สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ขอแนะนำตามกฎหมายล้วนๆนะครับ
กรณีนี้ผู้ตายไม่มีคู่สมรส ไม่มีบุตร บิดามารดาของผู้ตาย คาดว่าคงเสียหมดแล้ว
มีแต่พี่น้องของผู้ตายเท่านั้น
สรุป.................. ผู้ตาย ตายฟรีครับ
อันนี้เรื่องจริง ขอตอบตามนี้
1. ผู้ที่เรียกค่าขาดไร้อุปการะได้นั้น คือ คู่สมรสของผู้ตาย และ บิดามารดาของผู้ตาย และบุตรผู้เยาว์ของผู้ตายเท่านั้น
ข้อเท็จจริงปรากฎว่า ผู้ตายไม่มีบุคคลดังกล่าวเลย จึงไม่อาจเรียกเงินส่วนนี้จากเราได้
2. ค่ารักษาพยาบาล เห็นว่าเราต้องรับผิดชอบในส่วนที่เสียไปตอนที่ผู้ตายเข้ารักษาตัว
ซึ่งเงินส่วนนี้ ทาง พรบ สามารถรับผิดชอบได้ทั้งหมด รวมทั้งค่าปลงศพ จาก พรบ.อีก 3 แสนบาทนั้นด้วย
3. พี่น้องผู้ตาย ไม่ใช่ผู้ที่เสียหาย หรือ ขาดไร้อุปการะจากผู้ตายแต่อย่างใด จึงไม่อาจเรียกค่าทำขวัญ ค่าขาดไร้ได้เลย
4. ค่าปลงศพ ข้อเท็จจริงปรากฎว่า จขกท จ่ายไปเกือบทั้งหมด หรือ อาจจ่ายบางส่วน ที่เหลือ ต้องจ่ายให้กับทายาทในส่วนค่าปลงศพนี้
ค่าปลงศพ คือ ค่าจัดการงานศพ จ่ายไป 1 แสน ก็รับผิด 1 แสนเท่านั้น พี่น้องผู้ตายไม่อาจเรียกส่วนอื่นได้เลย.............. ย้ำว่าเรียกไม่ได้เลย
ผลทางอาญา เราสามารถเก็บรวบรวมเงินที่เราจ่ายไปทั้งหมด แสดงให้ศาลดูได้ว่า เราเยียวยาตามสมควร และรับผิดชอบเท่าที่ทำได้แล้ว
รับสารภาพตามฟ้องทั้งสิ้น ผมเชื่อว่าศาลรอลงอาญาแน่นอน
ญาติผู้ตาย ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิใดๆเลยที่จะมาฟ้องเรียกร้อง หรือ เรียกร้องเอาจาก จขกท ได้
เพราะไม่อยู่ในฐานะของผู้มีสิทธิเรียกร้องได้ตามกฎหมาย
ตรงนี้ อย่าตกเป็นเหยื่อของความหิว ของญาติ (มีอย่างที่ไหน ญาติมาเรียกค่าทำขวัญ ขวัญญาติหายไปตอนไหน...)
