วันนี้จะเล่าสู่กันฟังการไปเที่ยวต่างแดนในรอบ ทำงาน10 เดือน เราจะไปกัน Malaysia : Kuala Lumpur สาเหตุที่เลือกเมืองนี้ก็เพราะ สหายท่านหนึ่งได้ไปเจอโปรตั๋วแสนถูกเหลือเชื่อเลยจัดเลยครับ จองล่วงหน้า 4 เดือน
ทริปนี้ไปกันสองคนครับ เที่ยวบินรอบเช้า10โมง ฟ้าครึ้มเอามาก ฝนเริ่มตกตั้งแต่ไม่ขึ้นบิน
และนี้ก็เป็นตั๋วราคาไปกลับ สองคนครับ ยืนยันและนอนยันเลย
ถูกเอาการเลยทีเดียวอยากแนะ วิธีการจองตั๋วราคาถูกให้นะครับ หลักๆเลย ติดตามเพจที่คอยอัพเดทโปรตั๋วถูก สองคือการหมั่นเข้าไปเช็คหน้าเว็บของสายการบิน บางครั้งไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้าเป็นครึ่งปีหรือจองข้ามปีถึงจะได้ตั๋วถูกเสมอไปครับ เครื่องออก10 โมง ถึงบ่าย1 ( เวลาบิน2. ชม) เวลาท้องถิ่นมาเลเซียเร็วกว่าไทย1 ชม ครับขากลับ ออก17:00 ถึงไทย18:00 ( ไม่งง นะครับ)
เมื่อเครื่องถึงมาเลยเซีย นครกัวลาลัมเปอร์แล้วก็ปรี่ตัวไปที่ร้านขายซิม ที่แนะนำผมว่าเป็น ซิม Digi เหลืองๆใช่เลยครับ เข้าไปแล้วมีหลายโปร แต่ผมซื้อแบบ25 ริงกิต มีค่าโทร15ริงกิตและเน็ต4G LTE ให้อีก 1 GB ในเวลา3 วันผมแชร์ให้สหายผมอีกคน ใช้กันสบายๆ ครับ แต่หากใครเน้นเล่นเน็ตหนักดูคลิป ต้องวิดีโอคอลตลอดก็แนะนำไปเลยแบบ4 GB ในราคา40ริงกิต( ผมว่าไม่จำเป็นเพราะโรงแรมมีWIFIครับ)
หน่วยเงินมาเลย์ ก็คือริงกิตมีธนบัตรฉบับ 1,5,10,50,100 เหรียญก็จะมี 5,10,20,50 ครับ
ออกจากตรวจ ตม ก็ไปนั่งรถทัวร์เข้าเมืองหรือ รถไฟใต้ดินเข้าเมืองก็ได้ครับ ( แนะนำรถทัวร์เข้าเมืองจะดีกว่า ราคา11 ริงกิต ต่อคน)
เดินตามป้ายที่เขียนว่า BUS/TAXI ก็จะเจอจุดจำหน่ายตั๋ว SKY BUS
และน่าตาตั๋วและรถก็ประมาณ นี้ ที่นั่งเลือกเองได้หมดครับ (นั่งประมาณ 40นาที ก็ถึง KL Sentral )
ถึงสถานี KL sentral ที่นี่เป็นจุด ต่อรถทุกสายของเมืองหลวงแห่งนี้ผมเลยเลือกโรงแรมอยู่ใกล้ที่นี่นะครับ
ออ ต้องบอกก่อน สถานี Kl sentral สร้างอยู่ในตัวอาคารของห้างสรรพสินค้า NU sentral ซึ่งครั้งแรกผมมาก็ยัง งง แต่เดินถูกไม่ยากครับ โรงแรมผมชื่อ
my hotel@Kl sentral ราคา800 บาทต่อคืนนอนได้สองคน ห้องถือว่าดีครับ ห่างจากสถานีรถไฟแค่400เมตร ข้างในมีน้ำอุ่นมีแอร์ มีน้ำดื่มสองขวดทุกวัน มีทีวีจอแบน มีโต๊ะเขียน โอ๊ว ผมพอใจละหละ
ว่ากันด้วยเรื่องรถไฟฟ้าของที่มาเลย์ก็จะมีแบบใต้ดินและลอยฟ้าอย่างไทยเรานะครับ แต่จะมีสถานีและสายของรถไฟเยอะกว่าเป็น5 เท่าของไทย การซื้อตั๋วก็ไม่ยาก กดรถไฟสายที่เราต้องการไปแล้วกดชื่อสถานีปลายทางที่เราจะไป จากนั้นก็ใส่เงินตามจำนวนนั้น ครับ
วันแรกถึงห้องก็บ่าย4แล้วเลยได้ไปแค่ KLCC ตึกปิโตรนาส หรือตึกแฝดนั้นเองครับ
ก็นั่งสาย5 จาก Kl sentral---KLCC ครับ เมื่อถึง ออกตามป้ายที่บอก KLCC ก็จะโผล่มาเจอตึกแฝดอยู่บนหน้าเลย........
