รีวิวเที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง 8 วัน 7 คืน : Part Kawaguchiko และ Mizuno Hotel
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านครับ ครั้งนี้ผมมารีวิวการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกนะครับ แต่จริงๆ เคยไปตอนเด็กมากๆ มาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งก็จำอะไรไม่ได้แล้วละครับ == โดยครั้งนี้ผมไปเที่ยวโตเกียวช่วงต้นเดือนเมษายน และก็แอบหวังว่าจะได้เจอซากุระกับเค้าบาง _/\_
ทริปครั้งนี้ผมไปกับภรรยากัน 2 คนครับ โดยเราวางแผนว่าจะไปเที่ยวโตเกียวเป็นหลัก เลยกะว่าจะไปจุดสำคัญๆ ให้ครบๆ แต่ก็อยากเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย ก็เลยว่าจะไปนอนพักที่ Kawaguhiko 1 คืนครับ ซึ่งการรีวิวในตอนนี้ผมจะพูดถึง ช่วงเวลาที่ไปพักที่ Kawaguhiko เท่านั้นนะครับ โดยการรีวิวในส่วนที่เหลือผมจะนำเสนอมาในภายหลังครับ
ขั้นแรกก็คิดอยู่ว่าจะไป Kawaguhiko หรือ Hakone เห็นหลายคนบอกว่า Hakone จะมีกิจกรรมเยอะกว่า แต่ช่วงที่ผมไป Ropeway ปิดให้บริการพอดีครับ เนื่องจากภูเขาไฟบริเวณนั้นมีกำมะถันออกมามากตาม website :
http://www.japan-guide.com/e/e5200.html นี้นะครับ จึงตัดสินใจแน่วแน่วว่าไป Kawaguhiko แน่นอน คราวนี้ก็ถึงเวลาหาโรงแรมครับ เนื่องจากผมมีงบประมาณไม่มากนัก แต่ก็อยากไปพักที่ดีๆ เพราะอยากให้เป็นของขวัญวันเกิดของภรรยาด้วยครับ เลยลองดูหลายๆ ที่ ผมก็ได้ทำการ search ดูข้อมูลจาก booking.com ครับ ดูจาก คอมเม้นและอันดับ rating หลายๆอย่างประกอบกัน แล้วก็ตัดสินใจว่าอยากได้โรงแรมที่เห็นวิวทะเลสาปและฟูจิพร้อมกัน เพราะมันน่าจะเป็นวิวที่สวยมากๆ (ประมาณว่าอาจจะไม่ได้มาอีกอะครับ แหะๆ) ก็มีอยู่หลายโรงแรมนะครับ แต่ราคาแรงๆทั้งนั้น จนได้มาเจอกับ Mizuno Hotel ซึ่งใน Booking บอกว่าเป็นโรงแรมยอดนิยิมสำหรับคู่รัก และราคาก็ไม่แพง ผมเลยทำการจองโรงแรมนี้เลยครับ
ขั้นต่อมา หาวิธีเดินทางจากโตเกียวไป Kawaguhiko ซึ่งผมก็ลอง search ข้อมูลดูจากหลายๆ คนที่เคยไปก็พบว่า หลักๆ เลย คือ การเดินทางด้วยรถไฟ และ Highway bus ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟจะแพงกว่า Highway bus ครึ่งนึง แต่ใช้ระยะเวลาเดินทางพอๆ กัน ด้วยการที่ต้องเน้นประหยัดหน่อย ผมก็เลยเลือกเดินทางด้วย Highway bus ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไปขึ้นรถที่สถานี Shinjuku แต่ผมจองช้าไปหน่อย เวลาเดินทางเลยเหลือไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ผมก็มาสังเกตว่ามันขึ้นสถานี Shibuya ได้ ผมก็เลยลองไปดูจุดที่ขึ้นรถ ปรากฎว่า มันจะอยู่ชั้น 5 ของตึก Shibuya Mark city ซึ่งสามารถเดินผ่านทางเชื่อมจากสถานี Shibuya มาได้เลยครับ ผมว่าเดินทางสะดวกกว่าจุดขึ้นรถที่สถานี Shinjuku อีกครับ และคนก็ไม่เยอะด้วย เวลาที่ให้เลือกเดินทางเหลือตรึมเลยครับ ผมก็เลยจอง Highway bus ที่สถานี Shibuya โดยจองจาก website :
https://www.highwaybus.com/gp/foreign/frgSelectLine?lang=en ครับ อันนี้จะเป็นการจองเฉยๆ นะครับ ยังไม่ได้จ่ายเงิน ต้องไปจ่ายที่หน้า counter ของสถานีนั้นๆก่อนเวลาเดินทาง 15 นาทีครับ ไม่งั้นที่เราจองจะหลุดไป
ขั้นต่อมา ก็สถานที่ท่องเที่ยวและการเดินทางบริเวณทะเลสาป Kawaguhiko ครับ จากที่ได้ศึกษาจากหลายๆ web ส่วนใหญ่จะเดินทางรอบทะเลสาบด้วย retro bus ซึ่งราคาตั๋วสำหรับ 2 วัน ประมาณ 1,200 เยน และอีกวิธีนึง คือ จักรยาน ซึ่งจะมีค่าเช่าประมาณ 1,000 เยน แต่ด้วยโรงแรมที่เราไปพักให้เช่าจักรยานฟรี และปั่นจักรยานเราสามารถเลือกที่หยุดถ่ายรูปตรงไหนก็ได้ พวกเราจึงเลือกที่จะเดินทางด้วยจักรยานครับ ส่วนสถานที่เที่ยวที่อยากไป ได้มา 3 ที่ครับ เพราะอยากจะชิวๆ ซึ่งประกอบด้วย Kawaguchiko Music Forest , Mt. Kachi Kachi Ropeway และ Chureito Pagoda ครับ ซึ่งตัวช่วยที่เราใช้เวลาเดินทางภายใน Kawaguhiko ก็คือ google map ครับ
ต่อไปจะเริ่มการเดินทางเลยนะครับ
ตอนนี้เราออกจากสถานี Shibuya มาตรงทางออกหมายเลข 5 เพื่อไปยังตึก Shibuya Mark city ครับ
บริเวณนี้ คือ ชั้น 5 ของตึก Shibuya Mark city นะครับ เป็นท่าจอดรถของรถบัส ระวังอย่าไปขึ้นผิดคันนะครับ เพราะมีรถที่รับส่งสนามบินด้วย โดยจุดที่เราต้องไปชำระเงินซื้อตั๋วจะอยู่ห้องกระจกทางด้านซ้ายของภาพครับ
รูปนี้ คือ รถของเราครับ ออกตรงเวลา 07.30 น. พอดีเลย
บรรยากาศภายในรถครับ นั่งสบายทีเดียว นำมาอาหารเบาๆขึ้นมาทานได้นะครับ
วิวระหว่างทางครับ นั่งชิวๆสบายๆ
ถึงแล้วครับสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. ครึ่งครับ ถึงประมาณ 10 โมง ผมเดินทางวันอาทิตย์นะครับ รถไม่ติดเลย
