ชูชีพ หาญสวัสดิ์ - วิทยา เทียนทอง กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ - สุเทพ เทือกสุบรรณ

กระทู้คำถาม
ก็อย่างที่รู้นะครับ  ว่าคุณชูชีพ - วิทยา  โดนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ
พิพากษาจำคุกคนละ 6 ปี ไม่รอลงอาญา  ด้วยความผิดว่า ไม่ฟังคำทักท้วงของปลัดกระทรวงเกษตรฯ
และไม่ฟังคำทักท้วงของคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติสภาผู้แทนราษฎร
ที่เสนอให้ยับยั้งและดำเนินการสอบสวนโครงการซื้อปุ๋ยของกระทรวงเกษตรว่ามีการฮั้วราคากันหรือไม่

ทำให้นึกถึงคดีความสองคดีในขณะนี้ครับ

1. คือคดีจำนำข้าวของนายกฯยิ่งลักษณ์  ชินวัตร   ที่โดนกล่าวหาว่าไม่ระงับยับยั้ง ทั้งที่ ป.ป.ช. เคยเสนอแนะ
     เรื่องนี้  ชัดนะครับ  มีบันทึกการประชุมของ กนข. ว่าแม้ไม่ได้ระงับโครงการตามคำทักท้วงของ ป.ป.ช.
     แต่ก็ได้มีการสั่งการให้ระมัดระวังการทุจริตและอื่น ๆ

     ที่สำคัญ  การเอาผิดตามกฎหมายอาญา 157  และกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 123/1  นั้น
     ต้องอาศัยเจตนาในการประพฤติมิชอบเป็นหลัก   ต้องพิสูจน์ว่าเจตนาประพฤติมิชอบ ไม่ใช่แค่กล่าวหาเท่านั้น
    
     คดีนี้  เดินรุดหน้าอย่างรวดเร็ว  ดำเนินการไต่สวนและแจ้งข้อกล่าวหานายกฯยิ่งลักษณ์ภายใน 21 วัน
     ถอดถอนด้วยข้อหา "ส่อ"   ฟ้องศาลฎีกาฯ กลางอากาศ  ชนิดที่ว่าคณะทำงานร่วมอัยการ-ป.ป.ช. ยังไม่ได้ประชุมกันสรุปฟ้อง
     แต่อัยการสูงสุดโดดลงมาแถลงข่าวว่าฟ้องกลางวงในทันใด  แถมด้วยการฟ้องแล้วขอเพิ่มพยายหลักฐานอีกหนึ่งเกวียน

     คดีนี้   เหตุผลที่อ้างกันตลอดมาก็คือ  ป.ป.ช. เคยทักท้วงแล้วไม่ฟัง  


2. คดีโรงพักที่ได้แต่เสาโด่เด่   ที่มีผู้รับเหมาทำหนังสือร้องเรียนต่อนายอภิสิทธิ์  นายกฯในขณะนั้น
    ว่าการใช้ผู้รับเหมาเจ้าเดียวรับงานทั่วประเทศนั้น  เป็นไปไม่ได้  งานไม่เสร็จแน่  ขอให้ทบทวน
    ซึ่งเรื่องนี้  นายอภิสิทธิ์เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า ไม่เคยได้รับหนังสือร้องเรียนดังกล่าว
    จนนายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดี dsi ในขณะนั้นต้องแถลงข่าวแสดงหลักฐานหนังสือร้องเรียน
    ว่านายอภิสิทธิ์ลงนามในหนังสือร้องเรียนนั้น  นั่นแหละนายอภิสิทธิ์ถึงได้ยอมรับว่ามีหนังสือร้องเรียนจริง

    คดีโรงพักเสาโด่เด่    ป.ป.ช. ไต่สวนมาสามสี่ปีแล้ว  แต่ไม่ถึงไหนสักที
    พฤษภาคม 58  ป.ป.ช. แถลงว่า ไม่มีมูลเพียงพอที่จะชี้ว่านายอภิสิทธิ์มีความผิด
    เหลือเพียงนายสุเทพ  ที่ ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายสุเทพคนเดียว

    และล่าสุด  ราว ๆ เดือนกรกฎาคม 58  นายวิชา  มหาคุณ  กรรมการ ป.ป.ช. ก็ได้แถลงข่าวอีกว่า
    ได้ข้อมูลใหม่ว่าบริษัทผู้รับเหมาที่ทิ้งงานได้ขอกู้เงินกับธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่
    ป.ป.ช. จำดำเนินการหาหลักฐานและดำเนินการต่อไป  แล้วเรื่องก็เงียบกริบ  จนนายวิชาหมดวาระ ป.ป.ช. ไป
    (พิลึก  แค่เรื่องบริษัทขอกู้เงินแบงค์ก็เป็นข้อมูลที่ ป.ป.ช. ถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญ หลักฐานใหม่  เฮ้อออ...)




เปรียบเทียบ

ชูชีพ - วิทยา    ไม่ยับยั้ง    โดนไปคนละ 6 ปี

ยิ่งลักษณ์   ไม่ยับยั้ง   แต่มีหลักฐานว่าได้มีการสั่งการป้องกันและระมัดระวัง  แต่งตั้งบุคคลเข้ากำกับดูแลป้องกัน
                 และไม่มีอำนาจยับยั้งโครงการที่เป็นนโยบายแห่งรัฐอันได้แถลงต่อรัฐสภาไว้

อภิสิทธฺิ์    ไม่ยอมรับว่าได้รับหนังสือร้องเรียน   แต่ยอมรับในภายหลังเมื่อจนด้วยหลักฐาน
               ไม่ยับยั้ง  แต่สั่งการมอบเรื่องร้องเรียนให้สุเทพพิจารณาในฐานะรองนายกฯกำกับดูแล สตช.
                อภิสิทธิ์พ้นผิดไปแล้ว   หลุดในชั้น ป.ป.ช. ไปเรียบร้อย    

สุเทพ      โดน ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตั้งแต่ปี 58   ผ่านมาถึงวันนี้หนึ่งปีแล้ว
               คดียังไม่คืบไปไหน   ยังอยู่ในขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหาเหมือนเดิม




สามคดี   สามความเหมือน   สามความต่าง

หนึ่งคดี  ติดคุกไปแล้ว
หนึ่งคดี  อยู่ในชั้นศาล  และมีการไต่สวน แจ้งข้อกล่าว ฟ้อง เพิ่มพยานหลักฐานหลังฟ้อง อย่างรวดเร็วภายในเวลา 1 ปีนิด ๆ
หนึ่งคดี  คนเป็นนายกฯที่รับหนังสือร้องเรียนแท้ ๆ  แต่ไม่ระงับยังยั้ง  ลอยนวลไปแล้วด้วยเหตุผลไม่มีมูลเพียงพอ
             คนเป็นรองนายกฯ โดนแจ้งข้อกล่ววหาไปแล้วหนึ่งปี  แล้วคดีก็เงียบกริบ  แต่ก็ยังดีที่ไม่บอกว่าเป็นเรื่องลึกลับ





ดู ๆ แล้ว   ผมเชื่อว่า  ยิ่งลักษณ์ไม่รอด    แต่สุเทพรอดแน่นอน

ก็ขนาดคดีกบฏ  ที่อัยการจะสั่งฟ้องอยู่ร่ำ ๆ เมื่อเมษายน 2557
ยังเงียบกริบมาถึงทุกวันนี้ทั้งที่ผ่านมาสองปีกว่าแล้ว



ดีส อีส ไต๊แลนด์
ถีบขาคู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่