สวัสดีทุกคนค่ะ วันนี้เราเปลี่ยนมาเป็นเล่าเรื่องของคนอื่นให้ฟังบ้าง เราเขียนลง Blog ไว้ มีเพื่อนๆ แนะนำมาว่าอาจจะเป็นข้อคิดที่ดีสำหรับสาวๆ หลายๆ คน เลยให้นำมาลงในพันธ์ทิพย์บ้าง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความรักของคนสองคนที่มีความแตกต่างกันแล้วมาเจอกัน เรื่องราวจะลงเอยอย่างไรไปฟังกันเนาะ
เมื่อพูดถึงคู่รักสาวไทยกับหนุ่มอินเดียที่ได้แต่งงานสมหวังกันไป จริงๆ มีเยอะนะ ส่วนมากแต่งกันไปแล้วก็อยู่กันแบบมีความสุขดี แต่กว่าจะได้มีความสุขแบบทุกวันนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะด้วยกันเกือบทุกคู่ มีน้อยมากที่ชีวิตจะราบรื่นตั้งแต่ก่อนแต่งถึงหลังแต่งงานแบบ Happy ending forever
(เรื่องราวที่จะเล่าและรูปภาพต่าง ๆ ได้รับการอนุญาติจากเจ้าตัวแล้วนะจ๊ะ ขอความกรุณาคอมเม้นท์อย่างให้เกียริ์ตและสุภาพด้วยนะค๊า)
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต เพื่อพักสายตาบ้างรัยบ้าง
เรื่องราวนี้เป็นของน้องที่สนิทกันคนนึง ซึ่งก็รู้จักผ่านทาง Blog ของเรา แล้วได้เจอกัน ชะตาชิวิตของน้องคนนี้ก็ได้มาเกี่ยวพันกับหนุ่มอินเดีย จนกระทั่งตอนนี้มีหนุ่มน้อย ๆ เป็นสมาชิกใหม่ในบ้านไปเรียบร้อยแล้ว จะสมหวังหรือไม่สมหวังลองอ่านกันดู เป็นข้อคิดที่ดีสำหรับสาวๆ ที่คิดจะตกลงปลงใจกับหนุ่มอินเดียเลยทีเดียว เรื่องราวค่อนข้างยาวพอ ๆ กับมหาภารตะเวอร์ชั่นไทยแลนด์ เราเขียนจากข้อความที่เนนำมาเล่าให้ฟัง และเราได้อยู่ในเหตุการณ์บ้างเล็กน้อย อ่านกันไปเรื่อย ๆ ลุ้นกันไปเรื่อย ๆ นะ ไม่มีพักโฆษณา มีแต่พักให้เดี้ยนมาเขียนต่อเป็นตอนๆ อย่าเพิ่งเบื่อ
เน เป็นหญิงสาวที่เกิดในครอบครัวคนจีน เนบอกว่าอากงนี่พายเรือมาจากจีนเลยทีเดียวเชียว เราเคยไปบ้านเนสองสามครั้ง ได้มีโอกาสเจอคุณพ่อและคุณแม่ ได้คุยกัน รู้เลยว่าพ่อแม่รักลูกมั่กๆ ถือว่าเป็นครอบครัวอบอุ่นเลยทีเดียว
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
เรื่องราวเริ่มต้นจากเนได้ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษแล้วได้ไปเจอกับมิสเตอร์เอ ละกัน (ขอใช้นามสมมุตินะ) ซึ่งเอเป็นเพื่อนเรียนในชั้นเดียวกันนี่แหละ หน้าตาดีเชียวเป็นคนอินเดียที่อาศัยอยู่มุมไบ นับถือศาสนา Jain เกิดที่ Gujarat กินมังสวิรัติ แรกๆ เนบอกว่าเฉย ๆ มาก ชริ อินเดียหรอ ชั้นไม่ชอบ ท่าทางเจ้าชู้ด้วย