อาทิตย์นี้พอจะมีเวลาเลยกลับมาย้อนดูอีกครั้ง ความประทับใจกับซีรี่ย์น้ำดีที่เต็มไปด้วยความสนุก ความน่ารัก ความอบอุ่น และข้อคิดมากมาย เราเชื่อว่าหลายคนที่ได้ดูแล้วก็ต้องรักครอบครัวนี้และก็ประทับใจอยู่แน่ๆ
ตอนนี้มีสามซีซั่น ซีซั่นที่ 4 กำลังจะฉายวันที่ 20 มิถุนายนนี้ พร้อมกับความน่าติดตามที่น่าจะพร้อมกับหายนะแบบที่สุดละ+การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของทั้งครอบครัว นี่ก็รอแบบใจจดจ่อมาก อยากดูเร็วๆเพราะอยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สำหรับคนที่ได้ดูแล้ว คงอยากดูใจจะขาด เพราะอยากดูต่อว่าเรื่องจะออกมายังไง อารมณ์มันอึนๆยังไงไม่รู้ ที่สุดท้ายแม่ๆก็รู้เรื่องแล้ว ตัวแบรนดอนนี่แหละจะยังไงดี เพราะนางก็กำลังจะตัดใจได้อยู่แล้วเชียว
ใครที่ชอบความน่ารักในซีรี่ย์ฝรั่งแบบวัยรุ่นๆ มีหลากหลายคู่ และมีความน่ารักแบบรักใสๆของวัยรุ่นอเมริกัน ชอบดูพระเอกหล่อๆ มีอะไรให้จิ้นกับนางเอก ร่วมลุ้นความรักของพระนางไปด้วยกันเหมือนอย่าง awkward , carrie diaries , felicity หรือ my mad fat diary เรื่องนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ แต่...มันผิดก็แต่เรื่องนี้มันไม่ได้คอมเมดี้จ๋า และก็แตกต่างจากเรื่องดังกล่าว
The Fosters
ต่างจาก awkward ตรงที่นางเอกไม่ขี้เหร่หรือเป็นคนดังในโรงเรียนที่ทุกคนต้องยี้ที่ไปแอบชอบหนุ่มฮอตของโรงเรียน
ต่างจาก carrie diaries ตรงที่นางเอกไม่ได้เพ้อฝัน และพระเอกก็ไม่ได้หล่อแบบเชยๆ แต่ยิ่งดูยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อยๆ (carrie diaries พระเอกออกมาตอนแรกอย่างหล่อ หลังๆนี่เสนอลดลงเรื่อย)
ต่างจาก felicity ตรงที่นางเอกไม่ต้องเจ็บปวดในเรื่องความรักข้างเดียวมาก...ไม่ต้องจำใจฝืนเดินในเส้นทางอีกเส้นทางเพื่อใครอีกคน
ต่างจาก my mad fat diary ตรงที่นางเอกสวยมาก (ล้อเล่นๆ 5555) แต่ The Fosters นางเอกค่อยๆสวยขึ้นเรื่อยๆ สวยได้ทั้งตอนแต่งเป็นทอมบอย และยิ่งสวยมากๆในตอนแต่งชุดราตรี ซึ่งก็ทำให้พระเอกอ้าปากค้างเสียงสั่นมาแล้ว และอาจจะไม่ได้อัดแน่นไปด้วยนักแสดงวัยรุ่นหน้าตาดีแบบ pretty little liars แต่มันกลับสนุกกว่าเยอะเลย ตรงนี้เป็นคำตอบที่ดีว่าบทเขามีคุณภาพมาก และต้องบอกเลยว่า The Fosters ก็ไม่ได้เป็นแค่ซีรี่ย์แนวดราม่าที่คนดูต้องกังวลว่าจะต้องเครียดแน่ๆ เพราะมันไม่ได้ชวนเครียด...ถึงขั้นต้องกินยาพาราหลังดูเหมือนอย่าง Homeland 'ซึ่งอันนี้ก็ต้องยอมเขาเพราะขนาดเครียดก็ทำให้ติดได้เพราะนางเอกและบทนั้นเทพจริงๆ
รวมๆแล้ว The fosters เป็นซีรี่ย์น้ำดีเรื่องเยี่ยม ที่สอดแทรกทุกๆอย่างในสังคมอเมริกันชนเอาไว้เต็มเปี่ยม
1.การเหยียดสีผิว เรื่องนี้ทุกคนยอมรับกันและกัน และสื่อให้เห็นว่า ก็นี่อเมริกา ที่ๆทุกคนยอมรับและให้เกียรติกัน...
