เราจะมาทำความรู้จักประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ว่าก่อนไปเที่ยวสวิส เราควรจะรู้อะไรบ้าง
เพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนการเดินทาง
หลายคำถามที่มักจะผุดขึ้นมาเวลาเราจะวางแผนเที่ยว
- ไปสวิสช่วงไหนดี ??
- ขอวีซ่ายังไง?? ต้องเตรียมอะไรบ้าง ??
- การเดินทางในสวิสเป็นยังไง??
- ควรเตรียมเงินไปเท่าไร??
เราจะลองรวบรวมคำตอบมาให้......
ไปสวิสช่วงไหนดี ??
คำถามที่มักจะถูกถามเสมอว่าช่วงไหนจะเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการเที่ยวสวิส
ถ้าตอบแบบมนุษย์เงินเดือนแบบเรา คงต้องบอกว่า
"ไปช่วงที่ลางานได้ และมีเงินพอ..... "
อันนี้สำคัญที่สุด
แต่ในความเป็นจริงการจะไปเที่ยวที่ไหน เราต้องมาดูก่อนว่าหน้าท่องเที่ยวของสวิสคือเมื่อไร
แล้ว สภาพอากาศของสวิส เป็นยังไงในแต่ละฤดู ก่อนที่เราจะตัดสินใจว่าจะมาเที่ยวสวิสช่วงไหน
มาลองทำความรู้จักสภาพภูมิอากาศของสวิสกัน
สวิสเซอร์แลนด์มี 4 ฤดู
1. ฤดูหนาว
2. ฤดูใบไม้ผลิ
3. ฤดูร้อน
4. ฤดูใบไม้ร่วง
เช่นเดียวกับประเทศอื่นในยุโรป แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ต่างกันมากในแต่ละเมือง
ทำให้อากาศในแต่ละเมืองจะแตกต่างกันออกไป ตามที่ตั้งของเมืองนั้นๆ
แต่ละฤดูจะมีอุณภูมิที่โดดเด่นแตกต่างกันไป
แต่ฤดูท่องเที่ยวของสวิสจะเป็นช่วงฤดูร้อน (ปลายพฤษภาคม – กลางกันยายน)
เพราะถือได้ว่าเป็นช่วงที่อากาศกำลังดี ไม่หนาวหรือร้อนเกินไป
แต่เที่ยวช่วง High Season ก็ต้องตามมาด้วยราคาตั๋วเครื่องบินที่แพงขึ้น
คนมาเที่ยวเยอะขึ้นราคาที่พักในแต่ละที่ก็จะพุ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
แต่ใช่ว่าการเที่ยวในช่วง Low Season จะไม่มีข้อเสีย แม้ว่าที่พักหรือตั๋วเครื่องบินจะราคาถูกลง
แต่สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง หรือรถไฟบางสายจะหยุดวิ่งในช่วงที่เป็น Low Season
เพราะฉะนั้นควรเช็คดีๆ กว่าอะไรปิดในช่วงไหนบ้าง เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว
จะเลือกไปเที่ยวสวิสฤดูไหนลองไปดูอากาศในแต่ละช่วงฤดูก่อนว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน
จุดประสงค์หลักในการมาเที่ยวคืออะไร ??
สถานที่ที่จะไปคือที่ไหนบ้าง ??
