เกริ่นก่อนนะคะ.. เรื่องมีอยู่ว่า น้องชายเรามาหางานทำในกรุงเทพในช่วงปิดเทอมโดยมาอาศัยอยู่กับเรา และที่ปากซอยหน้าหอเรามีร้านสะดวกซื้อเป็นร้านแฟรนไชส์พอดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ร้านเซเว่น ปากซอยลาดกระบัง 11/4 เห็นว่าใกล้น้องก็ไปสมัครในวันที่ 20 เม.ย. 59 และได้เริ่มงานในวันถัดมา ในวันสมัครเจ้าของร้านบอกว่ามีข้อตกลงคือทำงานไม่ครบเดือนจะไม่มีการจ่ายเงินเดือนให้ เราก็เข้าใจเพราะอาจมีการเข้าออกงานบ่อยๆ ของพนักงาน และตกลงค่าแรงที่ 300 บาท/วัน ส่วนในตัวของน้องเราก็แจ้งกับเจ้าของร้านแล้วว่าจะทำงานจนถึงวันที่ 20 มิ.ย. 59 นับเป็นเวลา 2 เดือนพอดี เพราะน้องจะเปิดเทอมในเดือน ก.ค. 59 ซึ่งเจ้าของร้านก็รับรู้ ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
จนถึงวันรับเงินเดือนคือวันที่ 30 พ.ค. 59 (การตัดวิคค่าแรงจะคิด จากวันที่ 21-20 ของเดือนถัดมา และรับเงินเดือนวันที่ 30) ซึ่งในวันที่ 30 พ.ค. 59 ตอนประมาณ 5 ทุ่ม น้องเลิกงานและรับเงินเดือน 8,320 บาท ตามที่เจ้าของร้านคิดให้น้องดูตอนรับเงินเดือนคือคิดเงินเดือนตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 59 - 20 พ.ค. 59 หักวันหยุดสัปดาห์ละครั้งไป 4 วัน และให้ค่าแรงวันละ 320 บาท เพิ่มมา 20 บาทจากที่ตกลงกันในตอนแรก ก็เป็น 26*320=8,320 บาทพอดี (การจ่ายเงินเดือนเจ้าของร้านจะเรียกพนักงานเข้าไปรับทีละคนและคิดเงินให้ดู ไม่มีสลิป ไม่โอนเข้าบัญชี ใส่ซองให้อย่างเดียว) เรากับน้องก็งงว่าทำไมถึงคิดให้แค่นี้เพราะในเดือน พ.ค. มีวันหยุดสำคัญถึง 2 วัน คือวันที่ 1 พ.ค.59 เป็นวันแรงงาน และวันที่ 20 พ.ค. 59 เป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งน้องควรจะได้ค่าแรง 2 แรง รวมถึงเวลาในการทำงาน เริ่มงาน 13.30 น. และเลิกงาน 22.30 น. แต่กว่าจะได้เลิกงานจริงๆ เกินห้าทุ่มในบางครั้ง และบางวันก็ถึงเที่ยงคืน ซึ่งจะเห็นได้ว่าน้องไม่ได้ค่าล่วงเวลา แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเจ้าของร้านอาจจะเฉลี่ยและคิดเพิ่มให้วันละ 20 บาทจากที่ตกลงในตอนแรก เราก็เลยตัดสินใจจะเข้าไปถามเจ้าของร้านว่าทำไมถึงไม่คิดค่าแรงให้ 2 แรง ในวันหยุดนักขัตฤกษ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ เราพาน้องเข้าไปในร้าน น้องก็เข้าไปหาเจ้าของร้านข้างในด้านหลังร้าน ส่วนเราไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะเราเป็นคนนอก น้องเข้าไปสักครู่ก็ออกมาบอกเราว่า เจ้าของร้านให้รอก่อน เราก็ออกมานั่งรอตรงบันไดหน้าร้านกับน้อง และเพื่อนอีกคนที่อยู่หอพักด้วยกัน รอตั้งแต่ ห้าทุ่มกว่า จนตีหนึ่งครึ่ง เจ้าของร้านก็ให้พนักงานของร้านอีกคนที่อยู่กะดึกออกมาบอกว่า วันพุธจะคิดให้ใหม่ (น้องหยุดงานวันอังคารที่ 31) คือเราก็งง ว่าเค้าให้รอตั้งแต่ห้าทุ่มกว่าจนตีหนึ่งครึ่งเพื่ออะไร เราก็เสียความรู้สึกแทนน้องนะ คือไม่น่าทำแบบนี้ บอกให้รอก็รอ แถมรอตั้งนาน สุดท้ายก็ตกลงว่าจะรอจนวันพุธ จากนั้นเรากับน้อง และเพื่อนก็เดินกลับหอ
จนมาเมื่อวาน คือ วันพุธที่ 1 มิ.ย. 59 ที่เจ้าของร้านบอกว่าจะคิดเงินเดือนให้ใหม่ แต่สุดท้ายจนน้องเลิกงานห้าทุ่ม เจ้าของร้านก็ไม่ได้มีการพูดเรื่องนี้เลย น้องก็ไม่กล้าถามอีกเพราะเจ้าของร้านไม่พูด คิดว่าอดทนทำงานต่อไปดีกว่าเขาให้เท่าไรก็เท่านั้น เพราะทำงานไปแล้วกว่าสิบวันเสียดายค่าแรง และไม่อยากมีปัญหาเวลาทำงาน เราก็ไม่เข้าใจว่าสุดท้ายต้องปล่อยไปให้เจ้าของร้านเอาเปรียบอย่างนี้เหรอ? ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ? ร้านสะดวกซื้ออื่นๆ หรืองานอื่นๆ เจอปัญหาลักษณะอย่างนี้บ้างหรือไม่?
