ปกปิดมาตลอดหลังแต่งงานถึงรู้

กระทู้คำถาม
เรากับแฟนอายุ 28 กับ 31 เราสองคนคบหากันมาประมาณ 8-9 ปี แฟนอยู่ต่างจังหวัด เราอยู่กรุงเทพ เมื่อช่วงปีใหม่เรากับแฟนได้คุยกันเรื่องจะแต่งงาน เค้าบอกจะให้พ่อแม่ไปสู่ขอ เราก็คุยกับพ่อแม่เรานัดวันกันเรียบร้อย โดยเราดูฤกษ์แต่งงานในเน็ต เลือกวันที่ตรงกับวันอาทิตย์ แล้วบอกแฟนว่าเอาวันนี้นะ  แต่พอถึงวันมาสู่ขอ เค้ากลับเปลี่ยนวันแต่งโดยไม่บอกครอบครัวเรา ไม่บอกเราเลย เราก็งอนเค้าเพราะคุยกันแล้วว่าเราไม่อยากแต่งงานหน้าฝนเพราะจัดงานกลางแจ้งที่ต่างจังหวัด แต่เค้าและพ่อแม่ก็ไม่ฟังเราเลย บอกเอาตามนี้ โดยให้เหตุผลว่าเงินค่าสินสอดยังไม่ครบ  ซึ่งขอเล่านิดหนึ่งก่อนหน้าที่จะมาสู่ขอ  เรากับทะเลาะกันบ่อยมากเรื่องค่าสินสอด  คือพ่อแม่เราขอ 3 แสน ทอง 3 บาท (เราจบปริญญาโท ทำงานธนาคาร เป็นลูกสาวคนเดียว มีบ้าน  มีรถ  ) แต่เราก็ให้โอกาสเค้าในการสร้างเนื้อสร้างตัวนะ ไม่ได้เร่งรัดอะไรมากแต่เมื่อมันนานเกินไป คบกันจะสิบปีแล้ว พ่อแม่ก็เริ่มพูดเรื่องแต่งงาน ซึ่งทางพ่อแม่แฟนก็บอกว่าไม่มี จน ส่วนแฟนก็บอกว่ามีเก็บแต่ไม่พอค่าสินสอด มีวันหนึ่งพี่สาวแฟนได้โทรมาถามว่า "เรารักแฟนเราไหม ถ้ารักก็อย่าเรียกสินสอดแพง"  ส่วนเรื่องวันแต่งสรุปคือ ต้องเลื่อนวันไปแต่งหน้าฝน ตามพ่อแม่แฟน  หลังจากที่ได้วัน พ่อแม่ลุงป้าเราก็เริ่มตกแต่งบ้านใหม่ ทาสีบ้าน เพิ่มห้องน้ำ กั้นห้องหอ ซื้อของเตรียมงาน คือค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราและครอบครัวเป็นคนออกเองหมด พอใกล้วันแต่งเราถามแฟนว่า  เราจะไปเลือกทองกันวันไหน  แฟนบอกทองฝากไว้กับแม่  บอกว่าสงกรานต์กลับบ้านจะขึ้นไปเอามา  พอหลังสงกรานต์ผ่านไปเป็นอาทิตย์แฟนก็เงียบ  เราทนไม่ไหวก็ถามว่า  จะไปเลือกทองวันไหน   แฟนบอกว่า  แม่ไม่ได้ให้มา  แม่จะจัดการให้เอง เราก็งอน เฮ้ยเราคุยกันแล้ว ทำไมถึงเป็นแบบนี้  จึงได้รู้ความจริงว่า  แม่แฟนจะเอาทองเส้นละ 1 บาท จำนวน 3 เส้นมาให้เราวันแต่ง  ซึ่งถ้าเราอยากได้เส้นเดียวก็ไปเปลี่ยนเองหลังแต่งงาน  เค้าจะได้ไม่ต้องเสียค่ากำเน็จ  ส่วนพี่สาวแฟนพอทราบเรื่องเราจะเอาทองไปเปลี่ยนเป็นเส้นเดียวและขอเลือกเอง  ก็ไลน์มาด่าเรา  บอกว่าเราอย่าเอาแต่ใจให้มันมากนัก  เราไม่ยอมแฟนจึงไปคุยกับแม่ให้   ก่อนวันงาน 2 วันแม่แฟนโทรมาบอกแม่เรา ให้เตรียมต้นกล้วย   ต้นอ้อยไว้ให้ด้วย   เค้าไม่อยากเอามาจากบ้านกลัวมันหัก  บ้านแฟนอยู่กาฬสินธ์  เราอยู่สกลนคร แม่เราก็ยุ่งวุ่นวายงานแต่งอยู่แล้ว  เรามองว่าทำไมเค้าไม่คิดจะช่วยเตรียมอะไรบ้างเลย  