ฉันหยิบภาพถ่ายนี้จากเว๊บของรีสอร์ทมาค่ะ เพราะเป็นภาพที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากไปยืนอยู่ที่นั่นสักครั้งหนึ่งในชีวิต และแล้ว....ฟ้าก็เป็นใจ ฉันรอให้ฝนหยุดตก ซึ่งตกทั้งวัน พอถึงเย็น ก็หยุดตกจริงๆ ฉันดีใจสุดๆ ที่จะได้ไปชื่นชมความงามของ Sand Bank ที่ที่ซึ่งเกิดจากธรรมชาติ คือ ทะเล ได้พัดพาเอาทรายมากมายมากองอยู่กลางทะเล จนกลายเป็นสันดอนทรายแบบนี้ ไม่รู้ว่าเรียกแบบนี้ถูกรึป่าว การเกิด Sand bank ใครพอจะอธิบายได้ชัดๆ รบกวนด้วยนะคะ
ตอนที่ 1 อยู่ตามลิ้งค์นี้ค่ะ
http://ppantip.com/topic/35235661 ประเทศมัลดีฟ หาใช่มีแต่ทะเลไม่ ฉันไปเป็นชาวเกาะ ตอนที่ 1
ฉันหยิบเรื่องนี้มาเล่า เป็นตอนที่ 2 ทั้งๆ ที่มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันประทับใจที่สุดในการไปเที่ยวมัลดีฟครั้งแรกนี้ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะเริ่มรีวิวตอนที่ 1 เป็นเวลาหัวค่ำ และจากประสบการณ์ในการทำรีวิวในพันทิป ฉันรู้เลยว่า จะต้องใช้เวลาทั้งคืน และไม่มั่นใจว่าจะรีวิวจบมั้ย จึงขอเลือกที่ไม่ยาวมากไปลงก่อน เพราะการได้มีโอกาสไป Sand Bank ของฉัน ทำให้ฉันพบเจออะไรที่ตื่นตาตื่นใจ แปลกใหม่ สวยงาม ตะลึงงึงงัน กับภาพที่เห็น คือ สวยสุดๆ ไปเลย กับความรู้สึกที่ได้ไปยืนอยู่บนเนินทรายกลางทะเล ที่ไม่มีอะไรเลย นอกจาก "ทราย" กับ "น้ำทะเล"
ทางรีสอร์ทนัดเวลาไปลงเรือเพื่อจะพาไป Cocktail Party ที่ Sand bank เวลา 6 โมง นั่งเรือไปแป้บเดียวไม่ถึง 10 นาที
Soneva Fushi ได้ทำการเช่า Sand Bank ตรงนี้จากรัฐบาล เพื่อให้แขกที่มาพักได้มาเที่ยว และเพื่อทำทัวร์หรือจัด Event ตามที่แขกต้องการ จึงเรียกได้ว่า แขกที่มาพักที่รีสอร์ทแห่งนี้ มีความ Exclusive มากๆ ฉันได้มีโอกาสคุยกับพนักงานคนนึง เล่าว่าทางเจ้าของตั้งแต่เริ่มซื้อเกาะมาทำรีสอร์ท ก็มองหาทำเล จนมาเจอเกาะตรงนี้ เพราะมีเสน่ห์ ตรง Sand Bank แห่งนี้ และขนาดของเกาะก็พอเหมาะ อีกทั้งยังไม่ไกลจากสนามบินที่อยู่บนเกาะอีกเกาะหนึ่ง หากไม่มี Sea Plane ก็ยังมาที่เกาะของ Soneva Fushi ได้ คือก็สามารถจะเดินทางมาที่นี่ได้ทั้ง Domestic Flight และ Sea Plane นั่งเรือมาได้มั้ย จากสนามบินที่ Male ก็ได้แต่คงนานมากๆ ไม่น่าจะต่ำกว่า 3 ชั่วโมง
ภาพข้างบน มองเห็นเส้นสีขาวตรงขอบฟ้า ที่อยู่กลางภาพมั้ย นั่นแหละค่ะ Sand Bank ที่เรากำลังจะไปกัน