ก่อนที่จะตัดสินเลือกช่วงเวลาที่จะไปเที่ยวสวิส
------------------------------------------------------
ฤดูหนาว (กลางพฤศจิกายน – ปลายมีนาคม)
อากาศ
ฤดูนี้อากาศจะเริ่มเย็นลงจนถึงหนาวจัด อุณหภูมิเฉลี่ยช่วงนี้จะประมาณ -3 ถึง 6 องศา
แต่ถ้าในเทือกเขาแบบ Jungfrau หรือ Zermatt แล้วขอบอกว่าจะเจออากาศที่ติดลบมากกว่า 10 ก็เป็นได้
ตอนที่เราไปช่วงพ.ย. บนยอดเขา Matterhorn คือจุดที่หนาวที่สุดในทริป คือ -22 องศา
บางครั้งมีหิมะตก บวกลม ขอบอกว่าหนาวจนหน้าชา หนาวจนไม่มีความรู้สึกที่นิ้วเท้า
ข้อเสียของฤดูนี้คือ ช่วงกลางวันสั้นมาก 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น สี่โมงเย็นก็มืดแล้ว
เพราะฉะนั้นเวลาเที่ยวก็จะน้อยกว่าฤดูอื่นๆ แล้วร้านค้าต่างๆที่ตั้งอยู่บนเขาที่อากาศหนาวมากๆ มักจะปิด
เสื้อผ้า
หน้านี้เหมือนจะเตรียมเสื้อผ้ายาก แต่ง่ายสุดแล้ว เพราะว่าหนาวมาก เหงื่อไม่ออก
สามารถใส่เสื้อผ้าทับๆกันได้ เสื้อไหมพรม ใส่สลับเปลี่ยนไปมา นอกใน ในนอก
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราใส่เสื้อผ้าซ้ำ เพราะว่าเราจะใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนาๆ คลุมตลอดเวลา
เชื่อดิ!! ว่าหน้านี้เสื้อกันหนาวไม่มีทางได้ห่างกาย ยกเว้นเวลาที่ไปนั่งกินอาหารในร้านอาหาร ถึงจะได้ถอดเสื้อออก
อุปกรณ์อื่นๆ ที่ควรเตรียมนอกจากเสื้อไหมพรมกับเสื้อกันหนาวคือ
- ลองจอน ที่จะให้ความอบอุ่นกับร่างกาย แนะนำพวกที่เป็น Heattech จะช่วยได้มาก โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศติดลบ
- หมวก ในความหมายนี้ไม่ได้หมายถึงหมวกปีกกว้างสวยงาม เหมือนตอนที่เราไปทะเลกัน
ถ้าหมวกแบบนั้นเอามาใช้ในหน้าหนาวแบบนี้ ก็คงปลิวหายไปกับสายลมแน่นอน
หมวกที่เราแนะนำคือกันหนาว เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าหมวกมีความสำคัญ จนตอนที่ลมพัดมาแรงๆ นี่หูชากันเลยทีเดียว
ถ้าเป็นหมวกที่สามารถปิดหูได้ด้วยจะดีมาก หรือถ้าไม่มีหมวกแบบที่ปิดหูได้ แนะนำให้หาที่ปิดหูไปซักอัน
ไม่น่าเชื่อว่าการทำให้หูอุ่น จะทำให้เราอุ่นขึ้นได้มาก
- ถุงมือ ถุงเท้า เป็นส่วนที่เราควรให้ความอบอุ่นมากที่สุด มีจุดนึงที่หนาวถึง ติดลบ 22 ตอนนั้นใส่ถุงเท้าไป 2 ชั้น
แต่ความรู้สึกในตอนนั้นคือ เหมือนนิ้วเท้าหายไป เพราะว่ามันชาไปหมด บูทที่ใส่ก็ไม่สามารถกั้นความหนาวเย็นที่ผ่านทะลุเข้ามาได้
สำหรับถุงมือแนะนำให้เป็นแบบ touch screen จะได้ไม่ต้องถอดเข้าถอดออกเวลาที่จะถ่ายรูป หรือดูโทรศัพท์
------------------------------------------------------------------------------------------------
ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายมีนาคม – กลางพฤศภาคม)
อากาศ
ช่วงนี้อากาศจะอยู่ที่ประมาณ 6-13 องศา อากาศในช่วงนี้ยังนับว่าหนาวอยู่ แต่ถือได้ว่าเป็นฤดูที่สวยที่สุดในฤดูทั้งหมด
เพราะว่าเป็นช่วงที่ดอกไม้ต่างแข่งกันผลิบานอวดโฉมออกมาให้เห็นกัน
เสื้อผ้า
หาเสื้อผ้าที่ใส่ได้สบายๆ สวมทับกันได้หลายชั้น แต่บางทีนอกจากหนาวแล้วยังมีลมตามมา
แนะนำให้พกแจ็คเก็ตตัวบางๆ ไปเผือด้วย เผื่อเวลาที่หนาวลม จะได้เอามาคลุมซักนิดก็ยังดี
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ฤดูร้อน (ปลายพฤษภาคม – กลางกันยายน)
อากาศ
ช่วงนี้อากาศร้อน แต่คงจะไม่ร้อนเท่าเมืองไทยแน่นอน อากาศอยู่ในช่วง 18-28 องศา
ถ้าเทียบกับเมืองไทยแล้วนี่มันหน้าหนาวชัดๆ ในฤดูนี้พระอาทิตย์จะอยู่กับเรานานขึ้น
ทำให้มีเวลาในการเที่ยวได้เยอะ แต่บางทีอาจจะมีฝนตกบ้าง
เสื้อผ้า
