**เนื่องจากเป็นเครื่องที่ได้รับรางวัลมาจาก Wiko จึงขอใช้เป็น SR นะครับ**
หลายคนอาจจะได้ลองจับเจ้า Wiko U feel นี้แล้วในงาน TME ที่ผ่านมา บางคนอาจตัดสินใจซื้อไปแล้ว หรือบางคนกำลังตัดสินใจอยู่ วันนี้ผมมีรีวิวการใช้งานเจ้า Wiko U feel มาเสิร์ฟเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจครับ
รายละเอียดของตัวเครื่อง ผมได้พรีวิวไปแล้วในกระทู้เดิมแล้ว ขอข้ามไปนะครับ
สามารถตามเข้าไปอ่านได้ตามลิ้งนี้ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/35064442
ด้านการใช้งานตัวเครื่องนั้น ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี เท่าที่ใช้คือลื่นไหลพอสมควร ตอนแรกอาจจะมีบั๊คอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ก็มีอัพเดทถยอยออกมาแก้อาการแต่ละอย่างแล้ว สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้สนใจสเปคสำหรับเล่นเกม รุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ครับ แต่อาจจะรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยสำหรับหน้าจอที่ให้ความละเอียดมาแค่ HD เท่านั้น ถ้าใครที่ใช้หน้าจอ Full HD หรือสูงกว่านั้นมาก่อน รับรองว่าต้องใช้เวลาปรับตัวนานเลย เพราะนอกจากหน้าจอที่จะไม่ค่อยคมแล้ว สีหน้าจอยังไม่ค่อยสว่างและออกซีดๆ (อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ อาจจะเพราะใช้มือถือที่สีสดๆ มาก่อน ๕๕๕)
ส่วนปุ่มโฮมด้านล่างที่ใช้เป็นปุ่มแสกนลายนิ้วมือด้วยนั้น ทำออกมาได้ดีมากๆ ครับ สะดวกใช้ได้ เพราะเครื่องที่มีปุ่มแสกนลายนิ้วมือด้านหน้า ก่อนสแกนจะต้องกดปุ่มลงไปก่อน แต่สำหรับ U feel คือไม่ครับ ! แค่แตะนิ้วลงไปก็แสกนได้ แถมเร็วและแม่นในระดับหนึ่งด้วยครับ ผมมีคลิปเปรียบเทียบความเร็วของแสกนลายนิ้วมือระหว่างเจ้า U feel กับ Iphone 6s และ SS Galaxy S7 Edge ด้วยครับ
อาจจะเห็นบางจังหวะที่ผมสแกนนิ้ว U Feel ไม่ค่อยติด ตอนแรกก็หงุดหงิดเหมือนกัน แต่พอมีอัพเดทออกมาก็ใช้งานได้ปกติ ตอนนี้ยังไม่เจอปัญหาสแกนไม่ติด
ประสิทธิภาพการใช้งานของ U feel นั้น เมื่อทดสอบผ่าน Antutu ได้คะแนน 30909 คะแนน (เครื่องแต่ละคนอาจจะได้คะแนนไม่เท่ากันนะครับ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ณ ขณะนั้นๆ ของแต่ละคน)
สามารถทัชหน้าจอได้ 5 จุด
ทดสอบผ่าน Geekbench ได้คะแนน Single-Core 535 คะแนน และ Multi-Core 1609 คะแนน
และมาถึงส่วนสุดท้าย ที่หลายๆ ท่านค่อนข้างที่จะยกให้เป็นเงื่อนไขข้อแรกๆ ในการเลือกโทรศัพท์สักเครื่องหนึ่ง นั่นก็คือ กล้องหลัง
