านที่ต่างจังหวัด ผ่านเซนทรัลบางนาเลยแวะเอาตั๋วที่ Thaiticket
โดยจอดรถสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ มีน้องชายรอในรถ...
ขณะกำลังเดินหา Thaiticket แฟนได้เดินผ่านบูธเกี่ยวกับคอร์สลดน้ำหนัก
แล้วโดนพี่พนักงานผู้หญิงเรียกและขอให้ช่วยกรอกแบบสอบถามให้
แฟนเราเป็นคนค่อนข้างขี้เกรงใจ เลยโดนลากไปนั่งที่บูธ แฟนก็เลยรีบๆ กรอกแบบสอบถามให้จบๆไป จะได้รีบทำธุระ
ระหว่างนั้น พี่พนักงานคนเดิมก็เดินมาคุยๆ ถามแฟนว่าอยากลดน้ำหนักไหม แฟนบอกว่าอยากลด
(ซึ่งแฟนเคยบอกเราเรื่องนี้แล้วว่าจะคุมอาหาร ออกกำลังกายกัน) พี่พนักงานเค้าเลยถามต่อว่าวางราคาไว้เท่าไหร่
แฟนก็ตอบว่าไม่รู้ เพราะไม่ได้คิดจะเข้าคอร์ส พี่เค้าก็ถามต่อว่าถ้าประมาณหมื่นถึงสองหมื่นล่ะ? แฟนเราก็บอกว่า ก็ได้นะ ราคาโอเค
พี่พนักงานเลยเสนอว่ามีคอร์สลดน้ำหนักราคาเต็ม 30,000 บาท ลดให้เหลือ 10,000 (ไม่แน่ใจในตัวเลขค่ะ)
แล้วจะให้แฟนจ่ายก่อน 5000 ตอนนี้ แฟนก็บอกปัดไปว่าไม่เป็นไร แล้วจะลุกออกมา แต่พี่เค้าไม่ให้ออกมาแล้วบอกให้นั่งฟังก่อน
แฟนเราอยากรีบไป แต่ไม่รู้จะทำยังไง เลยโทรมาหาเรา แล้วเราให้เราฟังตามที่กล่าวไปข้างต้น ถามเราว่าจะทำยังไงถึงจะออกมาได้
เค้าจะให้จ่าย 5000 เลยขอมาโทรหาแฟน แต่กระเป๋าตังวางอยู่บนโต๊ะโดยมีพนักงานจับไว้
เราเป็นคนตรงๆ ค่ะ เจอแบบนี้ปฎิเสธได้ตลอด เลยบอกแฟนให้บอกเค้าว่าไม่สนใจ และจะรีบไป
แฟนก็บอกไปตามนั้น แต่พี่เค้าไม่ยอมปล่อยออกมา คะยั้นคะยอให้จ่าย แถมถามว่าบัตรไหนที่สะดวกจ่าย แฟนบอกว่าเราเป็นคนเก็บค่ะ
ยังถามต่ออีกว่าในกระเป๋าตังมีเท่าไหร่ ไม่พอหรอ ตอนเราได้ยินจากแฟนคือเราเดือดมาก เราเลยขอคุยกับพี่พนักงานให้
ตอนแรกแฟนบอกเดี๋ยวคุยเอง แต่สุดท้ายน่าจะเคลียร์ไม่ได้เลยบอกให้เราคุย
ปลายสายเป็นเสียงผู้ชาย ฟังจากเสียงน่าจะเกย์รึเปล่า (แฟนบอกว่าคนนี้มาทีหลัง น่าจะตำแหน่งใหญ่กว่าพนักงานผู้หญิง)
เราจำที่คุยกันไม่ได้ทั้งหมด แต่จับใจความได้คือ เค้าบอกว่าแฟนเราเป็นคนไปต่อราคา แฟนบอกจ่ายไหว
(ซึ่งเท่าที่เราฟังจากแฟน แฟนเราคิดว่าแค่ไปกรอกแบบสอบถาม ถามมาก็ตอบไป แล้วพี่เค้าเสนอมาเองค่ะเรื่องราคา)
