ท่านที่เคารพรักครับ กลยุทธ์ที่ว่า ใช้เกลือจิ้มเกลือ เพชรตัดเพชร เซียนโค่นเซียน โจรจับโจร ตำรวจตัดตำรวจ ผู้น้อยเคยผ่านตามาบ้าง
แต่สำหรับ กลยุทธ์ พระวางไส้ศึกพระ ถือได้ว่า แปลกใหม่ เร้าใจ ไม่เคยได้ยินมาก่อนในวงการ
แต่ก่อนอื่น ผู้น้อยขอคารวะท่านจอมยุทธ์ ทุกๆท่าน คงไม่เป็นการเกินเลยไปนัก ที่ผู้น้อยจะเรียกท่านว่า “ จอมยุทธ์ “
ไม่มีคำใดจะเรียกท่านได้เหมาะสมเท่ากับ คำๆนี้ เพราะในราชดำเนินแห่งนี้
เต็มไปด้วยรักลึกซึ้ง แค้นลึกล้ำ ทวงถามบุญคุณความแค้นกัน ไม่เว้นแต่ละวัน
ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์ถัง คำว่าจอมยุทธ์ คือผู้ที่เปี่ยมด้วยบุ๋นและบู๊ ใช้กระบี่ด้วยจิตใจที่สูงส่ง
ยามแสดงออกร่ายรำกระบี่ราวกับปราชญ์ ราวกวี ที่ค้นหาสัจธรรมด้วยมรรคากระบี่ที่ล้ำลึก
ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์ซ่ง คำว่าจอมยุทธ์ คือผู้ที่ผดุงความยุติธรรม ชิงชังความอยุติธรรมคนอื่น ราวกับความแค้นส่วนตัว
และยังเป็นวีรชนที่ปกป้องกันประเทศ ในยุคสมัยที่แว่นแคว้นขาดแคลนผู้กล้า
ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์หมิง คำว่าจอมยุทธ์คือ ผู้ที่คอยต่อสู้กับฝ่ายอธรรมมารเพื่อกอบกู้ฝ่ายธรรมะ ยังต้องมีเป้าหมายกระบี่คือ
ขุนนางกังฉินที่โฉดชั่ว
ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์ชิง คำว่าจอมยุทธ์คือผู้ที่กล้าหาญ แอ่นอกผจญกับปืนไฟของผู้รุกรานต่างชาติ
ย้อนกลับไปในสมัยสงครามกู้ชาติ จอมยุทธ์คือผู้ที่หยิบดาบ พร้า จอบ เสียม ขึ้นมาเพื่อขับไล่กองทัพญี่ปุ่นให้ออกไปจากชุมชนของตนเอง
คำว่า จอมยุทธ์ เปลี่ยนแปลงความหมายไปตาม ยุคสมัย แล้วคำว่า " พระ " เล่า ?
กลยุทธ์ที่ว่าใช้เกลือจิ้มเกลือ เพชรตัดเพชร เซียนโค่นเซียน โจรจับโจร ตำรวจตัดตำรวจ ผู้น้อยเคยผ่านตามาบ้าง
แต่สำหรับ กลยุทธ์ พระวางไส้ศึกพระ ถือได้ว่า แปลกใหม่ เร้าใจ ไม่เคยได้ยินมาก่อนในวงการ
นั่นเพราะคนที่จะคิดและทำอย่างนี้ได้ ต้องไม่ใช่พระธรรมดา แต่ต้องเป็นคนที่อ่านสามก๊ก ติดงอมแงม ชนิดกินก็อ่าน นอนก็อ่าน ถ่ายก็อ่าน
ซึ่งคนที่อ่านสามก๊กไม่ถึงสามจบ ถือว่าคิดคำๆนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะคำว่าวางไส้ศึก คือการวางกับดักเพื่อเปิดศึกใหญ่ในวันข้างหน้า
และใครที่อ่านสามก๊ก ย่อมอดที่จะชื่นชอบ ขงเบ้งไม่ได้ บางคนถึงกับลอกเลียนพฤติกรรมขงเบ้ง เราจะสังเกตออกก็ตรงนี้
นั่นคือหากเห็นใครใช้พัดขนนกในชีวิตจริง ให้สันนิฐานไว้ก่อนว่า คิดอุบายเก่ง
เคยมีคนถามผู้น้อยว่า พุทธะอิสระ กับ พระนิกร พระยันตระ พระอิสระมุนี พระภาวนาพุทโธ เณรแอร์ เณรคำ ถือว่าใครดังกว่ากัน
ผู้น้อยตอบทันทีว่า พุทธะอิสระ ดังกว่า และแน่กว่า เพราะพุทธะอิสระยังอยู่ แต่ที่เอ่ยนามมานั้น ไปกันหมดแล้ว
คนเดียวกันนั้นยังถามผู้น้อยอีกว่า การป่วยของท่านธัมมชโย คือ กลอุบายหรือไม่ ?
