คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
ดิฉันก็ขอเป็นพยานให้พระเจ้าด้วยคนค่ะ เรื่องพระเจ้าไม่ใช่เรื่องงมงายเลย ตั้งแต่ดิฉันมารู้จักพระเจ้าได้ 3 ปีแล้ว พระเจ้าทรงทำการอัศจรรย์ในชีวิตของข้าพเจ้าอย่างมากมาย ดิฉันอธิษฐานขอสิ่งใดพระเจ้าก็ประทานให้ทุกครั้ง และพระวจนะของพระเจ้าในพระคัมภีร์นี่อ่านแล้วต้องอึ้งเลยค่ะ
ัพันธสัญญาเดิมเกือบ 3,500 ปี ก่อนพระเยซูจะมาบังเกิดในโลกพระเจ้าบอก พระเจ้าผู้สูงสุดได้ก็ได้ให้ผู้เผยพระวจนะในยุคนั้นบันทึกถ้อยคำของพระองค์ในพระคัมภีร์ ยกตัวอย่างในปฐมกาล 1ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน 2แผ่นดินก็ร้างและว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าทรงปกอยู่เหนือน้ำนั้น
3พระเจ้าตรัสว่า “จงเกิดความสว่าง” ความสว่างก็เกิดขึ้น 4พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี และทรงแยกความสว่างออกจากความมืด 5พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันแรก
6พระเจ้าตรัสว่า “จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออกจากกัน” 7พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้นนั้นขึ้น แล้วทรงแยกน้ำที่อยู่ใต้ภาคพื้นออกจากน้ำที่อยู่เหนือภาคพื้น ก็เป็นดังนั้น 8พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สอง
9พระเจ้าตรัสว่า “น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่ในที่เดียวกัน ที่แห้งจงปรากฏขึ้น” ก็เป็นดังนั้น 10พระเจ้าจึงทรงเรียกที่แห้งนั้นว่า แผ่นดิน และที่ซึ่งน้ำรวมกันนั้นว่า ทะเล พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 11พระเจ้าตรัสว่า “แผ่นดินจงเกิดพืช คือ ธัญพืชที่ให้เมล็ด และต้นไม้ผลที่ออกผลตามชนิดของมัน และมีเมล็ดในผลบนแผ่นดิน” และก็เป็นดังนั้น 12แผ่นดินก็เกิดพืช คือธัญพืชที่ให้เมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผลตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 13มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สาม
14พระเจ้าตรัสว่า “จงมีดวงสว่างต่างๆ ของภาคพื้นฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้เป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี 15และให้เป็นดวงสว่างต่างๆ บนภาคพื้นฟ้า เพื่อส่องสว่างเหนือแผ่นดิน” ก็เป็นดังนั้น 16พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง ให้ดวงที่ใหญ่กว่าครองวัน ดวงที่เล็กกว่าครองคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆ ด้วย 17พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนภาคพื้นฟ้า ให้ส่องสว่างเหนือแผ่นดิน 18ให้ครองวันและคืน และแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 19มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สี่
20พระเจ้าตรัสว่า “น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และให้นกบินไปมาในภาคพื้นฟ้าเหนือแผ่นดิน” 21พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ และสัตว์ที่มีชีวิตทุกชนิด ซึ่งแหวกว่ายอยู่ในน้ำเป็นฝูงๆ ตามชนิดของมัน และสัตว์ปีกทุกชนิดตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 22พระเจ้าจึงทรงอวยพรสัตว์เหล่านั้นว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มน้ำในทะเล และให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดินโลก” 23มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่ห้า
24พระเจ้าตรัสว่า “แผ่นดินจงเกิดสัตว์ที่มีชีวิตตามชนิดของมัน คือสัตว์ใช้งาน สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ป่าตามชนิดของมัน” ก็เป็นดังนั้น 25พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ป่าตามชนิดของมัน สัตว์ใช้งานตามชนิดของมัน และสัตว์ต่างๆ ที่เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินตามชนิดของมัน แล้วพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
26แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา ตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในท้องฟ้าและฝูงสัตว์ใช้งาน ให้ปกครองแผ่นดินโลกทั้งหมด และสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินทั้งหมด” 27พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
28พระเจ้าทรงอวยพรพวกเขา ตรัสกับพวกเขาว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในท้องฟ้า กับสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินทั้งหมด” 29พระเจ้าตรัสว่า “ดูนี่ เราให้ธัญพืชที่มีเมล็ดทุกชนิด ซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นแผ่นดิน และต้นไม้ผลทุกชนิดที่มีเมล็ดในผลของมันแก่เจ้า เป็นอาหารของเจ้า 30ฝ่ายสัตว์ทั้งหมดบนแผ่นดิน นกทั้งปวงบนท้องฟ้าและสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมดบนแผ่นดิน คือ สิ่งมีชีวิตที่มีลมหายใจนั้น เราให้พืชเขียวสดทั้งปวงเป็นอาหาร” ก็เป็นดังนั้น 31พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ดูสิ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่หก
1ฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน และสรรพสิ่งทั้งสิ้นที่มีอยู่ในนั้นก็ถูกสร้างเสร็จ 2วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงทำมานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ 3พระเจ้าจึงทรงอวยพรวันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวงที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างและทรงกระทำ
อิสยาห์48
12จงฟังเรา โอ ยาโคบ
อิสราเอล ผู้ซึ่งเราเรียก
เราคือผู้นั้น เราเป็นเบื้องต้น
และเราเป็นเบื้องปลาย
13เออ มือของเราได้วางรากฐานแผ่นดินโลก
และมือขวาของเราได้กางฟ้าสวรรค์ออก
เมื่อเราเรียกมัน มันก็ยืนขึ้นด้วยกัน
อิสยาห์45
5เราคือยาห์เวห์ และไม่มีผู้อื่นอีก
นอกจากเรา ไม่มีพระเจ้า
เราคาดอาวุธให้เจ้า แม้เจ้าไม่รู้จักเรา
6เพื่อว่าคนจะรู้ตั้งแต่ที่ตะวันขึ้น
และจากที่ตะวันตกว่าไม่มีใครนอกจากเรา
เราคือยาห์เวห์ และไม่มีผู้อื่นอีก
7เราปั้นความสว่างและสร้างความมืด
เราทำให้เกิดสวัสดิภาพและสร้างความวิบัติ
เราคือยาห์เวห์ ผู้ทำสิ่งทั้งหมดนี้
8“โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงโปรยฝนมาจากเบื้องบน
และให้ท้องฟ้าหลั่งความชอบธรรมลงมา
ให้แผ่นดินโลกเปิดออก และความรอดงอกเงยขึ้น
และให้ความชอบธรรมงอกขึ้นมาด้วย
เรา คือยาห์เวห์ผู้ได้สร้างมัน
อิสยาห์45
21จงแจ้งเรื่องและนำเข้ามาใกล้
เออ ให้เขาทั้งหลายปรึกษาหารือกัน
ใครเล่าสิ่งนี้ให้ฟังล่วงหน้านานแล้ว?
ใครแจ้งให้ทราบตั้งแต่อดีตกาล?
คือเราเอง ยาห์เวห์ไม่ใช่หรือ?
นอกจากเรา ไม่มีพระเจ้าอื่นอีก
พระเจ้าผู้ชอบธรรมและช่วยให้รอด
นอกจากเราไม่มีผู้อื่น
22“ที่สุดปลายแผ่นดินโลกทุกแห่ง
จงหันมาหาเราและรับความรอด
เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้อื่น
23เราปฏิญาณโดยตัวเราเอง
จากปากชอบธรรมของเรา
ถ้อยคำได้ออกไป และจะไม่หวนกลับมา
ว่า ‘ทุกเข่าจะกราบลงต่อเรา
และทุกลิ้นจะปฏิญาณต่อเรา’
โยบ38
1แล้วพระยาห์เวห์ทรงตอบโยบจากพายุว่า
2“นี่ผู้ใดหนอที่ให้คำปรึกษามืดมนไปด้วยถ้อยคำอันปราศจากความรู้?
3จงคาดเอวอย่างลูกผู้ชาย
เราจะถามเจ้า ขอเจ้าตอบเรา
4“เจ้าอยู่ที่ไหน เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลก?
บอกมาเลย ถ้าเจ้ามีความเข้าใจ
5ผู้ใดได้กำหนดขนาดให้โลก? แน่นอนละ เจ้าต้องรู้ซี
หรือผู้ใดขึงเชือกวัดบนนั้น?
6รากฐานของโลกจมไปอยู่บนอะไร?
