การไหว้พระขอพรกับศาลพระภูมินั้นเราต้องอยู่ไกลจากศาลพระภูมิมากแค่ไหนกัน?
เราต้องคุกเข่าไหว้หน้าศาลพระภูมิเท่านั้นหรือ? ถ้าเราไหว้จากด้านอื่น มุมอื่น โอกาสที่เราจะได้รับพรจะน้อยลงหรือไม่?
แล้วจำนวนธูปที่จุดไหว้ล่ะ? ถ้าจุดไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้จะทำให้ประสิทธิภาพในการขอพรลดต่ำลงหรือไม่? จำนวนธูปมีมาตรฐานมาจากไหน?
คำถามเหล่านี้ดูจะเป็นคำถามที่ขวางโลกและดูจะลบหลู่ดูหมิ่นความเชื่อของผู้ที่ศรัทธา อะไรทำให้เรารู้สึกแบบนั้น? เราไม่มั่นใจในสิ่งที่เราศรัทธาหรือ? หรือเราเพียงไม่มั่นใจในตัวของเราเอง
ความมั่นใจนั้นดูจะเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตของคนเราในทุกยุคทุกสมัย เราสามารถใช้ความมั่นใจให้เกิดประโยชน์ในชีวิตของเราได้ในหลายๆด้าน เช่น ในด้านการเรียนหรือการทำงาน แต่ในทางกลับกัน ผู้ที่มีความมั่นใจมากจนเกินไปมักจะถูกเขม่นจากคนรอบข้างได้โดยง่ายเช่นกัน หรือว่าจริงๆแล้วเราแค่อยากจะมีความมั่นใจได้แบบเขาบ้างกัน
สมมุติว่าเราทำงานชิ้นหนึ่งสำเร็จด้วยตนเอง เราอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่ถ้าเราทำงานสำเร็จติดต่อกันสัก 5 ชิ้นล่ะ มันเท่ากับว่าเราทำงานได้สำเร็จ 5/5 หรือก็คือ 100% ใช่ไหม? ต่อให้เราทำงานสำเร็จแค่ 4 หรือ 3 ชิ้น อัตราส่วนก็จะเป็น 4/5 และ 3/5 ตามลำดับ ซึ่งก็เท่ากับว่าเราทำงานได้สำเร็จถึง 60% - 80% แบบนี้ถือว่าเราควรศรัทธาในตัวเองได้หรือยัง?
ในอีกทางหนึ่ง ถ้าเราทำงาน 5 ชิ้น และขอพรให้ทำงานสำเร็จ (กับศาลพระภูมิ) โอกาสที่งานจะสำเร็จจะเป็น 100% ไหม? ก็ไม่มีใครกล้าการันตีได้ว่าโอกาสสำเร็จจะเป็นเช่นไร ต่อให้สำเร็จได้ทั้ง 5 ชิ้น คนที่ทำมันสำเร็จก็คือตัวเรา แล้วเราได้ให้เครดิตในงานที่สำเร็จกับตัวเราสักกี่เปอร์เซ็นต์กันล่ะ?
ตัวอย่างการบนบานศาลกล่าวที่ยอดฮิตที่สุดน่าจะเป็นเรื่องการบนขอให้สอบติด ซึ่งถ้าเราไปบนที่ศาลแห่งหนึ่งและเราได้รับการคัดเลือกขึ้นมาจริงๆ เท่ากับว่าศาลแห่งนั้นศักดิ์สิทธิ์ หรือตัวเราที่ทำข้อสอบได้ดีกว่ากันกันแน่? และเราได้ให้คุณค่ากับความพยายามของเรามากกว่าหรือน้อยกว่าเทพประจำศาลนั้นกัน?
ท้ายที่สุด บทความนี้ไม่ได้ตัดสินไปโดยตรงว่า การบนบานศาลกล่าวกับความพยายามของเรานั้นสิ่งใดสำคัญกว่ากัน ตราบใดที่เรื่องเหนือธรรมชาติเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ในยุคปัจจุบัน และบทความนี้ยังไม่ได้ลบหลู่ความเชื่อของผู้ที่ศรัทธาแต่อย่างใด หลายๆคนที่กราบไหว้ขอพรจากศาลเจ้านั้นอาจจะกราบไหว้เพียงเพื่อความสบายใจซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคลของคนๆนั้น ขอแค่เพียงให้การกราบไหว้ขอพรเหล่านั้นไม่ทำให้เราลดทอนความภาคภูมิใจในตัวของเราเองกับผลงานที่ออกมาจากฝีมือของเรา เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเจตนารมย์ของผู้เขียนแล้ว
การขอพรจากศาลพระภูมินั้นเป็นเพียงประเด็นหนึ่ง ขอเพียงเราให้เครดิตต่อตัวเราเองบ้างก็เพียงพอแล้ว
บทความขนาดสั้น: การบนบานศาลกล่าว ความศรัทธาหรือแค่ว่าไม่มั่นใจ?