กล้องหลัง U feel มีความละเอียด 13 MP พร้อมไฟแฟลช ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 5 MP พร้อมไฟแฟลชอีกเช่นกัน
ตัวอย่างกล้องหลังครับ ถ่ายจากโหมด Auto นะครับ ไม่ได้แต่งรูป
ต้องขออภัยที่ไม่มีรูปจากกล้องหน้านะครับ ถ้าว่างเดี๋ยวเอามาลงเพิ่มครับ
((ฟีลลิ่งที่ใช้มา))
หลังจากที่ใช้งานเจ้า Wiko UFEEL มาได้ประมาณ 1 อาทิตย์ โดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างชอบมากทีเดียว ตอนแรกคิดว่าจะเอาเครื่องที่ได้รางวัลนี้มาใช้เป็นเครื่องสำรอง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเครื่องหลักไปแล้วโดยปริยาย ๕๕๕๕๕๕
โดยผมขอแยกออกมาเป็นเรื่องๆดังนี้ครับ
ความเสถียรของ Rom
โดยส่วนตัวผมคิดว่า Rom ของเจ้า UFEEL ตัวนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างดีนะ คือจริงๆแล้วสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของ UFEEL คือการที่ Rom ตัวนี้ ผมรู้สึกว่ามันคือ Pure Android ที่แค่มี UI ของ Wiko ครอบมาเฉยๆ คิดผมว่ามันโดนปรับแต่งมาน้อยมากๆ มันเลยค่อนข้างลื่นมากทีเดียว แล้วผมก็ยังไม่เคยเจออาการค้างเลย มีกระตุกเล็กๆ ซึ่ง Android ก็เป็นอยู่แล้วทุกเครื่องไม่ว่าจะแพงขนาดไหนก็ตาม แต่เหมือนว่ามันจะมีบั๊กเรื่องที่เมนูด้านบนชอบสไลด์ลงมาเองบ่อยๆ แต่พอมีอัพเดทมาเมื่อประมาณวันเสาร์ที่ 4 มิ.ย. ของผมก็ไม่เจออาการบั๊กอีกเลย เพราะฉะนั้นเรื่องความเสถียร Rom ตัวนี้ผมบอกเลยว่า สามผ่านฮะ
คะแนนความเสถียรของ Rom 8.5 / 10
หน้าจอ
อย่างที่บอกไปตอนแรกครับว่าตัวนี้เป็นจอ HD มันอาจจะไม่ได้คมชัดมากมาย แต่สำหรับผมว่า แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ ผมลองเปิดแอพ LINE TV ดูซีรี่ส์ ผมคิดว่ามันก็คมชัดใช้ได้เลยครับ ไม่ได้รู้สึดขัดหูขัดตาอะไรครับ
คะแนนหน้าจอ 7 / 10
ระบบเสียง
คือขอออกตัวว่า ก่อนหน้านี้ผมเคยใช้ Wiko Ridge Fab มาก่อนด้วย ผมใช้ได้ไม่นานผมก็ต้องปล่อยไป สาเหตุใหญ่ๆของผมคือ ลำโพงของ Ridge Fab ค่อนข้างเบาและเสียงแตก ซึ่งผมเป็นคนฟังเพลงเยอะ ก็เลยไม่ค่อยปลื้มเท่าไร ตอนแรกแอบคิดเหมือนกันว่า UFEEL มันจะเป็นแบบนั้นไม๊หนอ แต่ UFEEL นี้กลับลำโพงกลับดีกว่าที่คิดครับ คือเสียงมันไม่ได้เซอร์ราวน์ สเตอริโออะไรนะครับ แต่ความดังมันก็ดังอยู่ในระดับฟังตอนอาบน้ำก็ได้ยิน ไม่ได้ดังเบาเหมือนเจ้า Ridge Fab แต่ถ้าเร่งเสียงไปดังมากๆ ก็แอบมีเสียงแตกอยู่เหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าผ่านครับ
คะแนนเสียงลำโพง 6.5 / 10