สรุปใจความสั้นๆ คือ หยุดจ่ายทั้งหมด ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายทั้งสิ้น
หากมีข้อสงสัย ถามผมได้เลย
ผมไม่ชอบอย่างมาก ในกรณีญาติผู้ตายสวมรอยเรียกร้อง ทั้งๆที่ไม่มีสิทธิ
และเราก็ไม่รู้ว่าพวกเค้ามีสิทธิหรือไม่ เรื่องนี้อย่าตกเป็นเหยื่อเด็ดขาด
คดีอาญา เราทำคำแถลงต่อศาลได้ ไม่ต้องห่วง ศาลฟังคุณแน่นอน และคดีนี้ มันเป็นเรื่องของประมาท ไม่ใช่เจตนา
กรณีนี้ผู้ตายไม่มีคู่สมรส ไม่มีบุตร บิดามารดาของผู้ตาย คาดว่าคงเสียหมดแล้ว
มีแต่พี่น้องของผู้ตายเท่านั้น
สรุป.................. ผู้ตาย ตายฟรีครับ
อันนี้เรื่องจริง ขอตอบตามนี้
1. ผู้ที่เรียกค่าขาดไร้อุปการะได้นั้น คือ คู่สมรสของผู้ตาย และ บิดามารดาของผู้ตาย และบุตรผู้เยาว์ของผู้ตายเท่านั้น
ข้อเท็จจริงปรากฎว่า ผู้ตายไม่มีบุคคลดังกล่าวเลย จึงไม่อาจเรียกเงินส่วนนี้จากเราได้
2. ค่ารักษาพยาบาล เห็นว่าเราต้องรับผิดชอบในส่วนที่เสียไปตอนที่ผู้ตายเข้ารักษาตัว
ซึ่งเงินส่วนนี้ ทาง พรบ สามารถรับผิดชอบได้ทั้งหมด รวมทั้งค่าปลงศพ จาก พรบ.อีก 3 แสนบาทนั้นด้วย
3. พี่น้องผู้ตาย ไม่ใช่ผู้ที่เสียหาย หรือ ขาดไร้อุปการะจากผู้ตายแต่อย่างใด จึงไม่อาจเรียกค่าทำขวัญ ค่าขาดไร้ได้เลย
4. ค่าปลงศพ ข้อเท็จจริงปรากฎว่า จขกท จ่ายไปเกือบทั้งหมด หรือ อาจจ่ายบางส่วน ที่เหลือ ต้องจ่ายให้กับทายาทในส่วนค่าปลงศพนี้
ค่าปลงศพ คือ ค่าจัดการงานศพ จ่ายไป 1 แสน ก็รับผิด 1 แสนเท่านั้น พี่น้องผู้ตายไม่อาจเรียกส่วนอื่นได้เลย.............. ย้ำว่าเรียกไม่ได้เลย
ผลทางอาญา เราสามารถเก็บรวบรวมเงินที่เราจ่ายไปทั้งหมด แสดงให้ศาลดูได้ว่า เราเยียวยาตามสมควร และรับผิดชอบเท่าที่ทำได้แล้ว
รับสารภาพตามฟ้องทั้งสิ้น ผมเชื่อว่าศาลรอลงอาญาแน่นอน
ญาติผู้ตาย ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่มีสิทธิใดๆเลยที่จะมาฟ้องเรียกร้อง หรือ เรียกร้องเอาจาก จขกท ได้
เพราะไม่อยู่ในฐานะของผู้มีสิทธิเรียกร้องได้ตามกฎหมาย
ตรงนี้ อย่าตกเป็นเหยื่อของความหิว ของญาติ (มีอย่างที่ไหน ญาติมาเรียกค่าทำขวัญ ขวัญญาติหายไปตอนไหน...)