พอถึงสถานี ผมก็เดินไปตรงจุดที่เค้าให้คำปรึกษานักท่องเที่ยว และบอกให้เค้าช่วยโทรศัพท์ให้รถจากโรงแรมมารับครับ เหมือนกับผมคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องยังไงไม่รู้ เค้าบอกผมประมาณว่า โรงแรมที่ผมจอง เค้าให้ check-in บ่าย 3 ตอนนี้ไม่สามารถเข้าพักได้ คือ ผมเข้าใจครับ แค่อยากให้รถมารับ ผมจะฝากกระเป๋าที่โรงแรมก่อนอะครับ แล้วค่อยไปเที่ยว ที่นี้ ด้วยโชคดีจากที่ได้ไปทำบุญที่วัดมาหลายที่ พอพวกผมเดินออกมาจากจุดให้คำปรึกษานักท่องเที่ยว ก็เจอรถของโรงแรมมาส่งลูกค้าคนอื่นพอดีเลยครับ ตกใจมากกกกกกก พากันวิ่งไปที่รถโดยเร็ว ซึ่งคนขับรถเป็นคุณลุงครับ คุณลุงใจดีมาก พาพวกผมขึ้นรถไปที่โรงแรมเลยครับ(แต่แกแอบซิ่งหน่อยนะครับ ระวังจะตกใจ)
และนี่คือด้านหน้าของ Mizuno Hotel ครับ
บรรยากาศภายในโรงแรมครับ
ตรงนี้ คือ วิวที่จอดรถหน้าโรงแรมครับ แค่เห็นก็ฟินละครับ
พอพวกผมทำการฝากกระเป๋ากับโรงแรมแล้ว ก็ขอยืมรถจักรยาน ซึ่งตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าฟรีไหม ก็เลยถามราคาเค้าก่อน เค้าก็รีบบอกเลยครับ ลูกค้าของโรงแรมใช้บริการฟรี สบายใจสิครับ ด้วยโรงแรมจะอยู่บนเนินเขา ทางขึ้นจากถนนหลักมาที่โรงแรมจะค่อนข้างชันมากกกกกกกกกกก นะครับ ตรงนี้ปั่นจักรยานไม่ไหวครับ ต้องเข็นเอา
ปั่นจักรยานมาเรื่อยๆ เจอวิวตรงไหนสวยก็หยุดถ่ายครับ
มาถึงแล้วครับ Kawaguchiko Music Forest ช่วงที่ผมไปจะมีโซนนึงที่กำลังปรับปรุงดอกไม้เหี่ยวเลยครับ แอบตกใจ ซึ่งการเข้าชมสถานที่ต้องเสียค่าเข้าคนละ 1,300 เยนครับ และทางเจ้าหน้าที่จะให้ข้อมูลและแผนที่ภายใน Music Forest ครับ โดยในแต่ละจุดที่เราไปจะมีคำถามวางอยู่ครับ ซึ่งถ้าเราตอบได้หมด เค้าจะให้ของขวัญเราด้วยครับ ตอนแรกพวกผมก็คิดว่าจะไม่เล่นเพราะคำถามน่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่น ยังไงก็ไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว แต่พอไปเจอจุดที่วางคำถามแทบช็อคครับ คำถามจะมีภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย!!!!!!!!!!!! ผมก็เลยเห็นว่าเค้าอุส่าทำเพื่อคนไทยขนาดนี้ก็เลยลองเล่นครับ
บรรยากาศภายใน Music Forest ครับ
กว่าจะมาถึงก็บ่ายโมงแล้ว เลยมาจัดอาหารเที่ยงที่นี้เลย ราคาก็ประมาณร้านอาหารให้ห้างครับ
โรงละครเกี่ยวกับเรื่อง ไททานิคครับ ซับไตเติ้ลที่ขึ้นตรงจอทีวีมีภาษาไทยด้วย
เดินออกมาเจอที่ขายไอศครีม พอกัดไปคำเดียวน้ำตาจะไหลครับ อร่อยมากกกกกกกกกกก
บรรยากาศส่วนอื่นๆ ครับ
มีคำถามข้อนึงที่ผมตอบไม่ได้ครับ คือ เค้าถามว่าห่านตัวนี้ชื่ออะไร ผมงงไปเลยครับ ก็เลยมั่วข้อนี้ไป แต่สุดท้ายก็ได้รางวัลนะครับ เป็นเมล็ดพันธุ้ไม้ของต้นอะไรซักอย่าง ช่างคุ้มค่าจริงๆ
