ต้องการจดทะเบียนบริษัท ขึ้นเฉพาะกิจครับ หรือลากยาว หากอยู่ได้

คือว่า อีกประมาณ1เดือนข้างหน้าจะรับผลิตสินค้าโดย ซื้อมาประกอบ ส่งขาย ราคาสินค้าอยู่ในช่วง 65,000.- 90,000.- บาท ลูกค้าเป็นกองทุนหมู่บ้าน เป็นภารกิจเฉพาะการณ์ ไม่แน่ใจต้องขายแวทหรือไม่ กรณีถ้าขาย ก็เรื่องนึง แต่ลูกค้าแทบ 100% แต่เดิมมาจะไม่ใช่พวกกองทุนหมู่บ้านหรือหน่วยงานรัฐเลย ไม่มีใครต้องการแวท ปัญหา ความต้องการ และสิ่งที่กังวล ที่พอจะคิดออกตอนนี้คือ
ความต้องการ
                1.อยากมีบริษัทเป็นของตนเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ทำธุรกิจนี้มาแต่เป็นลูกจ้างเค้า เห็นช่องทางเลยลาออกแล้ว ต้องการมีความเติบโตแบบ เรื่อยๆ อ่านเรื่องภาษีมาหลายๆวันแล้ว พอรู้บ้างนิดๆ หน่อยๆ ถามคือ  จะ หจก. หรือ บจ.ดีกว่ากัน มี2คนผัวเมีย ยอดขายยังไม่หัก มันจะเกินล้านแปดในช่วง เฉพาะกิจนี้แน่  แต่หลังจากนี้ อาจมีเข้ามาเป็น0 หรือเดือนละแค่ 65,000.- คือขายได้ชิ้นเดียว หรือขายไม่ได้เลย กลัวเรื่องภาษีในช่วงแรกจะผูกพันธ์ให้เราต้องจ่ายภาษีในอัตราที่สูงไป ตลอด แถมมีแวทพ่วงติดตัว หลังจากช่วงเฉพาะกิจนี้แล้ว ลูกค้าไม่ต้องการแวทเลย กะว่า ถ้าหจก ไปซัก 1-2ปีไม่ดีจะได้ปิด ง่ายหน่อย แต่ถ้าดี พออยู่ได้ก็บริษัทจะเติมโต เพื่อเข้าแหล่งเงินทุนได้ง่ายๆ โดยตั้งใจจะจ่ายภาษีช่วยชาติทุกบาททุกสตางค์
               2.ผมไม่อยากให้ผู้ถือหุ้นเดือนร้อนอะไรเลยกรณี เปิด บจ. ผมเป็นกรรมการคนเดียว อาจให้เมียกะลูกถือหุ้นคนละ แค่1% ทำได้ไหม หรือต้อง10 % ขึ้นไป กรณีโดนสรรพากรเรียกย้อนหรือฟ้องร้องต่างๆ ด้วยความอ่อนเรื่องภาษี  แล้วถ้าฟ้องกันจริง ลูกเมียจะรอดไหม
               3.ลูกค้าไม่เอาแวทกันเลย ผมขายแวทไม่ได้  เท่ากับต้องจ่ายแวทเอง แล้วเอาบิลแวทซื้อมาหักลบ แค่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าควรตั้งราคาขายเผื่อเสียภาษีเท่าไหร่ บจ.ถึงจะมีกำไรและเติบโต   ตัวอย่าง ต้นทุนผม 40,000 บาท ขาย 60,000 บาท  กับ 45,000 บาท ขาย 85,000.-  ไม่ทราบเอาสูตรไหนมาคำนวน % กำไรครับ  แล้ว2สินค้านี้ ผมเอากำไรกี่% และการตั้งสินค้าที่ดีควรจะมีกำไรเท่าไหร่ ถึงไม่เจ็บตัว
               4.ตกลงอัตราภาษี ปี 2559-2560  ถ้ากำไรเกิน 300,000.- แต่ไม่ถึง 30 ล้านบาทต่อปี คงที่ 10% ใช่ไหมครับ ดูจากคลิบ
                  https://www.youtube.com/watch?v=w5PL9mMNHM0
                 เท่ากับว่า สินค้าผมมีต้นทุนเพิ่ม 10% ที่ต้องส่งสรรพากร แน่ๆ ใช่หรือไม่  
                 สินค้าชนิดที่ 1  ทุน 60,000.-(ภาษี10%+ภาษีแวท 7%) = 49,800บาท - ทุน 40,000 = 9,800 บาท ยังไม่หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ(ทำเหนื่อยไม่คุ้ม)
                 สินค้าชนิดที่ 2  ขาย 85,000 -(ภาษี10%+ภาษีแวท 7%) = 70,550บาท - ทุน 45,000 = 25,550 บาท ยังไม่หักค่าใช้จ่ายอื่นๆ
                 วิธีคิดผมเข้าใจถูกหรือผิดยังไงครับ ช่วยอธิบายหน่อย ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิด แสดงว่า สินค้าตัวที่1ผม เข้าขั้นวิกฤต
                  
