วันนี้มาแชร์ประสบการณ์ เที่ยวญี่ปุ่น แบบครอบครัว (ใหญ่) มีสมาชิกทุกวัย เริ่มตั้งแต่สมาชิกอายุน้อยสุด 5 ขวบ
ถึงสมาชิกอายุเยอะสุด 67 ขวบ โดยสมาชิกในทริป มีดังนี้
               คุณพ่อ+คุณแม่ ของคุณฝาชี
               พี่สาวของคุณฝาชี+พี่เขย+ลูกชาย 2 คน
               พี่ชายของคุณฝาชี
               และคุณฝาชี + จขกท.
รวมลูกทัวร์ทั้งหมด 9 ชีวิต เมื่อสมาชิกเยอะ  ความ โหด มันส์ ฮา ตามชื่อเรื่อง จึงบังเกิด ทริปนี้พวกเราไปเที่ยวกันแบบ งูๆ ปลาๆ
มีไก่ เอ๊ย ไกด์ ซึ่งก็คือ คุณฝาชีของ จขกท. เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ รู้ภาษาญี่ปุ่น และรู้ข้อมูลต่างๆ ทั้งเรื่องสถานที่เที่ยว ร้านอาหาร
แหล่งช้อปปิ้ง การขึ้นรถโดยสาร และรถไฟแต่เพียงผู้เดียว แค่เริ่มก็ มันส์ แล้วววววว

ขอออกตัวก่อนนะคะ หากคุณกำลังจะหาข้อมูลสำหรับไปเที่ยวญี่ปุ่น ข้อมูลสถานที่เที่ยว ข้อมูลร้านอาหาร วิธีการเดินทาง ฯลฯ
ให้ข้อมูลได้เท่าที่จำได้นะคะ สถานที่เที่ยวบอกได้ว่าไปไหนมาบ้าง แต่ถ้าถามวิธีเดินทางไปสถานที่นั้นๆ บอกเลยว่า
ไม่สามารถอธิบายได้นะคะ (เดินตามคุณฝาชีอย่างเดียว) วิธีเดินทางโดยรถไฟต่างๆ อธิบายไม่ได้เลยนะคะ ขึ้นลง เปลี่ยนสถานีจน
จขกท. และลูกทัวร์ งง ไปหมดค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าจะเข้ามาหาข้อมูลเพื่อเตรียมตัวไปเที่ยว แนะนำให้หาจากกระทู้อื่นๆ เลยนะคะ
มีสมาชิกพันทิป รีวิว ข้อมูลต่างๆ มากมาย ตัวจขกท. เอง ก่อนเดินทาง ก็เข้ามาอ่านข้อมูลในพันทิป นี่แหละค่ะ

กระทู้นี้ออกแนวอวดนะคะ ว่าชานก็มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเค้ามาเหมือนกันนะ เพราะฉะนั้น สาระจะไม่มีนะคะ
เป็นกระทู้ไร้สาระ (แบบ จขกท.) ล้วนๆ (ด่าได้แต่อย่าแรง)

