ผมไม่ใช่นักเรียน ผมโตอายุ32แล้ว
1.ทรงผมกะลาครอบ กะ ติ่งหู
แล้วก็พูดเรื่องระเบียบ จริงๆมีระเบียบได้ ไม่จำเป็นต้องติ่งหู หรือ เกรียนหรอก
อาจจะเปลี่ยนให้เป็นรองทรง ไว้ผมได้แค่ไหล่น่าจะดีกว่า
ขนาดผมเป็นผู้ใหญ่ ผมมองเด็กหัวเกรียนแล้วคิดว่า จริงๆเด็กก็ไม่อยากตัดหรอก แต่โดนบังคับ
2.ยืนเข้าแถวตากแดดตอนเช้า
สมัยเรียน ผมโดดเข้าแถวประจำ ไปนั่งหลบอยู่ในห้องเรียน หรือ ในห้องน้ำ
พอเลิกแถวค่อยเข้าเรียน บ้ารึปล่าว ตอนเช้า7โมงใช่ว่าอากาศเย็นนะ แดด 7โมงนี่ก็แรงนะ
ยืนฟังครูใหญ่พูดครึ่งชม. เคารพธงชาติ สวดมนต์อีก 15นาที
เช้ามาอาบน้ำตัวหอมๆ เข้าแถว ขึ้นเรียนแม่มเหงื่ออกยังกะไปวิ่งที่สวนลุม
3.แข่งแต่เกรด ท่องจำยัดหลักสูตรเข้าสมองเป็นสิบๆวิชา
สมมุติมีเด็ก3คน ดช.เป็ด ดญ.นก ดช.งู
ดช.เป็ด วิชาว่ายน้ำชนะเลิศ แต่วิชาบินตก
ดญ.นก วิชาบินชนะเลิศ แต่วิชาว่ายน้ำตก
ดช.งูอาภัพสุด เก่งการเลื้อย เพราะไม่มีวิชาเลื้อย เลยตกทุกวิชา
สังเกตมั้ย พวกเด็กกลางๆ มีจำนวนมหาศาลนะ มีเยอะกว่าเด็กเรียนเก่งด้วยซ้ำ
เด็กกลางๆจะรู้สึกไม่มีอะไรโดดเด่น เขาเลยเกเร เขาเลยติดเกมส์
ถ้าเขามีจุดที่สนับสนุนเขา ให้เขามุ่งไปได้ น่าจะดี
จริงๆเด็กกลางๆนี่เขามีสิ่งที่เขาเก่ง แต่มันไม่มีวิชาเรียน หรือ มีก็เป็นวิชาแบบเลือก คะแนนน้อย เกรดน้อย
เช่น คนนึงอาจชอบทำขนม คนนึงชอบงานช่าง อีกคนนึงชอบดนตรี บางคนชอบงานหนัง บางคนชอบวาดรูปศิลปะ
แล้วเขาทำสิ่งที่ตัวเองชอบได้ดี
จริงๆหลักสูตรน่าเป็นแบบนี้ ส่วนวิชาบังคับควรลดลงเหลือวิชาที่จำเป็น
ตอนลงเรียน สมมุติเริ่มจากม.1เลยนะ หลักสูตรนี้ให้เด็กลงวิชาที่ชอบและเก่งที่สุดวิชาเดียว พอ (แต่ก็เรียนวิชาบังคับด้วยสัก10วิชาพอ)
แล้วเรียนวิชานั้นๆ รัวๆเลย เช่น เด็กเลือกเรื่องดนตรี ก็ให้เรียนแบบลงลึก ลงในระดับสเกล โหมด เรียนตัวโน๊ต เล่นเป็นจริงเป็นจัง
จบม.6มา ถึงไม่ต่อมหาลัยก็ใช้รับงานประกอบอาชีพได้เลย
เลือกวิชาช่าง ก็ลงมือปฏิบัติ อยู่ในห้องช่างจะประกอบ จะต่อไฟ ซ่อมเครื่องยนต์อะไร อยู่วิชานั้นตลอด
ชอบคอมก็เรียนทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ ประกอบคอม ตลอดเวลา
เรียนศิลปะ ก็ให้วาดให้เก่งไปเลย
เด็กออกมาเก่งทางเดียวไปเลย นี่แหละหนทางสร้างอัจฉริยะ
ดีกว่าเอาจำๆๆๆๆ ถามจริงถ้าไม่ใช่อาชีพที่ต้องใช้วิชานั้น
พอถึงวัยทำงานจริงๆ ไอ้ที่เรียนมากว่า 80เปอเซ็นต์ มีใครเอาไปใช้จริงมั่ง
ไม่เชื่อ อายุ30ก็โยนทิ้ง คืนครูกันหมดแล้ว เห็นใช้จริงๆก็อังกฤษ กับ คณิต ก็ไม่ได้ใช้ลึกอะไร
นอกนั้น ผมยังคิดว่า เรียนทำไม
ถ้าทำแบบที่ผมบอกได้ คุณจะเจอเพชรที่อยู่ในเด็กกลางๆนี่แหละ
เชื่อสิ ทุกคนมีสิ่งที่เก่ง อย่างสองอย่าง
แต่ระบบมันไม่อำนวย และ สนับสนุน