ทีนี้มาเริ่มสนิทกันเพราะฮีชวนไปห้องสมุด ไปทำอะไร อ่านหนังสือสิยะ ซึ่ง แรกๆ ไปกันเป็นกลุ่ม ไป ๆ มา ๆ หายไปทีละคนสองคน จนเหลือกันอยู่แค่เนกับเอ ซึ่งช่วงนั้นทำให้สองคนนี้สนิทกัน แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้เนประทับใจหลายๆ อย่างเช่น ดูแลเทคแคร์ เอาของมาฝาก จำรายละเอียดเกี่ยวกับเนได้(ชั้นว่าตอนนั้นนายนั่นคงชอบเนก่อนแล้วละ เอาใจขนาดเน้) เนบอกว่าชนะใจได้เพราะมีของกินมาให้บ่อย ๆ (เอ๊ะ ยังงัย) ช่วงนั้นก็เป็นเพื่อนกันไป ต่างคนต่างรอกันไปเรียนทุกเช้า จนวันนึงนายเอมาสารภาพรัก และขอแต่งงานเลย ช่วงนั้นเนก็เริ่มศึกษาเกี่ยวกับอินเดียมากขึ้น
ช่วงแรกๆ ของการมีความรัก เป็นช่วงโปรโมชั่น อะไรก็เป็นสีชมพูหมด ตอนนั้นเนก็เริ่มตกหลุมรักเอเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ก็เริ่มบอกแม่เรื่องนี้ แน่นอน หนุ่มอินเดีย สาวครอบครัวจีน ใครละจะเห็นด้วย โดยเฉพาะคุณแม่ร้องไห้ทุกวัน ซึ่งจริง ๆ ตัวเนก็เริ่มรู้ ว่าวัฒนธรรมอินเดียมีอะไรบ้างก็คิดอยู่ว่าจะไหวไหม แต่ตอนนั้นความรักมานมาเหนือสิ่งอื่นใดเลยคิดแต่ว่าศรีทนด้ายยย
ในที่สุด แม่เนก็ต้องตามใจด้วยความรักลูกเพราะตอนนั้นคงเล็งเห็นว่า กรูคงห้ามมานไม่ได้ละตอนเน้ รักกันขนาดเลยบอกว่างั้นก็จะทำใจเพื่อลูก บวกสะอื้นอีกสองสามรอบ เอาหัวโขกกำแพงอีกสามที (เอ้ย ไม่ช่าย ขอโต๊ดค้าบแม่)
ถึงเวลาทั้งสองคนเรียนจบ ได้เวลาเก็บของกลับบ้านกันแล้วจริงๆ เนบอกว่าอาจารย์แนะนำว่าให้เรียนต่อปริญญาเอกที่นั่นเลย แต่เนอยากรอทุนเลยอยู่รอซักพัก ระหว่างนั้นเอได้งานทำที่อินเดีย เลยตัดสินใจแยกย้ายกันกลับเอสัญญาว่าจะไปหา ช่วงนั้นเอได้แนะนำให้พ่อแม่ฮีรู้จักเนผ่านทาง Skype เท่านั้นแหละ ดราม่าเริ่มบังเกิด (แม่หันหน้ามา..rewind สามรอบพร้อมกับฟ้าผ่าสามที ตามแบบละครอินเดีย) พ่อแม่เอโมโหและสั่งให้เก็บของกลับอินเดียเดี๋ยวนั้นเลย เอถามว่าเราแต่งงานกันเดี๋ยวนี้ ที่นี่เลยมั้ยพ่อแม่เค้าจะได้ไม่ขัดขวางและไม่หาผู้หญิงคนอื่นให้อีกต่อไป แต่เนปฎิเสธบอกว่านี่เอ็งคิดว่าพ่อแม่ข้าไม่มีปัญหางั้นเรอะ ไอ้นี่นี่ เฮ้ย ไม่ใช่ อันนั้นเดี้ยนคิดเอง หุหุ เนบอกว่าถ้าพ่อแม่เค้าไม่ยอมรับเนก็ไม่แต่ง
ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านเกิดตัวเอง ทั้งสองคนได้ไปนั่งกระเช้า London Eye แล้วเอก็ขอแต่งงานอีกครั้ง (โคตรจะโรแมนติก ทำไมของตรูไม่เห็นมีแบบเน้) และสัญญาว่าจะมาเจอกันอีก หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับประเทศไป
ภาพจาก Pinterest
หลังจากกลับเมืองไทย เนก็เริ่มหางาน ในที่สุดชีก็ได้งานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หน่วยเภสัชพันธุศาสตร์ ตรงกะที่เรียนมา(คนมันเก่ง ก็ไม่รู้สินะ) ส่วนเอก็ได้เป็นหมอในบริษัทที่กำลังขยายผลด้านตรวจพันธุกรรมเอามาวินิจฉัยโรคเหมือนกัน เรียกว่าโชคดีทั้งคู่ได้งานตามสายที่เรียนมา (ก็ไม่รู้สินะครั้งที่ 2) ระหว่างนั้นทั้งสองคนก็ติดต่อกันทาง Skype เรื่อยมาโดยทางฝั่งเอก็จะต้องแอบคนทางบ้านคุยตลอด คุยได้แป๊บเดียวเพราะพ่อแม่คอยจับตาดูตลอด พร้อมกับบอกเอว่า ทำไมต้องไปชอบผู้หญิงไทยไม่รู้หรือว่ากำลังโดนหลอก นี่แกรู้ไหมว่าผู้หญิงไทยมีชื่อเสียงยังงัย บลา ๆ ๆ (ไม่อยากจะพูดว่าชีใส่ไฟว่าอะไรบ้าง เดี๋ยวของขึ้น ฮึ่ม) พร้อมทั้งบอกญาติๆ ให้มาช่วยกล่อมเอ ให้เลิกกับเนซะ (ทำงานเป็นทีมระดับเพชร) กล่อมทุกวัน พูดทุกวันส่วนเอก็เถียงว่าเนไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น แม่ฮีก็บอกว่า อะถึงชีไม่ได้เป็นผู้หญิงแบบนั้น แต่แต่งงานไปจะอยู่กันยังงัย คนละวัฒนธรรม คนละภาษาอยู่กันไม่รอดหรอก แต่เอก็ยังมั่นคง ยังแอบโทรติดต่อหาเนอยู่ทุกวันช่วงนั้นทั้งสองคนคิดถึงกันมากขึ้น และเนก็เริ่มเทคะแนนให้เอมากขึ้น
วันนึงพ่อแม่ของเอหาผู้หญิงให้ฮีไปดูตัว แต่ฮีไม่ยอมไป จนพ่อแม่โกรธมาก โดนพ่อตบหน้า เลยหนีไปนอนนอกบ้าน น่าสงสารอะ หายไปสองวันถึงจะกลับบ้าน หลังจากนั้นพ่อแม่ยิ่งตามติดมากขึ้นทะเลาะกับพ่อแม่ทุกวัน ร้องห่มร้องไห้จนน้ำท่วมบ้าน โดนคุมเข้ม จนคิดว่าตอนนั้นเอคงไม่ไหวแล้ว บอกกับเนว่าถ้าเค้าไม่สู้ต่อ เนจะว่าอะไรไหม เนบอกอ้าว ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้แล้วจะมาขอแต่งงานทำไมฟระ แล้วฮีก็ตัดสายไปแล้วหายไปเลยสองเดือน ระหว่างนั้นเนรู้สึกแย่มากก็มาคุยกับเดี้ยนเรื่อย ๆ ช่วงนั้นคิดว่าคงต้องทำใจแล้ว เพราะเค้าไม่สู้เพื่อเราหายไปแบบนี้ เนก็เริ่มถอดใจ แต่ลึก ๆ ก็เสียใจและเสียดาย ทั้งๆ ที่พ่อแม่เนก็ยอมรับเอแล้วด้วย แต่ ณ ตอนนั้นก็ยังทำอะไรไม่ได้
หลังจากนั้นสองเดือน จู่ ๆ ฮีก็โทรมาบอกว่า มีวิธีที่จะทำให้เราแต่งงานกันได้แล้ว เอ๊ะ วิธีนั้นคืออะไรน้อ ยังไม่บอกดีกว่า หุหุ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อต้องติดตาม เพราะยังเขียนไม่เสร็จ แหะๆ รออ่านตอนต่อไปนะจ๊ะ เดี๋ยววันนี้กลับมาเขียนต่อตอนเย็นค่า