                5.ต่อจากข้อ 4.  คือถ้ารายได้ผมในปีแรกเกิน 3 แสน และเกิน 1.8ล้านแน่ๆ  แต่หลังจากยอดขายเฉพาะกิจนี้แล้ว ปีที่สองอาจไม่ถึง 300,000.- ลูกค้า95% มาจากเว็บ  ต้องเปิดเว็บใหม่ มาต่อสู้กับรายใหญ่ไม่รู้ว่าจะติดใช้เวลาเท่าไหร่  แล้วผมยังคงต้องแบกแวทต่อไปทุกปีๆ แบบนี้หรือครับ  คือถ้าไปได้ดีก็ดีไป
                6.บ้านที่อยู่นี้ชื่อเมีย จะใช้เป็นสำนักงาน ผมสามารถทำหนังสือยินยอมการใช้พื้นที่ และทำสัญญาเช่าบ้านโดยมาเป็นค่าใช้จ่ายได้หรือไม่ ต้องทำยังไง คิดว่าค่าเช่าซักเดือนละ8000 บาท สามารถ ทำเว่อร์ เป็นซัก 12,000 บาทปีละ 144,000ได้ไหม รายได้ไม่เกิน150,000.- ต่อปี แล้วเมียจะต้องซวยเสียภาษีรายได้บุคคลหรือไม่ ซึ่งปกติเมียผมค้าขายไม่มีตัวตนในระบบสรรพากรเลย
                7.ผมตั้งเงินเดือนตัวเอง 20,000 บาท ไม่เกิน300,000 ต่อปี ยังไม่ใช้สิทธิ์ลดหย่อน  เท่ากับผมจะโดนภาษี แค่5% ใช่หรือไม่
                8.ผมทำประเภท  สั่งอะไหล่ในไทย มาประกอบ แล้วขายทางเว็บไซด์ มีแบรนด์ตัวเอง อนาคตอยาก ขายอย่างอื่นที่นอกเหนือจากธุรกิจเดิมด้วยเช่น ซื้อมาขายไป ผมควร เขียนจุดประสงค์ ครอบคลุมได้ประมาณแค่ไหนครับ

จะไปจดละครับ จะพยายามทำเองให้มากที่สุด บริษัทเราเราต้องรู้ทุกอย่าง ใจคอไม่ดีเหมือนกัน แต่อยากรวยก็ต้องลุย ไม่งั้นชีวิตก็อยู่แบบนี้ไม่ก้าวหน้าซักที
ถ้าพี่ๆ เทุกท่านอ่านมาถึงตรงนี้บอกเลยว่าท่านอ่านไป 6,410 อักษรแล้ว ขอขอบพระคุณทุกๆ ท่าน ที่มาอ่านแล้วช่วยกันตอบเป็นแนวทาง ไว้ให้คนอื่นๆ ต่อจากผมได้รับความรู้ต่อๆ ไป ผมเชื่อว่ากระทู้นี้  ซัก 5 ปีก็ยังอยู่ แต่อาจล้าสมัยไปละ
ขอบคุณจากใจครับ  ขอให้ทุกท่านเจริญในกิจการของตนเองอย่างสูงสุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่