กล้อง
UFEEL ตัวนี้ ตัวกล่องถ้าถ่ายในที่แสงปกติก็ถือว่าทำได้ดี โฟกัสเร็วดีครับ ทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง แต่ถ้าในที่แสงน้อยนี่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร นอยส์กระจาย ซึ่งมือถือราคาระดับนี้ มันก็คงจะไปเทียบกับ iPhone 6S+ หรือ Samsung S7 Edge ก็ดูจะไม่ยุติธรรมไปหน่อย แต่ถ้าเทียบกับราคาระดับเดียวกัน ถือว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลย คือรวมๆแล้วกล้องไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรครับ ทำได้ดีในสิ่งที่ควรจะทำได้ดีครับ ถือว่าผ่าน
คะแนนกล้อง 7 / 10
ระบบสแกนลายนิ้วมือ
ถือว่าเป็นตัวเด่นที่ทาง Wiko เองก็ค่อนข้างภูมิใจนำเสนอเหมือนกันสำหรับเรื่องสแกนลายนิ้วมือของเจ้า UFEEL นี้ ช่วงแรกที่ได้มา ผมรู้สึกว่ามันสแกนไม่ค่อยติดอะ ไม่รู้ทำไม แต่ถ้าสแกนติดมันจะสแกนเร็วมาก พอๆกับ 6S เลย แต่พอใช้ไปได้ซักสองสามวัน ผมรู้สึกว่าอาการพวกนั้นมันหายไป หลังจากนั้นมา ก็ลื่นเลยครับ ผมชอบตัวสแกนนิ้วของ UFEEL มากครับ มันเร็ว แล้วก็ค่อนข้างแม่นยำ ใช้สแกนนิ้วเปิดแอพต่างๆได้ สะดวกดีครับ เวลากด Back กดเบาๆก็ Back กลับมา ถือว่าดีทีเดียวกับมือถือราคานี้ แล้วได้ประสิทธิภาพสแกนลายนิ้วมือขนาดนี้
คะแนนสแกนลายนิ้วมือ 8 / 10
แบตเตอรี่
เป็นอีกเรื่องที่รู้สึกประทับใจครับ แบตเตอรี่ที่ให้มา 2500 mAh ก็ไม่เยอะไม่น้อย แต่แบตเตอรี่ค่อนข้างอึดใช้ได้ทีเดียว ผมใช้เล่น Social ทั้งวัน เปิด 4G ทั้งวัน ตั้งแต่สิบโมงถึงสี่ทุ่ม กลับห้องแบตก็ยังเหลืออยู่ประมาณ 20% ถือว่าทำได้ดีเลยครับ
คะแนนแบตเตอรี่ 8 / 10
ภาพรวม
โดยภาพรวม ผมคิดว่า Wiko UFEEL ตัวนี้ทำออกมาได้ดีนะ ในราคานี้ 5,990 ผมถือว่าเป็นมือถือที่คุ้มค่ามากอีกตัวนึง เมื่อเทียบกับราคาและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ได้รับ มันเป็นมือถือที่เป็นเครื่องหลักได้สบายๆครับ อย่าไปคาดหวังว่ามันจะดีสูสี Samsung หรือ iPhone ครับ เพราะผมว่าไม่ยุติธรรมถ้าจะเอาไปเทียบแบบนั้น ถ้าในแง่ความคุ้มค่าเนี้ยะ ผมว่าตัวนี้โอเคมากทีเดียว
คะแนนภาพรวม 8 / 10
จุดเด่น
- แสกนลายนิ้วมือเร็ว
- ROM 32, RAM 3 ค่อนข้างลื่นไหลดี
- ROM ค่อนข้างเสถียร มีความใกล้เคียง Pure Android
- แบตอึด
- คุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป
- เพิ่มหน่วยความจำได้
จุดด้อย
- เปลี่ยนแบตไม่ได้
- ยังมีบั๊กอยู่บ้าง แต่ก็ทยอยได้อัพเดทแก้
- เครื่องหนาไปนิด
- กล้องนูน ถ้าไม่ใส่เคสอาจจะทำให้เป็นรอยได้ง่าย
