รักแท้หรือแค่ผลประโยชน์

สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ขอยืม ล็อคอินเพื่อนมาคะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา มีเรื่องจะมาเล่าหรืออาจจะเรียกว่าปรึกษาก็ได้นะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า เรากับแฟน คบกันมา 6 ปี ครบรอบ 6 ปี เมื่อวันที่ 28-03-59 ที่ผ่านมา คบกันมาตั้งแต่ช่วงปี 1 เราเรียนคณะ เดียวกันค่ะ ส่วนเขาเป็นรุ่นพี่ 1 ปี คบกันมาดูแลกันมาตั้งแต่ตอนเรียน เราดูแลเขาทุกอย่างเลย รีดเสื้อผ้า ซักผ้า เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ไปเรียน เขาแค่มีหน้าที่นอนตื่นมาแต่งตัวไปเรียนแค่นั้นเอง กลับมาเล่นเกมส์อ่อนไลน์ ก็เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนบางทีเราเหนื่อย เราบอกเขาให้ทำงานบ้านบ้างเขาไม่เคยทำ หรือเราจะปล่อยให้ห้องรก เขาก็จะไม่เก็บ จนเราทนไม่ได้ก็มาเก้บเอง คอยลงทะเบียนเรียนให้ จัดตารางเรียนให้ เตรียมสมุดหนังสือไว้ให้ไปเรียน เวลามีสอบราชการ เราก็คอยสมัครให้ จัดการให้เขาทุกอย่าง ถามความคิดเห็นแค่ว่าจะลงสมัครที่ไหนดี แค่นั้นเอง ไปจ่ายเงิน หรือปริ๊นบัตรเข้าห้องสอบ เราเป็นคนจัดการให้ทุกอย่างค่ะ
        แม้กระทั้งเวลาไม่มีตังค์ซื้อข้าวกิน มีมาม่าห่อเดียว เราก็ไม่เคยทิ้งเขาไปไหน ยังอยู่กับเขา แบ่งมาม่ากันกิน มีคนมาจีบเราเยอะค่ะ แต่เราไปได้ชอบ หน้าตา การงาน การเงินดี พร้อม เราไม่อยากทิ้งเขาไปไหน ง่ายๆคือรักเขายอมลำบากกับเขานั้นเองค่ะ มีอะไรก็ช่วยเหลือกันมาตลอดแบบนี้
        จนเขาเรียนจบ ก็ไปทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง จะบอกนะคะว่า แฟนเราเป็นพูดจาดี คุยสนุก แฟรนด์ลี่ เข้าได้กับทุกคน แต่หน้าตาไม่ดีนะคะ ก็คงมีสาวๆมาติดบ้าง อันนี้เราพอรู้ เพราะเรามีรหัสเฟสบุ๊คเขา เราก็ตอยไปเช็คตลอดค่ะ ก็มีสาวแก่แม่ม้ายมาติดพันธ์อยู่คนหนึ่ง แต่ในเฟสบุ๊คก็มีรูปคู่ เรานะค่ะ มีการแท๊กหากันตลอด !!! ผญ ก็น่าจะรู้นะว่ามีแฟนแล้ว เขาก็คุยกันปกตินั้นแระค่ะ พอเรารู้ก็บอกกับคนของเราไปว่า โตแล้วรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ก็แค่นั้น เขาก็บอกว่าแค่คุยกันเฉยๆพี่ที่ทำงาน เราก็โอเค เชื่อใจค่ะ
        สาเหตุที่เราเชื่อใจเพราะ เราไม่อยากคบใครอยู่บนความระแวง มันเหนื่อยนะคะ ที่คบไปกันไปต้องระแวงกันไป มันไม่มีความสุข จนกระทั้ง ปลายปี 57 เขาสอบราชการได้ เราจัดการให้เขาค่ะ จัดการทุกอย่างเลย สมัครสอบ สอบติดพาไปรายงานตัว แต่ไม่ได้พาไปทดสอบร่างกาย เนื่องจากว่าติดงาน ไม่อยากลางาน ทดสอบร่างกายพี่สาวเขาพาไปค่ะ