การเดินสายทำบุญของท่านนายกฯยิ่งลักษณ์คือกลอุบายหรือไม่ ?
ผู้น้อยตอบกรณีท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ก่อนทันทีเลยว่า ไม่ใช่ครับ การเดินสายทำบุญไม่มีเลศนัยใดๆทั้งสิ้น
ไม่จำเป็นต้องไปอ่านสามก๊กครบสามจบเพื่อมาตีความคนทำบุญ เพราะไม่ว่าจะทางโลกย์ หรือทางธรรม
เรามีแต่ตีความตัดสินคนเดินสายทำบาป
ความจริงศาสนา และพระธรรมมีแรงดึงดูดเชื่อมโยงต่อผู้ที่ใฝ่ดี ตรงกันข้ามก็จะมีแรงผลักผู้ใฝ่ร้ายให้ห่างไกลออกไป
ซึ่งใครผู้ใด ได้ใกล้ชิดศาสนา จะมีแต่ความร่มเย็น สดใส ให้สังเกตใบหน้า ดวงตา
ดูได้จากท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อท่านทำบุญตามวัดวาอารามต่างๆ
ภาพที่ปรากฏคือสุภาพสตรีผู้หนึ่งซึ่งไม่ปรุงแต่งประทินโฉม ไม่ทำผม แต่มัดรวบวางตัวเรียบร้อย งดงามด้วยกิจวัตร
แววตาและบุคลิกที่จริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่มีเสแสร้ง
สำหรับการเป็นพุทธศาสนิกชนแล้ว การไปวัดทำบุญ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีและน่าสนับสนุน
คนที่ทำบุญและมีเมตตารู้ในเนื้อนาบุญ อานิสงค์จะส่งให้จิตใจเบิกบาน คิดดี ทำดี
อย่างที่เวลานี้ ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์กำลังค้นพบความสุข ความสงบในการเดินทางแสวงบุญนั่นเอง
การเดินทางไปวัดไปวาเพื่อทำบุญ นี่คือพุทธศาสนิกชนที่น่านับถือ หาใช่กลยุทธ์ใดๆเลยครับ
..........................................
ขอน้อมคารวะครับ
จากเหมยถึงกาสะลอง จากท่านโกวเล้งถึงท่านยิ่งลักษณ์
แต่สำหรับ กลยุทธ์ พระวางไส้ศึกพระ ถือได้ว่า แปลกใหม่ เร้าใจ ไม่เคยได้ยินมาก่อนในวงการ
แต่ก่อนอื่น ผู้น้อยขอคารวะท่านจอมยุทธ์ ทุกๆท่าน คงไม่เป็นการเกินเลยไปนัก ที่ผู้น้อยจะเรียกท่านว่า “ จอมยุทธ์ “
ไม่มีคำใดจะเรียกท่านได้เหมาะสมเท่ากับ คำๆนี้ เพราะในราชดำเนินแห่งนี้
เต็มไปด้วยรักลึกซึ้ง แค้นลึกล้ำ ทวงถามบุญคุณความแค้นกัน ไม่เว้นแต่ละวัน
ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์ถัง คำว่าจอมยุทธ์ คือผู้ที่เปี่ยมด้วยบุ๋นและบู๊ ใช้กระบี่ด้วยจิตใจที่สูงส่ง
ยามแสดงออกร่ายรำกระบี่ราวกับปราชญ์ ราวกวี ที่ค้นหาสัจธรรมด้วยมรรคากระบี่ที่ล้ำลึก
ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์ซ่ง คำว่าจอมยุทธ์ คือผู้ที่ผดุงความยุติธรรม ชิงชังความอยุติธรรมคนอื่น ราวกับความแค้นส่วนตัว
และยังเป็นวีรชนที่ปกป้องกันประเทศ ในยุคสมัยที่แว่นแคว้นขาดแคลนผู้กล้า
ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์หมิง คำว่าจอมยุทธ์คือ ผู้ที่คอยต่อสู้กับฝ่ายอธรรมมารเพื่อกอบกู้ฝ่ายธรรมะ ยังต้องมีเป้าหมายกระบี่คือ
ขุนนางกังฉินที่โฉดชั่ว
ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์ชิง คำว่าจอมยุทธ์คือผู้ที่กล้าหาญ แอ่นอกผจญกับปืนไฟของผู้รุกรานต่างชาติ
ย้อนกลับไปในสมัยสงครามกู้ชาติ จอมยุทธ์คือผู้ที่หยิบดาบ พร้า จอบ เสียม ขึ้นมาเพื่อขับไล่กองทัพญี่ปุ่นให้ออกไปจากชุมชนของตนเอง
คำว่า จอมยุทธ์ เปลี่ยนแปลงความหมายไปตาม ยุคสมัย แล้วคำว่า " พระ " เล่า ?