หน้านี้อาจจะเลือกเสื้อผ้าง่ายหน่อย เพราะว่าเราสามารถนำเสื้อผ้าที่เราใส่อยู่ในชีวิตประจำวันไปใช้ได้เลย
แต่ควรเช็คอากาศล่วงหน้าเพราะว่าบางครั้งอาจจะมีอากาศแปรปรวน ฝนตกก็เป็นได้
อาจจะเตรียมเสื้อแจ็คเก็ตบางๆไปเผื่อ กันแดดกันลมกันฝนไปในตัว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน – กลางพฤศจิกายน)
อากาศ
ฤดูนี้เป็นช่วงที่ฝนตกชุกกว่าฤดูอื่น อากาศโดยรวมจะคล้ายๆ กับฤดูใบไม้ผลิ
แต่อย่าลืมว่ามันมีฝน ฝนบวกกับอากาศ 6-13 องศา แล้วถ้ามีลมนี่ก็หนาวชัดๆ
บางทีแจ๊คพอตอาจจะได้เจอกับหิมะตกลงมาด้วย
ฤดูนี้เป็นช่วงที่อากาศกลางวันกับกลางคืนจะต่างกันมาก กลางวันอาจจะยังอุ่น (ถ้าไม่เจอฝน)
แล้วตกเย็นอากาศก็จะเริ่มหนาว ใบไม้ในฤดูนี้จะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีส้มแดง
เสื้อผ้า
หน้านี้อาจจะต้องเตรียมมากกว่าฤดูใบไม้ผลิ คือ เสื้อกันหนาวที่หนาขึ้นมานิดนึง แบบเสื้อไหมพรมก็ได้
เผื่อเจอฝนตก หรือบางทีอาจจะเป็นหิมะ เสื้อแจ๊คเก็ตบางๆ อาจจะไม่เพียงพอ
แนะนำให้ พกเสื้อกันฝนแบบใช้แล้วทิ้งไปด้วย บางทีถ้าฝนตกแบบที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว จะได้คว้าเสื้อกันฝนมาใส่ได้ก่อน
Get to know “Swiss” ก่อนไปเที่ยวสวิส ต้องรู้อะไรบ้าง??
เราจะมาทำความรู้จักประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ว่าก่อนไปเที่ยวสวิส เราควรจะรู้อะไรบ้าง
เพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแผนการเดินทาง
หลายคำถามที่มักจะผุดขึ้นมาเวลาเราจะวางแผนเที่ยว
- ไปสวิสช่วงไหนดี ??
- ขอวีซ่ายังไง?? ต้องเตรียมอะไรบ้าง ??
- การเดินทางในสวิสเป็นยังไง??
- ควรเตรียมเงินไปเท่าไร??
เราจะลองรวบรวมคำตอบมาให้......
ไปสวิสช่วงไหนดี ??
คำถามที่มักจะถูกถามเสมอว่าช่วงไหนจะเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการเที่ยวสวิส
ถ้าตอบแบบมนุษย์เงินเดือนแบบเรา คงต้องบอกว่า
"ไปช่วงที่ลางานได้ และมีเงินพอ..... "
อันนี้สำคัญที่สุด
แต่ในความเป็นจริงการจะไปเที่ยวที่ไหน เราต้องมาดูก่อนว่าหน้าท่องเที่ยวของสวิสคือเมื่อไร
แล้ว สภาพอากาศของสวิส เป็นยังไงในแต่ละฤดู ก่อนที่เราจะตัดสินใจว่าจะมาเที่ยวสวิสช่วงไหน
มาลองทำความรู้จักสภาพภูมิอากาศของสวิสกัน
สวิสเซอร์แลนด์มี 4 ฤดู
1. ฤดูหนาว
2. ฤดูใบไม้ผลิ
3. ฤดูร้อน
4. ฤดูใบไม้ร่วง
เช่นเดียวกับประเทศอื่นในยุโรป แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่ต่างกันมากในแต่ละเมือง
ทำให้อากาศในแต่ละเมืองจะแตกต่างกันออกไป ตามที่ตั้งของเมืองนั้นๆ
แต่ละฤดูจะมีอุณภูมิที่โดดเด่นแตกต่างกันไป
แต่ฤดูท่องเที่ยวของสวิสจะเป็นช่วงฤดูร้อน (ปลายพฤษภาคม – กลางกันยายน)
เพราะถือได้ว่าเป็นช่วงที่อากาศกำลังดี ไม่หนาวหรือร้อนเกินไป
แต่เที่ยวช่วง High Season ก็ต้องตามมาด้วยราคาตั๋วเครื่องบินที่แพงขึ้น
คนมาเที่ยวเยอะขึ้นราคาที่พักในแต่ละที่ก็จะพุ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
แต่ใช่ว่าการเที่ยวในช่วง Low Season จะไม่มีข้อเสีย แม้ว่าที่พักหรือตั๋วเครื่องบินจะราคาถูกลง
แต่สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่ง หรือรถไฟบางสายจะหยุดวิ่งในช่วงที่เป็น Low Season
เพราะฉะนั้นควรเช็คดีๆ กว่าอะไรปิดในช่วงไหนบ้าง เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว
จะเลือกไปเที่ยวสวิสฤดูไหนลองไปดูอากาศในแต่ละช่วงฤดูก่อนว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน
จุดประสงค์หลักในการมาเที่ยวคืออะไร ??