        ปลายเดือน ตค.เขาต้องเข้ารายงานตัวที่ ศุนย์ฝึก เราพาเขาไปไม่ได้ เลยให้เขาไปคนเดียว เราก็ถามเขาแล้วว่าไปคนเดียวได้ไหม เขาบอกว่าได้ เราก็โอเค ก็คิดว่าโตแล้วไปคนเดียวก็ได้นิ เพราะเราทำอะไรด้วยตัวเองมาตลอด สมัครงานเอง หางานเอง ไปสัมภาษณ์งานเอง ไปสถานที่ต่างๆเองโดยไม่มีคนพาไปได้ เราก็เลยคิดว่าเขาเป็น ผช ก็น่าจะทำได้เหมือนกัน
        ปรากฏว่า วันที่เขาไป เราเช็คไลน์ มี ป้าแม่ม้ายลุกหนึ่งทักมา บอกคิดถึงแล้วก็เรียกแฟนเราว่า หมูดำ  เราก็ น่ะ ถึงขนาดเรียกกันแบบนี้แล้ว ไม่น่าจะธรรมดา เราก็บอกเขาไปว่า "ป้าโตๆแล้ว มีลูก 1 แล้ว ก็ควรมีจิตสำนึก รู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เรารู้ว่าป้า ชอบแฟนเรา อันนี้เราห้ามความรู้สึกป้าไม่ได้ แต่ป้าห้ามการกระทำป้าได้ โตแล้วอย่าให้เด็กต้องสอน"     จบไป เราก็ไม่ได้อะไรมากมาย แฟนเราไปถึงก็รายงานตัวค่ะ ว่าถึงแล้ว ทำนู้นนี้นั้น เช่าห้องอยู่กับพี่อีกคนที่ไปรายงานตัว ขอตัวไปตัดผม กินข้าวก่อนนะ แต่เป็นแปลกๆ ไม่ค่อยโทรหาหรือว่าอะไรบ่อย มีพิรุธ นิดหน่อย เราก็ปล่อยไป เขา รร. ที่ศูนย์ฝึก เขาไม่ให้ใช้โทรศัพท์ค่ะ ต้องฝากไว้ แฟนเราก็ฝากไว้กะพ่อพี่ที่ไปด้วย ก็เขาเรียน มีหยอดตู้โทรมาหาช่วงที่ว่าง
        มีอยู่ช่วงหนึ่ง เขาเรียนได้ 2 สัปดาห์ ทาง รรมีโรคระบาด คือนักเรียนที่ฝึกเป็นโรคตาแดงกัน ทาง รร เลยปล่อยให้นักเรียนออกมาก่อนกำหนด เพื่อปิด รร ทำความสะอาดใหญ่ และให้คนที่เป็นตาแดงไปทำการรักษา ปล่อยออกมาวันพุธเย็นค่ะ ก็ให้หยุด พฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ที่เรารู้เพราะเรา ไปติดตามเฟสบุ๊คของศูนย์ฝึก มีอะไรเขาจะแจ้งข่าวผู้ปกครอง เราก็เลยรู้ควาเคลื่อนไหวของแฟน พอเรารู้ว่าศูนย์ฝึกมีโรคติดเชื่อ เราก็เลยไปหาซื้ออุปกรณ์ป้องกัน น้ำย่ล้างมือ สบู่ ที่ป้องกันเชื่อแบคทีเรียมาไว้รอ ปรากฏว่า เรารอแฟนทั้งคืน แฟนไม่มา เราทำงานที่ กทม แฟนฝึกที่ชลบุรีค่ะ ซึ่งนั่งรถตู้มา 1 ชม. ก็น่าจะถึงแล้ว แถมยังติดต่อไม่ได้อีกต่างหาก เราก็เป็นห่วง รอถึงสว่างก็ไม่มา เลยโทรหาแม่แฟน ถามว่าแฟนกลับบ้านไหม แม่บอกไม่ได้กลับ เลยโทรถามพี่ชายแฟนที่ทำงาน กทม ก็บอกว่าไม่เห็นมา ตอนแรกกะจะไปแจ้งความคนหาย แต่ยังไม่ครบ 24 ชม. เช็คอุบัติเหตุทุกที่ ระหว่าง ชลลบุรี กทม ก็ไม่มี เราก็เลยร้อนใจ เรามีเฟสบุ๊คแฟนใช่ไหมค่ะ เลยเอารูปเขาไปโพสให้กลุ่มเพื่อนที่ฝึกด้วยกันเพื่อตามหา ก็มีคนอินบ๊อกมาบอกว่า เจอเขาขึ้นรถตู้เพื่อนมา กทม และจะไปต่อที่อยุดธนา เราก็โป๊ะเช๊ะเลยจ้า ไปหาอิป้านั้น พอรู้เราก็นิ่งนะเสียใจ แม่แฟนโทรมาบอกว่าแฟนไปยุดยา เพราะพี่ชายที่เขาเคยไปทำงานที่นั้นบบอกว่าเห็นแต่ไม่ได้ไปหา เราก็บอกแม่เลยว่า แฟนเราไปหา ผญ คนอื่น (ก่อนอื่นบอกก่อนะคะว่าเราสองคนคบกันพ่อแม่รับรู้ค่ะ)