2.การเหยียดเพศ เรื่องความรักระหว่างคุณแม่เลสเบี้ยนสองคน กับลูกชายตัวเล็กๆที่ค่อยๆค้นพบว่าตัวเองเป็นเกย์ ในละครไทยคงไม่มีให้เห็นกันง่ายๆ เลิกหวังไปได้เลยที่จะเห็นผู้หญิงสองคนรักและสร้างครอบครัวไปด้วยกันและเป็นตัวเดินเรื่องด้วยยิ่งมีโอกาสน้อยมากสำหรับคนทำละครในประเทศเราที่ถูกจำกัดไว้...หรืออาจจะยังไม่มีใครกล้าหยิบพล็อตแบบนี้ขึ้นมาทำ ซึ่งก็รอคอยอยู่ (ย้ำว่าเราไม่ใช่เลสเบี้ยนนะ แต่เข้าใจและยอมรับทุกๆเพศได้อย่างไม่มีเงื่อนไขเลย ทุกคนเท่าเทียมกันหมด และอยากให้หลายๆคนมองตรงนี้ด้วย เรื่องการให้เกียรติกันและกัน)
3.เรื่องการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม ที่นั่นเขาทำอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนละเอียดทุกอย่าง แต่ในไทยไม่ค่อยมีให้เห็นกันอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่างคู่รักเกย์หรือเลสเบี้ยนที่จะทำเรื่องขอรับเลี้ยงเด็กอย่างเป็นทางการและรับเลี้ยงได้หลายคน
ในส่วนของการเดินเรื่อง ต้องชมบทว่าทำได้ดีมากๆ เรื่องนี้มีครบ
เดินเรื่องเร็ว เพลงเพราะ นักแสดงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ฉากเลิฟซีนใครลุ้นให้มี...ก็มีให้เห็นทุกตอนนะ ซึ่งเป็นการสะท้อนอะไรหลายๆอย่างของแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างสมจริง ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องกั๊กหรือพยายามทำให้มันเป็นแค่ซีรี่ย์ครอบครัวทั่วๆไปที่จะถนอมความคิดเด็กๆที่กำลังดู...เพราะถ้าไม่สื่อสารออกมา เเล้วเมื่อไหร่ความจริงใจที่อยากจะสื่อถึงคนดูมันจะไปถึงซักที
การตัดต่อก็ดี มีความเก๋ด้วยการเล่าเรื่องย้อนในบางฉากตัดสลับกับเหตุการณ์ปัจจุบัน และที่สำคัญมากๆคือ เคมีระหว่างนักแสดงทุกคนที่มีให้กันมันสมจริง เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันจริงๆ นั่นทำให้คนดูรักและผูกพันกับทุกๆคนในบ้าน ยกตัวอย่างเรื่องที่ทำให้คนดูรักทุกตัวละครได้อย่างปฏิเสธไม่ได้ก็คือ Modern Family เป็นอีกหนึ่งเคสที่ทำให้คนดูรักทุกๆคนในครอบครัวใหญ่ๆของเขา ซึ่งแต่ละคนมีบุคลิกที่ชัดเจนมากๆ นักแสดงดังทุกคนเพราะไม่ใช่แค่แสดงดีเป็นธรรมชาติแต่คนเขียนบทไม่รู้ว่าจะเก่งไปไหน หยิบเรื่องสำเนียง หยิบเรื่องเพศ เรื่องความคิดของเด็กๆมาใส่ลงไปในบทได้อย่างน่ารักและตลกมาก เเละก็เป็นอีกเรื่องที่สื่อให้เห็นถึงการรับบุตรบุญธรรมของคู่เกย์ ซึ่งเขาสื่อสารออกมาได้น่ารักมากที่สุด