สถานที่ที่จะไปคือที่ไหนบ้าง ??
ก่อนที่จะตัดสินเลือกช่วงเวลาที่จะไปเที่ยวสวิส
------------------------------------------------------
ฤดูหนาว (กลางพฤศจิกายน – ปลายมีนาคม)
อากาศ
ฤดูนี้อากาศจะเริ่มเย็นลงจนถึงหนาวจัด อุณหภูมิเฉลี่ยช่วงนี้จะประมาณ -3 ถึง 6 องศา
แต่ถ้าในเทือกเขาแบบ Jungfrau หรือ Zermatt แล้วขอบอกว่าจะเจออากาศที่ติดลบมากกว่า 10 ก็เป็นได้
ตอนที่เราไปช่วงพ.ย. บนยอดเขา Matterhorn คือจุดที่หนาวที่สุดในทริป คือ -22 องศา
บางครั้งมีหิมะตก บวกลม ขอบอกว่าหนาวจนหน้าชา หนาวจนไม่มีความรู้สึกที่นิ้วเท้า
ข้อเสียของฤดูนี้คือ ช่วงกลางวันสั้นมาก 5-6 ชั่วโมงเท่านั้น สี่โมงเย็นก็มืดแล้ว
เพราะฉะนั้นเวลาเที่ยวก็จะน้อยกว่าฤดูอื่นๆ แล้วร้านค้าต่างๆที่ตั้งอยู่บนเขาที่อากาศหนาวมากๆ มักจะปิด
เสื้อผ้า
หน้านี้เหมือนจะเตรียมเสื้อผ้ายาก แต่ง่ายสุดแล้ว เพราะว่าหนาวมาก เหงื่อไม่ออก
สามารถใส่เสื้อผ้าทับๆกันได้ เสื้อไหมพรม ใส่สลับเปลี่ยนไปมา นอกใน ในนอก
ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราใส่เสื้อผ้าซ้ำ เพราะว่าเราจะใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนาๆ คลุมตลอดเวลา
เชื่อดิ!! ว่าหน้านี้เสื้อกันหนาวไม่มีทางได้ห่างกาย ยกเว้นเวลาที่ไปนั่งกินอาหารในร้านอาหาร ถึงจะได้ถอดเสื้อออก
อุปกรณ์อื่นๆ ที่ควรเตรียมนอกจากเสื้อไหมพรมกับเสื้อกันหนาวคือ
- ลองจอน ที่จะให้ความอบอุ่นกับร่างกาย แนะนำพวกที่เป็น Heattech จะช่วยได้มาก โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศติดลบ
- หมวก ในความหมายนี้ไม่ได้หมายถึงหมวกปีกกว้างสวยงาม เหมือนตอนที่เราไปทะเลกัน
ถ้าหมวกแบบนั้นเอามาใช้ในหน้าหนาวแบบนี้ ก็คงปลิวหายไปกับสายลมแน่นอน
หมวกที่เราแนะนำคือกันหนาว เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าหมวกมีความสำคัญ จนตอนที่ลมพัดมาแรงๆ นี่หูชากันเลยทีเดียว
ถ้าเป็นหมวกที่สามารถปิดหูได้ด้วยจะดีมาก หรือถ้าไม่มีหมวกแบบที่ปิดหูได้ แนะนำให้หาที่ปิดหูไปซักอัน
ไม่น่าเชื่อว่าการทำให้หูอุ่น จะทำให้เราอุ่นขึ้นได้มาก
- ถุงมือ ถุงเท้า เป็นส่วนที่เราควรให้ความอบอุ่นมากที่สุด มีจุดนึงที่หนาวถึง ติดลบ 22 ตอนนั้นใส่ถุงเท้าไป 2 ชั้น
แต่ความรู้สึกในตอนนั้นคือ เหมือนนิ้วเท้าหายไป เพราะว่ามันชาไปหมด บูทที่ใส่ก็ไม่สามารถกั้นความหนาวเย็นที่ผ่านทะลุเข้ามาได้