โอ๊วววว ว๊าวววว สวยมาก เงยมองจน ปวดคอ
ค่าบริการขึ้นไปชมวิวบนทางเดินระหว่างตึกก็ตามป้ายเลยครับ แต่วันนั้นไม่ได้ขึ้นเพราะฝนตกหนัก ถึงขึ้นไปก็มองไม่เห็นอะไรเลยไปเดินห้าง Suria ซึ่งห้างนี้เหมือนๆพารากอน ที่ไทย ใหญ่ มีแบรนด์หรูมากมาย ห้างนี้อยู่ในตึกแฝดเลยครับ
ร้านอาหารมากมาย หากอยากประหยัดก็กินได้ในชั้น2 จะเป็น FOOD PARK อาหารจัดว่าอร่อยอย่างมาก
ส่วน KFC ที่นี่ก็เหมือนบ้านเราแต่ ๆ ๆ ไม่มีน้ำจิ้มพริกและมะเขือเทศ แต่จะแทนด้วยซอสพริกคล้ายๆ แม่ประณอมและน้ำจิ้มเปรี้ยวหวานไม่รู้เรียกอะไรเหมือนกัน แลดูแล้ว รสชาติก็อร่อยนะครับ จำพวกไก่ทอดรสผงพริก
ว่าด้วยร้านสะดวกซื้อ ............หากอยู่มาเลย์แล้วเจอ 7/11 อย่าตื่นเต้นออกหน้าเกินตัว เพราะที่นี่ไม่ได้ดีเท่าไทยเลย เหมือนโชห่วยมากกว่าครับ ของใช้ของกินมีแบบกระปิดกระปอย Mini mart ที่ดังของมาเลย์เห็นจะเป็น KK super mart เพราะเห็นมีเยอะกว่า 7/11 เสียอีก
อาหารการกินของที่นี่ส่วนใหญ่แล้วจะออกแนว คนอินเดียมากกว่าครับ ราคาไม่แพงถ้าคนชอบกลิ่นแกงกะหรี่เครื่องเทศอินเดียอย่างผม คงชอบแน่นอนครับ
ว่าแล้วก็ต้องรีบกลับโรงแรม พอดีผมไปช่วงหน้าฝน ตกเยอะมากๆๆ ตกไรไม่รู้ จะตก เริ่มบ่าย4-5 ยาวเลย คือจะทำให้แพลนเที่ยวผมหล่นหายไปหลายรายการเพราะเวลาเที่ยวน้อยลง ......^^
วันที่สองตื่นแต่เช้าเพื่อหวังที่จะไป BUTA CAVE เป็นโบราณสถาน หรือวัดของชาวฮินดูที่สร้างอยู่ในตัวถ้ำ โห่ๆ แค่ฟังเรื่องราวก็อยากไปสัมผัสแล้วหละ ว่าแล้วก็เริ่มออกเดินทางกันเลย แน่นอนไปที่สถานี Kl sentral เผื่อนั้งรถไฟฟ้าไป สถานี BUTA CAVE รถไฟสายนี้ไม่สามารถซื้อที่ตู้อัตโนมัติได้นะครับ ต้องไปซื้อที่ เคาเตอร์เท่านั้น ราคาถูกมาก 2.6/คนเท่านั้นระยะทางไกลพอควร ไม่ต้องกลัวหลง ลงสถานีสุดท้ายเลยจร้า
วัดนี้เป็นของศาสนาฮินดูสวยงดงามมีรูปปั้นสีทององค์ใหญ่อยู่ปากทางขึ้นไปบนถ้ำ คนฮินดูจะมาประกิบพิธีศาสนาอย่างคับคั่ง
ภายในถ้ำมีน้ำหยดย้อยตลอด และก็มีลิงเป็นฝูงค่อยไล่นักท่องเที่ยว
