สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอเกริ่นคร่าวๆก่อนว่ากระทู้นี้เกิดจากความไม่พอใจในการบริการของพนักงานท่ารถตู้ พนักงานขับรถตู้ รวมไปถึงสถานที่ตั้งของท่ารถตู้ค่ะ เนื่องจากดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ใช้บริการรถตู้สาธารณะเกือบทุกอาทิตย์ เพื่อเดินทางกลับบ้าน แต่ต้องเจอกับสถานการณ์ที่แย่ๆ และสะสมเรื่อยมา จึงพยายามหาทางแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยการหาข้อมูลใน Google ก็ได้พบปัญหามากมายเกี่ยวกับรถตู้ ที่ถูกตั้งเป็นกระทู้ในพันทิป หลายคนให้ความเห็นว่า การแจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบไป ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรอก!! จึงเกิดคำถามว่า แล้วทำไมเราทำอะไรไม่ได้เลย ในฐานะผู้รับบริการ เราเสียเงินให้เค้านะ???
โดยเรื่องราวมันแย่ ตั้งแต่ที่ตั้งท่ารถตู้แล้วค่ะ เพราะท่ารถ ตั้งอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เกาะดินแดง(ฝั่งที่มีก๋วยเตี๋ยวเรือขายเยอะๆ) ท่านี้ตั้งอยู่ใต้ทางด่วนฝั่งก๋วยเตี๋ยวเรือค่ะ ซึ่งสถานที่นั่งรอรถตู้นั้นทั้งคับแคบ สกปรก อับลม และมีกลิ่นปัสสาวะ ลอยมาถี่ๆ ผิดกับสถานที่ขายตั๋วรถราวฟ้ากับเหวค่ะ จึงเกิดคำถามว่า สถานที่นี้เป็นสถานที่นี้เหมาะสมเป็นท่ารถตู้แล้วหรือ? เพราะพื้นที่สามารถรองรับได้เพียงคนขายตั๋วเท่านั้น คนที่มีอำนาจในการดูแลเรื่องนี้ จะรู้บ้างมั้ยT-T?
และก็มีครั้งหนึ่ง ระหว่างทางกลับมากรุงเทพ คนขับรถถามผู้โดยสารว่า “มีใครลงแยกบางนาบ้าง” ก็มีคนพูดขึ้นมาว่า “มีครับ” เนื่องจากเป็นลุงแก่ๆ พูดออกมาจากหลังสุดของรถตู้ ทำให้คนขับไม่ได้ยิน คนขับจึงตะโกนถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจว่า “จะมีใครลงแยกบางนามั้ย” คุณลุงก็พูดอีกทีว่า “มีครับ” คาดว่าคนขับก็คงไม่ได้ยินอีก แต่คนแถวหน้าที่ได้ยินจึงพูดขึ้นมาว่า “มีค่ะ” คนขับจึงพูดด้วยน้ำเสียงแย่ๆอีกว่า ”ก็พูดให้มันดังๆหน่อยสิ”
คือคุณคนขับควรพูดจาให้ดีกว่านี้มั้ยคะ? แล้วคุณมีความตั้งใจฝังคำตอบของผู้โดยสารมากแค่ไหน เนื่องจากดิฉันเหลือบไปเห็นคนขับใส่หูฟังไม่รู้ว่าใส่กี่ข้างหรือฟังอะไร หรือดังแค่ไหนนะคะ และที่สำคัญนายท่าควรแจ้งคนขับก่อนว่า ผู้โดยสารบนรถคันนี้ จะลงที่ไหนบ้าง เพื่อเป็นการลดปัญหาการสื่อสารที่อาจจะผิดพลาดบนรถค่ะ
แต่เรื่องที่จุดประเด็นการมาตั้งกระทู้ในครั้งนี้คือ การบริการของคนขายตั๋วและคนขับรถตู้คนหนึ่งค่ะ
เพราะสิ่งที่พบจากการใช้บริการครั้งล่าสุดคือ ตอนไปซื้อตั๋ว คนขายตั๋วไม่อยู่ที่โต๊ะ คนที่นั่งโต๊ะข้างๆ(คนขายตั๋วไปจังหวัดอื่น โดยขอเรียกว่าเจ๊เผือก) เลยมาทำหน้าที่แทน เมื่อเจ๊เผือกเห็นว่ามีคนมาซื้อตั๋วหลายคน เลยโทรหาใครซักคนเพื่อแจ้งจำนวนผู้โดยสาร คาดว่าเป็นนายท่าที่หมอชิต(รถตู้สายนี้ ขับไปรับคนที่หมอชิตก่อน)