สรุปใจความสั้นๆ คือ หยุดจ่ายทั้งหมด ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายทั้งสิ้น
หากมีข้อสงสัย ถามผมได้เลย
ผมไม่ชอบอย่างมาก ในกรณีญาติผู้ตายสวมรอยเรียกร้อง ทั้งๆที่ไม่มีสิทธิ
และเราก็ไม่รู้ว่าพวกเค้ามีสิทธิหรือไม่ เรื่องนี้อย่าตกเป็นเหยื่อเด็ดขาด
คดีอาญา เราทำคำแถลงต่อศาลได้ ไม่ต้องห่วง ศาลฟังคุณแน่นอน และคดีนี้ มันเป็นเรื่องของประมาท ไม่ใช่เจตนา
แสดงความคิดเห็น
เกิดอุบัติเหตุค่ะ รบกวนสอบถามเรื่องญาติผู้เสียชีวิตเรียกร้องเงินจากเราค่ะ
จขกท.เกิดอุบัติเหตุ ขับรถเก๋งชนกับมอเตอร์ไซต์ค่ะ
คนขับมอไซต์บาดเจ็บสาหัส นอนรักษาตัวอยู่รพ. 21 วัน แล้วเสียชีวิต
จขกท.ไปเซ็นต์ยอมรับกับร้อยเวรว่าเป็นฝ่ายผิด เพราะจขกท.ออกมาจากซอย ผิดจริง
รถลุงไม่มีพรบ. ลุงไม่มีใบขับขี่ และไม่ได้ใส่หมวกกันน๊อค
จขกท.มีประกันประเภท 2+
ช่วงที่นอนรพ. ใช้พรบ.รถเก๋งรักษาพยาบาล หลังจากหมดพรบ. ใช้สิทธิบัตรทองต่อ
คนขับมอไซต์อายุ 51 ปี ไม่เคยมีลูก-เมีย ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง
ขับรถส่งหลานไปรร.บ้าง ขับรถวิ่งซื้อของให้พี่สาวบ้าง (พี่สาวขายของกิน)
ตั้งแต่วันแรกที่ชน จขกท.ยืนรอให้ปากคำ ไม่เคยหลบหนีใดๆ
ตลอดเวลาที่ลุงนอนรพ. จขกท.ไปเยี่ยมเกือบทุกวัน ไปเช็ดตัวให้ ไปดูแลให้
ตอนลุงนอนรพ. ญาติบอกว่าไม่มีคนมาเฝ้าตอนกลางคืน เพราะลุงเป็นผู้เป็นผู้ป่วยหนักต้องมีคนเฝ้าตลอด
จขกท. ให้น้องสาวไปเฝ้าตอนกลางคืนให้ 11 คืน ตอนกลางวันมีญาติลุงมาเฝ้า 1 คน
และมีมาดูและช่วงเย็นๆอีก 2 คน เป็นลูกของพี่สาวลุงและพี่ชายลุง
ลูกของพี่สาวลุงบอกว่า ต้องลาออกจากงาน เพื่อมาซื้อของให้แม่และไปรับ-ส่งลูกของตัวเองแทนลุง
( ซึ่งมารู้ทีหลังว่า เขาเพิ่งเริ่มทำงานได้แค่ 2 เดือน )
จขกท.ไม่ค่อยมีเงิน จึงให้เงินญาติลุงแค่ 1,500 บาท แต่ให้น้องสาวมาเฝ้าให้จะได้เป็นการช่วยกันแบ่งเบาค่าใช้จ่าย
ญาติลุงดูพอใจและไม่โวยวาย
จนถึงคืนที่ลุงเสียชีวิต จขกท.เป็นคนไปเฝ้าลุงเอง อยู่กับลุงและญาติลุงตั้งแต่เริ่มปั้มหัวใจ จนลุงหมดบุญไป
จขกท.เสียใจมาก ร้องไห้ไม่หยุด ไปขอขมาลาโทษและขออโหสิกรรม เพราะเราไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด มันเป็นอุบัติเหตุ
ค่ายานอกบัญชีและอุปกรณ์ประมาณ 3พันบาท จขกท.จ่ายให้
เช้าวันต่อมา จขกท.มารับศพกับญาติของลุง ค่าใช้จ่ายในการรับศพทุกอย่าง จขกท.จ่ายให้ทั้งหมด
แม้กระทั่งรูปหน้าศพ ของใส่โลง โชคดีที่มีโลงบริจาคที่วัดพอดีเลยไม่ต้องจ่ายค่าโลง
วันแรก หมดเงินไปประมาณ 1 หมื่นบาท
หลังจากนั้นค่าใช้จ่ายในงานศพทั้งหมด จขกท.เป็นคนออกให้
ตื่นตี 3 ไปซื้อของมาทำอาหารเลี้ยงพระให้ ไปช่วยทำอาหารจนพระเพล ออกมาจากครัวทีหลังญาติซะอีก
ทำอาหารว่างมาเลี้ยงหลังพระสวดเสร็จทุกคืน
สวด 3 คืน เป็นเจ้าภาพให้ทั้ง 3 คืน
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ประมาณ 35,000 บาท โดยจขกท.นำมอเตอร์ไซต์ไปจำนำและเงินเก็บทั้งหมดเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายตรงนี้
ญาติบอกว่าพอใจในสิ่งที่เราทำทั้งหมด
จนถึงวันที่มาคุยกันทุกฝ่าย จขกท. ญาติผู้เสียชีวิต ประกัน พรบ. ร้อยเวร
ลุงมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน มี 1 คนติดต่อไม่ได้ ทางญาติเรียกร้องมา ดังนี้
1. เงินจากพรบ.เป็นส่วนที่ต้องได้ทั้งหมดอยู่แล้ว ซึ่งหักค่ารักษา 30,000 บาท = จะเหลือในส่วนนั้น 270,000 บาท
2. ญาติขอเรียกร้องเงินจากทางประกันรถของเรา 350,000 บาท
3. ญาติจะขอค่าทำขวัญจากทาง จขกท. แล้วแต่จะให้ แต่ยังไงก็ต้องได้จากส่วนนี้ ต้องได้เงินของจขกท.
