สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน วันนี้เป็นวันดี เป็นวัน "เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง" ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 9 มิถุนายน
จึงขอพื้นที่เปิดห้องเรียน "คนรากหญ้า: เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา" มาทานบ๊ะจ่าง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพูดคุยกัน
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบ ขอบคุณ WM และขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
ไม่ว่าจะแสดงตัวหรือไม่ ขอบคุณทุกๆ กำลังใจ ทุกๆ ความคิดเห็นค่ะ
วันไหว้บ๊ะจ่างตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจีน (จันทรคติ) ของทุกปี มีเพื่อเป็นการระลึกถึง ชีหยวน
ซึ่งเป็นยอดกวีขุนนางผู้รักชาติแห่งแคว้นฉู่ เรื่องราวเป็นมาอย่างไร ไปติดตามกันเลยค่ะ
1. ชีหยวน ยอดกวีการเมือง ขุนนางผู้รักชาติ
ประมาณปี พ.ศ. 268 ในรัชสมัยของกษัตริย์ก๊กฉู่ มีขุนนางในสมัยพระเจ้าฉู่หวายอ๋องผู้หนึ่งนามว่า คุกง้วน หรือ ชีหยวน
(340-278 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ยอดนักปราชญ์ซึ่งเป็นขุนนางตงฉิน รับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถ
และถือเอาประโยชน์ของราษฎรเป็นที่ตั้ง จึงทำให้ชีหยวนเป็นที่รักใคร่ของประชาชนและท่านอ๋อง
ในยุคนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีก๊กหรือแคว้นต่างๆจำนวนมากเป็น 10 ก๊ก และเกิดสงครามระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง
ก๊กฉินกับก๊กฉู่ถือว่ามีกำลังเข้มแข็งเกรียงไกรที่สุด ก๊กต่างๆ พากันรับสมัครบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถให้มารับใช้ตัวเอง
นักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากต่างก็พากันออกไปออกไปแสวงหาโอกาสตามที่ต่างๆ แต่ชีหยวนรักปิตุภูมิตัวเองสุดชีวิต
หวังที่จะช่วยเหลือกษัตริย์ของก๊กฉู่ด้วยความรู้ความสามารถของตน ช่วยให้ก๊กฉู่เปิดกว้างทางการเมืองและความเข้มแข็งเกรียงไกร
ด้วยอุดมการณ์เช่นนี้ ชีหยวนไม่เคยยอมออกจากปิตุภูมิแม้แต่ก้าวเดียวจนถึงตาย
ในผลงานบทประพันธ์ของชีหยวนได้ปรากฏความคิดแปลกๆมากมาย เขาเปรียบไม้ดอก ไม้ผล และต้นหญ้าเสมือนมนุษย์
และได้สร้างภาพลักษณ์นางฟ้าเป็นจำนวนมากเพื่อฝากฝังอารมณ์และความคิดอันสูงส่งของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้เวลาอ่านบทประพันธ์ของชีหยวน นอกจากจะได้สัมผัสถึงความงดงามของภาษาและคำเปรียบเปรยแล้ว
ยังจะได้สัมผัสถึงอารมณ์และความคิดอันสูงส่ง ความรักชาติและความอาลัยอาวรณ์บ้านเมืองที่กวีฝากไว้กับบทประพันธ์
ด้วยเหตุนี้เอง ตลอดระยะเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา ชีหยวนจึงเป็นกวีโบราณที่ประชาชนจีนให้ความเคารพรักมากที่สุดคนหนึ่ง