และนี่คือ ภาพจาก Google Map ที่ฉันเข้าใจผิดในตอนแรกว่า ส่วนที่เป็นสีน้ำเงินตรงล่างสุดของภาพนั้นคือเกาะ ที่จริง สีน้ำเงินเข้มๆ คือส่วนของน้ำทะเลที่ลึกลงไปมาก ๆ จึงทำให้สีเข้ม ส่วนที่ออกสีอ่อนๆ คือ เป็นชายหาดหรือตรงที่น้ำไม่ลึก เค้าก็เล่ามาอีกว่า ไอ้ที่เห็นจาก Google เป็นสีน้ำเงินๆ วงๆ หลายๆ ที่นั้นคือน้ำทะเลส่วนที่ลึกลงไปมาก และที่จริง มันคือปล่องภูเขาในทะเล บางแห่งก็ลึกลงไปเป็นหลักร้อยกิโลเมตรเลย แต่ที่นี่เขาว่าลึกสักสิบกว่ากิโล (ถ้าจำผิดขออภัย)
ในภาพด้านบน จริงๆ ตำแหน่งที่ฉันลงเรือ คือฝั่งเดียวกับตรงที่ Sand Bank อยู่ แต่พอดีไม่ได้ Capture หน้าจอตำแหน่งตอนที่ลงเรือ เลยเอารูปตอนไปอยู่อีกฝั่งนึงของเกาะมาใส่ให้เห็นชัดว่า ไม่ไกล
มีพนักงานมาคอยส่งลงเรือ ฉันประทับใจการทำงานของพนักงานที่นี่มากๆ ทุกที่ที่เราไป เค้าจะคอยรับคอยส่ง คอยยกมือ บ๊ายบาย กันตลอดเลย
มีเรือไปส่งหลายรอบ เพราะเรือไม่ใหญ่มาก ณ ตอนนี้ ฉันตื่นเต้นสุดๆ ถ่ายรูปรัวเลย นึกถึงพันทิป อยากเอามาเล่ามากๆ
ยิ่งใกล้จะถึง หัวใจเต้นรัว และ แรงขึ้นเรื่อยๆ คือ มันสวยงามมาก แต่ฉันก็เสียใจนิดนึง ที่ฉันถ่ายรูปไม่เก่ง ทำให้วิวหลักล้านเหลือร้อยเดียวจริงๆ
จากตรงนี้ ก็พอจะมองเห็นว่า มีพนักงานมาเตรียมงานอยู่ก่อนแล้ว เพราะจะมี Cocktail และ Canape เสริฟตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น จนกว่าจะมืด
ความสวยในภาพ ยังไม่ได้เสี้ยวนึงของของจริงเลยค่ะ ฉันลงมายืนรอถ่ายภาพตรงนี้ ก็รู้สึกว่า ทำไมไม่ไปเรียนถ่ายภาพให้สวยๆ น๊า เสียดายจริงๆ
เริ่มมีสีสันและกลิ่นของบาบีคิวมาเป็นระยะแล้วหละค่ะ คือมาที่นี่ ก็กิน Canape จนอิ่มแทนมื้อเย็นได้เลย กินได้ตลอดเลยค่ะ แต่จะเพลิดเพลินกับความสวยงามเสียมากกว่า 555
มาแล้วค่ะ ลูกชายคนเดียวของฉัน ตอนนี้เป็นคุณพ่อแล้ว หลานสาวชื่อปาล์มมี่ ได้เที่ยวตั้งแต่เด็กเลย ภาพในตอนต่อๆ ไป คงจะมีภาพทั้งครอบครัวของเค้าติดมาด้วยนะคะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่เปิดเผยภาพบุคคลใกล้ชิดให้เดาอายุของฉัน 555
จริงๆ ก็คือ ฉันมีฐานะปานกลาง แต่ชอบเที่ยว และการที่ได้มาที่นี่ ก็เพราะเจ้าลูกชายของฉัน มีโอกาสมา Cross Exposure ที่มัลดีฟ เพราะทำงานที่ Soneva Kiri ที่เกาะกูด เค้ามาดูงานสองอาทิตย์ แล้วก็ขอหยุดพักผ่อนอีกหนึ่งอาทิตย์ ฉันเลยได้โอกาสมาด้วย เพราะเค้าให้สิทธิ์ครอบครัวมาพักฟรีค่ะ