เราเลยบอกว่า เราไม่อนุญาต อยากให้แฟนรีบออกมา พี่เค้าก็สวนกลับมาอารมณ์ประมาณว่าให้แฟนเราตัดสินใจเอง
เราก็บอกว่า แฟนไม่ได้สนใจค่ะ แล้วอยากออกมาแต่พี่ไม่ปล่อยออกมา
ก็เถียงๆ กันเรื่องนี้ว่าทำไมไม่ยอมปล่อยออกมา เค้าก็พูดแต่ว่าแฟนเราดีลเอง
(เราก็คิดกลับกันนะคะว่าถ้าแฟนเราสนใจ จะโทรมาหาเราทำไม แล้วไม่ได้โทรมาขออนุญาต แต่โทรมาปรึกษาว่าจะออกจากที่ยังไงเพราะพี่เค้าตื้อมาก ) เราก็ยืนยันคำเดิมค่ะว่าไม่ พี่เค้าเลยพูดส่งท้ายมาบอกว่า
ทีหลังถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูด ก็ไม่ต้องมาต่อราคา แล้วก็กดวางสายไปเลย
เราสตั้นกับคำพูดพี่เค้ามากแล้วมากดตัดสายทำไมเนี่ย โทรศัพท์ตัวเองก็ไม่ใช่ เค้าไม่ได้พูดหยาบนะคะ แต่ใช้น้ำเสียงที่จิกกัด(แบบเกย์)
เราเลยโทรกลับหาแฟนถามว่าบูธนั้นของใคร ชื่ออะไร แฟนเราจำไม่ได้ค่ะ
จำได้ว่าขึ้นต้นด้วย S แล้วได้ยินชื่อนางเอกลูกครึ่งช่องน้อยสี ชื่อย่อ ศ.ร.ต แต่แฟนเราไม่แน่ใจ
ตอนนี้แฟนออกมาได้แล้วค่ะ แต่เรายังรู้สึกไม่ดีกับคำพูดของพี่พนักงาน แล้วแฟนเราบอกว่าตอนพี่เค้ายื่นโทรศัพท์คืน
เค้าก็บอกเสียงเชิดๆ ว่าเชิญค่ะ
ตอนนี้เรายังโมโหไม่หายเลยค่ะ พนักงานบอกแฟนว่าแค่กรอกแบบสอบถาม แต่กลายเป็นว่ามัดมือชกให้ซื้อคอร์ส และจ่ายเงินเลย
แฟนบอกว่าถ้าไม่ได้โทรหาเรา คงออกมาไม่ได้ ต้องยอมจ่าย ทั้งๆ ที่ไม่มีแพลนจะมาเข้าคอร์ส
ที่มาตั้งกระทู้อยากแชร์ให้สาวๆ ที่จิตใจไม่มั่นคง ปฎิเสธคนยาก เจอแบบนี้อย่าหลงเชื่อเดินเข้าบูธนะคะ
แล้วถ้าพนักงานที่บูธได้เข้ามาอ่าน หนูหวังว่าพี่จะคิดได้ว่าที่พี่ทำไม่ได้เรียกว่าการขายหรือการบริการเลย
และหนูคาดหวังว่าบริษัทเจ้าของบูทจะอบรมพนักงานให้ดีกว่าดีนี้ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ หนูรู้สึกได้เลยว่ามันไม่แฟร์มากๆ
เป็นลูกค้า น่าจะมีสิทธิเลือกว่าอยากหรือไม่อยากจะซื้อบริการนี้ ไม่ใช่กึ่งบังคับให้เราจ่าย แล้วพอเราปฎิเสธก็แสดงสีหน้าและคำพูดแย่ๆแบบนี้ค่ะ
ปล. ถ้ากระทู้มีคำผิด หรือแท็กห้องผิด ขออภัยด้วยค่า
โดนพนักงานขายคอร์สลดน้ำหนักที่เซนทรัลบางนามัดมืกชก
โดยจอดรถสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ มีน้องชายรอในรถ...