ช่วงเที่ยงเราจะไปเดินต่อกันที่ Central market ว่ากันว่าสร้างในสมัยยุคล่าอณานิคมของชาวอังกฤษสมัยก่อนเป็นตลาดขายส่งสินค้าบริโภค แต่ปัจจุบันดัดแปลงมาเป็นห้างซึ่งข้างในติดแอร์สินค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นของที่ระลึก เดินๆ ไปเรื่อยก็จะถึง China town ของที่มาเลย์ซึ่งดูแล้วไม่คึกคักเหมือนที่เยาวราชเอาเสียเลย ก็ถนนสายนี้ชื่อว่า Petaling street ก็ขายของก๊อปที่ระลึกเหมือนกันครับ
ของฝากมีให้เลือกมากมาย ราคาไม่แพงครับ
บ่ายแก่ๆต้องรีบไปต่อที่ย่านช๊อปปิ้งของมาเลเซียนั้นก็คือ บูกิน บินตัง ( รีบมาก เพราะฝนจะตกช่วงเย็นเวลาเลยถูกบีบ ) ก็นั่งกลับมาที่ Kl sentral ( ผมแวะกลับโรงแรมอาบน้ำก่อนปีนป่ายถ้ำวัดฮินดูเหงื่อแตกเลย )
อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็นั่งรถไฟฟ้าสาย8 สีเขียวมาลงป้าย Bukit Bintangเลยจ้าาา ที่นี่มีห้างเยอะมากมายแต่ของก็ไม่ได้เห็นจะถูกกว่าประเทศไทยหรือผมไปผิดที่ก็ไม่รู้
เป็นย่านที่คนพลุ่กพล่านมากกกกกก
จบแล้วทริปวันที่สอง ก็งี้แหละครับไปหน้าฝนต้องทำใจ ตกหนักมากๆ ช่วงเย็นๆค่ำๆ
มีแดด ดี แต่เช้าสุดยอดเลยครับ ว๊าววว
เปิดมาเช้าวันที่สามวันสุดท้ายอากาศดีแจ่มใส
เครื่องออก17:00 ยังพอมีเวลาเที่ยวครึ่งวัน ก็ไปต่อที่มัสยิด จาเม็ค และทำเนียบรัฐบาลซึ่งเขาว่าสวยงามกัน สุเหร่าจาเม็กเป็นสุเหร่าที่เก่าแก่สุดของเมืองนี้สร้างในปี1909 แต่ ๆ ๆ ๆเข้าไม่ให้เข้าครับท่านผู้ชม เพราะปิดปรับปรุง อดดูความสวยงามข้างในเลย เอาเหอะไม่งอแง เดินต่อไปที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ท้องฟ้าโปร่งมากถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมด ระแวกนี้มี art gallary , music museum เข้าไปข้างในแล้วแต่ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปเลยไม่มีมาให้อวด
หมดทริปมาเลเซีย ณ นครหลวงแห่งนี้แล้วครับ เราก็นั่ง SKY BUS จาก KL Sentral ---- KLIA2(สนามบิน)