Canapé จำพวกนี้ ก็ทำให้อิ่มท้องได้มากเลย เมนูหนึ่งเป็นแผ่นโรตีเล็กๆ ทำเป็นช่องเล็กๆ ตรงกลาง ใส่ Hammus เป็นอาหารอิตาเลียนมั้ง ออกแขกๆ ด้วย อร่อยใช้ได้
ส่วนบาบีคิว ก็มีกุ้ง กับ เนื้อบด อร่อยมากเลย หยิบกินได้ตลอด เปรมปรีด์ดี๊ด๊า พอๆ กับการได้เห็นสีสันของน้ำทะเล 555
งานเครื่องดื่ม ก็ไม่แพ้กัน มีแอลกอฮอล์บ้าง เพื่อเพิ่มอรรถรสกลางทะเลแบบนี้
หรือจะดื่มน้ำมะพร้าวสดๆ ของที่นี่ก็อร่อย รสชาติไม่เหมือนมะพร้าวบ้านเรา ไม่หวาน และออกเปรี้ยวนิดๆ แต่ก็ถูกใจเพราะไม่ชอบหวานอยู่แล้ว
มีเก้าอี้นวดคอบ่าไหล่ หลัง และ พนักงานสปามาให้บริการ นวดฟรีที่นี่ด้วย ฉัน..ในฐานะเจ้าของสปา มีหรือจะไม่ลอง อิอิ
สาวเวียดนามคนนี้นวดดีใช้ได้เลย
ที่ชอบมากอีกอย่างคือ มีที่วางแก้วด้วยอ่ะ ปักไว้ตามจุดต่างๆ ช่างใส่ใจจริงๆ เพราะคนก็คงไม่ได้อยากถือแก้วไว้ตลอดเวลา
ยังคงมีเรือไปรับแขกมาเรื่อยๆ
เนื้อบดย่าง ไอ้ที่เสียบเนื้ออยู่ นั่น เป็นอ้อยนะคะ กินเนื้อไป ดูดอ้อยไปด้วย อร่อยมากเลยค่ะ
คนเริ่มมีละ เริ่มจับกลุ่ม พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิด เล่าเรื่อง เล่าประสบการณ์การท่องเที่ยว ฉันก็ชอบนะ ได้ไอเดีย ได้ประสบการณ์ ได้ความรู้
บางเรื่องก็ได้คุยกับพนักงานระดับบริหาร ก็หยิบมาเล่าต่อได้ในพันทิปนี้
มัลดีฟ.....ฉันพึ่งหลงรักทะเล (ฉันไปเป็นชาวเกาะ) ตอนที่ 2
ฉันหยิบภาพถ่ายนี้จากเว๊บของรีสอร์ทมาค่ะ เพราะเป็นภาพที่ทำให้ฉันรู้สึกอยากไปยืนอยู่ที่นั่นสักครั้งหนึ่งในชีวิต และแล้ว....ฟ้าก็เป็นใจ ฉันรอให้ฝนหยุดตก ซึ่งตกทั้งวัน พอถึงเย็น ก็หยุดตกจริงๆ ฉันดีใจสุดๆ ที่จะได้ไปชื่นชมความงามของ Sand Bank ที่ที่ซึ่งเกิดจากธรรมชาติ คือ ทะเล ได้พัดพาเอาทรายมากมายมากองอยู่กลางทะเล จนกลายเป็นสันดอนทรายแบบนี้ ไม่รู้ว่าเรียกแบบนี้ถูกรึป่าว การเกิด Sand bank ใครพอจะอธิบายได้ชัดๆ รบกวนด้วยนะคะ
ตอนที่ 1 อยู่ตามลิ้งค์นี้ค่ะ
http://ppantip.com/topic/35235661 ประเทศมัลดีฟ หาใช่มีแต่ทะเลไม่ ฉันไปเป็นชาวเกาะ ตอนที่ 1
ฉันหยิบเรื่องนี้มาเล่า เป็นตอนที่ 2 ทั้งๆ ที่มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันประทับใจที่สุดในการไปเที่ยวมัลดีฟครั้งแรกนี้ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะเริ่มรีวิวตอนที่ 1 เป็นเวลาหัวค่ำ และจากประสบการณ์ในการทำรีวิวในพันทิป ฉันรู้เลยว่า จะต้องใช้เวลาทั้งคืน และไม่มั่นใจว่าจะรีวิวจบมั้ย จึงขอเลือกที่ไม่ยาวมากไปลงก่อน เพราะการได้มีโอกาสไป Sand Bank ของฉัน ทำให้ฉันพบเจออะไรที่ตื่นตาตื่นใจ แปลกใหม่ สวยงาม ตะลึงงึงงัน กับภาพที่เห็น คือ สวยสุดๆ ไปเลย กับความรู้สึกที่ได้ไปยืนอยู่บนเนินทรายกลางทะเล ที่ไม่มีอะไรเลย นอกจาก "ทราย" กับ "น้ำทะเล"