           และหลังจากนั้นก็เงียบไปไม่โทรมาไม่ติดต่อ เราเลยเอาเฟสแฟนทักไปหาเพื่อนเขาที่ยุดยา บอกว่าเห็นเขาไหม อยู่ที่ไหน ไม่ติดต่อมาเลย อะไรประมารนี้ คือทำเป็นไม่รู้ และตอนคืนวันพฤหัส แฟนก็เอาเฟสบุ๊คตัวเองมาตอยคอมเม้นว่า "มาเที่ยวกับเพื่อนที่สัตหีบ ยังไม่ตาย ขอหายใจด้วยตัวเองบ้าง ทุกวันนี้เหมือนคนพิการไปแล้ว เสร็จแล้วจะกลับ" แต่เรารู้ว่าเขาอยู่ไหน แสดงว่า เราเข้าไปจัดการชีวิตเขาทุกอย่าง จนเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง บางทีเราไม่รู้ตัว เพราะเขาไม่เคยบอก และทุกสิ่งที่เราทำให้เขาก็มีแต่ความหวังดี ไม่เคยคิดร้าย มีแต่ผลดีกับตัวเขาทั้งนั้น สรุปคือ แฟนไปนอนกะอิป้าคนนั้นค่ะ อยู่กะป้าคนนั้น พุธเย็น พฤหัส แล้วก็ศุกร์เย็นกลับมาหาเรา จะขอบอกก่อนะคะว่า ตอนแฟนเข้า ศุนย์ฝึก เราทำงานแล้ว รายได้ก็พอส่งพ่อแม่ส่งน้องเรียนได้ และยังส่งแฟนเรียนที่ศูนย์ฝึกด้วยค่ะ ดูแลค่าใช้จ่ายทุกสิ่งอย่างให้เขาหมดเลย ทางบ้านเขาจะได้ออกเฉพาะก้อนแรกที่เข้ามาเรียนแค่นั้นค่ะ
           หลังจากนั้นเขาเราะเลิกกับเขา หลังจากที่จับได้ เขาก็บอกว่าเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ เราจะเลิกเขาก็ขอโอกาสอีกครั้ง โอเคเราให้โอกาสเขาค่ะ หลังจากนั้นเขาก็ทำตัวปกติทุกอย่าง ไม่มีนอกลู่นอกทางอะไร
           จนเขาเรียนจบ แล้วก็ได้ทำงาน ก็ทำงานที่ชลบุรี ไม่ได้ไกลจาก กทม เลยค่ะ เรื่องการเงินของเขาเราก็ไม่ได้เข้าไปช่วยแล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเรานะคะ ต่างคนต่างหาเงิน ดูแลครอบครัวของตัวเองไป จนเขาทำงานได้ 1 เดือน เขายังไม่มีเงินเก็บ แต่เขาอยากได้บิกไบค์ ซึ่งเราก็มองว่ามันไม่จำเป็น เพราะเขาไม่ได้ใช่อะไรมาก ที่พักกับที่ทำงานใกล้กันนิดเดียว เขาก็ตื้อๆ อยากจะได้ แล้วก็ปฏิเสธไปแล้ว จนเขาก็ตื้ออีกเราก็เลยใจอ่อนค่ะ
            หลังจากนั้นก็ไปซื้อบิกไบค์ให้เขานะ ไม่ได้ซื้อสดนะคะ ดาวน์ เราเป็นคนดาวนให้เกือบแสน แล้วซื้อรถเป็นชื่อเรา ซึ่งเขาบอกจะเก็บเงินก้อนมาคืนให้ ส่วนผ่อนจะผ่อนเอง เราก็โอเค เพราะเราก็ไม่ได้รีบใช่เงินอะไรอยู่แล้ว หลังจากนั้นมาเขาก็เรียนต่อ ป.โท คะ ซึ่งเขาก็ถามความคิดเห็นเราแระ เราก็บอกว่าแล้วแต่ถ้ามีตังค์เสียค่าเทอม เขาก็บอกว่าหาได้ แต่เงินก้อนแรก เราเป็นคนช่วยค่ะ เขาขอยืมเราก่อน ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเขาบอกว่า ถ้าเรียนมันก็ดีสามารถสอบเลื่อนขั้นได้เร็วและคู่แข่งน้อย ในระดับนี้ เราก็จ่ายก้อนแรกให้เขา เราก็ใช้ชีวิตปกติค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวด้วยกัน งานเราก็เยอะ งานเขาก็เยอะ แล้วก็เครียดด้วย เราจะไปหาเขา เดือนละ 1 ครั้งค่ะ แต่เขาไม่เคยมาหาเราเลย เพราะเขาจะทำงานตลอด ช่วงหยุดเทศกาล เราก็จะไปอยู่กับเขานะคะ เพราะเราจะกลับบ้านช่วง หลังเทศกาล หรือว่าก่อนเทศกาลอยู่แล้ว เพราะคนเยอะแล้วรถก็ติดด้วย เลยหลีกเหลี่ยงโดนการ กลับก่อน หรือหลังดีกว่า
          จนเขาทำงานได้ 6 เดือน ช่วงสงกานต์ เราก็ไปอยู่กับเขานะ แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเท่าไร เขาทำงาน เราก็ขายของไป เจอกันช่วงดึก ช่วงเขาเลิกงานค่ะ เราก็รอเขากินข้าว หลังจากนั้นเราก็กลับมาทำงานที่ กทม ช่วงหลังๆ เรางอล หรือน้อยใจอะไร เขาไม่ค่อยสนใจ ไม่ค่อยโทรหา โทรไปไม่รับ ไลน์มาก็ช่วงเที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสอง โทรไปปกติจะรับตลอด 5 สาย ไม่รับ แล้วก็ไม่โทรกลับ ประมาณนี้ค่ะ
         จนเรารู้สึกแปลก ๆ ตัวเราเองก็ไม่ใช่คนจี้ จิก ขนาดนั้น ถ้าเขาหายไปเราถึงจะถาม กินเหล้าไม่เคยว่า เพราะเราคิดว่า เขารู้ลิมิตตัวเอง จนเดือน พค.ที่ผ่านมา มันรู้สึกแปลกจนเห็นได้ชัด เราก็อึดอัด เอามีปัญหาที่ทำงาน ที่บ้านจะปรึกษา แต่ก็ไม่เคยได้คุย เขาไม่ว่างตลอด เอาเป็นว่าเรามีปัญหาอะไร ปรึกษาเค้าไม่ค่อยได้ แล้วก็ระบายก็ไม่ค่อยได้ เขาไม่ค่อยจะรับฟัง วันนั้นเราโทรหาเขา 50 กว่าสายไม่รับเลย แล้วก็ปิดเครื่อง เลยตามไปที่พักที่ทำงาน ถึงประมาณห้าทุ่มครึ่ง
         พอเข้าไปถึง ที่นอนเรียบร้อยมาก เหมือนไม่ได้นอนมานานมาก พวกครีม โลชั่นหายไป แต่ชุดทำงานยังอยู่ กระเป๋าเป้สะพายก็หายไปด้วย รถก็ไม่อยู่ เราเลยนั่งรอ เพราะทำงานเที่ยงคืน จนเกือบเที่ยงคืน เขาก็ขี่รถมา ก็กดโทรศัพท์เล่นๆๆ ตอนแรกเรานึกว่าแบตหมด ที่จริงปิดเครื่อง เราเลยถามว่าไปไหนมา เขาเห็นเราเขาตกใจมาก หน้าเสียเลย บอกว่าไปในเมืองมา แค่นี้เราก็รู้แล้วค่ะ เขาก็พยายามเปลี่ยนเรื่อง พูดเรื่องอื่นไป สุดท้ายเราเลยถามว่าทำแบบนี้ได้ไง เราก็ร้องไห้คนมันเสียใจอ่ะ เขาก็ยอมรับ บอกคุยกะน้องเขามาแล้ว 1 เดือน เราถามว่า ผญ รู้ไหมว่ามีแฟนแล้ว เขาบอกว่ารู้ แต่ก็ยอมรับได้ เราเสียใจมาก ทำไมทำแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราไม่เคยทำแบบนี้เลย พอเราาร้องไห้ เขาก็บอกว่าเราเอาน้ำตามาอ้าง ซึ่งเราพึ่งร้องไห้เอง เราถามเขาว่า เราให้โอกาสเขามาเพื่อ ทำร้ายเราอีกรอบเหรอ เขาบอกว่า "หึ....คำพูดสวยหรู่มาก" เราพูดไม่ออกเลย แล้วถามว่าทำผิดอะไร หรือไม่ดีตรงไหน เขาก็บอกว่าไม่มี