สำหรับถุงมือแนะนำให้เป็นแบบ touch screen จะได้ไม่ต้องถอดเข้าถอดออกเวลาที่จะถ่ายรูป หรือดูโทรศัพท์
------------------------------------------------------------------------------------------------
ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายมีนาคม – กลางพฤศภาคม)
อากาศ
ช่วงนี้อากาศจะอยู่ที่ประมาณ 6-13 องศา อากาศในช่วงนี้ยังนับว่าหนาวอยู่ แต่ถือได้ว่าเป็นฤดูที่สวยที่สุดในฤดูทั้งหมด
เพราะว่าเป็นช่วงที่ดอกไม้ต่างแข่งกันผลิบานอวดโฉมออกมาให้เห็นกัน
เสื้อผ้า
หาเสื้อผ้าที่ใส่ได้สบายๆ สวมทับกันได้หลายชั้น แต่บางทีนอกจากหนาวแล้วยังมีลมตามมา
แนะนำให้พกแจ็คเก็ตตัวบางๆ ไปเผือด้วย เผื่อเวลาที่หนาวลม จะได้เอามาคลุมซักนิดก็ยังดี
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
ฤดูร้อน (ปลายพฤษภาคม – กลางกันยายน)
อากาศ
ช่วงนี้อากาศร้อน แต่คงจะไม่ร้อนเท่าเมืองไทยแน่นอน อากาศอยู่ในช่วง 18-28 องศา
ถ้าเทียบกับเมืองไทยแล้วนี่มันหน้าหนาวชัดๆ ในฤดูนี้พระอาทิตย์จะอยู่กับเรานานขึ้น
ทำให้มีเวลาในการเที่ยวได้เยอะ แต่บางทีอาจจะมีฝนตกบ้าง
เสื้อผ้า
หน้านี้อาจจะเลือกเสื้อผ้าง่ายหน่อย เพราะว่าเราสามารถนำเสื้อผ้าที่เราใส่อยู่ในชีวิตประจำวันไปใช้ได้เลย
แต่ควรเช็คอากาศล่วงหน้าเพราะว่าบางครั้งอาจจะมีอากาศแปรปรวน ฝนตกก็เป็นได้
อาจจะเตรียมเสื้อแจ็คเก็ตบางๆไปเผื่อ กันแดดกันลมกันฝนไปในตัว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ฤดูใบไม้ร่วง (ปลายกันยายน – กลางพฤศจิกายน)
อากาศ
ฤดูนี้เป็นช่วงที่ฝนตกชุกกว่าฤดูอื่น อากาศโดยรวมจะคล้ายๆ กับฤดูใบไม้ผลิ
แต่อย่าลืมว่ามันมีฝน ฝนบวกกับอากาศ 6-13 องศา แล้วถ้ามีลมนี่ก็หนาวชัดๆ
บางทีแจ๊คพอตอาจจะได้เจอกับหิมะตกลงมาด้วย
ฤดูนี้เป็นช่วงที่อากาศกลางวันกับกลางคืนจะต่างกันมาก กลางวันอาจจะยังอุ่น (ถ้าไม่เจอฝน)
แล้วตกเย็นอากาศก็จะเริ่มหนาว ใบไม้ในฤดูนี้จะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีส้มแดง
เสื้อผ้า
หน้านี้อาจจะต้องเตรียมมากกว่าฤดูใบไม้ผลิ คือ เสื้อกันหนาวที่หนาขึ้นมานิดนึง แบบเสื้อไหมพรมก็ได้
เผื่อเจอฝนตก หรือบางทีอาจจะเป็นหิมะ เสื้อแจ๊คเก็ตบางๆ อาจจะไม่เพียงพอ
แนะนำให้ พกเสื้อกันฝนแบบใช้แล้วทิ้งไปด้วย บางทีถ้าฝนตกแบบที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว จะได้คว้าเสื้อกันฝนมาใส่ได้ก่อน