แต่ร้อยเวรอธิบายให้ฟังแล้วว่า ในส่วนของจขกท. จ่ายค่าทำศพให้ทั้งหมดแล้ว และไม่เคยทอดทิ้งลุงเลย
(ร้อยเวรเคยเจอจขกท.ไปดูแลลุงที่รพ. เนื่องจากร้อยเวรไปสอบสวนคดีอื่นเลยเจอกันโดยบังเอิญ)
แต่ญาติยังไม่ยอม ยังไงก็ต้องได้จากส่วนนี้
ร้อยเวรให้ญาติรอ ประมาณ 15-30 วันจึงจะรู้ผลพิจารณาของบ.ประกัน
ในระหว่างนี้ให้ไปตามหาพี่น้องอีก 1 คนให้พบ จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง
ประกันกระซิบมาบอกแล้วว่าได้ไม่ถึง 350,000 บาท
ถ้ารวมเงินทั้งหมดที่ญาติเรียกร้องคือ 620,000 บาท ไม่รวมส่วนของจขกท.
คำถามมีดังนี้ค่ะ
1. อายุและอาชีพของลุง กับจำนวนเงินที่ญาติเรียกร้องมา สมเหตุสมผลไหมคะ ในส่วนนี้เค้ารวมทั้งหมดหรือเปล่า
ทั้งของพรบ. , ประกัน, และจากเรา
2. ถ้าญาติไม่ยอมรับเงินจำนวนที่ประกันพิจารณามาให้ เขาฟ้องศาล แล้วศาลจะพิจารณายังไงคะ มีสิทธิที่ศาลจะให้ไม่ถึงหรือเปล่า
3. ถ้าศาลพิจารณาให้เราจ่ายเงินส่วนต่างที่ขาดจากที่ประกันให้ เราจะขอผ่อนผันได้ไหมคะ
4. ขึ้นศาลต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างคะ เบื้องต้นทราบแค่ว่า ค่าปรับขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เสียชีวิต 2 หมื่นบาท
5. มีวิธีไหนที่พอจะเป็นทางออกได้บ้างคะ บอกตรงๆตอนนี้ไม่มีเงินเหลือเลยค่ะ
6. ถ้าเราไม่มีเงินจ่ายค่าปรับให้ศาล เราต้องติดคุกไหมคะ แต่ในกรมธรรม์ประกันมีค่าประกันตัวอยู่ 150,000 บาท
รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ปล. ตอนนี้ความรู้สึกลึกๆคือน้อยใจมากค่ะ เราไม่เคยทอดทิ้งเขา ดูแลเหมือนพ่อคนหนึ่ง
จัดการให้ทุกอย่าง แต่ทำไมญาติเขาถึงไม่เห็นใจเราบ้าง คิดขึ้นมาทีไรก็ร้องไห้ทุกที
ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือ สวดมนต์ แผ่เมตตา นั่งสมาธิให้ลุง และให้เจ้ากรรมนายเวรค่ะ