ผู้ใดวางศิลามุมเอกของมัน
7เมื่อเหล่าดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ
และบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน?
8“ผู้ใดเอาประตูปิดทะเล
เมื่อมันระเบิดออกมาเหมือนออกมาจากครรภ์
9เมื่อเราสร้างเมฆให้เป็นเสื้อ
และความมืดทึบเป็นผ้าอ้อมของมัน
10แล้วกำหนดเขตให้มัน
และวางดาลและประตู
11และกล่าวว่า ‘เจ้าไปได้ไกลแค่นี้แหละ
อย่าเลยไปอีก
และคลื่นคะนองของเจ้าหยุดเพียงแค่นี้แหละ’?
12“เจ้าได้บังคับบัญชาอรุณตั้งแต่เจ้าเกิดมา
และเป็นเหตุให้อรุโณทัยรู้จักที่ของมัน
13เพื่อมันจะจับปลายแผ่นดินโลก
และสลัดคนชั่วออกไปเสียจากโลกหรือ?
14โลกก็เปลี่ยนไปเหมือนดินเหนียวถูกตราประทับ
และลักษณะต่างๆ เด่นออกมาเหมือนเสื้อผ้า
15แสงสว่างของคนอธรรมถูกยึดไว้จากพวกเขาเอง
และแขนของเขาที่เงื้อขึ้นก็ถูกหักเสีย
16“เจ้าเข้าไปในตาน้ำแห่งทะเลแล้วหรือ?
เจ้าเดินลงไปในที่ลึกที่สุดแล้วหรือ?
17ประตูแห่งความตายได้เผยแก่เจ้าแล้วหรือ?
เจ้าได้เห็นประตูเงามัจจุราชแล้วหรือ?
18เจ้าหยั่งรู้ความกว้างใหญ่ของแผ่นดินโลกหรือ?
บอกมาเลย ถ้าเจ้ารู้ทั้งหมดนี้
19“ทางไปสู่ที่พำนักของความสว่างอยู่ที่ไหน?
และสถานที่แห่งความมืดนั้นอยู่ที่ไหน?
20เพื่อเจ้าจะได้พามันไปยังแดนของมัน
และเพื่อเจ้าจะได้เห็นทางไปบ้านของมัน
21เจ้าคงรู้เพราะเจ้าเกิดมาแล้ว
อายุของเจ้าก็มากเหลือหลาย
22“เจ้าเข้าไปในคลังหิมะแล้วหรือ?
เจ้าเห็นคลังลูกเห็บ
23ซึ่งเราสงวนไว้เพื่อเวลายากลำบาก
เพื่อวันแห่งศึกและสงครามแล้วหรือ?
24ทางที่จะไปสู่ที่ซึ่งความสว่างแจกจ่ายออกไปนั้นอยู่ที่ไหน?
ที่ซึ่งลมตะวันออกกระจายไปบนแผ่นดินโลกอยู่ที่ไหน?
25“ผู้ใดเซาะช่องให้กระแสฝน
และทำทางให้ฟ้าผ่า
26ให้นำฝนมาบนแผ่นดินที่ไม่มีคนอยู่
และบนถิ่นทุรกันดารซึ่งไม่มีมนุษย์ที่นั่น
27เพื่อให้แผ่นดินที่ร้างเปล่าได้อิ่มหนำ
และทำให้มีพืชผักงอก?