สิ่งที่คิดว่าทุกคนน่าจะรัก The Fosters ไม่ใช่แค่บทที่ดี ให้ข้อคิดกับคนดูอย่างแท้จริง แต่จขกท.ว่ามันน่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้มันมีครบรส และสนุกมากกกกกกก ใครเป็นขาจิ้น เรื่องนี้มีให้จิ้น ใครชอบแนวดราม่าเรื่องนี้มีเรื่องพลิกไปพลิกมาตลอดเวลา ใครชอบเรื่องที่เกี่ยวกับคู่รักร่วมเพศเรื่องนี้เปิดกว้างให้คุณได้เข้ามาตกหลุมรักคุณแม่ทั้งสองในเรื่อง และใครที่ชอบความอบอุ่นที่มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆจากการได้ดูแล้วจะผูกพันกับทุกตัวละครเรื่องนี้จะทำให้คุณตกหลุมรักและเอาใจช่วยทุกๆคนในเรื่องให้ผ่านพ้นทุกอุปสรรคไปได้
ซีซั่นแรกจำได้ว่าครั้งแรกที่ดู ต้องจำใจจะต้องรอให้กลางคืนมันผ่านพ้นไปเพราะว่ามันไม่อยากหยุดดู มันสนุกมาก ทุกอย่างน่ารักและรวมทุกอย่างที่เราชอบเอาไว้ในนี้หมดเลย ใครที่มีเวลาว่างและอยากจะดูซีรี่ย์ที่ครบรสและน่าประทับใจอีกเรื่อง ขอแนะนำเลยค่ะ The Fosters
อยากให้วัยรุ่นได้ดูเยอะๆ เรื่องนี้สอดเเทรกทุกอย่างเอาไว้หมดเลยสำหรับเรื่องการใช้ชีวิต การสอนลูก การให้โอกาสกับลูก การให้เกียรติซึ่งกันและกัน และความรักความอบอุ่นภายในครอบครัวซึ่งแต่ละคนไม่ได้สมบูรณ์แบบเลย ต่างคนต่างมีเรื่องราวในชีวิตที่แย่มากๆ และพอมาอยู่รวมกันก็ค่อยๆผ่านพ้นมันไปพร้อมๆกัน
ชวนมาดูกันเยอะๆ หวังว่าในไทยจะมีช่องไหนสนใจซื้อมาฉายบ้าง เพราะมันมีคุณภาพจริงๆ รับประกันความน่ารักของทุกๆคนในบ้าน ที่จริงยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่สนุกและประทับใจคอหนัง คอซีรีย์แนวรักโรแมนติกแบบเราๆ ที่อยากให้ได้ดูกัน ไม่ใช่แค่ The Fosters ที่สนุกและมีสาระ แต่ Switched at Birth ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความรักวัยรุ่นสอดแทรกพร้อมๆกับเรื่องราวของครอบครัวซึ่งลูกสาวสลับตัวกัน เรื่องราวของเด็กที่หูหนวก ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นการสื่อสารถึงความรู้สึกของทั้งตัวคนที่พิการและคนในครอบครัว เราไม่ค่อยเห็นนักในวงการโทรทัศน์ เรื่องนี้บทก็ดีมากเป็นซีรี่ย์น้ำดีอีกเรื่อง หรือ Chasing Life ซีรี่ย์ให้กำลังใจคนป่วยโรคมะเร็ง ก็เป็นอะไรที่ประทับใจมาก ตัวพระเอกและนางเอกต่างก็ป่วยเป็นโรคที่ร้ายแรง...ด้วยกำลังใจ ด้วยคำพูดดีๆที่มีให้กัน มันน่าจะให้อะไรมากมายกับคนดูที่ต้องประสบกับเรื่องราวแบบนั้นในชีวิตได้ (ในหัวนี่มีหลายเรื่องผุดเข้ามาเยอะเลย ที่ในไทยไม่ดังเลย แต่มันสนุกมาก สนุกกว่าซีรี่ย์ดังๆหลายเรื่องและให้ข้อคิดดีๆเยอะ รวมถึง...ทำให้ขาจิ้นมีความสุขมากๆกับเคมีของพระนางนั้น...น่าเสียดายที่ไม่ได้ถูกเลือกมาฉายที่บ้านเรา)