อีกคำถามที่สำคัญค่ะ เราสามารถพึ่งกฎหมายได้หรือไม่? ซึ่งใน พรบ. คุ้มครองแรงงาน มาตรา 62 (2) ระบุไว้ชัดเจนว่าพนักงานรายวันที่ไม่ได้ค่าแรงในวันหยุด ต้องได้ค่าจ้าง 2 เท่าในการทำงานในวันที่เป็นวันหยุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
มาตรา 62 ในกรณีที่นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานในวันหยุดตามมาตรา 28 มาตรา 29 หรือมาตรา 30 ให้นายจ้างจ่ายค่าทำงานในวันหยุดให้แก่ลูกจ้างในอัตรา ดังต่อไปนี้
(1) สำหรับลูกจ้างซึ่งมีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุด ให้จ่ายเพิ่มขึ้นจากค่าจ้างอีกไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำหรือไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าของอัตราค่าจ้างต่อหน่วยในวันทำงานตามจำนวนผลงานที่ทำได้สำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
(2) สำหรับลูกจ้างซึ่งไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุด ให้จ่ายไม่น้อยกว่าสองเท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ หรือไม่น้อยกว่าสองเท่าของอัตราค่าจ้างต่อหน่วยในวันทำงานตามจำนวนผลงานที่ทำได้สำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
**คือเราไม่อยากให้ปล่อยผ่านค่ะ ถึงปัญหาของเรามันจะเป็นปัญหาที่ไม่ใหญ่มากเงินแค่ไม่กี่ร้อย แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยปัญหาก็จะอยู่ต่อไป แล้วอีกกี่คนที่ต้องโดนเอาเปรียบ คิดเล่นๆ เจ้านาย 1 คนเอาเปรียบลูกจ้าง 1 เดือน เดือนละ 10 คน คนละ 1,000 บาท เท่ากับเดือนนึงๆ มีความเสียหายถึงเกิดขึ้นถึง 10,000 บาท แล้วคิดว่าตอนนี้มีเจ้านายกี่คนที่กำลังเอาเปรียบลูกจ้างอยู่ คิดแล้วมันแย่นะคะ แย่มากๆ
โดนเอาเปรียบค่าแรงงานร้านสะดวกซื้อ
จนถึงวันรับเงินเดือนคือวันที่ 30 พ.ค. 59 (การตัดวิคค่าแรงจะคิด จากวันที่ 21-20 ของเดือนถัดมา และรับเงินเดือนวันที่ 30) ซึ่งในวันที่ 30 พ.ค. 59 ตอนประมาณ 5 ทุ่ม น้องเลิกงานและรับเงินเดือน 8,320 บาท ตามที่เจ้าของร้านคิดให้น้องดูตอนรับเงินเดือนคือคิดเงินเดือนตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย. 59 - 20 พ.ค. 59 หักวันหยุดสัปดาห์ละครั้งไป 4 วัน และให้ค่าแรงวันละ 320 บาท เพิ่มมา 20 บาทจากที่ตกลงกันในตอนแรก ก็เป็น 26*320=8,320 บาทพอดี (การจ่ายเงินเดือนเจ้าของร้านจะเรียกพนักงานเข้าไปรับทีละคนและคิดเงินให้ดู ไม่มีสลิป ไม่โอนเข้าบัญชี ใส่ซองให้อย่างเดียว) เรากับน้องก็งงว่าทำไมถึงคิดให้แค่นี้เพราะในเดือน พ.ค. มีวันหยุดสำคัญถึง 2 วัน คือวันที่ 1 พ.ค.59 เป็นวันแรงงาน และวันที่ 20 พ.