ออ ขอแนะนำนิดนึง สนามบิน KLIA2 แห่งนี้จะมีห้างสรรพสินค้าอยู่ติดกับสนามบินไม่ว่าเราจะเข้าออกสนามบินก็ต้องผ่านห้างนี้นะครับ ไม่ต้องงงเลย ครับมีป้ายบอกทางตลอด เวลาจะเข้าออกก็เดินทะลุห้างแค่นั้นครับเอาเป็นเข้าใจว่าห้างสรรพสินค้าติดกับสนามบินถ้าต้องการนั่งรถต่างๆต้องทะลุห้าง
ในห้างก็มีร้านอาหาร ของใช้ เสื้อผ้ารองเท้า จำหน่าย แนะนำคงเป็นร้านนี้ครับ
มีของครบ converse ตกคู่1000 บาทVans ตกคู่พันกว่าบาทนิดๆ Nike adidas ลดเยอะเหมือนกันครับ ผมเลยสอยกระเป๋าadidasมา ซะเลย 140ริงกิต 1200บาทเท่านั้น
ครั้งแรกผมก็มอง มาเลเซียเป็นประเทศที่น่ากลัว แต่ผู้คนที่นี่น้ำใจงามและนิสัยดี ทำงานกันจริงจัง ให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
รักประเทศนี้เข้าให้แล้วสิครับ
หลายคนกังวลเรื่องภาษาซึ่งผมก็ไม่ได้เก่งอังกฤษแต่ก็กล้าไปละครับ คุณก็ทำได้
สิ่งที่น่ากังวล ก็คือ ใจตัวเองที่ไม่กล้าเปิดรับความท้าทาย
ค่าใช้จ่ายทริปนี้
1.ตั๋วไป-กลับ = 2689บาท/คน
2.ค่าโรงแรม2คืน = 800บาท/คน
3.ค่ากินอยู่เดินทางของฝาก = 2100บาท/คน
รวมๆแล้ว = 5,565บาทต่อคนเท่านั้น
เริ่มเก็บเงินครึ่งปีก็ได้ไปละครับ ( หากมีข้อสงสัยสอบถามหลังไมค์จะอธิบายให้ละเอียดเลยจ้า )
การเดินทางคือการสร้างอารยะธรรมให้กับตัวเอง " สหายท่านหนึ่งกล่าวไว้ "
[:moo
[CR] [ CR ] เราจะไปกัน Malaysia Kuala Lumpur 3วัน2คืน เปิดโลกทัศน์
ทริปนี้ไปกันสองคนครับ เที่ยวบินรอบเช้า10โมง ฟ้าครึ้มเอามาก ฝนเริ่มตกตั้งแต่ไม่ขึ้นบิน
และนี้ก็เป็นตั๋วราคาไปกลับ สองคนครับ ยืนยันและนอนยันเลย ถูกเอาการเลยทีเดียวอยากแนะ วิธีการจองตั๋วราคาถูกให้นะครับ หลักๆเลย ติดตามเพจที่คอยอัพเดทโปรตั๋วถูก สองคือการหมั่นเข้าไปเช็คหน้าเว็บของสายการบิน บางครั้งไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้าเป็นครึ่งปีหรือจองข้ามปีถึงจะได้ตั๋วถูกเสมอไปครับ เครื่องออก10 โมง ถึงบ่าย1 ( เวลาบิน2. ชม) เวลาท้องถิ่นมาเลเซียเร็วกว่าไทย1 ชม ครับขากลับ ออก17:00 ถึงไทย18:00 ( ไม่งง นะครับ)