เริ่มต้นจากการพูดคุยกันระหว่างพี่สาว และคุณฝาชี ว่า “แกๆ ชานอยากไปญี่ปุ่นอ่ะ” ทริปนี้จึงบังเกิด เมื่อเลือกวันสำหรับจะเดินทางได้แล้ว
ขั้นตอนต่อไป คือ หาตั๋วเครื่องบินราคาถูก และหาที่พัก ส่วนนี้ จขกท. รับหน้าที่ไปจัดหา จขกท. หาข้อมูลอยู่เป็นอาทิตย์ ยังไม่มีที่ถูกใจ
เพราะด้วยข้อกำหนดของคุณฝาชี คือ เดินทางโดยไม่แวะเปลี่ยนเครื่อง และที่นั่งบนเครื่องต้องสบายๆ หน่อย เพราะฉะนั้น ก็ตัด
สายการบินแอร์เอเชีย ออกไปได้เลย เพราะไม่ตอบโจทย์คุณฝาชี จขกท. ก็แวะเวียนกันอยู่ที่หน้าเว็ป การบินไทย Jal ANA
หากันอยู่นาน ลองเปลี่ยนวันเพื่อให้ได้ราคาตั๋วที่ถูกลง ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ งั้นเลือกราคาที่ดีที่สุดของทั้ง 3 สายการบินไว้ก่อน
ค่อยมาว่ากันอีกที ทีนี้ก็เปลี่ยนมาดูที่พักบ้าง ดูโรงแรม นั้น นู้น นี้ มากมาย ก็ยังไม่ตอบโจทย์เช่นเคย โจทย์ คือ อยากได้โรงแรม
ที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟ เดินทางสะดวก หาของกินง่าย หากันเป็นอาทิตย์เหมือนกัน ก็ยังไม่โดน ลองเปลี่ยนไปดูพวก Airbnb
ก็มีที่น่าสนใจอยู่ เป็นแนวๆ บ้านพัก หรืออพาร์ทเมน พักได้หลายคน ก็เลือกๆ ที่ที่สนใจที่สุดไว้ 2-3 แห่ง ช่วงระหว่างรอตัดสินใจอยู่นั้น
พระเจ้า expedia ก็มาโปรด โดยการปล่อย โปร ตั๋วเครื่องบินสายการบิน Jal + ที่พัก ราคาประหยัด เลยลองเข้าไปหาดู สุดท้าย
ก็เจอโรงแรมที่ถูกใจ และ ตั๋วเครื่องบินราคาประหยัด จึงลงเอยกันที่เดินทางโดยสายการบิน Jal ออกเดินทางวันที่ 7 พ.ค. 59 เวลา 23.00น.
เดินทางกลับวันที่ 14 พ.ค. 59 เวลา 00.55น. พักที่โรงแรม ibis styles Osaka (ซึ่งเป็นโรงแรมที่สะดวกสบายในการเดินทางมาก
และอยู่ใกล้แหล่งช็อปปิ้ง shinsaibashi มากๆ) และที่สำคัญพร้อมอาหารเช้าด้วย ค่าเสียหายอยู่ที่ คนละ 26,000 บาท โดยประมาณ

เวิ่นเว้อมาเยอะและ มาเริ่มออกเดินทางกันเลยดีกว่าค่ะ

รูปภาพทั้งหมด ถ่ายจากกล้องหลายตัว ทั้งจาก iPhone 5, 6, 6s / note6 / และกล้องโปรค่ะ



เริ่มด้วยการเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง คุณฝาชี ก็วางแผนว่าจะพาลูกทัวร์ไปเที่ยวที่ไหนบ้าง และเอาข้อมูลต่างๆ มาให้ จขกท. ทำโปรแกรมทัวร์
ซึ่งจะแตกต่างจากวันเดินทางจริงเล็กน้อย ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ และความเหน็ดเหนื่อยของลูกทัวร์

หน้าตาโปรแกรมทัวร์ ที่จขกท. ทำค่ะ คุณฝาชีบอกว่าให้ทำเป็นภาษาอังกฤษ เผื่อ ตม. ญี่ปุ่นถามว่ามาทำอะไร จะได้เอาให้เค้าดู
รอบคอบจริงๆ











เมื่อได้โปรแกรมทัวร์แล้ว ก็มาเก็บกระเป๋า เตรียมตัวเดินทางกันเลยค่ะ



เนื่องจากเป็นเที่ยวบินกลางคืน คืนนี้เราก็ไปนอนบนเครื่องบินกันนะคะ เตรียมตัวตะลุยญี่ปุ่นกันในวันพรุ่งนี้
.
.
.
.
.

เช้านี้ที่ ญี่ปุ่น พระอาทิตย์ออกมายิ้มทักทายกันแล้ว



หลังจากผ่านพิธีการต่างๆ ในสนามบินเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็มีภาระกิจที่ต้องทำก่อนจะไปเที่ยวสถานที่แรกกัน
โดยภาระกิจ มีดังนี้ คือ เอากระเป๋าเดินทางไปฝากบริการขนส่งกระเป๋า ไปแลกตั๋ว JR wide pass และซื้อ Osaka amazing pass
พวกเราเลยต้องแบ่งทีมสำหรับทำภาระกิจกัน โดย คุณฝาชี ผู้รู้ภาษาญี่ปุ่น ไปฝากกระเป๋า กับคุณพี่เขย ส่วน จขกท. และพี่ชายคุณฝาชี
ไปแลกตั๋ว JR และซื้อ Osaka amazing ส่วนคุณตา คุณยาย พี่สาวและเด็กๆ ก็ไปล้างหน้าแปรงฟันรอ เมื่อเสร็จภาระกิจ ก็ออกเดินทาง
ตามโปรแกรม วันแรก เราจะไปเที่ยว เมืองนารา กัน เมื่อออกมาจากสนามบิน เจออากาศภายนอกปะทะหน้า บอกได้คำเดียวว่าเย็นมาก
ต่างก็หยิบมือถือ มาเช็คอุณหภูมิกันใหญ่ เลขที่ออกวันนี้ 15 องศา เย็นๆ สบายๆ หาเสื้อใส่เพิ่มกันแทบไม่ทัน