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
สาวไทยหนุ่มอินเดีย..Happy but not the end.. ตอนที่ 1
เมื่อพูดถึงคู่รักสาวไทยกับหนุ่มอินเดียที่ได้แต่งงานสมหวังกันไป จริงๆ มีเยอะนะ ส่วนมากแต่งกันไปแล้วก็อยู่กันแบบมีความสุขดี แต่กว่าจะได้มีความสุขแบบทุกวันนี้ก็ผ่านอะไรมาเยอะด้วยกันเกือบทุกคู่ มีน้อยมากที่ชีวิตจะราบรื่นตั้งแต่ก่อนแต่งถึงหลังแต่งงานแบบ Happy ending forever
(เรื่องราวที่จะเล่าและรูปภาพต่าง ๆ ได้รับการอนุญาติจากเจ้าตัวแล้วนะจ๊ะ ขอความกรุณาคอมเม้นท์อย่างให้เกียริ์ตและสุภาพด้วยนะค๊า)
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต เพื่อพักสายตาบ้างรัยบ้าง
เรื่องราวนี้เป็นของน้องที่สนิทกันคนนึง ซึ่งก็รู้จักผ่านทาง Blog ของเรา แล้วได้เจอกัน ชะตาชิวิตของน้องคนนี้ก็ได้มาเกี่ยวพันกับหนุ่มอินเดีย จนกระทั่งตอนนี้มีหนุ่มน้อย ๆ เป็นสมาชิกใหม่ในบ้านไปเรียบร้อยแล้ว จะสมหวังหรือไม่สมหวังลองอ่านกันดู เป็นข้อคิดที่ดีสำหรับสาวๆ ที่คิดจะตกลงปลงใจกับหนุ่มอินเดียเลยทีเดียว เรื่องราวค่อนข้างยาวพอ ๆ กับมหาภารตะเวอร์ชั่นไทยแลนด์ เราเขียนจากข้อความที่เนนำมาเล่าให้ฟัง และเราได้อยู่ในเหตุการณ์บ้างเล็กน้อย อ่านกันไปเรื่อย ๆ ลุ้นกันไปเรื่อย ๆ นะ ไม่มีพักโฆษณา มีแต่พักให้เดี้ยนมาเขียนต่อเป็นตอนๆ อย่าเพิ่งเบื่อ
เน เป็นหญิงสาวที่เกิดในครอบครัวคนจีน เนบอกว่าอากงนี่พายเรือมาจากจีนเลยทีเดียวเชียว เราเคยไปบ้านเนสองสามครั้ง ได้มีโอกาสเจอคุณพ่อและคุณแม่ ได้คุยกัน รู้เลยว่าพ่อแม่รักลูกมั่กๆ ถือว่าเป็นครอบครัวอบอุ่นเลยทีเดียว
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
เรื่องราวเริ่มต้นจากเนได้ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษแล้วได้ไปเจอกับมิสเตอร์เอ ละกัน (ขอใช้นามสมมุตินะ) ซึ่งเอเป็นเพื่อนเรียนในชั้นเดียวกันนี่แหละ หน้าตาดีเชียวเป็นคนอินเดียที่อาศัยอยู่มุมไบ นับถือศาสนา Jain เกิดที่ Gujarat กินมังสวิรัติ แรกๆ เนบอกว่าเฉย ๆ มาก ชริ อินเดียหรอ ชั้นไม่ชอบ ท่าทางเจ้าชู้ด้วย ทีนี้มาเริ่มสนิทกันเพราะฮีชวนไปห้องสมุด ไปทำอะไร อ่านหนังสือสิยะ ซึ่ง แรกๆ ไปกันเป็นกลุ่ม ไป ๆ มา ๆ หายไปทีละคนสองคน จนเหลือกันอยู่แค่เนกับเอ ซึ่งช่วงนั้นทำให้สองคนนี้สนิทกัน แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้เนประทับใจหลายๆ อย่างเช่น ดูแลเทคแคร์ เอาของมาฝาก จำรายละเอียดเกี่ยวกับเนได้(ชั้นว่าตอนนั้นนายนั่นคงชอบเนก่อนแล้วละ เอาใจขนาดเน้) เนบอกว่าชนะใจได้เพราะมีของกินมาให้บ่อย ๆ (เอ๊ะ ยังงัย) ช่วงนั้นก็เป็นเพื่อนกันไป ต่างคนต่างรอกันไปเรียนทุกเช้า จนวันนึงนายเอมาสารภาพรัก และขอแต่งงานเลย ช่วงนั้นเนก็เริ่มศึกษาเกี่ยวกับอินเดียมากขึ้น
ช่วงแรกๆ ของการมีความรัก เป็นช่วงโปรโมชั่น อะไรก็เป็นสีชมพูหมด ตอนนั้นเนก็เริ่มตกหลุมรักเอเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ก็เริ่มบอกแม่เรื่องนี้ แน่นอน หนุ่มอินเดีย สาวครอบครัวจีน ใครละจะเห็นด้วย โดยเฉพาะคุณแม่ร้องไห้ทุกวัน ซึ่งจริง ๆ ตัวเนก็เริ่มรู้ ว่าวัฒนธรรมอินเดียมีอะไรบ้างก็คิดอยู่ว่าจะไหวไหม แต่ตอนนั้นความรักมานมาเหนือสิ่งอื่นใดเลยคิดแต่ว่าศรีทนด้ายยย
ในที่สุด แม่เนก็ต้องตามใจด้วยความรักลูกเพราะตอนนั้นคงเล็งเห็นว่า กรูคงห้ามมานไม่ได้ละตอนเน้ รักกันขนาดเลยบอกว่างั้นก็จะทำใจเพื่อลูก บวกสะอื้นอีกสองสามรอบ เอาหัวโขกกำแพงอีกสามที (เอ้ย ไม่ช่าย ขอโต๊ดค้าบแม่)
ถึงเวลาทั้งสองคนเรียนจบ ได้เวลาเก็บของกลับบ้านกันแล้วจริงๆ เนบอกว่าอาจารย์แนะนำว่าให้เรียนต่อปริญญาเอกที่นั่นเลย แต่เนอยากรอทุนเลยอยู่รอซักพัก ระหว่างนั้นเอได้งานทำที่อินเดีย เลยตัดสินใจแยกย้ายกันกลับเอสัญญาว่าจะไปหา ช่วงนั้นเอได้แนะนำให้พ่อแม่ฮีรู้จักเนผ่านทาง Skype เท่านั้นแหละ ดราม่าเริ่มบังเกิด (แม่หันหน้ามา..rewind สามรอบพร้อมกับฟ้าผ่าสามที ตามแบบละครอินเดีย) พ่อแม่เอโมโหและสั่งให้เก็บของกลับอินเดียเดี๋ยวนั้นเลย เอถามว่าเราแต่งงานกันเดี๋ยวนี้ ที่นี่เลยมั้ยพ่อแม่เค้าจะได้ไม่ขัดขวางและไม่หาผู้หญิงคนอื่นให้อีกต่อไป แต่เนปฎิเสธบอกว่านี่เอ็งคิดว่าพ่อแม่ข้าไม่มีปัญหางั้นเรอะ ไอ้นี่นี่ เฮ้ย ไม่ใช่ อันนั้นเดี้ยนคิดเอง หุหุ เนบอกว่าถ้าพ่อแม่เค้าไม่ยอมรับเนก็ไม่แต่ง
ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านเกิดตัวเอง ทั้งสองคนได้ไปนั่งกระเช้า London Eye แล้วเอก็ขอแต่งงานอีกครั้ง (โคตรจะโรแมนติก ทำไมของตรูไม่เห็นมีแบบเน้) และสัญญาว่าจะมาเจอกันอีก หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับประเทศไป
ภาพจาก Pinterest