เอาเป็นว่าถ้ามีเวลาว่าง...แนะนำเลยค่ะ
The Fosters...ซีรี่ย์ที่อัดแน่นไปด้วยความน่ารัก อบอุ่น ความฟิน ความดราม่า ทุกๆอย่าง...มันลงตัวมากๆ
ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กกำพร้าที่เพิ่งออกจากคุก...เด็กที่ไม่ได้ดีเด่นซักอย่าง เป็นผู้หญิงที่แก่นเซี้ยวกว่าผู้ชายบางคน กล้าคิด กล้าทำ กล้าพูด กับการก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านของเด็กผู้ชายที่เป็นสายเลือดครึ่งหนึ่งของบ้านหลังเล็กๆของคู่เลสเบี้ยนที่แน่นอนว่าอย่างที่เห็นคือคนนึงผิวขาว คนนึงผิวดำ ความรักมันค่อยๆเกิดขึ้นเพราะความรักที่ซึมลึก...ระหว่างผู้ชายที่รักในเปียโน เป็นเด็กดีของแม่และหม่าม๊า กับเด็กผู้หญิงที่ต่างกันแบบสุดขั้ว เราว่าคนดูจะต้องตกหลุมรักสองคนนี้อย่างแน่นอน...สองคนนี้น่ารักมาก เคมีนี่ไม่ต้องพูดถึง ฝรั่งที่ดูก็เพ้อกันไปหมด ไอ้ความรู้สึกจิ้นแบบต้องตามลุ้นเนี่ย ใครที่ได้ดู Chicago Med พอได้ดูเรื่องนี้จะรู้เลยว่าการแอบมองใครบางคนที่เราชอบด้วยความรักและปรารถนาดีแบบที่พระเอกมองนางเอกตลอดเนี่ย มันทำให้คนดูปั่นป่วนช่วงท้องน้อยอย่างรุนแรง 5555 พระเอกคอยปกป้อง คอยดูแลเอาใจใส่ความรู้สึกนางเอก เป็นคนดีและเป็นแบบฉบับหนุ่มในฝันของสาวๆที่มาตกหลุมรักนางเอกแบบจริงจังมาก แล้วก็ต้องลุ้นไปตลอดนะ เพราะยังไงก็ยังไม่สุดซักที [[[แต่ใน Chicago Med นี่ พระเอกรักนางเอกมากจริงๆ เปิดเรื่องมานางเอกก็อุ้มท้องแก่ใกล้คลอด ส่วนพระเอกก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่แอบรักเพื่อน เป็นคุณหมอที่ทั้งต้องดูแลคนไข้และยังต้องดูแลความรู้สึกของคนที่แอบรักไปในเวลาเดียว และแน่นอนว่าคนไข้ก็ต้องมาก่อนคนที่รักเสมอ บทนี่โหดไป ทิ้งให้คนดูต้องรอซีซั่นสองแบบไม่มีเงื่อนไขเกินไป สงสารตัวเอง ดูแล้วก็อยากรู้ว่าจะยังไงต่อไป...ซึ่งแสบมาก ยังจำตอนจบซีซั่นหนึ่งได้ขึ้นใจเสมอมา...5555]]] แต่สำหรับ The Fosters พระเอกยังเป็นเด็กที่อ่อนต่อโลกมาก แต่ก็รักนางเอกแบบไม่มีเงื่อนไขเลย เชื่อว่าสาวๆหลายคนคงละลายไปกับรอยยิ้มของ B แน่นอน
brandon and callie...