ทางรีสอร์ทนัดเวลาไปลงเรือเพื่อจะพาไป Cocktail Party ที่ Sand bank เวลา 6 โมง นั่งเรือไปแป้บเดียวไม่ถึง 10 นาที
Soneva Fushi ได้ทำการเช่า Sand Bank ตรงนี้จากรัฐบาล เพื่อให้แขกที่มาพักได้มาเที่ยว และเพื่อทำทัวร์หรือจัด Event ตามที่แขกต้องการ จึงเรียกได้ว่า แขกที่มาพักที่รีสอร์ทแห่งนี้ มีความ Exclusive มากๆ ฉันได้มีโอกาสคุยกับพนักงานคนนึง เล่าว่าทางเจ้าของตั้งแต่เริ่มซื้อเกาะมาทำรีสอร์ท ก็มองหาทำเล จนมาเจอเกาะตรงนี้ เพราะมีเสน่ห์ ตรง Sand Bank แห่งนี้ และขนาดของเกาะก็พอเหมาะ อีกทั้งยังไม่ไกลจากสนามบินที่อยู่บนเกาะอีกเกาะหนึ่ง หากไม่มี Sea Plane ก็ยังมาที่เกาะของ Soneva Fushi ได้ คือก็สามารถจะเดินทางมาที่นี่ได้ทั้ง Domestic Flight และ Sea Plane นั่งเรือมาได้มั้ย จากสนามบินที่ Male ก็ได้แต่คงนานมากๆ ไม่น่าจะต่ำกว่า 3 ชั่วโมง
ภาพข้างบน มองเห็นเส้นสีขาวตรงขอบฟ้า ที่อยู่กลางภาพมั้ย นั่นแหละค่ะ Sand Bank ที่เรากำลังจะไปกัน
และนี่คือ ภาพจาก Google Map ที่ฉันเข้าใจผิดในตอนแรกว่า ส่วนที่เป็นสีน้ำเงินตรงล่างสุดของภาพนั้นคือเกาะ ที่จริง สีน้ำเงินเข้มๆ คือส่วนของน้ำทะเลที่ลึกลงไปมาก ๆ จึงทำให้สีเข้ม ส่วนที่ออกสีอ่อนๆ คือ เป็นชายหาดหรือตรงที่น้ำไม่ลึก เค้าก็เล่ามาอีกว่า ไอ้ที่เห็นจาก Google เป็นสีน้ำเงินๆ วงๆ หลายๆ ที่นั้นคือน้ำทะเลส่วนที่ลึกลงไปมาก และที่จริง มันคือปล่องภูเขาในทะเล บางแห่งก็ลึกลงไปเป็นหลักร้อยกิโลเมตรเลย แต่ที่นี่เขาว่าลึกสักสิบกว่ากิโล (ถ้าจำผิดขออภัย)
ในภาพด้านบน จริงๆ ตำแหน่งที่ฉันลงเรือ คือฝั่งเดียวกับตรงที่ Sand Bank อยู่ แต่พอดีไม่ได้ Capture หน้าจอตำแหน่งตอนที่ลงเรือ เลยเอารูปตอนไปอยู่อีกฝั่งนึงของเกาะมาใส่ให้เห็นชัดว่า ไม่ไกล
มีพนักงานมาคอยส่งลงเรือ ฉันประทับใจการทำงานของพนักงานที่นี่มากๆ ทุกที่ที่เราไป เค้าจะคอยรับคอยส่ง คอยยกมือ บ๊ายบาย กันตลอดเลย
มีเรือไปส่งหลายรอบ เพราะเรือไม่ใหญ่มาก ณ ตอนนี้ ฉันตื่นเต้นสุดๆ ถ่ายรูปรัวเลย นึกถึงพันทิป อยากเอามาเล่ามากๆ
ยิ่งใกล้จะถึง หัวใจเต้นรัว และ แรงขึ้นเรื่อยๆ คือ มันสวยงามมาก แต่ฉันก็เสียใจนิดนึง ที่ฉันถ่ายรูปไม่เก่ง ทำให้วิวหลักล้านเหลือร้อยเดียวจริงๆ
