Ohayou gozaimasu （おはようございます）เพิ่งมีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก พร้อมกับเพื่อนอีก 4 คน  พวกเราวางแผนกันโดยใช้ข้อมูลจากพันทิปเป็นหลัก เลยขอมาลองแชร์ประสบการณ์ดูบ้าง แต่รูปประกอบมีน้อยไปหน่อยนะ พวกเราเป็นนักเรียนปริญญาโท (ด้วยความที่ยังไม่มีรายได้ ค่าใช้จ่ายต่างๆเราจะจ่ายเท่าที่เราจ่ายกันได้ ไม่หรูหรอก แต่ก็ไม่ลำบาก) เป้าหมายคือต้องไปนำเสนอผลงาน เป็นเวลาทั้งสิ้น 1 วันถ้วน โดยมีกำหนดการเดินทางวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559 พวกเรามีเวลาเตรียมตัว 1 เดือนก่อนออกเดินทาง คุยกันกับเพื่อนว่าจะไป 5-6 วัน แต่แล้วเมื่อเริ่มจากเฟ้นหาตั๋วเครื่องบินแบบถูกสุดๆ ของช่วงนั้น หวยออกที่สายการบิน Delta airline (ต้องให้เครดิตเพจ Ar-pae.com อย่างแรง) บินตรง (BKK-NRT)/full service/กระเป๋า 2 ใบ น้ำหนักไม่เกินใบละ 23 กิโลกรัม ราคา 15,xxx บาท ไป-กลับ แต่ แต่ แต่!!!!! ถ้าจะเอาราคานี้ต้องกลับ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2559 ตามโปรโมเฉิ่นที่มี คุณพระ 8 วัน เอางัยดี มองหน้ากันไปมา เอางัยดี งานมีวันเดียว สุดท้ายคือ…ตกลง เที่ยวต่อล่ะกัน…จองค่ะ

ถัดมา จองที่พัก เราจองที่พักกัน 2 ที่ เนื่องด้วยงานของเราจัดใกล้สนามบิน เราก็จองกันแถวๆนั้นนั่นแหละ
ที่แรก Narita gateway hotel จองผ่าน booking.com เหตุผลที่เลือกคือถูก เฉลี่ย 1000 บาท/คน/คืน (5 คน, 2 ห้อง) สะดวก มีรถรับส่งสนามบิน(ฟรี) ไม่เอาอาหารเช้านะ แต่ถ้าต้องการโรงแรมก็มีบริการ

ที่ที่สอง มีคำแนะนำจากกูรูญี่ปุ่น ให้ลองจองที่พักผ่าน airbnb  เราก็ไปสำรวจเลย สรุปคือได้ที่นี่มา Large Living room –Tokyo พัก 5 คน 5 คืน ประมาณ 17,xxx บาท เฉลี่ยก็คนละ 700 บาท/คืน เจ้าของที่พักน่ารัก ใจดี พูดภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว ระแวกที่พักมีสถานี Subway มี Supermarket/7-11/ Lawson เลือกเข้าได้ตามใจชอบ

แล้วก็มาวางแผนการเดินทางกันคร่าวๆ แบบนี้ (ปรับปรุงแล้วตามที่ได้ไปจริง)




ซึ่งไปจริงๆแล้ว ไม่ค่อยเป็นไปตามที่คิดไว้เท่าไหร่ พร้อมทั้งศึกษาการเดินทาง โดยเลือกพาหนะเป็น Bus (นั่งจาก Narita ไปกลับ Tokyo) และ Subway (ใช้ใน Tokyo) แล้วก็โหลดแอพพลิเคชั่น Tokyo Subway Navigation for Tourists เพื่อใช้สำหรับการผจญภัย ใช้ง่ายใช้ดีจริงๆ บอกต้นทาง ปลายทาง และค่าเดินทางด้วย พร้อมกับใช้ Tokyo Subway 3-Day Ticket เหมากันไปเลย 1500 yen 2 ใบ เพื่อ 6 วันใน ToKyo คุ้มเกินคาด (การวางแผนการเดินทางส่วนใหญ่ เราได้จากการอ่านและทำตามกระทู้นี้เป็นหลัก http://ppantip.com/topic/34635498 ซึ่งเค้าทำไว้ดีมากทีเดียว) และสุดท้ายคือ จอง pocket wifi ไปด้วย เผื่อหาข้อมูลกันหลง หารกันแล้ว คนละ 300 นิดๆ อย่าลืม power bank ด้วยนะ