ขณะกำลังเดินหา Thaiticket แฟนได้เดินผ่านบูธเกี่ยวกับคอร์สลดน้ำหนัก
แล้วโดนพี่พนักงานผู้หญิงเรียกและขอให้ช่วยกรอกแบบสอบถามให้
แฟนเราเป็นคนค่อนข้างขี้เกรงใจ เลยโดนลากไปนั่งที่บูธ แฟนก็เลยรีบๆ กรอกแบบสอบถามให้จบๆไป จะได้รีบทำธุระ
ระหว่างนั้น พี่พนักงานคนเดิมก็เดินมาคุยๆ ถามแฟนว่าอยากลดน้ำหนักไหม แฟนบอกว่าอยากลด
(ซึ่งแฟนเคยบอกเราเรื่องนี้แล้วว่าจะคุมอาหาร ออกกำลังกายกัน) พี่พนักงานเค้าเลยถามต่อว่าวางราคาไว้เท่าไหร่
แฟนก็ตอบว่าไม่รู้ เพราะไม่ได้คิดจะเข้าคอร์ส พี่เค้าก็ถามต่อว่าถ้าประมาณหมื่นถึงสองหมื่นล่ะ? แฟนเราก็บอกว่า ก็ได้นะ ราคาโอเค
พี่พนักงานเลยเสนอว่ามีคอร์สลดน้ำหนักราคาเต็ม 30,000 บาท ลดให้เหลือ 10,000 (ไม่แน่ใจในตัวเลขค่ะ)
แล้วจะให้แฟนจ่ายก่อน 5000 ตอนนี้ แฟนก็บอกปัดไปว่าไม่เป็นไร แล้วจะลุกออกมา แต่พี่เค้าไม่ให้ออกมาแล้วบอกให้นั่งฟังก่อน
แฟนเราอยากรีบไป แต่ไม่รู้จะทำยังไง เลยโทรมาหาเรา แล้วเราให้เราฟังตามที่กล่าวไปข้างต้น ถามเราว่าจะทำยังไงถึงจะออกมาได้
เค้าจะให้จ่าย 5000 เลยขอมาโทรหาแฟน แต่กระเป๋าตังวางอยู่บนโต๊ะโดยมีพนักงานจับไว้
เราเป็นคนตรงๆ ค่ะ เจอแบบนี้ปฎิเสธได้ตลอด เลยบอกแฟนให้บอกเค้าว่าไม่สนใจ และจะรีบไป
แฟนก็บอกไปตามนั้น แต่พี่เค้าไม่ยอมปล่อยออกมา คะยั้นคะยอให้จ่าย แถมถามว่าบัตรไหนที่สะดวกจ่าย แฟนบอกว่าเราเป็นคนเก็บค่ะ
ยังถามต่ออีกว่าในกระเป๋าตังมีเท่าไหร่ ไม่พอหรอ ตอนเราได้ยินจากแฟนคือเราเดือดมาก เราเลยขอคุยกับพี่พนักงานให้
ตอนแรกแฟนบอกเดี๋ยวคุยเอง แต่สุดท้ายน่าจะเคลียร์ไม่ได้เลยบอกให้เราคุย
ปลายสายเป็นเสียงผู้ชาย ฟังจากเสียงน่าจะเกย์รึเปล่า (แฟนบอกว่าคนนี้มาทีหลัง น่าจะตำแหน่งใหญ่กว่าพนักงานผู้หญิง)
เราจำที่คุยกันไม่ได้ทั้งหมด แต่จับใจความได้คือ เค้าบอกว่าแฟนเราเป็นคนไปต่อราคา แฟนบอกจ่ายไหว
(ซึ่งเท่าที่เราฟังจากแฟน แฟนเราคิดว่าแค่ไปกรอกแบบสอบถาม ถามมาก็ตอบไป แล้วพี่เค้าเสนอมาเองค่ะเรื่องราคา)