- ลำโพงเปิดดังแล้วเสียงแตก
[SR] Wiko U feel 5,990 บาท คุ้มหรือไม่ ถามใจตัวเองดู
หลายคนอาจจะได้ลองจับเจ้า Wiko U feel นี้แล้วในงาน TME ที่ผ่านมา บางคนอาจตัดสินใจซื้อไปแล้ว หรือบางคนกำลังตัดสินใจอยู่ วันนี้ผมมีรีวิวการใช้งานเจ้า Wiko U feel มาเสิร์ฟเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจครับ
รายละเอียดของตัวเครื่อง ผมได้พรีวิวไปแล้วในกระทู้เดิมแล้ว ขอข้ามไปนะครับ
สามารถตามเข้าไปอ่านได้ตามลิ้งนี้ครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ด้านการใช้งานตัวเครื่องนั้น ถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดี เท่าที่ใช้คือลื่นไหลพอสมควร ตอนแรกอาจจะมีบั๊คอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ก็มีอัพเดทถยอยออกมาแก้อาการแต่ละอย่างแล้ว สำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ได้สนใจสเปคสำหรับเล่นเกม รุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ครับ แต่อาจจะรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยสำหรับหน้าจอที่ให้ความละเอียดมาแค่ HD เท่านั้น ถ้าใครที่ใช้หน้าจอ Full HD หรือสูงกว่านั้นมาก่อน รับรองว่าต้องใช้เวลาปรับตัวนานเลย เพราะนอกจากหน้าจอที่จะไม่ค่อยคมแล้ว สีหน้าจอยังไม่ค่อยสว่างและออกซีดๆ (อันนี้เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะครับ อาจจะเพราะใช้มือถือที่สีสดๆ มาก่อน ๕๕๕)
ส่วนปุ่มโฮมด้านล่างที่ใช้เป็นปุ่มแสกนลายนิ้วมือด้วยนั้น ทำออกมาได้ดีมากๆ ครับ สะดวกใช้ได้ เพราะเครื่องที่มีปุ่มแสกนลายนิ้วมือด้านหน้า ก่อนสแกนจะต้องกดปุ่มลงไปก่อน แต่สำหรับ U feel คือไม่ครับ ! แค่แตะนิ้วลงไปก็แสกนได้ แถมเร็วและแม่นในระดับหนึ่งด้วยครับ ผมมีคลิปเปรียบเทียบความเร็วของแสกนลายนิ้วมือระหว่างเจ้า U feel กับ Iphone 6s และ SS Galaxy S7 Edge ด้วยครับ
อาจจะเห็นบางจังหวะที่ผมสแกนนิ้ว U Feel ไม่ค่อยติด ตอนแรกก็หงุดหงิดเหมือนกัน แต่พอมีอัพเดทออกมาก็ใช้งานได้ปกติ ตอนนี้ยังไม่เจอปัญหาสแกนไม่ติด
ประสิทธิภาพการใช้งานของ U feel นั้น เมื่อทดสอบผ่าน Antutu ได้คะแนน 30909 คะแนน (เครื่องแต่ละคนอาจจะได้คะแนนไม่เท่ากันนะครับ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ณ ขณะนั้นๆ ของแต่ละคน)
สามารถทัชหน้าจอได้ 5 จุด
ทดสอบผ่าน Geekbench ได้คะแนน Single-Core 535 คะแนน และ Multi-Core 1609 คะแนน
และมาถึงส่วนสุดท้าย ที่หลายๆ ท่านค่อนข้างที่จะยกให้เป็นเงื่อนไขข้อแรกๆ ในการเลือกโทรศัพท์สักเครื่องหนึ่ง นั่นก็คือ กล้องหลัง