เราต้องคุกเข่าไหว้หน้าศาลพระภูมิเท่านั้นหรือ? ถ้าเราไหว้จากด้านอื่น มุมอื่น โอกาสที่เราจะได้รับพรจะน้อยลงหรือไม่?
แล้วจำนวนธูปที่จุดไหว้ล่ะ? ถ้าจุดไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้จะทำให้ประสิทธิภาพในการขอพรลดต่ำลงหรือไม่? จำนวนธูปมีมาตรฐานมาจากไหน?
คำถามเหล่านี้ดูจะเป็นคำถามที่ขวางโลกและดูจะลบหลู่ดูหมิ่นความเชื่อของผู้ที่ศรัทธา อะไรทำให้เรารู้สึกแบบนั้น? เราไม่มั่นใจในสิ่งที่เราศรัทธาหรือ? หรือเราเพียงไม่มั่นใจในตัวของเราเอง
ความมั่นใจนั้นดูจะเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตของคนเราในทุกยุคทุกสมัย เราสามารถใช้ความมั่นใจให้เกิดประโยชน์ในชีวิตของเราได้ในหลายๆด้าน เช่น ในด้านการเรียนหรือการทำงาน แต่ในทางกลับกัน ผู้ที่มีความมั่นใจมากจนเกินไปมักจะถูกเขม่นจากคนรอบข้างได้โดยง่ายเช่นกัน หรือว่าจริงๆแล้วเราแค่อยากจะมีความมั่นใจได้แบบเขาบ้างกัน
สมมุติว่าเราทำงานชิ้นหนึ่งสำเร็จด้วยตนเอง เราอาจจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก แต่ถ้าเราทำงานสำเร็จติดต่อกันสัก 5 ชิ้นล่ะ มันเท่ากับว่าเราทำงานได้สำเร็จ 5/5 หรือก็คือ 100% ใช่ไหม? ต่อให้เราทำงานสำเร็จแค่ 4 หรือ 3 ชิ้น อัตราส่วนก็จะเป็น 4/5 และ 3/5 ตามลำดับ ซึ่งก็เท่ากับว่าเราทำงานได้สำเร็จถึง 60% - 80% แบบนี้ถือว่าเราควรศรัทธาในตัวเองได้หรือยัง?
ในอีกทางหนึ่ง ถ้าเราทำงาน 5 ชิ้น และขอพรให้ทำงานสำเร็จ (กับศาลพระภูมิ) โอกาสที่งานจะสำเร็จจะเป็น 100% ไหม? ก็ไม่มีใครกล้าการันตีได้ว่าโอกาสสำเร็จจะเป็นเช่นไร ต่อให้สำเร็จได้ทั้ง 5 ชิ้น คนที่ทำมันสำเร็จก็คือตัวเรา แล้วเราได้ให้เครดิตในงานที่สำเร็จกับตัวเราสักกี่เปอร์เซ็นต์กันล่ะ?
ตัวอย่างการบนบานศาลกล่าวที่ยอดฮิตที่สุดน่าจะเป็นเรื่องการบนขอให้สอบติด ซึ่งถ้าเราไปบนที่ศาลแห่งหนึ่งและเราได้รับการคัดเลือกขึ้นมาจริงๆ เท่ากับว่าศาลแห่งนั้นศักดิ์สิทธิ์ หรือตัวเราที่ทำข้อสอบได้ดีกว่ากันกันแน่? และเราได้ให้คุณค่ากับความพยายามของเรามากกว่าหรือน้อยกว่าเทพประจำศาลนั้นกัน?
ท้ายที่สุด บทความนี้ไม่ได้ตัดสินไปโดยตรงว่า การบนบานศาลกล่าวกับความพยายามของเรานั้นสิ่งใดสำคัญกว่ากัน ตราบใดที่เรื่องเหนือธรรมชาติเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ในยุคปัจจุบัน และบทความนี้ยังไม่ได้ลบหลู่ความเชื่อของผู้ที่ศรัทธาแต่อย่างใด หลายๆคนที่กราบไหว้ขอพรจากศาลเจ้านั้นอาจจะกราบไหว้เพียงเพื่อความสบายใจซึ่งเป็นสิทธิส่วนบุคคลของคนๆนั้น ขอแค่เพียงให้การกราบไหว้ขอพรเหล่านั้นไม่ทำให้เราลดทอนความภาคภูมิใจในตัวของเราเองกับผลงานที่ออกมาจากฝีมือของเรา เพียงเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเจตนารมย์ของผู้เขียนแล้ว
การขอพรจากศาลพระภูมินั้นเป็นเพียงประเด็นหนึ่ง ขอเพียงเราให้เครดิตต่อตัวเราเองบ้างก็เพียงพอแล้ว