ความรักที่ไม่ง่าย ระหว่างทางที่กว่าจะได้รักกัน...มันมีเรื่องราวน่าประทับใจ มีความสุขและน้ำตามากมาย และที่ชอบที่สุดก็คือการที่คนสองคนรักกันไม่ได้เพราะความต้องการของอีกคนต่อเรื่องใหญ่ที่เป็นอุปสรรคมันมีอิทธิพลมากกว่า จนทำให้อีกคนต้องยอมรับและอดทนเสมอมา นั่นยิ่งทำให้เห็นว่าพระเอกรักและหวังดีกับนางเอกมากๆจริงๆ
the fosters ซีรี่ย์น้ำดีที่คนไทยน่าจะได้ดูกัน ใครยังไม่ดูอยากให้ดูจริงๆ
ตอนนี้มีสามซีซั่น ซีซั่นที่ 4 กำลังจะฉายวันที่ 20 มิถุนายนนี้ พร้อมกับความน่าติดตามที่น่าจะพร้อมกับหายนะแบบที่สุดละ+การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของทั้งครอบครัว นี่ก็รอแบบใจจดจ่อมาก อยากดูเร็วๆเพราะอยากรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ใครที่ชอบความน่ารักในซีรี่ย์ฝรั่งแบบวัยรุ่นๆ มีหลากหลายคู่ และมีความน่ารักแบบรักใสๆของวัยรุ่นอเมริกัน ชอบดูพระเอกหล่อๆ มีอะไรให้จิ้นกับนางเอก ร่วมลุ้นความรักของพระนางไปด้วยกันเหมือนอย่าง awkward , carrie diaries , felicity หรือ my mad fat diary เรื่องนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ แต่...มันผิดก็แต่เรื่องนี้มันไม่ได้คอมเมดี้จ๋า และก็แตกต่างจากเรื่องดังกล่าว
The Fosters
ต่างจาก awkward ตรงที่นางเอกไม่ขี้เหร่หรือเป็นคนดังในโรงเรียนที่ทุกคนต้องยี้ที่ไปแอบชอบหนุ่มฮอตของโรงเรียน
ต่างจาก carrie diaries ตรงที่นางเอกไม่ได้เพ้อฝัน และพระเอกก็ไม่ได้หล่อแบบเชยๆ แต่ยิ่งดูยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อยๆ (carrie diaries พระเอกออกมาตอนแรกอย่างหล่อ หลังๆนี่เสนอลดลงเรื่อย)
ต่างจาก felicity ตรงที่นางเอกไม่ต้องเจ็บปวดในเรื่องความรักข้างเดียวมาก...ไม่ต้องจำใจฝืนเดินในเส้นทางอีกเส้นทางเพื่อใครอีกคน
ต่างจาก my mad fat diary ตรงที่นางเอกสวยมาก (ล้อเล่นๆ 5555) แต่ The Fosters นางเอกค่อยๆสวยขึ้นเรื่อยๆ สวยได้ทั้งตอนแต่งเป็นทอมบอย และยิ่งสวยมากๆในตอนแต่งชุดราตรี ซึ่งก็ทำให้พระเอกอ้าปากค้างเสียงสั่นมาแล้ว และอาจจะไม่ได้อัดแน่นไปด้วยนักแสดงวัยรุ่นหน้าตาดีแบบ pretty little liars แต่มันกลับสนุกกว่าเยอะเลย ตรงนี้เป็นคำตอบที่ดีว่าบทเขามีคุณภาพมาก และต้องบอกเลยว่า The Fosters ก็ไม่ได้เป็นแค่ซีรี่ย์แนวดราม่าที่คนดูต้องกังวลว่าจะต้องเครียดแน่ๆ เพราะมันไม่ได้ชวนเครียด...ถึงขั้นต้องกินยาพาราหลังดูเหมือนอย่าง Homeland 'ซึ่งอันนี้ก็ต้องยอมเขาเพราะขนาดเครียดก็ทำให้ติดได้เพราะนางเอกและบทนั้นเทพจริงๆ
รวมๆแล้ว The fosters เป็นซีรี่ย์น้ำดีเรื่องเยี่ยม ที่สอดแทรกทุกๆอย่างในสังคมอเมริกันชนเอาไว้เต็มเปี่ยม
1.การเหยียดสีผิว เรื่องนี้ทุกคนยอมรับกันและกัน และสื่อให้เห็นว่า ก็นี่อเมริกา ที่ๆทุกคนยอมรับและให้เกียรติกัน...