        หลังจากนั้นเราเลยขับรถออกมาค่ะ ไปหาเพื่อนที่พัทยา ฝนตกฟ้าร้อง เขาก็ไม่ห้ามเลย เราขี่บิกไบค์เหมือนกันค่ะ นั่งมองเราขี่รถออกมา แล้วก็โทรตามเพื่อ? แล้วก็ส่งข้อความมาบอกว่า ถ้าจะจบก็อยากให้จบด้วยดี อยากคุยธุระแล้วก็เรื่องรถด้วย แสดงว่าเขาไม่สนใจเราเลยจะไปไหนก็ไป เราเจ็บนะ เสียใจด้วย ระหว่างนั้น เขาก็ยังไปหา ผย คนนั้น แล้วก็ไปนอนกะเขา หัวใจเขาสองคนทำด้วยอะไร ทำไมทำกันได้ขนาดนี้
ขนาดน้องเราก็ตามหาเรา โทรไปหาเขาว่าเราหายตัวไป เขาก็ไม่สนใจอะไรเลย ก็มีแค่ทักเฟสไปหาเพื่อนว่าเจอไหม โทรถามเพื่อนเราว่าเห็นเราไป แล้วก็ไปนอนกะ ผญ คนนั้นอยู่ดี
        หลังจากวันนั้น เราก็กลับมา กทม เพราะต้องทำงาน บอกให้เขาเลิกกะ ผญ คนนั้นได้ไหม เขาบอกไม่ได้ รักเขาไปแล้ว ซึ่งเรา งงมาก 1 เดือนมันเรียกว่ารักเหรอ แล้ว รู้จักกันดีพอแล้วเหรอ มีอะไรกันแล้ว (อันนี้เราไม่ได้พาดพิงใครนะคะ) เขาบอกขออยู่แบบนี่สามคน เพราะเขาก็ทิ้งเราไม่ได้ เราอึ้งหนักกว่าอีก คือเขาคิดอะไรของเขา ทำไมเห็นแก่ตัวแบบนี้ เราไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กะเรา คือถ้าเราจับได้แล้วเลิก ก็จะไม่ว่าอะไรเลย นี่ไม่ยอมเลิก คือหลงเขาหนักมาก เราก็เลยปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวเผื่อจะคิดได้ แต่เขาก็ไม่อยู่คนเดียว ไปอยู่กะ ผญ คนนั้น ซึ่งเขาอยู่ใกล้กันกว่าเรา เราขอร้องอ้อนวอน ทุกอย่างเพื่อให้เขากลับมา พยายามทุกอย่าง แต่เราพยายามอยู่ฝ่ายเดียว
      เขาเคยพูดว่าจะไม่ทิ้งเรา แต่เขาก็จะทำเพื่อให้เราถอยออกมาเอง เขาบอก ผย คนนั้นดี ดูแลเขาเหมือนที่เราดูแลเลย ผญ คนนั้นไม่ได้อยากได้ตัวเขาเลย ขอแค่ได้ดูแลก็พอ แล้ว ผย คนนั้น ก็บอกให้แฟนเรากลับมาหาเรา ซึ่งเขาบอกว่าแก้วที่มันร้าว ต่อยังไงก็ไม่เหมือนเดิม คือเขากลัวว่าจะอยู่ด้วยความระแวง แล้วก็ไม่มีความสุข อีกอย่างเขาบอกว่าเราไม่ย้ายไปอยู่กะเขาที่ชลเอง ซึ่งเรามองว่าเรามีภาระหน้าที่ต้องดูแล มีน้องต้องส่งเรียน มีพ่อแม่ที่ต้องดูแล เราทำงานที่ กทม มันก็พอมีรายได้ที่จะใช้จ่ายและดูแลคนในครอบครัว ถ้าเราไปทำที่นั้น รายได้ก็ลดลง เราก็ดูแลพ่อแม่เราได้ไม่เต็มที่ ไหนจะภาระเพิ่มมาอีก นั้นมันคือเหตุผลของเขา ซึ่งโอเคตกนี่เราผิดเราขอโทาเขา แต่เขาไม่เคยขอโทาเราตั้งแต่เกิดเรื่อง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่