2. การใส่ร้ายป้ายสี วิธีกำจัดคนดีที่มีมาทุกยุคสมัย
ชีหยวนผู้เปี่ยมความสามารถมีนโยบายคือ
นโยบายภายในให้ปฏิรูปการปกครอง
ขจัดพวกนายทาสที่กดขี่และเหล่าขุนนางที่มีอิทธิพล ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนยากจน
ส่งเสริมให้คนดีมีความสามารถมีโอกาสเข้ามารับใช้บ้านเมือง จะเห็นว่าวิสัยทัศน์ของชีหยวนก้าวล้ำมากๆ
นโยบายภายนอกคือ ทำสนธิสัญญารวม 6 รัฐต่อต้านฉิน ต่อกรกับจางอี้ขุนนางใหญ่ของฉินที่เสนอนโยบายแยกสลาย 6 รัฐสามัคคีฉิน
เป็นเรื่องปกติในทุกสังคมเมื่อมีคนรัก แน่นอนย่อมต้องมีคนชังเป็นธรรมดาโดยเฉพาะพวกขี้อิจฉา เหล่าขุนนางกังฉินทั้งหลาย
ต่างก็ไม่พอใจชีหยวน เพราะชีหยวนนั้นเป็นคนที่ซื่อตรง ทำงานอย่างตรงไปตรงมา จึงมีหลายครั้งที่การทำงานของชีหยวน
ไปขัดขวางการโกงกินบ้านโกงกินเมืองของขุนนางกังฉินเหล่านั้น พวกเขาจึงรวมหัวกันพยายามใส่ไคล้ชีหยวนต่างๆ นานา
จนพระเจ้าฉู่หวายอ๋องเองก็ชักเริ่มมีใจเอนเอียง
จนในที่สุดฉู่หวายอ๋องก็หลงเชื่อเต็มที่ สั่งให้เนรเทศชีหยวนออกจากเมืองไป ระหว่างที่ร่อนเร่พเนจรอยู่นั้น
ชีหยวนก็ได้แต่งบทกลอนเล่าถึงชีวิตที่รันทดและความอยุติธรรมไว้มากมาย ฮ่องเต้ยิ่งทรงพิโรธหนักเข้าไปอีก ส่วนชีหยวน
ก็ยังอดรนทนไม่ได้ที่จะกราบทูลเสนอแนะข้อราชการที่เป็นประโยชน์กับทางราชการ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ทรงสนพระทัยแม้แต่น้อย
ชีหยวนน้อยอกน้อยใจมาก วันหนึ่งขณะที่เดินอยู่ริมแม่น้ำ มีชาวเรือผู้หนึ่งเข้ามาถามว่า
"ท่านคือขุนนางชีหยวนใช่หรือไม่ ทำไมจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้"
ชีหยวนตอบว่า "โลกนี้มีแต่ความโสมม มีเพียงเราเท่านั้นที่ยังสดใส ขุนนางในราชสำนักล้วนงมงาย
มีแต่เราที่ยังจงรักภักดีอย่างบริสุทธิ์ใจ เราจึงถูกเนรเทศมาตกระกำลำบากอย่างนี้"
ชาวเรือผู้นั้นพูดว่า "ในเมื่อคนทั้งโลกล้วนโสมมและงมงาย ทำไมท่านถึงไม่ร่วมหัวจมท้ายกับพวกเขาเหล่านั้น
การทำตัวดีเด่นแตกต่างจากผู้อื่นจึงต้องประสบเภทภัยเช่นนี้"
ชวีหยวนกล่าวว่า "ตัวเรายอมจมลงสู่ก้นแม่น้ำเป็นอาหารของปูปลา แต่ไม่ยอมให้จิตใจที่บริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อนไปกับพวกคนชั่ว"
ประกอบกับในที่สุดกองทหารของก๊กฉินได้ตีเมืองหยิงราชธานีของก๊กฉู่แตก
เมื่อบ้านเมืองแตกสลาย ชีหยวนเศร้าโศกเสียใจสุดประมาณ จึงได้กระโดดน้ำเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 นั่นเอง
3. เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง กับคุณงามความดีที่ผู้คนระลึกถึง
ชาวบ้านที่รู้เรื่องการตายของชีหยวน พวกเขาต่างก็รัก และอาลัยในตัวของชีหยวน จึงได้ออกเรือเพื่อตามหาศพของชีหยวน
แต่ก็ไม่พบ เขาจึงนำข้าวปลาอาหารไปโปรยลงแม่น้ำด้วย นัยว่าเพื่อล่อให้สัตว์น้ำมากิน จะได้ไม่ไปกัดกินซากศพของชีหยวน