กลยุทธ์ที่ว่าใช้เกลือจิ้มเกลือ เพชรตัดเพชร เซียนโค่นเซียน โจรจับโจร ตำรวจตัดตำรวจ ผู้น้อยเคยผ่านตามาบ้าง
แต่สำหรับ กลยุทธ์ พระวางไส้ศึกพระ ถือได้ว่า แปลกใหม่ เร้าใจ ไม่เคยได้ยินมาก่อนในวงการ
นั่นเพราะคนที่จะคิดและทำอย่างนี้ได้ ต้องไม่ใช่พระธรรมดา แต่ต้องเป็นคนที่อ่านสามก๊ก ติดงอมแงม ชนิดกินก็อ่าน นอนก็อ่าน ถ่ายก็อ่าน
ซึ่งคนที่อ่านสามก๊กไม่ถึงสามจบ ถือว่าคิดคำๆนี้ไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะคำว่าวางไส้ศึก คือการวางกับดักเพื่อเปิดศึกใหญ่ในวันข้างหน้า
และใครที่อ่านสามก๊ก ย่อมอดที่จะชื่นชอบ ขงเบ้งไม่ได้ บางคนถึงกับลอกเลียนพฤติกรรมขงเบ้ง เราจะสังเกตออกก็ตรงนี้
นั่นคือหากเห็นใครใช้พัดขนนกในชีวิตจริง ให้สันนิฐานไว้ก่อนว่า คิดอุบายเก่ง
เคยมีคนถามผู้น้อยว่า พุทธะอิสระ กับ พระนิกร พระยันตระ พระอิสระมุนี พระภาวนาพุทโธ เณรแอร์ เณรคำ ถือว่าใครดังกว่ากัน
ผู้น้อยตอบทันทีว่า พุทธะอิสระ ดังกว่า และแน่กว่า เพราะพุทธะอิสระยังอยู่ แต่ที่เอ่ยนามมานั้น ไปกันหมดแล้ว
คนเดียวกันนั้นยังถามผู้น้อยอีกว่า การป่วยของท่านธัมมชโย คือ กลอุบายหรือไม่ ?
การเดินสายทำบุญของท่านนายกฯยิ่งลักษณ์คือกลอุบายหรือไม่ ?
ผู้น้อยตอบกรณีท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ก่อนทันทีเลยว่า ไม่ใช่ครับ การเดินสายทำบุญไม่มีเลศนัยใดๆทั้งสิ้น
ไม่จำเป็นต้องไปอ่านสามก๊กครบสามจบเพื่อมาตีความคนทำบุญ เพราะไม่ว่าจะทางโลกย์ หรือทางธรรม
เรามีแต่ตีความตัดสินคนเดินสายทำบาป
ความจริงศาสนา และพระธรรมมีแรงดึงดูดเชื่อมโยงต่อผู้ที่ใฝ่ดี ตรงกันข้ามก็จะมีแรงผลักผู้ใฝ่ร้ายให้ห่างไกลออกไป
ซึ่งใครผู้ใด ได้ใกล้ชิดศาสนา จะมีแต่ความร่มเย็น สดใส ให้สังเกตใบหน้า ดวงตา
ดูได้จากท่านนายกฯยิ่งลักษณ์ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เมื่อท่านทำบุญตามวัดวาอารามต่างๆ
ภาพที่ปรากฏคือสุภาพสตรีผู้หนึ่งซึ่งไม่ปรุงแต่งประทินโฉม ไม่ทำผม แต่มัดรวบวางตัวเรียบร้อย งดงามด้วยกิจวัตร
แววตาและบุคลิกที่จริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่มีเสแสร้ง
สำหรับการเป็นพุทธศาสนิกชนแล้ว การไปวัดทำบุญ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีและน่าสนับสนุน
คนที่ทำบุญและมีเมตตารู้ในเนื้อนาบุญ อานิสงค์จะส่งให้จิตใจเบิกบาน คิดดี ทำดี
อย่างที่เวลานี้ ท่านนายกฯยิ่งลักษณ์กำลังค้นพบความสุข ความสงบในการเดินทางแสวงบุญนั่นเอง
การเดินทางไปวัดไปวาเพื่อทำบุญ นี่คือพุทธศาสนิกชนที่น่านับถือ หาใช่กลยุทธ์ใดๆเลยครับ
..........................................
ขอน้อมคารวะครับ