อพยพ33
20พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้” 21พระยาห์เวห์ตรัสอีกว่า “ดูสิ มีที่แห่งหนึ่งอยู่ใกล้เรา เจ้าจงไปยืนอยู่บนศิลานั้น 22แล้วขณะเมื่อพระสิริของเรากำลังผ่านไป เราจะซ่อนเจ้าไว้ในซอกหิน และจะบังเจ้าไว้ด้วยมือเราจนกว่าเราจะผ่านไป 23เมื่อเราเอามือของเราออกแล้ว เจ้าจะเห็นหลังของเรา แต่หน้าของเราเจ้าจะไม่ได้เห็น”
พระเจ้าพระองค์ได้ทรงสำแดงแก่มนุษย์แล้วจากผู้เผยพระวจนแต่ละยุคสมัย
ัพันธสัญญาเดิมเกือบ 3,500 ปี ก่อนพระเยซูจะมาบังเกิดในโลกพระเจ้าบอก พระเจ้าผู้สูงสุดได้ก็ได้ให้ผู้เผยพระวจนะในยุคนั้นบันทึกถ้อยคำของพระองค์ในพระคัมภีร์ ยกตัวอย่างในปฐมกาล 1ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน 2แผ่นดินก็ร้างและว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าทรงปกอยู่เหนือน้ำนั้น
3พระเจ้าตรัสว่า “จงเกิดความสว่าง” ความสว่างก็เกิดขึ้น 4พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี และทรงแยกความสว่างออกจากความมืด 5พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันแรก
6พระเจ้าตรัสว่า “จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออกจากกัน” 7พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้นนั้นขึ้น แล้วทรงแยกน้ำที่อยู่ใต้ภาคพื้นออกจากน้ำที่อยู่เหนือภาคพื้น ก็เป็นดังนั้น 8พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สอง
9พระเจ้าตรัสว่า “น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่ในที่เดียวกัน ที่แห้งจงปรากฏขึ้น” ก็เป็นดังนั้น 10พระเจ้าจึงทรงเรียกที่แห้งนั้นว่า แผ่นดิน และที่ซึ่งน้ำรวมกันนั้นว่า ทะเล พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 11พระเจ้าตรัสว่า “แผ่นดินจงเกิดพืช คือ ธัญพืชที่ให้เมล็ด และต้นไม้ผลที่ออกผลตามชนิดของมัน และมีเมล็ดในผลบนแผ่นดิน” และก็เป็นดังนั้น 12แผ่นดินก็เกิดพืช คือธัญพืชที่ให้เมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผลตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 13มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สาม
14พระเจ้าตรัสว่า “จงมีดวงสว่างต่างๆ ของภาคพื้นฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้เป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี 15และให้เป็นดวงสว่างต่างๆ บนภาคพื้นฟ้า เพื่อส่องสว่างเหนือแผ่นดิน” ก็เป็นดังนั้น 16พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง ให้ดวงที่ใหญ่กว่าครองวัน ดวงที่เล็กกว่าครองคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆ ด้วย 17พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนภาคพื้นฟ้า ให้ส่องสว่างเหนือแผ่นดิน 18ให้ครองวันและคืน และแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 19มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สี่
20พระเจ้าตรัสว่า “น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และให้นกบินไปมาในภาคพื้นฟ้าเหนือแผ่นดิน” 21พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ และสัตว์ที่มีชีวิตทุกชนิด ซึ่งแหวกว่ายอยู่ในน้ำเป็นฝูงๆ ตามชนิดของมัน และสัตว์ปีกทุกชนิดตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 22พระเจ้าจึงทรงอวยพรสัตว์เหล่านั้นว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มน้ำในทะเล และให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดินโลก” 23มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่ห้า
24พระเจ้าตรัสว่า “แผ่นดินจงเกิดสัตว์ที่มีชีวิตตามชนิดของมัน คือสัตว์ใช้งาน สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ป่าตามชนิดของมัน” ก็เป็นดังนั้น 25พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ป่าตามชนิดของมัน สัตว์ใช้งานตามชนิดของมัน และสัตว์ต่างๆ ที่เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินตามชนิดของมัน แล้วพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
26แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา ตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในท้องฟ้าและฝูงสัตว์ใช้งาน ให้ปกครองแผ่นดินโลกทั้งหมด และสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินทั้งหมด” 27พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
28พระเจ้าทรงอวยพรพวกเขา ตรัสกับพวกเขาว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในท้องฟ้า กับสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินทั้งหมด” 29พระเจ้าตรัสว่า “ดูนี่ เราให้ธัญพืชที่มีเมล็ดทุกชนิด ซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นแผ่นดิน และต้นไม้ผลทุกชนิดที่มีเมล็ดในผลของมันแก่เจ้า เป็นอาหารของเจ้า 30ฝ่ายสัตว์ทั้งหมดบนแผ่นดิน นกทั้งปวงบนท้องฟ้าและสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมดบนแผ่นดิน คือ สิ่งมีชีวิตที่มีลมหายใจนั้น เราให้พืชเขียวสดทั้งปวงเป็นอาหาร” ก็เป็นดังนั้น 31พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ดูสิ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่หก
1ฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน และสรรพสิ่งทั้งสิ้นที่มีอยู่ในนั้นก็ถูกสร้างเสร็จ 2วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงทำมานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ 3พระเจ้าจึงทรงอวยพรวันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวงที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างและทรงกระทำ
อิสยาห์48
12จงฟังเรา โอ ยาโคบ
อิสราเอล ผู้ซึ่งเราเรียก
เราคือผู้นั้น เราเป็นเบื้องต้น
และเราเป็นเบื้องปลาย
13เออ มือของเราได้วางรากฐานแผ่นดินโลก
และมือขวาของเราได้กางฟ้าสวรรค์ออก
เมื่อเราเรียกมัน มันก็ยืนขึ้นด้วยกัน
อิสยาห์45
5เราคือยาห์เวห์ และไม่มีผู้อื่นอีก
นอกจากเรา ไม่มีพระเจ้า
เราคาดอาวุธให้เจ้า แม้เจ้าไม่รู้จักเรา
6เพื่อว่าคนจะรู้ตั้งแต่ที่ตะวันขึ้น
และจากที่ตะวันตกว่าไม่มีใครนอกจากเรา
เราคือยาห์เวห์ และไม่มีผู้อื่นอีก
7เราปั้นความสว่างและสร้างความมืด
เราทำให้เกิดสวัสดิภาพและสร้างความวิบัติ
เราคือยาห์เวห์ ผู้ทำสิ่งทั้งหมดนี้
8“โอ ฟ้าสวรรค์เอ๋ย จงโปรยฝนมาจากเบื้องบน
และให้ท้องฟ้าหลั่งความชอบธรรมลงมา
ให้แผ่นดินโลกเปิดออก และความรอดงอกเงยขึ้น
และให้ความชอบธรรมงอกขึ้นมาด้วย
เรา คือยาห์เวห์ผู้ได้สร้างมัน
อิสยาห์45
21จงแจ้งเรื่องและนำเข้ามาใกล้
เออ ให้เขาทั้งหลายปรึกษาหารือกัน
ใครเล่าสิ่งนี้ให้ฟังล่วงหน้านานแล้ว?
ใครแจ้งให้ทราบตั้งแต่อดีตกาล?
คือเราเอง ยาห์เวห์ไม่ใช่หรือ?
นอกจากเรา ไม่มีพระเจ้าอื่นอีก
พระเจ้าผู้ชอบธรรมและช่วยให้รอด
นอกจากเราไม่มีผู้อื่น
22“ที่สุดปลายแผ่นดินโลกทุกแห่ง
จงหันมาหาเราและรับความรอด
เพราะเราเป็นพระเจ้า และไม่มีผู้อื่น
23เราปฏิญาณโดยตัวเราเอง
จากปากชอบธรรมของเรา
ถ้อยคำได้ออกไป และจะไม่หวนกลับมา
ว่า ‘ทุกเข่าจะกราบลงต่อเรา
และทุกลิ้นจะปฏิญาณต่อเรา’
โยบ38
1แล้วพระยาห์เวห์ทรงตอบโยบจากพายุว่า
2“นี่ผู้ใดหนอที่ให้คำปรึกษามืดมนไปด้วยถ้อยคำอันปราศจากความรู้?
3จงคาดเอวอย่างลูกผู้ชาย
เราจะถามเจ้า ขอเจ้าตอบเรา
4“เจ้าอยู่ที่ไหน เมื่อเราวางรากฐานของแผ่นดินโลก?
บอกมาเลย ถ้าเจ้ามีความเข้าใจ
5ผู้ใดได้กำหนดขนาดให้โลก? แน่นอนละ เจ้าต้องรู้ซี
หรือผู้ใดขึงเชือกวัดบนนั้น?
6รากฐานของโลกจมไปอยู่บนอะไร?
ผู้ใดวางศิลามุมเอกของมัน
7เมื่อเหล่าดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ
และบรรดาบุตรพระเจ้าโห่ร้องด้วยความชื่นบาน?
8“ผู้ใดเอาประตูปิดทะเล
เมื่อมันระเบิดออกมาเหมือนออกมาจากครรภ์
9เมื่อเราสร้างเมฆให้เป็นเสื้อ
และความมืดทึบเป็นผ้าอ้อมของมัน
10แล้วกำหนดเขตให้มัน
และวางดาลและประตู
11และกล่าวว่า ‘เจ้าไปได้ไกลแค่นี้แหละ
อย่าเลยไปอีก
และคลื่นคะนองของเจ้าหยุดเพียงแค่นี้แหละ’?