พอออกมาจาก Music Forest ก็ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ ครับ เจอตรงไหนสวย ตรงไหนน่าถ่ายรูป ตรงไหนมีของกิน ก็จอดตามรายทางเลยครับ โชคดีจริงๆที่ช่วงที่ไป Kawaguchiko ซากุระกำลังบานเลยครับ
พอประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง ก็รีบปั่นจักรยานกลับมาที่ Kachi Kachi Ropeway เพราะกลัวเค้าจะปิดซะก่อน ซึ่งก็มาทันครับ ปั่นกันมันเลย 555
สงสัยอยู่ว่าทำไม่เค้าไม่ทาสีกระต่ายใหม่นะ เหลืองเชียว
เห็น Fuji-Q Highland ด้วยครับ
พอกลับมาที่โรงแรมก็แอบตกใจครับ โรงแรมเค้าจะติดชื่อของแขกที่มาเข้าพักไว้ตรงทางเข้าด้วย เก๋มากครับ
ภายในห้องพักครับ
ภรรยาผมนั่งมองบรรยากาศตรงนี้ เธอฟินมากครับ สวยงามจริงๆ ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากๆ ครับ ที่ของขวัญวันเกิดที่ผมให้ ทำให้ภรรยามีความสุข
ที่โรงแรมจะมีเวลาให้รับประมานอาหารเย็นตอน 6 โมง และ 6 โมงครึ่งครับ ซึ่งค่าเสียหายก็แพงอยู่ครับ เหมือนเราทานอาหารในโรงแรมดีดีที่ไทยเลยครับ ซึ่งผมเลือกสุกี้เนื้อ ภรรยาเลือกชาบูหมู รสชาติอาหารถือว่าอร่อยมากเลยครับ (ไม่รู้เป็นเพราะว่าเหนื่อยจากการปั่นจักรยานหรือปล่าว 555)
พอทานเสร็จแล้วขึ้นมาบนห้อง ทางโรงแรมก็ได้ปูเตียงให้เรียบร้อยแล้วครับ เตียงกับผ้าห่มนุ่มเบานอนสบายมากครับ
[CR] รีวิวท่องเที่ยวโตเกียวด้วยตัวเอง 8 วัน 7 คืน : Part Kawaguchiko และ Mizuno Hotel
สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกท่านครับ ครั้งนี้ผมมารีวิวการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกนะครับ แต่จริงๆ เคยไปตอนเด็กมากๆ มาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งก็จำอะไรไม่ได้แล้วละครับ == โดยครั้งนี้ผมไปเที่ยวโตเกียวช่วงต้นเดือนเมษายน และก็แอบหวังว่าจะได้เจอซากุระกับเค้าบาง _/\_
ทริปครั้งนี้ผมไปกับภรรยากัน 2 คนครับ โดยเราวางแผนว่าจะไปเที่ยวโตเกียวเป็นหลัก เลยกะว่าจะไปจุดสำคัญๆ ให้ครบๆ แต่ก็อยากเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย ก็เลยว่าจะไปนอนพักที่ Kawaguhiko 1 คืนครับ ซึ่งการรีวิวในตอนนี้ผมจะพูดถึง ช่วงเวลาที่ไปพักที่ Kawaguhiko เท่านั้นนะครับ โดยการรีวิวในส่วนที่เหลือผมจะนำเสนอมาในภายหลังครับ