อ้อ ลืมบอกไปค่ะว่า พวกเราเช่า wifi ไปจากเมืองไทย 2 ตัวค่ะ ของ ซามูไร กับของ 4G ซึ่งดูแลพวกเราตลอดการเดินทาง ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง
แต่ก็ โอเค ค่ะ

ซื้อนมซื้อขนมใน 7 eleven รองท้องกันหน่อย ได้กล่องนี้มาบอกได้คำเดียวว่า “อร่อย”



ถึงแล้วค่ะ “วัดโทไดจิ” แต่ก่อนจะเข้าไปถึงในวัดได้ พวกเราต้องเดินผ่าน สนามเด็กเล่น ของพวกกวางทั้งหลายก่อนค่ะ
กวาง คือ สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนารานะคะ ก่อนจะเข้าไปในวัดกันเด็กๆ ก็อยากจะให้อาหารกวาง ขณะให้อาหารกวาง
ก็เกิดความชุลมุนวุ่นวาย น้องกวางทั้งหลายก็จะมารุมล้อมพวกเรา ราวกับ แมลงวันตอม...(อาหาร)ก็ไม่ปาน ในช่วงที่ชุลมุนกันอยู่นั้น
ก็มีน้องกวางตัวหนึ่ง งับ เข้าที่ก้น ของ จขกท. อยากจะบอกว่า เธอๆ เห็นเราเนื้อเยอะ แต่เราไม่อร่อยเหมือนอาหารเธอหรอกนะ
หลังจากพยายามแหวกวงล้อมออกจากพวกน้องกวางได้แล้ว เพิ่งจะได้เห็นป้ายเตือน ระวัง! น้องกวาง กัด ทีบ แทง จขกท. คิดในใจ
โชคยังดีที่พี่โดนแค่กัด ยังไม่ถึงขั้นทีบ และแทง ว่าแล้วก็รีบจรลีกันดีกว่า ไม่งั้น ทีบ กับ แทง คงจะตามมาในไม่ช้า

ภาพความชุลมุนวุ่นวาย







หน้าตาอาหารของน้องกวาง



ตัวนี้คงคิดว่าตัวเองคือ นายแบบ



Warning น้องกวาง



ถ่ายภาพเป็นที่ระทึก เอ๊ย ระลึกซะหน่อย



ถึงทางเข้าวัดแล้วค่ะ เดินไกลเหมือนกัน ขอเหลานิดนึงนะคะ ไปญี่ปุ่น 6 วัน เดินเท่ากับเราอยู่เมืองไทย 1 ปีเลย เพราะปกติอยู่เมืองไทย
วันๆ ไม่ได้เดินไปไหน มาทำงานก็นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานทั้งวัน แต่ไปญี่ปุ่นนี่ วันๆ นึง เดินไม่ต่ำกว่า 10 กิโล โอ้แม่เจ้า ไม่อยากจะเชื่อว่า
ตัวเองเดินไปได้ยังไง คุณฝาชีวัดจำนวนก้าว ตกประมาณ วันละ 27,000 ก้าว สูดดดดดยอดดดดด

















เมื่อกราบสักการะพระใหญ่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินรอบๆ ก็จะเจอกับเสาต้นใหญ่ที่นักท่องเที่ยวต่อแถวรอลอดช่องของเสาเพื่อขอพร
งานนี้ไม่ต้องถามว่า จขกท. ได้ลอดไหม ดูจากหุ่นของตัวเองแล้ว ลักษณะจะไม่ลอดออกจากเสา ถ้าเกิดลอดไปจะเป็นปัญหา
ต้องตัดเสากันอีก นักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ ก็จะไม่มีเสาไว้ขอพร เพราะฉะนั้น เพื่อประโยชน์สุขของนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ จขกท.
เลยต้องขอบาย นะจ๊ะ ให้พวกหลานๆ สนุกสนานกับการลอดเสากันก็พอ