ค. 59 เป็นวันวิสาขบูชา ซึ่งน้องควรจะได้ค่าแรง 2 แรง รวมถึงเวลาในการทำงาน เริ่มงาน 13.30 น. และเลิกงาน 22.30 น. แต่กว่าจะได้เลิกงานจริงๆ เกินห้าทุ่มในบางครั้ง และบางวันก็ถึงเที่ยงคืน ซึ่งจะเห็นได้ว่าน้องไม่ได้ค่าล่วงเวลา แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเจ้าของร้านอาจจะเฉลี่ยและคิดเพิ่มให้วันละ 20 บาทจากที่ตกลงในตอนแรก เราก็เลยตัดสินใจจะเข้าไปถามเจ้าของร้านว่าทำไมถึงไม่คิดค่าแรงให้ 2 แรง ในวันหยุดนักขัตฤกษ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือ เราพาน้องเข้าไปในร้าน น้องก็เข้าไปหาเจ้าของร้านข้างในด้านหลังร้าน ส่วนเราไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะเราเป็นคนนอก น้องเข้าไปสักครู่ก็ออกมาบอกเราว่า เจ้าของร้านให้รอก่อน เราก็ออกมานั่งรอตรงบันไดหน้าร้านกับน้อง และเพื่อนอีกคนที่อยู่หอพักด้วยกัน รอตั้งแต่ ห้าทุ่มกว่า จนตีหนึ่งครึ่ง เจ้าของร้านก็ให้พนักงานของร้านอีกคนที่อยู่กะดึกออกมาบอกว่า วันพุธจะคิดให้ใหม่ (น้องหยุดงานวันอังคารที่ 31) คือเราก็งง ว่าเค้าให้รอตั้งแต่ห้าทุ่มกว่าจนตีหนึ่งครึ่งเพื่ออะไร เราก็เสียความรู้สึกแทนน้องนะ คือไม่น่าทำแบบนี้ บอกให้รอก็รอ แถมรอตั้งนาน สุดท้ายก็ตกลงว่าจะรอจนวันพุธ จากนั้นเรากับน้อง และเพื่อนก็เดินกลับหอ
จนมาเมื่อวาน คือ วันพุธที่ 1 มิ.ย. 59 ที่เจ้าของร้านบอกว่าจะคิดเงินเดือนให้ใหม่ แต่สุดท้ายจนน้องเลิกงานห้าทุ่ม เจ้าของร้านก็ไม่ได้มีการพูดเรื่องนี้เลย น้องก็ไม่กล้าถามอีกเพราะเจ้าของร้านไม่พูด คิดว่าอดทนทำงานต่อไปดีกว่าเขาให้เท่าไรก็เท่านั้น เพราะทำงานไปแล้วกว่าสิบวันเสียดายค่าแรง และไม่อยากมีปัญหาเวลาทำงาน เราก็ไม่เข้าใจว่าสุดท้ายต้องปล่อยไปให้เจ้าของร้านเอาเปรียบอย่างนี้เหรอ? ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ? ร้านสะดวกซื้ออื่นๆ หรืองานอื่นๆ เจอปัญหาลักษณะอย่างนี้บ้างหรือไม่?
อีกคำถามที่สำคัญค่ะ เราสามารถพึ่งกฎหมายได้หรือไม่? ซึ่งใน พรบ. คุ้มครองแรงงาน มาตรา 62 (2) ระบุไว้ชัดเจนว่าพนักงานรายวันที่ไม่ได้ค่าแรงในวันหยุด ต้องได้ค่าจ้าง 2 เท่าในการทำงานในวันที่เป็นวันหยุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
**คือเราไม่อยากให้ปล่อยผ่านค่ะ ถึงปัญหาของเรามันจะเป็นปัญหาที่ไม่ใหญ่มากเงินแค่ไม่กี่ร้อย แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยปัญหาก็จะอยู่ต่อไป แล้วอีกกี่คนที่ต้องโดนเอาเปรียบ คิดเล่นๆ เจ้านาย 1 คนเอาเปรียบลูกจ้าง 1 เดือน เดือนละ 10 คน คนละ 1,000 บาท เท่ากับเดือนนึงๆ มีความเสียหายถึงเกิดขึ้นถึง 10,000 บาท แล้วคิดว่าตอนนี้มีเจ้านายกี่คนที่กำลังเอาเปรียบลูกจ้างอยู่ คิดแล้วมันแย่นะคะ แย่มากๆ