กล้องหลัง U feel มีความละเอียด 13 MP พร้อมไฟแฟลช ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 5 MP พร้อมไฟแฟลชอีกเช่นกัน
ตัวอย่างกล้องหลังครับ ถ่ายจากโหมด Auto นะครับ ไม่ได้แต่งรูป
ต้องขออภัยที่ไม่มีรูปจากกล้องหน้านะครับ ถ้าว่างเดี๋ยวเอามาลงเพิ่มครับ
((ฟีลลิ่งที่ใช้มา))
หลังจากที่ใช้งานเจ้า Wiko UFEEL มาได้ประมาณ 1 อาทิตย์ โดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างชอบมากทีเดียว ตอนแรกคิดว่าจะเอาเครื่องที่ได้รางวัลนี้มาใช้เป็นเครื่องสำรอง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นเครื่องหลักไปแล้วโดยปริยาย ๕๕๕๕๕๕
โดยผมขอแยกออกมาเป็นเรื่องๆดังนี้ครับ
ความเสถียรของ Rom
โดยส่วนตัวผมคิดว่า Rom ของเจ้า UFEEL ตัวนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างดีนะ คือจริงๆแล้วสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของ UFEEL คือการที่ Rom ตัวนี้ ผมรู้สึกว่ามันคือ Pure Android ที่แค่มี UI ของ Wiko ครอบมาเฉยๆ คิดผมว่ามันโดนปรับแต่งมาน้อยมากๆ มันเลยค่อนข้างลื่นมากทีเดียว แล้วผมก็ยังไม่เคยเจออาการค้างเลย มีกระตุกเล็กๆ ซึ่ง Android ก็เป็นอยู่แล้วทุกเครื่องไม่ว่าจะแพงขนาดไหนก็ตาม แต่เหมือนว่ามันจะมีบั๊กเรื่องที่เมนูด้านบนชอบสไลด์ลงมาเองบ่อยๆ แต่พอมีอัพเดทมาเมื่อประมาณวันเสาร์ที่ 4 มิ.ย. ของผมก็ไม่เจออาการบั๊กอีกเลย เพราะฉะนั้นเรื่องความเสถียร Rom ตัวนี้ผมบอกเลยว่า สามผ่านฮะ
คะแนนความเสถียรของ Rom 8.5 / 10
หน้าจอ
อย่างที่บอกไปตอนแรกครับว่าตัวนี้เป็นจอ HD มันอาจจะไม่ได้คมชัดมากมาย แต่สำหรับผมว่า แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ ผมลองเปิดแอพ LINE TV ดูซีรี่ส์ ผมคิดว่ามันก็คมชัดใช้ได้เลยครับ ไม่ได้รู้สึดขัดหูขัดตาอะไรครับ
คะแนนหน้าจอ 7 / 10
ระบบเสียง
คือขอออกตัวว่า ก่อนหน้านี้ผมเคยใช้ Wiko Ridge Fab มาก่อนด้วย ผมใช้ได้ไม่นานผมก็ต้องปล่อยไป สาเหตุใหญ่ๆของผมคือ ลำโพงของ Ridge Fab ค่อนข้างเบาและเสียงแตก ซึ่งผมเป็นคนฟังเพลงเยอะ ก็เลยไม่ค่อยปลื้มเท่าไร ตอนแรกแอบคิดเหมือนกันว่า UFEEL มันจะเป็นแบบนั้นไม๊หนอ แต่ UFEEL นี้กลับลำโพงกลับดีกว่าที่คิดครับ คือเสียงมันไม่ได้เซอร์ราวน์ สเตอริโออะไรนะครับ แต่ความดังมันก็ดังอยู่ในระดับฟังตอนอาบน้ำก็ได้ยิน ไม่ได้ดังเบาเหมือนเจ้า Ridge Fab แต่ถ้าเร่งเสียงไปดังมากๆ ก็แอบมีเสียงแตกอยู่เหมือนกัน แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าผ่านครับ