ขั้นแรกก็คิดอยู่ว่าจะไป Kawaguhiko หรือ Hakone เห็นหลายคนบอกว่า Hakone จะมีกิจกรรมเยอะกว่า แต่ช่วงที่ผมไป Ropeway ปิดให้บริการพอดีครับ เนื่องจากภูเขาไฟบริเวณนั้นมีกำมะถันออกมามากตาม website : http://www.japan-guide.com/e/e5200.html นี้นะครับ จึงตัดสินใจแน่วแน่วว่าไป Kawaguhiko แน่นอน คราวนี้ก็ถึงเวลาหาโรงแรมครับ เนื่องจากผมมีงบประมาณไม่มากนัก แต่ก็อยากไปพักที่ดีๆ เพราะอยากให้เป็นของขวัญวันเกิดของภรรยาด้วยครับ เลยลองดูหลายๆ ที่ ผมก็ได้ทำการ search ดูข้อมูลจาก booking.com ครับ ดูจาก คอมเม้นและอันดับ rating หลายๆอย่างประกอบกัน แล้วก็ตัดสินใจว่าอยากได้โรงแรมที่เห็นวิวทะเลสาปและฟูจิพร้อมกัน เพราะมันน่าจะเป็นวิวที่สวยมากๆ (ประมาณว่าอาจจะไม่ได้มาอีกอะครับ แหะๆ) ก็มีอยู่หลายโรงแรมนะครับ แต่ราคาแรงๆทั้งนั้น จนได้มาเจอกับ Mizuno Hotel ซึ่งใน Booking บอกว่าเป็นโรงแรมยอดนิยิมสำหรับคู่รัก และราคาก็ไม่แพง ผมเลยทำการจองโรงแรมนี้เลยครับ
ขั้นต่อมา หาวิธีเดินทางจากโตเกียวไป Kawaguhiko ซึ่งผมก็ลอง search ข้อมูลดูจากหลายๆ คนที่เคยไปก็พบว่า หลักๆ เลย คือ การเดินทางด้วยรถไฟ และ Highway bus ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟจะแพงกว่า Highway bus ครึ่งนึง แต่ใช้ระยะเวลาเดินทางพอๆ กัน ด้วยการที่ต้องเน้นประหยัดหน่อย ผมก็เลยเลือกเดินทางด้วย Highway bus ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไปขึ้นรถที่สถานี Shinjuku แต่ผมจองช้าไปหน่อย เวลาเดินทางเลยเหลือไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ผมก็มาสังเกตว่ามันขึ้นสถานี Shibuya ได้ ผมก็เลยลองไปดูจุดที่ขึ้นรถ ปรากฎว่า มันจะอยู่ชั้น 5 ของตึก Shibuya Mark city ซึ่งสามารถเดินผ่านทางเชื่อมจากสถานี Shibuya มาได้เลยครับ ผมว่าเดินทางสะดวกกว่าจุดขึ้นรถที่สถานี Shinjuku อีกครับ และคนก็ไม่เยอะด้วย เวลาที่ให้เลือกเดินทางเหลือตรึมเลยครับ ผมก็เลยจอง Highway bus ที่สถานี Shibuya โดยจองจาก website : https://www.highwaybus.com/gp/foreign/frgSelectLine?lang=en ครับ อันนี้จะเป็นการจองเฉยๆ นะครับ ยังไม่ได้จ่ายเงิน ต้องไปจ่ายที่หน้า counter ของสถานีนั้นๆก่อนเวลาเดินทาง 15 นาทีครับ ไม่งั้นที่เราจองจะหลุดไป
ขั้นต่อมา ก็สถานที่ท่องเที่ยวและการเดินทางบริเวณทะเลสาป Kawaguhiko ครับ จากที่ได้ศึกษาจากหลายๆ web ส่วนใหญ่จะเดินทางรอบทะเลสาบด้วย retro bus ซึ่งราคาตั๋วสำหรับ 2 วัน ประมาณ 1,200 เยน และอีกวิธีนึง คือ จักรยาน ซึ่งจะมีค่าเช่าประมาณ 1,000 เยน แต่ด้วยโรงแรมที่เราไปพักให้เช่าจักรยานฟรี และปั่นจักรยานเราสามารถเลือกที่หยุดถ่ายรูปตรงไหนก็ได้ พวกเราจึงเลือกที่จะเดินทางด้วยจักรยานครับ ส่วนสถานที่เที่ยวที่อยากไป ได้มา 3 ที่ครับ เพราะอยากจะชิวๆ ซึ่งประกอบด้วย Kawaguchiko Music Forest , Mt. Kachi Kachi Ropeway และ Chureito Pagoda ครับ ซึ่งตัวช่วยที่เราใช้เวลาเดินทางภายใน Kawaguhiko ก็คือ google map ครับ