เมื่อเครื่องถึงมาเลยเซีย นครกัวลาลัมเปอร์แล้วก็ปรี่ตัวไปที่ร้านขายซิม ที่แนะนำผมว่าเป็น ซิม Digi เหลืองๆใช่เลยครับ เข้าไปแล้วมีหลายโปร แต่ผมซื้อแบบ25 ริงกิต มีค่าโทร15ริงกิตและเน็ต4G LTE ให้อีก 1 GB ในเวลา3 วันผมแชร์ให้สหายผมอีกคน ใช้กันสบายๆ ครับ แต่หากใครเน้นเล่นเน็ตหนักดูคลิป ต้องวิดีโอคอลตลอดก็แนะนำไปเลยแบบ4 GB ในราคา40ริงกิต( ผมว่าไม่จำเป็นเพราะโรงแรมมีWIFIครับ)
หน่วยเงินมาเลย์ ก็คือริงกิตมีธนบัตรฉบับ 1,5,10,50,100 เหรียญก็จะมี 5,10,20,50 ครับ
ออกจากตรวจ ตม ก็ไปนั่งรถทัวร์เข้าเมืองหรือ รถไฟใต้ดินเข้าเมืองก็ได้ครับ ( แนะนำรถทัวร์เข้าเมืองจะดีกว่า ราคา11 ริงกิต ต่อคน)
เดินตามป้ายที่เขียนว่า BUS/TAXI ก็จะเจอจุดจำหน่ายตั๋ว SKY BUS
และน่าตาตั๋วและรถก็ประมาณ นี้ ที่นั่งเลือกเองได้หมดครับ (นั่งประมาณ 40นาที ก็ถึง KL Sentral )
ถึงสถานี KL sentral ที่นี่เป็นจุด ต่อรถทุกสายของเมืองหลวงแห่งนี้ผมเลยเลือกโรงแรมอยู่ใกล้ที่นี่นะครับ
ออ ต้องบอกก่อน สถานี Kl sentral สร้างอยู่ในตัวอาคารของห้างสรรพสินค้า NU sentral ซึ่งครั้งแรกผมมาก็ยัง งง แต่เดินถูกไม่ยากครับ โรงแรมผมชื่อ
my hotel@Kl sentral ราคา800 บาทต่อคืนนอนได้สองคน ห้องถือว่าดีครับ ห่างจากสถานีรถไฟแค่400เมตร ข้างในมีน้ำอุ่นมีแอร์ มีน้ำดื่มสองขวดทุกวัน มีทีวีจอแบน มีโต๊ะเขียน โอ๊ว ผมพอใจละหละ
ว่ากันด้วยเรื่องรถไฟฟ้าของที่มาเลย์ก็จะมีแบบใต้ดินและลอยฟ้าอย่างไทยเรานะครับ แต่จะมีสถานีและสายของรถไฟเยอะกว่าเป็น5 เท่าของไทย การซื้อตั๋วก็ไม่ยาก กดรถไฟสายที่เราต้องการไปแล้วกดชื่อสถานีปลายทางที่เราจะไป จากนั้นก็ใส่เงินตามจำนวนนั้น ครับ
วันแรกถึงห้องก็บ่าย4แล้วเลยได้ไปแค่ KLCC ตึกปิโตรนาส หรือตึกแฝดนั้นเองครับ
ก็นั่งสาย5 จาก Kl sentral---KLCC ครับ เมื่อถึง ออกตามป้ายที่บอก KLCC ก็จะโผล่มาเจอตึกแฝดอยู่บนหน้าเลย........
