LOMO LC-A modify to M4/3 and TEST!!!

กระทู้สนทนา

สวัสดีครับพี่ ป้า น้า อาแห่งห้องคนบ้ามือหมุนที่เคารพทุกท่าน
วันนี้ผมจะนำพาไปรู้จักกับกล้องคอมแพคสัญชาติรัสเซียที่มีชื่อเสียงกันอีกสักหนึ่งรุ่นนะครับ
เป็นกล้องที่ผมไม่ค่อยแน่ใจนักว่ามันจะสามารถถอดเอาเลนส์ออกมาโมดิฟายได้หรือไม่
เนื่องจากพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอกที่มันไม่มีบอดี้เลนส์ติดมาเหมือนกับกล้องทั่วๆไป
ไม่รู้ว่าจะหมุนโฟกัสที่ตรงไหน เห็นมีเพียงเดือยเล็กๆที่ทำหน้าที่ปรับโฟกัสอยู่บริเวณด้านข้างของตัวเลนส์เท่านั้น
ทำให้ที่ผ่านมาผมยังคงลังเลไม่แน่ใจว่าจะซื้อมาดีหรือไม่ กลัวว่าจะโมดิฟายไม่ได้
...............
...............
และเมื่อลองหาข้อมูลจากเว็ปไซต์ต่างๆก็ไม่มีข้อมูลใดๆที่บ่งชี้ว่ามันสามารถถอดเอามาใช้ได้
แต่กลับพบข้อมูลที่น่าสนใจบางประการก็คือเลนส์ในรหัสที่ติดมากับกล้องรุ่นนี้ได้ถูกนำมาผลิตซ้ำอีก
นั่นหมายความว่าเลนส์รุ่นนี้มันต้องมีอะไรที่พิเศษจริงๆครับ

เนื่องจากเลนส์รัสเซียที่มีการ Reproduction นั้นมักจะเป็นเลนส์ที่มีชื่อเสียงที่ได้รับการยอมรับ
เช่น Helios 40-2  1.5/85 เช่น Zenitar-N 2.8/16 Fish eye เป็นอาทิ
และเลนส์ที่เป็นมาตรฐานติดมากับกล้องรุ่นนี้ก็เป็นเช่นเดียวกันครับที่ถูกนำมาผลิตขึ้นใหม่
โดยทำเป็นเมาท์ไลก้า LTM mount ที่โฆษณาว่าใช้ optics แบบต้นฉบับดั้งเดิมทุกประการ
และขายกันในราคาหมื่นบาทกลางๆเชียวนะครับ เพียงแต่ของใหม่นี้ผลิตในประเทศจีน
...............
...............
ทำให้ผมสนใจมันขึ้นมาทันที และลองเสี่ยงตามแนวทางของเพลง “เสี่ยงเป็นเสี่ยงกัน” ของป้าใหม่ เจริญปุระ
โดยสั่งนำเข้าจากตัวที่ผู้ขายระบุว่า Non working จากยูเครน
จึงได้มาในราคารวมส่งคิดเป็นเงินไทยที่  1,073 บาทเท่านั้น
……………
……………
มันคือกล้อง  LOMO LC-A ครับ
ซึ่งคำว่า  LC-A หมายถึง  LOMO kompakt automat หรือในเวอร์ชั่นอิงลิชชนคือ LOMO compact automatic
มันถูกผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1984
ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ มิเชล พลาตินี่ ได้ชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยูโรปร่วมกับทีมชาติฝรั่งเศสนั่นแหละครับ
จากข้อมูลบอกว่ามันได้รับแรงบันดาลใจหรือเรียกง่ายๆว่าก๊อปปี้นั่นแหละ
โดยอาศัยพื้นฐานมาจากกล้อง COSINA CX-2
เลนส์มาตรฐานที่ติดมาด้วยคือ Minitar-1 ระยะทำการ 32mm เอฟกว้างสุดที่ 2.8
ระยะ Minimum focus อยู่ที่ 80 เซนติเมตร




ผมทำการถอดเลนส์ออกมาโดยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีเป็นอันเรียบร้อย
พบว่ามันไม่มีใบเบลดสำหรับคุมช่องรับแสง แต่ใช้ใบชัตเตอร์สองใบทำหน้าที่นี้แทน
ซึ่งก็เหมือนกับกล้องส่วนใหญ่ที่ติดเลนส์ในพิกัด Wide angle เป็นเลนส์มาตรฐานครับ







จากนั้นก็ตัดสายไฟต่างๆที่ติดอยู่ออกไปให้หมด เหลือเอาไว้เท่าที่จำเป็นก็คือเดือยที่ทำหน้าที่ปรับโฟกัสเท่านั้น
แล้ววิ่งรถไปโรงกลึงเพื่อให้ช่างอ๋า มือวางอันดับหนึ่งของ PK precission parts,co.ltd. เป็นผู้รับเหมางานตามระเบียบ
โดยการสร้างแหวนหนุนให้มีความสูง 3.1 มิลลิเมตร แล้วประกบกับอแดปเตอร์ C-mount to M4/3
เพื่อใช้กับกล้องมิลเรอร์เลสในตระกูลโอลิมปัสกับพานาโซนิคเท่านั้น
โดยช่างอ๋าใช้เวลาเพียงสามนาทีกับอีกยี่สิบสองวินาทีเป็นอันเรียบร้อย
กลายร่างเป็น Minitar-1  2.8/32 M4/3 mount สามารถนำออกใช้งานได้ทันที
ซึ่งหน้าตาของมันเมื่อโมดิฟายเสร็จแล้วก็จะเหมือนกับ Nikon 2.8/35 จากกล้อง Nikon LF35 ที่ผมเคยทำมาแล้ว

จากการทดสอบแบบชิลๆ พบว่ามันให้อารมณ์ภาพที่เข้มข้นดีครับ
คอนทราสท์จัดสไตล์โลโม่ ผลผลิตอันโด่งดังจากเมืองเลนินกราด
ให้ความคมในเอฟแรกที่ถึงแม้จะไม่คมมากนักแต่ก็อยู่ในระดับที่สามารถยอมรับได้
ถ้าให้คะแนนด้านความคม ผมกล้าให้ที่ระดับ 8.5 เต็ม 10




การใช้งานนั้นเหมาะกับการเดิน snap เป็นอย่างยิ่ง
ข้อติติงมีเพียงระยะ Minimum focus ที่มากไปนิด ถ้าได้สัก 60 cm ก็คงจะดีกว่านี้
อย่างไรก็ตามต้องไม่ลือว่ามันมีค่าตัวเพียง  1,073 บาทเท่านั้นนะครับ






เอาไว้มีโอกาสออกภาคสนามจะติดไปทดสอบอย่างจริงจังมาให้รับชมกันครับ
ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง เดินทางด้วยความไม่ประมาทเสมอครับ
     สวัสดี!!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่