หลังจากกลับเมืองไทย เนก็เริ่มหางาน ในที่สุดชีก็ได้งานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หน่วยเภสัชพันธุศาสตร์ ตรงกะที่เรียนมา(คนมันเก่ง ก็ไม่รู้สินะ) ส่วนเอก็ได้เป็นหมอในบริษัทที่กำลังขยายผลด้านตรวจพันธุกรรมเอามาวินิจฉัยโรคเหมือนกัน เรียกว่าโชคดีทั้งคู่ได้งานตามสายที่เรียนมา (ก็ไม่รู้สินะครั้งที่ 2) ระหว่างนั้นทั้งสองคนก็ติดต่อกันทาง Skype เรื่อยมาโดยทางฝั่งเอก็จะต้องแอบคนทางบ้านคุยตลอด คุยได้แป๊บเดียวเพราะพ่อแม่คอยจับตาดูตลอด พร้อมกับบอกเอว่า ทำไมต้องไปชอบผู้หญิงไทยไม่รู้หรือว่ากำลังโดนหลอก นี่แกรู้ไหมว่าผู้หญิงไทยมีชื่อเสียงยังงัย บลา ๆ ๆ (ไม่อยากจะพูดว่าชีใส่ไฟว่าอะไรบ้าง เดี๋ยวของขึ้น ฮึ่ม) พร้อมทั้งบอกญาติๆ ให้มาช่วยกล่อมเอ ให้เลิกกับเนซะ (ทำงานเป็นทีมระดับเพชร) กล่อมทุกวัน พูดทุกวันส่วนเอก็เถียงว่าเนไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น แม่ฮีก็บอกว่า อะถึงชีไม่ได้เป็นผู้หญิงแบบนั้น แต่แต่งงานไปจะอยู่กันยังงัย คนละวัฒนธรรม คนละภาษาอยู่กันไม่รอดหรอก แต่เอก็ยังมั่นคง ยังแอบโทรติดต่อหาเนอยู่ทุกวันช่วงนั้นทั้งสองคนคิดถึงกันมากขึ้น และเนก็เริ่มเทคะแนนให้เอมากขึ้น
วันนึงพ่อแม่ของเอหาผู้หญิงให้ฮีไปดูตัว แต่ฮีไม่ยอมไป จนพ่อแม่โกรธมาก โดนพ่อตบหน้า เลยหนีไปนอนนอกบ้าน น่าสงสารอะ หายไปสองวันถึงจะกลับบ้าน หลังจากนั้นพ่อแม่ยิ่งตามติดมากขึ้นทะเลาะกับพ่อแม่ทุกวัน ร้องห่มร้องไห้จนน้ำท่วมบ้าน โดนคุมเข้ม จนคิดว่าตอนนั้นเอคงไม่ไหวแล้ว บอกกับเนว่าถ้าเค้าไม่สู้ต่อ เนจะว่าอะไรไหม เนบอกอ้าว ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้แล้วจะมาขอแต่งงานทำไมฟระ แล้วฮีก็ตัดสายไปแล้วหายไปเลยสองเดือน ระหว่างนั้นเนรู้สึกแย่มากก็มาคุยกับเดี้ยนเรื่อย ๆ ช่วงนั้นคิดว่าคงต้องทำใจแล้ว เพราะเค้าไม่สู้เพื่อเราหายไปแบบนี้ เนก็เริ่มถอดใจ แต่ลึก ๆ ก็เสียใจและเสียดาย ทั้งๆ ที่พ่อแม่เนก็ยอมรับเอแล้วด้วย แต่ ณ ตอนนั้นก็ยังทำอะไรไม่ได้
หลังจากนั้นสองเดือน จู่ ๆ ฮีก็โทรมาบอกว่า มีวิธีที่จะทำให้เราแต่งงานกันได้แล้ว เอ๊ะ วิธีนั้นคืออะไรน้อ ยังไม่บอกดีกว่า หุหุ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อต้องติดตาม เพราะยังเขียนไม่เสร็จ แหะๆ รออ่านตอนต่อไปนะจ๊ะ เดี๋ยววันนี้กลับมาเขียนต่อตอนเย็นค่า
ภาพจากอินเตอร์เน็ต