โอ๊วววว ว๊าวววว สวยมาก เงยมองจน ปวดคอ
ค่าบริการขึ้นไปชมวิวบนทางเดินระหว่างตึกก็ตามป้ายเลยครับ แต่วันนั้นไม่ได้ขึ้นเพราะฝนตกหนัก ถึงขึ้นไปก็มองไม่เห็นอะไรเลยไปเดินห้าง Suria ซึ่งห้างนี้เหมือนๆพารากอน ที่ไทย ใหญ่ มีแบรนด์หรูมากมาย ห้างนี้อยู่ในตึกแฝดเลยครับ
ร้านอาหารมากมาย หากอยากประหยัดก็กินได้ในชั้น2 จะเป็น FOOD PARK อาหารจัดว่าอร่อยอย่างมาก
ส่วน KFC ที่นี่ก็เหมือนบ้านเราแต่ ๆ ๆ ไม่มีน้ำจิ้มพริกและมะเขือเทศ แต่จะแทนด้วยซอสพริกคล้ายๆ แม่ประณอมและน้ำจิ้มเปรี้ยวหวานไม่รู้เรียกอะไรเหมือนกัน แลดูแล้ว รสชาติก็อร่อยนะครับ จำพวกไก่ทอดรสผงพริก
ว่าด้วยร้านสะดวกซื้อ ............หากอยู่มาเลย์แล้วเจอ 7/11 อย่าตื่นเต้นออกหน้าเกินตัว เพราะที่นี่ไม่ได้ดีเท่าไทยเลย เหมือนโชห่วยมากกว่าครับ ของใช้ของกินมีแบบกระปิดกระปอย Mini mart ที่ดังของมาเลย์เห็นจะเป็น KK super mart เพราะเห็นมีเยอะกว่า 7/11 เสียอีก
อาหารการกินของที่นี่ส่วนใหญ่แล้วจะออกแนว คนอินเดียมากกว่าครับ ราคาไม่แพงถ้าคนชอบกลิ่นแกงกะหรี่เครื่องเทศอินเดียอย่างผม คงชอบแน่นอนครับ
ว่าแล้วก็ต้องรีบกลับโรงแรม พอดีผมไปช่วงหน้าฝน ตกเยอะมากๆๆ ตกไรไม่รู้ จะตก เริ่มบ่าย4-5 ยาวเลย คือจะทำให้แพลนเที่ยวผมหล่นหายไปหลายรายการเพราะเวลาเที่ยวน้อยลง ......^^
วันที่สองตื่นแต่เช้าเพื่อหวังที่จะไป BUTA CAVE เป็นโบราณสถาน หรือวัดของชาวฮินดูที่สร้างอยู่ในตัวถ้ำ โห่ๆ แค่ฟังเรื่องราวก็อยากไปสัมผัสแล้วหละ ว่าแล้วก็เริ่มออกเดินทางกันเลย แน่นอนไปที่สถานี Kl sentral เผื่อนั้งรถไฟฟ้าไป สถานี BUTA CAVE รถไฟสายนี้ไม่สามารถซื้อที่ตู้อัตโนมัติได้นะครับ ต้องไปซื้อที่ เคาเตอร์เท่านั้น ราคาถูกมาก 2.6/คนเท่านั้นระยะทางไกลพอควร ไม่ต้องกลัวหลง ลงสถานีสุดท้ายเลยจร้า
วัดนี้เป็นของศาสนาฮินดูสวยงดงามมีรูปปั้นสีทององค์ใหญ่อยู่ปากทางขึ้นไปบนถ้ำ คนฮินดูจะมาประกิบพิธีศาสนาอย่างคับคั่ง
ภายในถ้ำมีน้ำหยดย้อยตลอด และก็มีลิงเป็นฝูงค่อยไล่นักท่องเที่ยว
ช่วงเที่ยงเราจะไปเดินต่อกันที่ Central market ว่ากันว่าสร้างในสมัยยุคล่าอณานิคมของชาวอังกฤษสมัยก่อนเป็นตลาดขายส่งสินค้าบริโภค แต่ปัจจุบันดัดแปลงมาเป็นห้างซึ่งข้างในติดแอร์สินค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นของที่ระลึก เดินๆ ไปเรื่อยก็จะถึง China town ของที่มาเลย์ซึ่งดูแล้วไม่คึกคักเหมือนที่เยาวราชเอาเสียเลย ก็ถนนสายนี้ชื่อว่า Petaling street ก็ขายของก๊อปที่ระลึกเหมือนกันครับ
ของฝากมีให้เลือกมากมาย ราคาไม่แพงครับ