จากตรงนี้ ก็พอจะมองเห็นว่า มีพนักงานมาเตรียมงานอยู่ก่อนแล้ว เพราะจะมี Cocktail และ Canape เสริฟตลอดเวลาที่อยู่ที่นั่น จนกว่าจะมืด
ความสวยในภาพ ยังไม่ได้เสี้ยวนึงของของจริงเลยค่ะ ฉันลงมายืนรอถ่ายภาพตรงนี้ ก็รู้สึกว่า ทำไมไม่ไปเรียนถ่ายภาพให้สวยๆ น๊า เสียดายจริงๆ
เริ่มมีสีสันและกลิ่นของบาบีคิวมาเป็นระยะแล้วหละค่ะ คือมาที่นี่ ก็กิน Canape จนอิ่มแทนมื้อเย็นได้เลย กินได้ตลอดเลยค่ะ แต่จะเพลิดเพลินกับความสวยงามเสียมากกว่า 555
มาแล้วค่ะ ลูกชายคนเดียวของฉัน ตอนนี้เป็นคุณพ่อแล้ว หลานสาวชื่อปาล์มมี่ ได้เที่ยวตั้งแต่เด็กเลย ภาพในตอนต่อๆ ไป คงจะมีภาพทั้งครอบครัวของเค้าติดมาด้วยนะคะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่เปิดเผยภาพบุคคลใกล้ชิดให้เดาอายุของฉัน 555
จริงๆ ก็คือ ฉันมีฐานะปานกลาง แต่ชอบเที่ยว และการที่ได้มาที่นี่ ก็เพราะเจ้าลูกชายของฉัน มีโอกาสมา Cross Exposure ที่มัลดีฟ เพราะทำงานที่ Soneva Kiri ที่เกาะกูด เค้ามาดูงานสองอาทิตย์ แล้วก็ขอหยุดพักผ่อนอีกหนึ่งอาทิตย์ ฉันเลยได้โอกาสมาด้วย เพราะเค้าให้สิทธิ์ครอบครัวมาพักฟรีค่ะ
Canapé จำพวกนี้ ก็ทำให้อิ่มท้องได้มากเลย เมนูหนึ่งเป็นแผ่นโรตีเล็กๆ ทำเป็นช่องเล็กๆ ตรงกลาง ใส่ Hammus เป็นอาหารอิตาเลียนมั้ง ออกแขกๆ ด้วย อร่อยใช้ได้
ส่วนบาบีคิว ก็มีกุ้ง กับ เนื้อบด อร่อยมากเลย หยิบกินได้ตลอด เปรมปรีด์ดี๊ด๊า พอๆ กับการได้เห็นสีสันของน้ำทะเล 555
งานเครื่องดื่ม ก็ไม่แพ้กัน มีแอลกอฮอล์บ้าง เพื่อเพิ่มอรรถรสกลางทะเลแบบนี้
หรือจะดื่มน้ำมะพร้าวสดๆ ของที่นี่ก็อร่อย รสชาติไม่เหมือนมะพร้าวบ้านเรา ไม่หวาน และออกเปรี้ยวนิดๆ แต่ก็ถูกใจเพราะไม่ชอบหวานอยู่แล้ว
มีเก้าอี้นวดคอบ่าไหล่ หลัง และ พนักงานสปามาให้บริการ นวดฟรีที่นี่ด้วย ฉัน..ในฐานะเจ้าของสปา มีหรือจะไม่ลอง อิอิ
สาวเวียดนามคนนี้นวดดีใช้ได้เลย
ที่ชอบมากอีกอย่างคือ มีที่วางแก้วด้วยอ่ะ ปักไว้ตามจุดต่างๆ ช่างใส่ใจจริงๆ เพราะคนก็คงไม่ได้อยากถือแก้วไว้ตลอดเวลา
ยังคงมีเรือไปรับแขกมาเรื่อยๆ
เนื้อบดย่าง ไอ้ที่เสียบเนื้ออยู่ นั่น เป็นอ้อยนะคะ กินเนื้อไป ดูดอ้อยไปด้วย อร่อยมากเลยค่ะ
คนเริ่มมีละ เริ่มจับกลุ่ม พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิด เล่าเรื่อง เล่าประสบการณ์การท่องเที่ยว ฉันก็ชอบนะ ได้ไอเดีย ได้ประสบการณ์ ได้ความรู้
บางเรื่องก็ได้คุยกับพนักงานระดับบริหาร ก็หยิบมาเล่าต่อได้ในพันทิปนี้