ตอนนั้นมีคนมารออยู่ที่โต๊ะขายตั๋ว 5 คนค่ะ (แต่จะซื้อตั๋วจริงๆแค่ 3 คน เพราะอีก 2 คนมาส่งเพื่อน) เจ๊เผือกถามผู้โดยสารว่าไปกี่คน คนที่ไม่ได้ไปก็บอกว่าไม่ได้ไป และมีคนแจ้งเจ๊เผือกไปว่า 3 คน แต่เจ๊เผือกแจ้งปลายสายว่า 5 คน สองคนที่เหลือก็ท้วงว่าไม่ได้ไป บวกกลับตอนนั้น มีคนมาซื้อเพิ่มอีก 1 คน เจ๊เผือกเลยแจ้งปลายสายว่า 6 คน สองคนเดิมก็ท้วงอีกว่าไม่ได้ไป ผู้โดยสารก็เริ่มมองหน้ากันว่า แล้วคงจะคิดว่า จะถามทำไม เพราะถามแล้วก็ไม่ฟัง แล้วเจ๊เผือกก็เปลี่ยนเลขไปๆมาๆ ก็เลยไม่รู้ว่าสุดท้ายเจ๊เค้าแจ้งไปกี่คน
เมื่อแจ้งยอดเสร็จ เจ๊เผือกก็ยังไม่ทันได้ขายตั๋วให้ เพราะคนขายตั๋วกลับมาพอดี แล้วก็ขายตั๋วตามปกติ ซึ่งตอนนั้นมีคนมาซื้อ 5 คน และทั้ง 5 คนนี้ ก็ถือตั๋วสีชมพูเหมือนกันทั้งหมด
นั่งรอได้ซักพัก รถตู้ก็มา แล้วก็มีคนตะโกนว่า เฉพาะคนที่มีตั๋วสีชมพู พอเปิดประตูรถ ก็มีผู้โดยสารอยู่บ้างแล้ว(จากหมอชิต) เมื่อผู้โดยสารขึ้นรถเต็มแล้ว ปัญหาก็เกิด เพราะที่นั่งไม่พอ เนื่องจากคนขาย ขายตั๋วเกิน แล้วเคลียร์กับผู้โดยสารไม่ได้ โดยมีคนขับมาเอี่ยว และเนื่องจากไม่มีใครเสียสละ ทั้งคนขายตั๋วและคนขับรถจึงเริ่มมีอารมณ์กับผู้โดยสาร โดยคนขับบอกว่า "ถ้าไม่มีใครเสียสละ ก็ขับกันไปเองเลย" (มองบนคนขับ) แล้วก็ไปโวยวายไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ซื้อไส้กรอกขึ้นมาว่าไม่ให้เอาอาหารขึ้นมา และให้เอาไปทิ้ง ผู้หญิงคนนั้นเลยต้องเอาไส้กรอกไปทิ้ง (คือจริงๆ แค่มัดปากถุงก็พอปะ) สุดท้าย เรื่องจบลง เพราะป้าที่นั่งข้างคนขับยอมลงให้ โดยคนขับพูดต่อท้ายอีกว่า “คนในรถจะไม่ขอบคุณ ป้าหน่อยหรอ” คือ..ปัญหานี้เกิดจากการบริหารงานที่แย่ของฝั่งคุณรึเปล่า ? ผู้โดยสารไม่บอกให้คุณหุบปากก็ดีแค่ไหนแระ (หมั่นไส้คนขับมาก ณ จุดนี้) **รถตู้มาทุกๆ1ชั่วโมง**
ดูเหมือนสถานการณ์นี้ ที่ถูกต้องคือ คนที่ขึ้นรถคนสุดท้ายต้องเป็นคนลง เนื่องจากทุกคนถือตั๋วสีชมพู และบนตั๋วก็ไม่ได้มีลำดับเลขอะไรกำกับอยู่เลย ??
เรื่องนี้เกิดจากความผิดพลาดคนขายตั๋ว จากการไม่อยู่ที่โต๊ะขายตั๋ว แล้วอาจฝากเพื่อนโต๊ะข้างๆทำหน้าที่แทน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็เป็นเพราะการประสานงานที่แย่ของคนขายตั๋วทั้งสองคนอีกด้วย และที่สำคัญเกิดจากความสะเพร่าของคนขายตั๋ว เพราะควรเขียนตัวเลขกำกับที่ตั๋ว เพื่อแสดงลำดับก่อนหลัง
ทั้งนี้ขอทิ้งท้ายว่า อยากให้ผู้ที่อยู่ในสถานะผู้ให้บริการ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีกว่านี้ เพราะผู้ใช้บริการ เค้าจ่ายเงินเพื่อซื้อบริการ ไม่ได้มาขอใช้บริการฟรีๆ (หรือแม้แต่เป็นการบริการฟรีก็เถอะ ถ้าได้ชื่อว่างานบริการแล้ว ก็ควรต้องบริการให้ดีที่สุด) หากผู้ที่มีอำนาจในการดำเนินการเรื่องนี้ ได้รับรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ ขอให้ท่านอย่าได้เพิกเฉยนะคะ ฝากช่วยแก้ไขปัญญาดังกล่าวด้วยค่ะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
ปัญหาเรื่องการให้บริการแย่ๆ ของผู้ให้บริการรถตู้สาธารณะ เมื่อไหร่จะได้รับการแก้ไขคะ?