บ่ายแก่ๆต้องรีบไปต่อที่ย่านช๊อปปิ้งของมาเลเซียนั้นก็คือ บูกิน บินตัง ( รีบมาก เพราะฝนจะตกช่วงเย็นเวลาเลยถูกบีบ ) ก็นั่งกลับมาที่ Kl sentral ( ผมแวะกลับโรงแรมอาบน้ำก่อนปีนป่ายถ้ำวัดฮินดูเหงื่อแตกเลย ) อาบน้ำอาบท่าเสร็จก็นั่งรถไฟฟ้าสาย8 สีเขียวมาลงป้าย Bukit Bintangเลยจ้าาา ที่นี่มีห้างเยอะมากมายแต่ของก็ไม่ได้เห็นจะถูกกว่าประเทศไทยหรือผมไปผิดที่ก็ไม่รู้
เป็นย่านที่คนพลุ่กพล่านมากกกกกก
จบแล้วทริปวันที่สอง ก็งี้แหละครับไปหน้าฝนต้องทำใจ ตกหนักมากๆ ช่วงเย็นๆค่ำๆ
มีแดด ดี แต่เช้าสุดยอดเลยครับ ว๊าววว เปิดมาเช้าวันที่สามวันสุดท้ายอากาศดีแจ่มใส
เครื่องออก17:00 ยังพอมีเวลาเที่ยวครึ่งวัน ก็ไปต่อที่มัสยิด จาเม็ค และทำเนียบรัฐบาลซึ่งเขาว่าสวยงามกัน สุเหร่าจาเม็กเป็นสุเหร่าที่เก่าแก่สุดของเมืองนี้สร้างในปี1909 แต่ ๆ ๆ ๆเข้าไม่ให้เข้าครับท่านผู้ชม เพราะปิดปรับปรุง อดดูความสวยงามข้างในเลย เอาเหอะไม่งอแง เดินต่อไปที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ท้องฟ้าโปร่งมากถ่ายรูปมุมไหนก็สวยไปหมด ระแวกนี้มี art gallary , music museum เข้าไปข้างในแล้วแต่ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปเลยไม่มีมาให้อวด
หมดทริปมาเลเซีย ณ นครหลวงแห่งนี้แล้วครับ เราก็นั่ง SKY BUS จาก KL Sentral ---- KLIA2(สนามบิน)
ออ ขอแนะนำนิดนึง สนามบิน KLIA2 แห่งนี้จะมีห้างสรรพสินค้าอยู่ติดกับสนามบินไม่ว่าเราจะเข้าออกสนามบินก็ต้องผ่านห้างนี้นะครับ ไม่ต้องงงเลย ครับมีป้ายบอกทางตลอด เวลาจะเข้าออกก็เดินทะลุห้างแค่นั้นครับเอาเป็นเข้าใจว่าห้างสรรพสินค้าติดกับสนามบินถ้าต้องการนั่งรถต่างๆต้องทะลุห้าง
ในห้างก็มีร้านอาหาร ของใช้ เสื้อผ้ารองเท้า จำหน่าย แนะนำคงเป็นร้านนี้ครับ
มีของครบ converse ตกคู่1000 บาทVans ตกคู่พันกว่าบาทนิดๆ Nike adidas ลดเยอะเหมือนกันครับ ผมเลยสอยกระเป๋าadidasมา ซะเลย 140ริงกิต 1200บาทเท่านั้น
ครั้งแรกผมก็มอง มาเลเซียเป็นประเทศที่น่ากลัว แต่ผู้คนที่นี่น้ำใจงามและนิสัยดี ทำงานกันจริงจัง ให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
รักประเทศนี้เข้าให้แล้วสิครับ
หลายคนกังวลเรื่องภาษาซึ่งผมก็ไม่ได้เก่งอังกฤษแต่ก็กล้าไปละครับ คุณก็ทำได้
สิ่งที่น่ากังวล ก็คือ ใจตัวเองที่ไม่กล้าเปิดรับความท้าทาย
ค่าใช้จ่ายทริปนี้
1.ตั๋วไป-กลับ = 2689บาท/คน
2.ค่าโรงแรม2คืน = 800บาท/คน
3.ค่ากินอยู่เดินทางของฝาก = 2100บาท/คน
รวมๆแล้ว = 5,565บาทต่อคนเท่านั้น
เริ่มเก็บเงินครึ่งปีก็ได้ไปละครับ ( หากมีข้อสงสัยสอบถามหลังไมค์จะอธิบายให้ละเอียดเลยจ้า )
การเดินทางคือการสร้างอารยะธรรมให้กับตัวเอง " สหายท่านหนึ่งกล่าวไว้ "
[:moo