กฏระเบียบนักเรียนไทย ที่ใช้มาตั้งแต่ยุค จอมพล สฤษฏิ์ ต้องเปลี่ยนแปลงกันได้บ้างรึยัง
1.ทรงผมกะลาครอบ กะ ติ่งหู
แล้วก็พูดเรื่องระเบียบ จริงๆมีระเบียบได้ ไม่จำเป็นต้องติ่งหู หรือ เกรียนหรอก
อาจจะเปลี่ยนให้เป็นรองทรง ไว้ผมได้แค่ไหล่น่าจะดีกว่า
ขนาดผมเป็นผู้ใหญ่ ผมมองเด็กหัวเกรียนแล้วคิดว่า จริงๆเด็กก็ไม่อยากตัดหรอก แต่โดนบังคับ
2.ยืนเข้าแถวตากแดดตอนเช้า
สมัยเรียน ผมโดดเข้าแถวประจำ ไปนั่งหลบอยู่ในห้องเรียน หรือ ในห้องน้ำ
พอเลิกแถวค่อยเข้าเรียน บ้ารึปล่าว ตอนเช้า7โมงใช่ว่าอากาศเย็นนะ แดด 7โมงนี่ก็แรงนะ
ยืนฟังครูใหญ่พูดครึ่งชม. เคารพธงชาติ สวดมนต์อีก 15นาที
เช้ามาอาบน้ำตัวหอมๆ เข้าแถว ขึ้นเรียนแม่มเหงื่ออกยังกะไปวิ่งที่สวนลุม
3.แข่งแต่เกรด ท่องจำยัดหลักสูตรเข้าสมองเป็นสิบๆวิชา
สมมุติมีเด็ก3คน ดช.เป็ด ดญ.นก ดช.งู
ดช.เป็ด วิชาว่ายน้ำชนะเลิศ แต่วิชาบินตก
ดญ.นก วิชาบินชนะเลิศ แต่วิชาว่ายน้ำตก
ดช.งูอาภัพสุด เก่งการเลื้อย เพราะไม่มีวิชาเลื้อย เลยตกทุกวิชา
สังเกตมั้ย พวกเด็กกลางๆ มีจำนวนมหาศาลนะ มีเยอะกว่าเด็กเรียนเก่งด้วยซ้ำ
เด็กกลางๆจะรู้สึกไม่มีอะไรโดดเด่น เขาเลยเกเร เขาเลยติดเกมส์
ถ้าเขามีจุดที่สนับสนุนเขา ให้เขามุ่งไปได้ น่าจะดี
จริงๆเด็กกลางๆนี่เขามีสิ่งที่เขาเก่ง แต่มันไม่มีวิชาเรียน หรือ มีก็เป็นวิชาแบบเลือก คะแนนน้อย เกรดน้อย
เช่น คนนึงอาจชอบทำขนม คนนึงชอบงานช่าง อีกคนนึงชอบดนตรี บางคนชอบงานหนัง บางคนชอบวาดรูปศิลปะ
แล้วเขาทำสิ่งที่ตัวเองชอบได้ดี
จริงๆหลักสูตรน่าเป็นแบบนี้ ส่วนวิชาบังคับควรลดลงเหลือวิชาที่จำเป็น
ตอนลงเรียน สมมุติเริ่มจากม.1เลยนะ หลักสูตรนี้ให้เด็กลงวิชาที่ชอบและเก่งที่สุดวิชาเดียว พอ (แต่ก็เรียนวิชาบังคับด้วยสัก10วิชาพอ)
แล้วเรียนวิชานั้นๆ รัวๆเลย เช่น เด็กเลือกเรื่องดนตรี ก็ให้เรียนแบบลงลึก ลงในระดับสเกล โหมด เรียนตัวโน๊ต เล่นเป็นจริงเป็นจัง
จบม.6มา ถึงไม่ต่อมหาลัยก็ใช้รับงานประกอบอาชีพได้เลย
เลือกวิชาช่าง ก็ลงมือปฏิบัติ อยู่ในห้องช่างจะประกอบ จะต่อไฟ ซ่อมเครื่องยนต์อะไร อยู่วิชานั้นตลอด
ชอบคอมก็เรียนทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟแวร์ ประกอบคอม ตลอดเวลา
เรียนศิลปะ ก็ให้วาดให้เก่งไปเลย
เด็กออกมาเก่งทางเดียวไปเลย นี่แหละหนทางสร้างอัจฉริยะ
ดีกว่าเอาจำๆๆๆๆ ถามจริงถ้าไม่ใช่อาชีพที่ต้องใช้วิชานั้น
พอถึงวัยทำงานจริงๆ ไอ้ที่เรียนมากว่า 80เปอเซ็นต์ มีใครเอาไปใช้จริงมั่ง
ไม่เชื่อ อายุ30ก็โยนทิ้ง คืนครูกันหมดแล้ว เห็นใช้จริงๆก็อังกฤษ กับ คณิต ก็ไม่ได้ใช้ลึกอะไร
นอกนั้น ผมยังคิดว่า เรียนทำไม
ถ้าทำแบบที่ผมบอกได้ คุณจะเจอเพชรที่อยู่ในเด็กกลางๆนี่แหละ
เชื่อสิ ทุกคนมีสิ่งที่เก่ง อย่างสองอย่าง
แต่ระบบมันไม่อำนวย และ สนับสนุน