โดยเรื่องราวมันแย่ ตั้งแต่ที่ตั้งท่ารถตู้แล้วค่ะ เพราะท่ารถ ตั้งอยู่ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ เกาะดินแดง(ฝั่งที่มีก๋วยเตี๋ยวเรือขายเยอะๆ) ท่านี้ตั้งอยู่ใต้ทางด่วนฝั่งก๋วยเตี๋ยวเรือค่ะ ซึ่งสถานที่นั่งรอรถตู้นั้นทั้งคับแคบ สกปรก อับลม และมีกลิ่นปัสสาวะ ลอยมาถี่ๆ ผิดกับสถานที่ขายตั๋วรถราวฟ้ากับเหวค่ะ จึงเกิดคำถามว่า สถานที่นี้เป็นสถานที่นี้เหมาะสมเป็นท่ารถตู้แล้วหรือ? เพราะพื้นที่สามารถรองรับได้เพียงคนขายตั๋วเท่านั้น คนที่มีอำนาจในการดูแลเรื่องนี้ จะรู้บ้างมั้ยT-T?
และก็มีครั้งหนึ่ง ระหว่างทางกลับมากรุงเทพ คนขับรถถามผู้โดยสารว่า “มีใครลงแยกบางนาบ้าง” ก็มีคนพูดขึ้นมาว่า “มีครับ” เนื่องจากเป็นลุงแก่ๆ พูดออกมาจากหลังสุดของรถตู้ ทำให้คนขับไม่ได้ยิน คนขับจึงตะโกนถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจว่า “จะมีใครลงแยกบางนามั้ย” คุณลุงก็พูดอีกทีว่า “มีครับ” คาดว่าคนขับก็คงไม่ได้ยินอีก แต่คนแถวหน้าที่ได้ยินจึงพูดขึ้นมาว่า “มีค่ะ” คนขับจึงพูดด้วยน้ำเสียงแย่ๆอีกว่า ”ก็พูดให้มันดังๆหน่อยสิ”
คือคุณคนขับควรพูดจาให้ดีกว่านี้มั้ยคะ? แล้วคุณมีความตั้งใจฝังคำตอบของผู้โดยสารมากแค่ไหน เนื่องจากดิฉันเหลือบไปเห็นคนขับใส่หูฟังไม่รู้ว่าใส่กี่ข้างหรือฟังอะไร หรือดังแค่ไหนนะคะ และที่สำคัญนายท่าควรแจ้งคนขับก่อนว่า ผู้โดยสารบนรถคันนี้ จะลงที่ไหนบ้าง เพื่อเป็นการลดปัญหาการสื่อสารที่อาจจะผิดพลาดบนรถค่ะ
แต่เรื่องที่จุดประเด็นการมาตั้งกระทู้ในครั้งนี้คือ การบริการของคนขายตั๋วและคนขับรถตู้คนหนึ่งค่ะ
เพราะสิ่งที่พบจากการใช้บริการครั้งล่าสุดคือ ตอนไปซื้อตั๋ว คนขายตั๋วไม่อยู่ที่โต๊ะ คนที่นั่งโต๊ะข้างๆ(คนขายตั๋วไปจังหวัดอื่น โดยขอเรียกว่าเจ๊เผือก) เลยมาทำหน้าที่แทน เมื่อเจ๊เผือกเห็นว่ามีคนมาซื้อตั๋วหลายคน เลยโทรหาใครซักคนเพื่อแจ้งจำนวนผู้โดยสาร คาดว่าเป็นนายท่าที่หมอชิต(รถตู้สายนี้ ขับไปรับคนที่หมอชิตก่อน)
ตอนนั้นมีคนมารออยู่ที่โต๊ะขายตั๋ว 5 คนค่ะ (แต่จะซื้อตั๋วจริงๆแค่ 3 คน เพราะอีก 2 คนมาส่งเพื่อน) เจ๊เผือกถามผู้โดยสารว่าไปกี่คน คนที่ไม่ได้ไปก็บอกว่าไม่ได้ไป และมีคนแจ้งเจ๊เผือกไปว่า 3 คน แต่เจ๊เผือกแจ้งปลายสายว่า 5 คน สองคนที่เหลือก็ท้วงว่าไม่ได้ไป บวกกลับตอนนั้น มีคนมาซื้อเพิ่มอีก 1 คน เจ๊เผือกเลยแจ้งปลายสายว่า 6 คน สองคนเดิมก็ท้วงอีกว่าไม่ได้ไป ผู้โดยสารก็เริ่มมองหน้ากันว่า แล้วคงจะคิดว่า จะถามทำไม เพราะถามแล้วก็ไม่ฟัง แล้วเจ๊เผือกก็เปลี่ยนเลขไปๆมาๆ ก็เลยไม่รู้ว่าสุดท้ายเจ๊เค้าแจ้งไปกี่คน