ต่อไปจะเริ่มการเดินทางเลยนะครับ
ตอนนี้เราออกจากสถานี Shibuya มาตรงทางออกหมายเลข 5 เพื่อไปยังตึก Shibuya Mark city ครับ
บริเวณนี้ คือ ชั้น 5 ของตึก Shibuya Mark city นะครับ เป็นท่าจอดรถของรถบัส ระวังอย่าไปขึ้นผิดคันนะครับ เพราะมีรถที่รับส่งสนามบินด้วย โดยจุดที่เราต้องไปชำระเงินซื้อตั๋วจะอยู่ห้องกระจกทางด้านซ้ายของภาพครับ
รูปนี้ คือ รถของเราครับ ออกตรงเวลา 07.30 น. พอดีเลย
บรรยากาศภายในรถครับ นั่งสบายทีเดียว นำมาอาหารเบาๆขึ้นมาทานได้นะครับ
วิวระหว่างทางครับ นั่งชิวๆสบายๆ
ถึงแล้วครับสถานี Kawaguchiko ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. ครึ่งครับ ถึงประมาณ 10 โมง ผมเดินทางวันอาทิตย์นะครับ รถไม่ติดเลย
พอถึงสถานี ผมก็เดินไปตรงจุดที่เค้าให้คำปรึกษานักท่องเที่ยว และบอกให้เค้าช่วยโทรศัพท์ให้รถจากโรงแรมมารับครับ เหมือนกับผมคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องยังไงไม่รู้ เค้าบอกผมประมาณว่า โรงแรมที่ผมจอง เค้าให้ check-in บ่าย 3 ตอนนี้ไม่สามารถเข้าพักได้ คือ ผมเข้าใจครับ แค่อยากให้รถมารับ ผมจะฝากกระเป๋าที่โรงแรมก่อนอะครับ แล้วค่อยไปเที่ยว ที่นี้ ด้วยโชคดีจากที่ได้ไปทำบุญที่วัดมาหลายที่ พอพวกผมเดินออกมาจากจุดให้คำปรึกษานักท่องเที่ยว ก็เจอรถของโรงแรมมาส่งลูกค้าคนอื่นพอดีเลยครับ ตกใจมากกกกกกก พากันวิ่งไปที่รถโดยเร็ว ซึ่งคนขับรถเป็นคุณลุงครับ คุณลุงใจดีมาก พาพวกผมขึ้นรถไปที่โรงแรมเลยครับ(แต่แกแอบซิ่งหน่อยนะครับ ระวังจะตกใจ)
และนี่คือด้านหน้าของ Mizuno Hotel ครับ
บรรยากาศภายในโรงแรมครับ
ตรงนี้ คือ วิวที่จอดรถหน้าโรงแรมครับ แค่เห็นก็ฟินละครับ
พอพวกผมทำการฝากกระเป๋ากับโรงแรมแล้ว ก็ขอยืมรถจักรยาน ซึ่งตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าฟรีไหม ก็เลยถามราคาเค้าก่อน เค้าก็รีบบอกเลยครับ ลูกค้าของโรงแรมใช้บริการฟรี สบายใจสิครับ ด้วยโรงแรมจะอยู่บนเนินเขา ทางขึ้นจากถนนหลักมาที่โรงแรมจะค่อนข้างชันมากกกกกกกกกกก นะครับ ตรงนี้ปั่นจักรยานไม่ไหวครับ ต้องเข็นเอา
ปั่นจักรยานมาเรื่อยๆ เจอวิวตรงไหนสวยก็หยุดถ่ายครับ