เราเลยบอกว่า เราไม่อนุญาต อยากให้แฟนรีบออกมา พี่เค้าก็สวนกลับมาอารมณ์ประมาณว่าให้แฟนเราตัดสินใจเอง
เราก็บอกว่า แฟนไม่ได้สนใจค่ะ แล้วอยากออกมาแต่พี่ไม่ปล่อยออกมา
ก็เถียงๆ กันเรื่องนี้ว่าทำไมไม่ยอมปล่อยออกมา เค้าก็พูดแต่ว่าแฟนเราดีลเอง
(เราก็คิดกลับกันนะคะว่าถ้าแฟนเราสนใจ จะโทรมาหาเราทำไม แล้วไม่ได้โทรมาขออนุญาต แต่โทรมาปรึกษาว่าจะออกจากที่ยังไงเพราะพี่เค้าตื้อมาก ) เราก็ยืนยันคำเดิมค่ะว่าไม่ พี่เค้าเลยพูดส่งท้ายมาบอกว่า
ทีหลังถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูด ก็ไม่ต้องมาต่อราคา แล้วก็กดวางสายไปเลย
เราสตั้นกับคำพูดพี่เค้ามากแล้วมากดตัดสายทำไมเนี่ย โทรศัพท์ตัวเองก็ไม่ใช่ เค้าไม่ได้พูดหยาบนะคะ แต่ใช้น้ำเสียงที่จิกกัด(แบบเกย์)
เราเลยโทรกลับหาแฟนถามว่าบูธนั้นของใคร ชื่ออะไร แฟนเราจำไม่ได้ค่ะ
จำได้ว่าขึ้นต้นด้วย S แล้วได้ยินชื่อนางเอกลูกครึ่งช่องน้อยสี ชื่อย่อ ศ.ร.ต แต่แฟนเราไม่แน่ใจ
ตอนนี้แฟนออกมาได้แล้วค่ะ แต่เรายังรู้สึกไม่ดีกับคำพูดของพี่พนักงาน แล้วแฟนเราบอกว่าตอนพี่เค้ายื่นโทรศัพท์คืน
เค้าก็บอกเสียงเชิดๆ ว่าเชิญค่ะ
ตอนนี้เรายังโมโหไม่หายเลยค่ะ พนักงานบอกแฟนว่าแค่กรอกแบบสอบถาม แต่กลายเป็นว่ามัดมือชกให้ซื้อคอร์ส และจ่ายเงินเลย
แฟนบอกว่าถ้าไม่ได้โทรหาเรา คงออกมาไม่ได้ ต้องยอมจ่าย ทั้งๆ ที่ไม่มีแพลนจะมาเข้าคอร์ส
ที่มาตั้งกระทู้อยากแชร์ให้สาวๆ ที่จิตใจไม่มั่นคง ปฎิเสธคนยาก เจอแบบนี้อย่าหลงเชื่อเดินเข้าบูธนะคะ
แล้วถ้าพนักงานที่บูธได้เข้ามาอ่าน หนูหวังว่าพี่จะคิดได้ว่าที่พี่ทำไม่ได้เรียกว่าการขายหรือการบริการเลย
และหนูคาดหวังว่าบริษัทเจ้าของบูทจะอบรมพนักงานให้ดีกว่าดีนี้ เพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ หนูรู้สึกได้เลยว่ามันไม่แฟร์มากๆ
เป็นลูกค้า น่าจะมีสิทธิเลือกว่าอยากหรือไม่อยากจะซื้อบริการนี้ ไม่ใช่กึ่งบังคับให้เราจ่าย แล้วพอเราปฎิเสธก็แสดงสีหน้าและคำพูดแย่ๆแบบนี้ค่ะ
ปล. ถ้ากระทู้มีคำผิด หรือแท็กห้องผิด ขออภัยด้วยค่า