เมื่อแจ้งยอดเสร็จ เจ๊เผือกก็ยังไม่ทันได้ขายตั๋วให้ เพราะคนขายตั๋วกลับมาพอดี แล้วก็ขายตั๋วตามปกติ ซึ่งตอนนั้นมีคนมาซื้อ 5 คน และทั้ง 5 คนนี้ ก็ถือตั๋วสีชมพูเหมือนกันทั้งหมด
นั่งรอได้ซักพัก รถตู้ก็มา แล้วก็มีคนตะโกนว่า เฉพาะคนที่มีตั๋วสีชมพู พอเปิดประตูรถ ก็มีผู้โดยสารอยู่บ้างแล้ว(จากหมอชิต) เมื่อผู้โดยสารขึ้นรถเต็มแล้ว ปัญหาก็เกิด เพราะที่นั่งไม่พอ เนื่องจากคนขาย ขายตั๋วเกิน แล้วเคลียร์กับผู้โดยสารไม่ได้ โดยมีคนขับมาเอี่ยว และเนื่องจากไม่มีใครเสียสละ ทั้งคนขายตั๋วและคนขับรถจึงเริ่มมีอารมณ์กับผู้โดยสาร โดยคนขับบอกว่า "ถ้าไม่มีใครเสียสละ ก็ขับกันไปเองเลย" (มองบนคนขับ) แล้วก็ไปโวยวายไปที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ซื้อไส้กรอกขึ้นมาว่าไม่ให้เอาอาหารขึ้นมา และให้เอาไปทิ้ง ผู้หญิงคนนั้นเลยต้องเอาไส้กรอกไปทิ้ง (คือจริงๆ แค่มัดปากถุงก็พอปะ) สุดท้าย เรื่องจบลง เพราะป้าที่นั่งข้างคนขับยอมลงให้ โดยคนขับพูดต่อท้ายอีกว่า “คนในรถจะไม่ขอบคุณ ป้าหน่อยหรอ” คือ..ปัญหานี้เกิดจากการบริหารงานที่แย่ของฝั่งคุณรึเปล่า ? ผู้โดยสารไม่บอกให้คุณหุบปากก็ดีแค่ไหนแระ (หมั่นไส้คนขับมาก ณ จุดนี้) **รถตู้มาทุกๆ1ชั่วโมง**
ดูเหมือนสถานการณ์นี้ ที่ถูกต้องคือ คนที่ขึ้นรถคนสุดท้ายต้องเป็นคนลง เนื่องจากทุกคนถือตั๋วสีชมพู และบนตั๋วก็ไม่ได้มีลำดับเลขอะไรกำกับอยู่เลย ??
เรื่องนี้เกิดจากความผิดพลาดคนขายตั๋ว จากการไม่อยู่ที่โต๊ะขายตั๋ว แล้วอาจฝากเพื่อนโต๊ะข้างๆทำหน้าที่แทน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็เป็นเพราะการประสานงานที่แย่ของคนขายตั๋วทั้งสองคนอีกด้วย และที่สำคัญเกิดจากความสะเพร่าของคนขายตั๋ว เพราะควรเขียนตัวเลขกำกับที่ตั๋ว เพื่อแสดงลำดับก่อนหลัง
ทั้งนี้ขอทิ้งท้ายว่า อยากให้ผู้ที่อยู่ในสถานะผู้ให้บริการ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีกว่านี้ เพราะผู้ใช้บริการ เค้าจ่ายเงินเพื่อซื้อบริการ ไม่ได้มาขอใช้บริการฟรีๆ (หรือแม้แต่เป็นการบริการฟรีก็เถอะ ถ้าได้ชื่อว่างานบริการแล้ว ก็ควรต้องบริการให้ดีที่สุด) หากผู้ที่มีอำนาจในการดำเนินการเรื่องนี้ ได้รับรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ ขอให้ท่านอย่าได้เพิกเฉยนะคะ ฝากช่วยแก้ไขปัญญาดังกล่าวด้วยค่ะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