กระทู้นี้ตั้งขึ้น เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติคนที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเศรษฐกิจยุดคดิจิตัล
อยากให้ทุกท่านช่วยกันเตือนสติ หาข้อควรระวัง จะได้ให้หลายๆท่านเตรียมรับมือกับเศรษฐกิจในยุคแห่งโลกดิจิตัล
ในคหสตของผม สิ่งที่อันตรายที่สุดของเศรษฐกิจยุคดิจิตัลคือ
ยอดซื้อขาย ธุรกรรมต่างๆที่เปลี่ยนกระแส จากซื้อขายกันแบบเห็นหน้า ไปเป็นซื้อขายทางออนไลน์แทน
ปัญหานี้หลายๆคนอาจไม่ตระหนักถึงสาเหตุของมัน แต่รับรู้ผลกระทบมันแล้ว
คือเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ที่หลายๆคนบ่น ว่าค้าขายไม่ดี เศรษฐกิจไม่ดี
แต่ยอดที่หายไป กลับไปอยู่ในธุรกิจออนไลน์แทน
จึงจะเห็นได้ว่ามีผู้ที่ร่ำรวยขึ้น จากการค้าขาย หรือหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆทางออนไลน์
คิดง่ายๆ คนในประเทศทั้งหมด จับจ่ายซื้อของวันละ1ล้านบาท
สมัยก่อนไม่มีธุรกิจออนไลน์ ดังนั้นยอดใช้จ่ายจึงอยู่ที่หน้าร้านค้าต่างๆทั้งหมด1ล้านบาท
แต่ปัจจุบันธุรกิจออนไลน์กำลังเติบโตดังนั้นยอดใช้จ่ายบางส่วนจึงแบ่งมาอยู่ที่ร้านค้าออนไลน์ด้วย
สมมุติว่ายอดซื้อขายออนไลน์วันละ3แสน ยอดใช้จ่ายหน้าร้านจึงเหลือแค่7แสนบาท
ยิ่งรวมเข้ากับผลกระทบเงินเฟ้อ และหนี้ที่เพิ่มมากขึ้น แม้จะมีเงินเท่าเดิมก็ถือว่าจนลง เพราะค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มขึ้น
การโทษว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลบริหารไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ จึงเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของปัญหาใหญ่
ซึ่งก็คือสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป
และจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นทางธุรกิจออนไลน์ ทำให้เชื่อได้ว่า ต่อไปยอดซื้อขายทางออนไลน์จะเพิ่มขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
ซ้ำกับประเทศไทยเป็นประเทศที่มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกทแฟรนไชส์เจ้าใหญ่ ทั้งที่มีและกำลังจะเปิดเพิ่ม
ยิ่งทำให้เป็นห่วงธุรกิจของประชาชนคนทั่วไป SME ร้านค้าทั้งหลาย ต้องเตรียมตัว หากลยุทธปรับตัว
เพื่อเตรียมรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป
ปล. ที่ตั้งกระทู้ขึ้นมาเพื่ออยากให้ท่านทั้งหลายช่วยกันหาข้อคิด ข้อเตือน เพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับท่านอื่นๆ
หาได้เพื่อเจตนาเสียดสี ประชดประชันกับกลุ่มบุคคลใดๆทั้งสิ้น
ข้อเสียของเศรษฐกิจแบบดิจิตัล
อยากให้ทุกท่านช่วยกันเตือนสติ หาข้อควรระวัง จะได้ให้หลายๆท่านเตรียมรับมือกับเศรษฐกิจในยุคแห่งโลกดิจิตัล
ในคหสตของผม สิ่งที่อันตรายที่สุดของเศรษฐกิจยุคดิจิตัลคือ
ยอดซื้อขาย ธุรกรรมต่างๆที่เปลี่ยนกระแส จากซื้อขายกันแบบเห็นหน้า ไปเป็นซื้อขายทางออนไลน์แทน
ปัญหานี้หลายๆคนอาจไม่ตระหนักถึงสาเหตุของมัน แต่รับรู้ผลกระทบมันแล้ว
คือเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน ที่หลายๆคนบ่น ว่าค้าขายไม่ดี เศรษฐกิจไม่ดี
แต่ยอดที่หายไป กลับไปอยู่ในธุรกิจออนไลน์แทน
จึงจะเห็นได้ว่ามีผู้ที่ร่ำรวยขึ้น จากการค้าขาย หรือหาผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆทางออนไลน์
คิดง่ายๆ คนในประเทศทั้งหมด จับจ่ายซื้อของวันละ1ล้านบาท
สมัยก่อนไม่มีธุรกิจออนไลน์ ดังนั้นยอดใช้จ่ายจึงอยู่ที่หน้าร้านค้าต่างๆทั้งหมด1ล้านบาท
แต่ปัจจุบันธุรกิจออนไลน์กำลังเติบโตดังนั้นยอดใช้จ่ายบางส่วนจึงแบ่งมาอยู่ที่ร้านค้าออนไลน์ด้วย
สมมุติว่ายอดซื้อขายออนไลน์วันละ3แสน ยอดใช้จ่ายหน้าร้านจึงเหลือแค่7แสนบาท
ยิ่งรวมเข้ากับผลกระทบเงินเฟ้อ และหนี้ที่เพิ่มมากขึ้น แม้จะมีเงินเท่าเดิมก็ถือว่าจนลง เพราะค่าใช้จ่ายต่างๆเพิ่มขึ้น
การโทษว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลบริหารไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ จึงเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของปัญหาใหญ่
ซึ่งก็คือสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป
และจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นทางธุรกิจออนไลน์ ทำให้เชื่อได้ว่า ต่อไปยอดซื้อขายทางออนไลน์จะเพิ่มขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
ซ้ำกับประเทศไทยเป็นประเทศที่มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกทแฟรนไชส์เจ้าใหญ่ ทั้งที่มีและกำลังจะเปิดเพิ่ม
ยิ่งทำให้เป็นห่วงธุรกิจของประชาชนคนทั่วไป SME ร้านค้าทั้งหลาย ต้องเตรียมตัว หากลยุทธปรับตัว
เพื่อเตรียมรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป
ปล. ที่ตั้งกระทู้ขึ้นมาเพื่ออยากให้ท่านทั้งหลายช่วยกันหาข้อคิด ข้อเตือน เพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับท่านอื่นๆ
หาได้เพื่อเจตนาเสียดสี ประชดประชันกับกลุ่มบุคคลใดๆทั้งสิ้น