ออกเดินทางกัน

เครื่องออก จากสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 07.05 น. แอร์ฯบริการดียิ้มแย้มแจ่มใส อาหารเช้ามาตอนแปดโมง  กาแฟสตาร์บัคและเครื่องดื่มบริการตลอดเส้นทาง นั่งสบายหายห่วง ก่อนเครื่องลงมีขนมมาให้ พร้อมทั่งน้ำแร่ก็มา



ถึงสนามบิน Narita เวลา 15.00 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น ก็ทำตามขั้นตอนเข้าเมืองปกติ ออกมาเดินตามหา Bus Stop No. 16 เพื่อไปโรงแรม ห้องพักที่ลือกันว่าจะเล็ก ก็ไม่นะ อยู่กันสบายไม่อึดอัด ห้องน้ำดี น้ำแรงเวอร์ อุปกรณ์อาบน้ำพร้อมทุกสิ่ง





เช้าวันที่สอง วันงานของเราที่ Hilton Tokyo Narita Airport ก็ไม่มีอะไร ข้ามได้ แต่...อาหารและของหวาน ดีมากจริงๆ



วันที่ 3 เรากลับไปที่ สนามบิน Narita เพื่อเข้าโตเกียว เริ่มจากตามหาเคาเตอร์ Keisei Bus ไปซื้อตั๋ว Keisei bus และ Tokyo Subway 3-Day Ticket แล้วออกเดินทางกัน เพียงอึดใจเดียวก็มาถึง Tokyo station เดินลากกระเป๋าข้ามถนนไปตามหาห้าง Dimaru สถานี Tokyo จะอยู่ชั้นใต้ดินเชื่อมกับห้างนี้ (ถ้าจะกลับด้วยวิธีเดิม จำอะไรสำคัญๆ ไว้ก็ดี จะได้ไม่หลง) ตามหา subway สายที่จะพาไปที่พักกันต่อ เจ้าของที่พักเราจะคอยส่งรายละเอียดมาให้เรื่อยๆ แล้วก็ถึงจนได้ด้วย Google map จากนั้นเราก็สำรวจที่พัก รีบเติมพลังกันด้วยอาหารจาก 7-11 และจบวันนี้ด้วย...นอน ฝนตกด้วย


ที่พักของเรา



เติมพลังกันก่อน






สำรวจทางเล็กน้อย




วันที่ 4 เริ่มต้นวันด้วยการไปนมัสการเจ้าแม่กวนอิมที่ Sensoji Temple หรือศาลเจ้า Asakusa เดินทางจากสถานี Monzen-nakacho (T12) ไป Nihombashi (T10) เปลี่ยนสายเป็น Nihombashi (A13) ไปลงที่ Asakusa (A18) ขึ้นมาจากสถานีรถไฟเดินตรงไปจากซอย เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปอีกหน่อยจะเจอวัดอยู่ฝั่นตรงข้าม


ซาลาเปาทอด



ไปถึงด้านในวัดก็เริ่มล้างมือซ้ายและขวาที่น้ำพุรูปมังกร จากนั้นไปซื้อธูปแล้วจุดทั้งกำ หันหน้าเข้าวิหารหลักแล้วอธิฐาน สุดท้ายคือปักธูปที่กระถางแล้วกวักควันเข้าหาตัวเพื่อความเป็นศิริมงคล แล้วขึ้นไปบนวิหารไปจุดเทียน เสร็จก็ไปโยนเหรียญขอพร (อ้างจากรายการ มาจิเด๊ะ! เจแปน)