หลังจากที่ทำมาได้ 2 ปี ก็มีชาวบ้านผู้หนึ่งฝันเห็นชีหยวนที่มาในชุดอันสวยงาม กล่าวขอบคุณเหล่าชาวบ้านที่นำเอาอาหารไปโปรยให้
แต่เขาบอกว่าอาหารเครื่องเซ่นถูกเหล่าสัตว์น้ำกินเสียจนหมดเกลี้ยง ชีหยวนจึงแนะนำให้นำอาหารเหล่านั้นห่อด้วยใบไผ่ หรือใบจาก
ก่อนนำไปโยนลงน้ำ เพื่อที่เหล่าสัตว์น้ำจะได้นึกว่าเป็นต้นไม้อะไรสักอย่าง จะได้ไม่กินเข้าไป
และเวลาที่จะนำอาหารไปโยนลงแม่น้ำ ให้ตกแต่งเรือเป็นรูปมังกรไป เมื่อสัตว์น้ำทั้งหลายได้เห็นก็จะนึกว่าเป็นเครื่องเซ่นของพญามังกร
จะได้ไม่กล้าเข้ามากิน
จึงได้กลายเป็นเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างและแข่งเรือมังกรสืบต่อมาจนทุกวันนี้
4. ถอดบทเรียนจากประวัติศาสตร์
1. ทุกยุคทุกสมัย ย่อมมีการต่อสู้ ขับเคี่ยว เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง บางคนเปี่ยมความรู้ความสามารถ
รับใช้ชาติและประชาชนอย่างจงรัก ดังเช่น ชีหยวน งักฮุย หรืออีกมากมาย บางคนด้อยความสามารถไม่พอ
ยังใช้การใส่ร้ายป้ายสี ทำลายผู้อื่น ด้วยข้อหายอดนิยม โดยไม่สนใจต่อความเสียหายส่วนรวม
เรื่องที่เกิดไปแล้ว ย่อมแก้ไขไม่ได้ แต่เราควรนำบทเรียนมาไตร่ตรอง อย่าได้แต่ฟังแล้วเชื่อ อย่าได้แต่ตัดสินใจเพราะอคติ
2. คนดีมีความสามารถ ซื่อสัตย์ ที่ต้องถูกใส่ร้ายในเรื่องเดิมๆ แต่มุ่งมั่นประกอบคุณงามความดี ยืนเคียงข้างประชาชน
ถึงแม้จะจากไปแล้ว ผู้คนย่อมอาลัยรัก และนึกถึงอยู่เสมอ เหมือนดังชีหยวน ที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่ยังอยู่ในใจผู้คนเสมอมา
3. จะเลือกเป็นดังขนมบ๊ะจ่างที่ผู้คนนึกถึงคุณงามความดี หรือจะเป็นปาท่องโก๋ที่ผู้คนเกลียดชัง สาปแช่ง ล้วนอยู่ที่ตนเอง
คลังกระทู้เดิม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1. **ห้องทดลองรากหญ้า: พลิกปูมประวัตินักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลกกับแง่มุมด้านการเมือง (ภาคสมบูรณ์)** by ชุนเทียน
http://ppantip.com/topic/32521811
2. **ห้องครัวรากหญ้า: เร่เข้ามาๆๆ ชิมของอร่อย ที่มาจากตำนานทางการเมืองกัน ** by ชุนเทียน
http://ppantip.com/topic/32546985
3. **ห้องเรียนคนรากหญ้า: เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา มาดูสิ่งประดิษฐ์ที่มีที่มาจากแวดวงทหารกัน** (ชุนเทียน)
http://ppantip.com/topic/32768274
4. **ห้องเรียนคนรากหญ้า: เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา "แซ่คนจีนในไทย" เพื่อนๆ แซ่อะไรกันบ้าง** (ชุนเทียน)
http://ppantip.com/topic/32792171
5. **ห้องเรียนคนรากหญ้า:เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา "การทดลองของมิลแกรม:การเชื่อฟังผู้มีอำนาจแม้ไม่ถูกต้อง"**(ชุนเทียน) http://ppantip.com/topic/32990416