12“เจ้าได้บังคับบัญชาอรุณตั้งแต่เจ้าเกิดมา
และเป็นเหตุให้อรุโณทัยรู้จักที่ของมัน
13เพื่อมันจะจับปลายแผ่นดินโลก
และสลัดคนชั่วออกไปเสียจากโลกหรือ?
14โลกก็เปลี่ยนไปเหมือนดินเหนียวถูกตราประทับ
และลักษณะต่างๆ เด่นออกมาเหมือนเสื้อผ้า
15แสงสว่างของคนอธรรมถูกยึดไว้จากพวกเขาเอง
และแขนของเขาที่เงื้อขึ้นก็ถูกหักเสีย
16“เจ้าเข้าไปในตาน้ำแห่งทะเลแล้วหรือ?
เจ้าเดินลงไปในที่ลึกที่สุดแล้วหรือ?
17ประตูแห่งความตายได้เผยแก่เจ้าแล้วหรือ?
เจ้าได้เห็นประตูเงามัจจุราชแล้วหรือ?
18เจ้าหยั่งรู้ความกว้างใหญ่ของแผ่นดินโลกหรือ?
บอกมาเลย ถ้าเจ้ารู้ทั้งหมดนี้
19“ทางไปสู่ที่พำนักของความสว่างอยู่ที่ไหน?
และสถานที่แห่งความมืดนั้นอยู่ที่ไหน?
20เพื่อเจ้าจะได้พามันไปยังแดนของมัน
และเพื่อเจ้าจะได้เห็นทางไปบ้านของมัน
21เจ้าคงรู้เพราะเจ้าเกิดมาแล้ว
อายุของเจ้าก็มากเหลือหลาย
22“เจ้าเข้าไปในคลังหิมะแล้วหรือ?
เจ้าเห็นคลังลูกเห็บ
23ซึ่งเราสงวนไว้เพื่อเวลายากลำบาก
เพื่อวันแห่งศึกและสงครามแล้วหรือ?
24ทางที่จะไปสู่ที่ซึ่งความสว่างแจกจ่ายออกไปนั้นอยู่ที่ไหน?
ที่ซึ่งลมตะวันออกกระจายไปบนแผ่นดินโลกอยู่ที่ไหน?
25“ผู้ใดเซาะช่องให้กระแสฝน
และทำทางให้ฟ้าผ่า
26ให้นำฝนมาบนแผ่นดินที่ไม่มีคนอยู่
และบนถิ่นทุรกันดารซึ่งไม่มีมนุษย์ที่นั่น
27เพื่อให้แผ่นดินที่ร้างเปล่าได้อิ่มหนำ
และทำให้มีพืชผักงอก?
อพยพ33
20พระองค์จึงตรัสว่า “เจ้าจะเห็นหน้าของเราไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าเราแล้วจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้” 21พระยาห์เวห์ตรัสอีกว่า “ดูสิ มีที่แห่งหนึ่งอยู่ใกล้เรา เจ้าจงไปยืนอยู่บนศิลานั้น 22แล้วขณะเมื่อพระสิริของเรากำลังผ่านไป เราจะซ่อนเจ้าไว้ในซอกหิน และจะบังเจ้าไว้ด้วยมือเราจนกว่าเราจะผ่านไป 23เมื่อเราเอามือของเราออกแล้ว เจ้าจะเห็นหลังของเรา แต่หน้าของเราเจ้าจะไม่ได้เห็น”
พระเจ้าพระองค์ได้ทรงสำแดงแก่มนุษย์แล้วจากผู้เผยพระวจนแต่ละยุคสมัย
แสดงความคิดเห็น
ชวนคุณมาค้นหาคำตอบ พระเจ้ามีจริงหรือ?
จัดทำโดย : ศูนย์ส่งเสริมการประกาศในกลุ่มคริสตจักร CCMA 117/117 ซ.ชาตะผดุง 15 ถ.ชาตะผดุง อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000 โทร. (043) 228-969 Fax : (043) 225-861
ผู้เขียน : นิกร สิทธิจริยาภรณ์ www.ccmathai.org e-mail: vdo@thaimail.com
ปล.จขกท.นั่งพิมพ์เองค่ะ ตามใบบัวชัวร์ มีต่ออีกเยอะค่า