อีกทั้งบอกแม่เราให้ทำกับข้าวไว้ให้แขกเค้าตอนเช้าๆด้วย  เนื่องจากเดินทางมาไกล  ตอนเช้ากลัวแขกตัวเองจะหิวข้าว ซึ่งตามการ์ดเราจะร่วมรับประทานอาหารโต๊ะจีน 10.00 น. แต่ให้มีอาหารมารับรองตอนเช้าก่อน คือตามที่เราคุยกับแม่ไว้ว่าจะไม่ทำกับข้าว  เพราะได้จ้างโต๊ะจีนแล้ว  ก็เลยต้องทำข้าวต้ม ไว้ต้อนรับตอนเช้าเพิ่ม พอวันงานมาถึง  เราไม่เห็นรอยยิ้มของครอบครัวแฟนเลย  พ่อแม่เราให้เงินขวัญถุงเราสองคน  20,000 บาท พ่อแม่เค้าให้เงินขวัญถุง  2,000 บาท พอพิธีเสร็จก่อนกลับ พ่อแม่แฟนและพี่สาวแฟนได้มาขอเงินกับเราเพื่อนำไปซื้อกับข้าวเลี้ยงแขก  ที่มากับเค้าจากกาฬสินธ์  โดยจะไปกินเลี้ยงกันต่อที่บ้าน โดยขอเอาน้ำแข็งไปกินระหว่างทาง  แต่ไม่มีกระติกใส่น้ำ จึงไปเอากระติกน้ำ  ที่เอามาให้ลูกชายตอนแห่ขันหมาก  บอกว่าไปกาฬสินธ์จะคืนให้นะ  พอแต่งเสร็จวันรุ่งขึ้นเราเข้ากรุงเทพ ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากัน ชีวิตเหมือนจะดีแต่พอเราพูดถึงเรื่องอนาคต   เราบอกกับแฟนว่า   เราสองคนต้องวางแผนการเงินกันนะ   เพราะเราเป็นคนๆเดียวกันแล้ว เป็นไปได้ไหมถ้าจะใช้เงินเดือนของคน 1   ส่วนของอีกคนเป็นเงินเก็บ แฟนก็ไม่พูดอะไรเงียบ  ผ่านไป 1 อาทิตย์ เราจะเจอกับแฟนแค่วันหยุด  เนื่องจากแฟนอยู่ต่างจังหวัด พออาทิตย์ต่อมาเราซื้อของเข้าห้องเค้า   หมดไปเยอะเลย  เพราะห้องเค้าของใช้หมดทุกอย่าง   แม้แต่ทิชชู่ก็ไม่มี   พอเราจะกลับก็เลยบอกว่าเราขอเป็นคนเก็บเงินนะ   แฟนให้ ATM มา  แต่กดตังค์ออกหมด ก่อนจะให้ ATM เรา   แต่เราแอบเห็นเงินในกระเป๋าตังค์แบบไม่ตั้งใจ  ก็เลยถามว่ากดเงินออกหมดเลยหรอ   ทำไมถึงกดออกมาหล่ะ เค้าจึงต้องเล่าว่าเค้ามีหนี้บัตรกดเงินสด  บัตรเครดิต รวมๆเกือบ สองแสน เรานี่ช็อคมากเพราะเราไม่มีหนี้ และเราเรียนการเงินมาเราจะวางแผนการเงิน การออม ถ้าไม่จำเป็นจะไม่ใช้บัตรเครดิต แต่แฟนมีทุกบัตรเป็นหนี้ทุกบัตร  เงินเดือนแฟน 26,000 บาท ไหนต้องผ่อนรถ ค่าเช่าห้อง ค่ากิน ค่าน้ำมันรถ คือเงินเดือนไม่พอกะรายจ่าย เราถามเหตุผลว่าทำไมถึงก่อหนี้เยอะขนาดนี้   แฟนบอกว่า เอาไปทำธุรกิจ แล้วขาดทุนรับโทรศัพท์มาขายแล้วเก็บเงินไม่ได้   ส่วนที่เหลือก็รูดซื้อของ  เช่น เครื่องซักผ้า (ปัจจุบันก็เอากลับบ้านไปให้ครอบครัวใช้ ตัวเองก็ไม่ได้ใช้ แต่ยังต้องใช้หนี้บัตรที่รูดมา)  ติดแก๊สรถยนต์  เปลี่ยนยาง  เป็นต้น ซึ่งแฟนไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเรา ปกปิดมาตลอด เราควรทำอย่างไรดี  เครียดมากเพราะบัตรกดเงินสดดอกเบี้ยมันเยอะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่