6. **ห้องเรียน คนรากหญ้า: เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา “ถอดบทเรียนสงครามกรุงทรอย” สิ่งที่ควรเรียนรู้** (ชุนเทียน)
http://ppantip.com/topic/33108585
7. **ห้องเรียน คนรากหญ้า: เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา “ซุนปิง" ยอดนักพิชัยสงครามผู้ไม่เคยยอมแพ้** (ชุนเทียน)
http://ppantip.com/topic/33837477
8. **ห้องเรียน คนรากหญ้า: “เท้าดอกบัว” ค่านิยม ความงาม ความเจ็บปวด และการสูญเสียอิสรภาพ** (ชุนเทียน)
http://ppantip.com/topic/34235266
9. **ห้องเรียนคนรากหญ้า: “ดอกไม้ เปลี่ยนโลก” เชิญเพื่อนๆ มามอบดอกไม้แก่กันเนื่องในวันแห่งความรัก** (ชุนเทียน)
http://ppantip.com/topic/34787718
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.vcharkarn.com/varticle/56298
http://www.g-gang.com/board/showthread.php?t=2994
http://zhongtai.org/news-33.htm
http://www.minghui-school.org/school/article/2006/8/15/57365.html
http://thai.china.com/baike/6326/20150209/275698_1.html
http://www.ntdtv.com/xtr/gb/2013/06/21/a890333.html
**ห้องเรียน คนรากหญ้า: “บ๊ะจ่าง” กวีการเมือง การถูกใส่ร้ายป้ายสี และสิ่งดีที่อยู่ในใจประชาชน** (ชุนเทียน)
จึงขอพื้นที่เปิดห้องเรียน "คนรากหญ้า: เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา" มาทานบ๊ะจ่าง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพูดคุยกัน
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลและภาพประกอบ ขอบคุณ WM และขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
ไม่ว่าจะแสดงตัวหรือไม่ ขอบคุณทุกๆ กำลังใจ ทุกๆ ความคิดเห็นค่ะ
วันไหว้บ๊ะจ่างตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 ตามปฏิทินจีน (จันทรคติ) ของทุกปี มีเพื่อเป็นการระลึกถึง ชีหยวน
ซึ่งเป็นยอดกวีขุนนางผู้รักชาติแห่งแคว้นฉู่ เรื่องราวเป็นมาอย่างไร ไปติดตามกันเลยค่ะ
1. ชีหยวน ยอดกวีการเมือง ขุนนางผู้รักชาติ
ประมาณปี พ.ศ. 268 ในรัชสมัยของกษัตริย์ก๊กฉู่ มีขุนนางในสมัยพระเจ้าฉู่หวายอ๋องผู้หนึ่งนามว่า คุกง้วน หรือ ชีหยวน
(340-278 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ยอดนักปราชญ์ซึ่งเป็นขุนนางตงฉิน รับราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถ
และถือเอาประโยชน์ของราษฎรเป็นที่ตั้ง จึงทำให้ชีหยวนเป็นที่รักใคร่ของประชาชนและท่านอ๋อง
ในยุคนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีก๊กหรือแคว้นต่างๆจำนวนมากเป็น 10 ก๊ก และเกิดสงครามระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง
ก๊กฉินกับก๊กฉู่ถือว่ามีกำลังเข้มแข็งเกรียงไกรที่สุด ก๊กต่างๆ พากันรับสมัครบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถให้มารับใช้ตัวเอง
นักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากต่างก็พากันออกไปออกไปแสวงหาโอกาสตามที่ต่างๆ แต่ชีหยวนรักปิตุภูมิตัวเองสุดชีวิต
หวังที่จะช่วยเหลือกษัตริย์ของก๊กฉู่ด้วยความรู้ความสามารถของตน ช่วยให้ก๊กฉู่เปิดกว้างทางการเมืองและความเข้มแข็งเกรียงไกร
ด้วยอุดมการณ์เช่นนี้ ชีหยวนไม่เคยยอมออกจากปิตุภูมิแม้แต่ก้าวเดียวจนถึงตาย
ในผลงานบทประพันธ์ของชีหยวนได้ปรากฏความคิดแปลกๆมากมาย เขาเปรียบไม้ดอก ไม้ผล และต้นหญ้าเสมือนมนุษย์
และได้สร้างภาพลักษณ์นางฟ้าเป็นจำนวนมากเพื่อฝากฝังอารมณ์และความคิดอันสูงส่งของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้เวลาอ่านบทประพันธ์ของชีหยวน นอกจากจะได้สัมผัสถึงความงดงามของภาษาและคำเปรียบเปรยแล้ว
ยังจะได้สัมผัสถึงอารมณ์และความคิดอันสูงส่ง ความรักชาติและความอาลัยอาวรณ์บ้านเมืองที่กวีฝากไว้กับบทประพันธ์
ด้วยเหตุนี้เอง ตลอดระยะเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา ชีหยวนจึงเป็นกวีโบราณที่ประชาชนจีนให้ความเคารพรักมากที่สุดคนหนึ่ง
2. การใส่ร้ายป้ายสี วิธีกำจัดคนดีที่มีมาทุกยุคสมัย
ชีหยวนผู้เปี่ยมความสามารถมีนโยบายคือ
นโยบายภายในให้ปฏิรูปการปกครอง ขจัดพวกนายทาสที่กดขี่และเหล่าขุนนางที่มีอิทธิพล ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนยากจน
ส่งเสริมให้คนดีมีความสามารถมีโอกาสเข้ามารับใช้บ้านเมือง จะเห็นว่าวิสัยทัศน์ของชีหยวนก้าวล้ำมากๆ
นโยบายภายนอกคือ ทำสนธิสัญญารวม 6 รัฐต่อต้านฉิน ต่อกรกับจางอี้ขุนนางใหญ่ของฉินที่เสนอนโยบายแยกสลาย 6 รัฐสามัคคีฉิน
เป็นเรื่องปกติในทุกสังคมเมื่อมีคนรัก แน่นอนย่อมต้องมีคนชังเป็นธรรมดาโดยเฉพาะพวกขี้อิจฉา เหล่าขุนนางกังฉินทั้งหลาย
ต่างก็ไม่พอใจชีหยวน เพราะชีหยวนนั้นเป็นคนที่ซื่อตรง ทำงานอย่างตรงไปตรงมา จึงมีหลายครั้งที่การทำงานของชีหยวน
ไปขัดขวางการโกงกินบ้านโกงกินเมืองของขุนนางกังฉินเหล่านั้น พวกเขาจึงรวมหัวกันพยายามใส่ไคล้ชีหยวนต่างๆ นานา
จนพระเจ้าฉู่หวายอ๋องเองก็ชักเริ่มมีใจเอนเอียง
จนในที่สุดฉู่หวายอ๋องก็หลงเชื่อเต็มที่ สั่งให้เนรเทศชีหยวนออกจากเมืองไป ระหว่างที่ร่อนเร่พเนจรอยู่นั้น
ชีหยวนก็ได้แต่งบทกลอนเล่าถึงชีวิตที่รันทดและความอยุติธรรมไว้มากมาย ฮ่องเต้ยิ่งทรงพิโรธหนักเข้าไปอีก ส่วนชีหยวน
ก็ยังอดรนทนไม่ได้ที่จะกราบทูลเสนอแนะข้อราชการที่เป็นประโยชน์กับทางราชการ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ทรงสนพระทัยแม้แต่น้อย
ชีหยวนน้อยอกน้อยใจมาก วันหนึ่งขณะที่เดินอยู่ริมแม่น้ำ มีชาวเรือผู้หนึ่งเข้ามาถามว่า
"ท่านคือขุนนางชีหยวนใช่หรือไม่ ทำไมจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้"
ชีหยวนตอบว่า "โลกนี้มีแต่ความโสมม มีเพียงเราเท่านั้นที่ยังสดใส ขุนนางในราชสำนักล้วนงมงาย
มีแต่เราที่ยังจงรักภักดีอย่างบริสุทธิ์ใจ เราจึงถูกเนรเทศมาตกระกำลำบากอย่างนี้"