มาถึงแล้วครับ Kawaguchiko Music Forest ช่วงที่ผมไปจะมีโซนนึงที่กำลังปรับปรุงดอกไม้เหี่ยวเลยครับ แอบตกใจ ซึ่งการเข้าชมสถานที่ต้องเสียค่าเข้าคนละ 1,300 เยนครับ และทางเจ้าหน้าที่จะให้ข้อมูลและแผนที่ภายใน Music Forest ครับ โดยในแต่ละจุดที่เราไปจะมีคำถามวางอยู่ครับ ซึ่งถ้าเราตอบได้หมด เค้าจะให้ของขวัญเราด้วยครับ ตอนแรกพวกผมก็คิดว่าจะไม่เล่นเพราะคำถามน่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่น ยังไงก็ไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว แต่พอไปเจอจุดที่วางคำถามแทบช็อคครับ คำถามจะมีภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย!!!!!!!!!!!! ผมก็เลยเห็นว่าเค้าอุส่าทำเพื่อคนไทยขนาดนี้ก็เลยลองเล่นครับ
บรรยากาศภายใน Music Forest ครับ
กว่าจะมาถึงก็บ่ายโมงแล้ว เลยมาจัดอาหารเที่ยงที่นี้เลย ราคาก็ประมาณร้านอาหารให้ห้างครับ
โรงละครเกี่ยวกับเรื่อง ไททานิคครับ ซับไตเติ้ลที่ขึ้นตรงจอทีวีมีภาษาไทยด้วย
เดินออกมาเจอที่ขายไอศครีม พอกัดไปคำเดียวน้ำตาจะไหลครับ อร่อยมากกกกกกกกกกก
บรรยากาศส่วนอื่นๆ ครับ
มีคำถามข้อนึงที่ผมตอบไม่ได้ครับ คือ เค้าถามว่าห่านตัวนี้ชื่ออะไร ผมงงไปเลยครับ ก็เลยมั่วข้อนี้ไป แต่สุดท้ายก็ได้รางวัลนะครับ เป็นเมล็ดพันธุ้ไม้ของต้นอะไรซักอย่าง ช่างคุ้มค่าจริงๆ
พอออกมาจาก Music Forest ก็ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆ ครับ เจอตรงไหนสวย ตรงไหนน่าถ่ายรูป ตรงไหนมีของกิน ก็จอดตามรายทางเลยครับ โชคดีจริงๆที่ช่วงที่ไป Kawaguchiko ซากุระกำลังบานเลยครับ
พอประมาณบ่าย 3 โมงครึ่ง ก็รีบปั่นจักรยานกลับมาที่ Kachi Kachi Ropeway เพราะกลัวเค้าจะปิดซะก่อน ซึ่งก็มาทันครับ ปั่นกันมันเลย 555
สงสัยอยู่ว่าทำไม่เค้าไม่ทาสีกระต่ายใหม่นะ เหลืองเชียว
เห็น Fuji-Q Highland ด้วยครับ
พอกลับมาที่โรงแรมก็แอบตกใจครับ โรงแรมเค้าจะติดชื่อของแขกที่มาเข้าพักไว้ตรงทางเข้าด้วย เก๋มากครับ
ภายในห้องพักครับ
ภรรยาผมนั่งมองบรรยากาศตรงนี้ เธอฟินมากครับ สวยงามจริงๆ ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากๆ ครับ ที่ของขวัญวันเกิดที่ผมให้ ทำให้ภรรยามีความสุข
ที่โรงแรมจะมีเวลาให้รับประมานอาหารเย็นตอน 6 โมง และ 6 โมงครึ่งครับ ซึ่งค่าเสียหายก็แพงอยู่ครับ เหมือนเราทานอาหารในโรงแรมดีดีที่ไทยเลยครับ ซึ่งผมเลือกสุกี้เนื้อ ภรรยาเลือกชาบูหมู รสชาติอาหารถือว่าอร่อยมากเลยครับ (ไม่รู้เป็นเพราะว่าเหนื่อยจากการปั่นจักรยานหรือปล่าว 555)
พอทานเสร็จแล้วขึ้นมาบนห้อง ทางโรงแรมก็ได้ปูเตียงให้เรียบร้อยแล้วครับ เตียงกับผ้าห่มนุ่มเบานอนสบายมากครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น