หลังจากนี้เราหมายว่าจะไปถ่ายรูปกับ Tokyo sky tree ริมแม่น้ำสุมิดะ แต่ฝนตก จำต้องเปลี่ยนแผนไปช้อปปิ้งแทน ที่ตลาด Ameyoko โดยเริ่มเดินทางจากสถานี Asakusa (G19) ไปลง Ueno - okachimachi (G15)  ขึ้นมาจะเจอร้านขายของเยอะมาก กลับหลังหันเดินไปตรงที่เป็นแยกที่วุ่นวี้วุ่นวายแล้วเลี้ยวขวา เดินไปเรื่อยๆจะเจอป้ายบอก Ameyoko เดินดูของไปเรื่อยๆ แล้วจบด้วยช้อปกระจายที่ตึกม่วง TAKEYA ก่อนกลับแวะซื้ออาหารทะเลที่ถูกและสดมากกกก ไปเป็นอาหารเย็น






วันที่ 5 ที่แรกที่ไปคือ imperial palace ออกจากที่พักมุ่งตรงไปสถานี Otemachi (T09) ขึ้นมาจะมองเห็นสวนสาธารณะ คนมาออกกำลังกายกันมากมาย

สะพานแว่นตา

คุณลุงมาวาดรูปด้วย เป็นกิจกรรมยามว่าง (แอบเห็นคนที่สูงอายุหน่อยมาวาดรูปตามสถานที่สำคัญๆเยอะเหมือนกันนะ)

แล้วก็ย้ายไป Meiji Gingu หรือศาลเจ้าแม่เมจิ เราไปลงที่ Meiji – jingumae (C03) พอขึ้นมาด้านบนให้เดินย้อนกลับมาอีกทาง จะเจอสะพานข้ามทางรถไฟ เดินข้ามสะพานมาเราก็จะถึงทางเข้าของศาลเจ้าเมจิ ร่มรื่นมากๆ พอถึงก็ไปล้างมือ ป้วนปาก กันก่อนแล้วค่อยเข้าไปขอพร อีกด้านนึงของศาลเจ้าก็มีพิธีแต่งงานด้วย สวยงามตามประเพณี


ถัดมาก็ไปเยือนแหล่งช้อป เดินแลดูผู้คนไปเรื่อยๆ ซึ่งคนเยอะ เยอะจริงๆ หาอะไรกินกันนิดหน่อยก็ไป  Shibuya; Shibuya (F16)


ไปเดินห้าแยก อื้อหือ…เป็นไปตามเสียงลือเสียงเล่าอ้าง คนมหาศาล ระหว่างนั้นก็หิวแล้วแหละ ไปรอกินข้าว เจอเด็กน้อยขี้เล่น เล่นกันไปมา คุณแม่ก็ให้คูปองส่วนลดกับพวกเรา ปลื้มปริ่มกันไป อิ่มแล้วก็ไปละลายทรัพย์สินของใครของมันให้สบายใจก่อนกลับห้อง
แอบเล่าความใจดีของคนญี่ปุ่นอีกเรื่องนึง อย่างที่บอกไปแล้วว่าเรานั้นหลง เดินตาม GPS จากโทรศัพท์สามสี่เครื่องแล้วไม่เป็นผล สุดท้ายเลยทำใจกล้า "ให้เพื่อน" ไปถามคนที่เดินแถวนั้นดู ล๊อกเป้าหมายแล้วใส่เลย เหยื่อเรากำลังจะสอดบัตร subway แล้ว ถามไปถามมา ฮีบอกอธิบายยาก เลยเดินไปส่ง หึย...ใจดีอ่ะ (ทุกคนปลื้มปริ่ม) ซึ่งเป้าหมายกับสถานีที่เค้าจะกลับคืออยู่ไกลกันมาก ซึ้งใจมาก เราก็ไม่มีอะไรจะให้ เลยบอกเค้าไปว่า...รักนะ

ช้อปเสร็จก็ยังถามพนักงานที่ร้านนะ ว่าจะไปที่นั้น นี่โน้น ไปยังงัย ถึงขั้นลงไม้ลงมือ...วาดแผนที่กันเลยทีเดียว

ยังนะ ยังไม่จบ เรื่องความหลงยังไม่จบแค่นี้ มีต่ออีกหน่อย