ชาวเรือผู้นั้นพูดว่า "ในเมื่อคนทั้งโลกล้วนโสมมและงมงาย ทำไมท่านถึงไม่ร่วมหัวจมท้ายกับพวกเขาเหล่านั้น
การทำตัวดีเด่นแตกต่างจากผู้อื่นจึงต้องประสบเภทภัยเช่นนี้"
ชวีหยวนกล่าวว่า "ตัวเรายอมจมลงสู่ก้นแม่น้ำเป็นอาหารของปูปลา แต่ไม่ยอมให้จิตใจที่บริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อนไปกับพวกคนชั่ว"
ประกอบกับในที่สุดกองทหารของก๊กฉินได้ตีเมืองหยิงราชธานีของก๊กฉู่แตก
เมื่อบ้านเมืองแตกสลาย ชีหยวนเศร้าโศกเสียใจสุดประมาณ จึงได้กระโดดน้ำเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งตรงกับวันที่ 5 เดือน 5 นั่นเอง
3. เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง กับคุณงามความดีที่ผู้คนระลึกถึง
ชาวบ้านที่รู้เรื่องการตายของชีหยวน พวกเขาต่างก็รัก และอาลัยในตัวของชีหยวน จึงได้ออกเรือเพื่อตามหาศพของชีหยวน
แต่ก็ไม่พบ เขาจึงนำข้าวปลาอาหารไปโปรยลงแม่น้ำด้วย นัยว่าเพื่อล่อให้สัตว์น้ำมากิน จะได้ไม่ไปกัดกินซากศพของชีหยวน
หลังจากที่ทำมาได้ 2 ปี ก็มีชาวบ้านผู้หนึ่งฝันเห็นชีหยวนที่มาในชุดอันสวยงาม กล่าวขอบคุณเหล่าชาวบ้านที่นำเอาอาหารไปโปรยให้
แต่เขาบอกว่าอาหารเครื่องเซ่นถูกเหล่าสัตว์น้ำกินเสียจนหมดเกลี้ยง ชีหยวนจึงแนะนำให้นำอาหารเหล่านั้นห่อด้วยใบไผ่ หรือใบจาก
ก่อนนำไปโยนลงน้ำ เพื่อที่เหล่าสัตว์น้ำจะได้นึกว่าเป็นต้นไม้อะไรสักอย่าง จะได้ไม่กินเข้าไป
และเวลาที่จะนำอาหารไปโยนลงแม่น้ำ ให้ตกแต่งเรือเป็นรูปมังกรไป เมื่อสัตว์น้ำทั้งหลายได้เห็นก็จะนึกว่าเป็นเครื่องเซ่นของพญามังกร
จะได้ไม่กล้าเข้ามากิน
จึงได้กลายเป็นเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างและแข่งเรือมังกรสืบต่อมาจนทุกวันนี้
4. ถอดบทเรียนจากประวัติศาสตร์
1. ทุกยุคทุกสมัย ย่อมมีการต่อสู้ ขับเคี่ยว เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง บางคนเปี่ยมความรู้ความสามารถ
รับใช้ชาติและประชาชนอย่างจงรัก ดังเช่น ชีหยวน งักฮุย หรืออีกมากมาย บางคนด้อยความสามารถไม่พอ
ยังใช้การใส่ร้ายป้ายสี ทำลายผู้อื่น ด้วยข้อหายอดนิยม โดยไม่สนใจต่อความเสียหายส่วนรวม
เรื่องที่เกิดไปแล้ว ย่อมแก้ไขไม่ได้ แต่เราควรนำบทเรียนมาไตร่ตรอง อย่าได้แต่ฟังแล้วเชื่อ อย่าได้แต่ตัดสินใจเพราะอคติ
2. คนดีมีความสามารถ ซื่อสัตย์ ที่ต้องถูกใส่ร้ายในเรื่องเดิมๆ แต่มุ่งมั่นประกอบคุณงามความดี ยืนเคียงข้างประชาชน
ถึงแม้จะจากไปแล้ว ผู้คนย่อมอาลัยรัก และนึกถึงอยู่เสมอ เหมือนดังชีหยวน ที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่ยังอยู่ในใจผู้คนเสมอมา
3. จะเลือกเป็นดังขนมบ๊ะจ่างที่ผู้คนนึกถึงคุณงามความดี หรือจะเป็นปาท่องโก๋ที่ผู้คนเกลียดชัง สาปแช่ง ล้วนอยู่ที่ตนเอง
คลังกระทู้เดิม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้