คะแนนเสียงลำโพง 6.5 / 10
กล้อง
UFEEL ตัวนี้ ตัวกล่องถ้าถ่ายในที่แสงปกติก็ถือว่าทำได้ดี โฟกัสเร็วดีครับ ทั้งกล้องหน้ากล้องหลัง แต่ถ้าในที่แสงน้อยนี่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร นอยส์กระจาย ซึ่งมือถือราคาระดับนี้ มันก็คงจะไปเทียบกับ iPhone 6S+ หรือ Samsung S7 Edge ก็ดูจะไม่ยุติธรรมไปหน่อย แต่ถ้าเทียบกับราคาระดับเดียวกัน ถือว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลย คือรวมๆแล้วกล้องไม่ได้มีความโดดเด่นอะไรครับ ทำได้ดีในสิ่งที่ควรจะทำได้ดีครับ ถือว่าผ่าน
คะแนนกล้อง 7 / 10
ระบบสแกนลายนิ้วมือ
ถือว่าเป็นตัวเด่นที่ทาง Wiko เองก็ค่อนข้างภูมิใจนำเสนอเหมือนกันสำหรับเรื่องสแกนลายนิ้วมือของเจ้า UFEEL นี้ ช่วงแรกที่ได้มา ผมรู้สึกว่ามันสแกนไม่ค่อยติดอะ ไม่รู้ทำไม แต่ถ้าสแกนติดมันจะสแกนเร็วมาก พอๆกับ 6S เลย แต่พอใช้ไปได้ซักสองสามวัน ผมรู้สึกว่าอาการพวกนั้นมันหายไป หลังจากนั้นมา ก็ลื่นเลยครับ ผมชอบตัวสแกนนิ้วของ UFEEL มากครับ มันเร็ว แล้วก็ค่อนข้างแม่นยำ ใช้สแกนนิ้วเปิดแอพต่างๆได้ สะดวกดีครับ เวลากด Back กดเบาๆก็ Back กลับมา ถือว่าดีทีเดียวกับมือถือราคานี้ แล้วได้ประสิทธิภาพสแกนลายนิ้วมือขนาดนี้
คะแนนสแกนลายนิ้วมือ 8 / 10
แบตเตอรี่
เป็นอีกเรื่องที่รู้สึกประทับใจครับ แบตเตอรี่ที่ให้มา 2500 mAh ก็ไม่เยอะไม่น้อย แต่แบตเตอรี่ค่อนข้างอึดใช้ได้ทีเดียว ผมใช้เล่น Social ทั้งวัน เปิด 4G ทั้งวัน ตั้งแต่สิบโมงถึงสี่ทุ่ม กลับห้องแบตก็ยังเหลืออยู่ประมาณ 20% ถือว่าทำได้ดีเลยครับ
คะแนนแบตเตอรี่ 8 / 10
ภาพรวม
โดยภาพรวม ผมคิดว่า Wiko UFEEL ตัวนี้ทำออกมาได้ดีนะ ในราคานี้ 5,990 ผมถือว่าเป็นมือถือที่คุ้มค่ามากอีกตัวนึง เมื่อเทียบกับราคาและฟังก์ชั่นการใช้งานที่ได้รับ มันเป็นมือถือที่เป็นเครื่องหลักได้สบายๆครับ อย่าไปคาดหวังว่ามันจะดีสูสี Samsung หรือ iPhone ครับ เพราะผมว่าไม่ยุติธรรมถ้าจะเอาไปเทียบแบบนั้น ถ้าในแง่ความคุ้มค่าเนี้ยะ ผมว่าตัวนี้โอเคมากทีเดียว
คะแนนภาพรวม 8 / 10
จุดเด่น
- แสกนลายนิ้วมือเร็ว
- ROM 32, RAM 3 ค่อนข้างลื่นไหลดี
- ROM ค่อนข้างเสถียร มีความใกล้เคียง Pure Android
- แบตอึด
- คุ้มค่าเมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายไป
- เพิ่มหน่วยความจำได้
จุดด้อย
- เปลี่ยนแบตไม่ได้
- ยังมีบั๊กอยู่บ้าง แต่ก็ทยอยได้อัพเดทแก้
- เครื่องหนาไปนิด
- กล้องนูน ถ้าไม่ใส่เคสอาจจะทำให้เป็นรอยได้ง่าย
- ลำโพงเปิดดังแล้วเสียงแตก