2.การเหยียดเพศ เรื่องความรักระหว่างคุณแม่เลสเบี้ยนสองคน กับลูกชายตัวเล็กๆที่ค่อยๆค้นพบว่าตัวเองเป็นเกย์ ในละครไทยคงไม่มีให้เห็นกันง่ายๆ เลิกหวังไปได้เลยที่จะเห็นผู้หญิงสองคนรักและสร้างครอบครัวไปด้วยกันและเป็นตัวเดินเรื่องด้วยยิ่งมีโอกาสน้อยมากสำหรับคนทำละครในประเทศเราที่ถูกจำกัดไว้...หรืออาจจะยังไม่มีใครกล้าหยิบพล็อตแบบนี้ขึ้นมาทำ ซึ่งก็รอคอยอยู่ (ย้ำว่าเราไม่ใช่เลสเบี้ยนนะ แต่เข้าใจและยอมรับทุกๆเพศได้อย่างไม่มีเงื่อนไขเลย ทุกคนเท่าเทียมกันหมด และอยากให้หลายๆคนมองตรงนี้ด้วย เรื่องการให้เกียรติกันและกัน)
3.เรื่องการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม ที่นั่นเขาทำอย่างเป็นระบบ มีขั้นตอนละเอียดทุกอย่าง แต่ในไทยไม่ค่อยมีให้เห็นกันอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่างคู่รักเกย์หรือเลสเบี้ยนที่จะทำเรื่องขอรับเลี้ยงเด็กอย่างเป็นทางการและรับเลี้ยงได้หลายคน
ในส่วนของการเดินเรื่อง ต้องชมบทว่าทำได้ดีมากๆ เรื่องนี้มีครบ
เดินเรื่องเร็ว เพลงเพราะ นักแสดงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ฉากเลิฟซีนใครลุ้นให้มี...ก็มีให้เห็นทุกตอนนะ ซึ่งเป็นการสะท้อนอะไรหลายๆอย่างของแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างสมจริง ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องกั๊กหรือพยายามทำให้มันเป็นแค่ซีรี่ย์ครอบครัวทั่วๆไปที่จะถนอมความคิดเด็กๆที่กำลังดู...เพราะถ้าไม่สื่อสารออกมา เเล้วเมื่อไหร่ความจริงใจที่อยากจะสื่อถึงคนดูมันจะไปถึงซักที
การตัดต่อก็ดี มีความเก๋ด้วยการเล่าเรื่องย้อนในบางฉากตัดสลับกับเหตุการณ์ปัจจุบัน และที่สำคัญมากๆคือ เคมีระหว่างนักแสดงทุกคนที่มีให้กันมันสมจริง เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันจริงๆ นั่นทำให้คนดูรักและผูกพันกับทุกๆคนในบ้าน ยกตัวอย่างเรื่องที่ทำให้คนดูรักทุกตัวละครได้อย่างปฏิเสธไม่ได้ก็คือ Modern Family เป็นอีกหนึ่งเคสที่ทำให้คนดูรักทุกๆคนในครอบครัวใหญ่ๆของเขา ซึ่งแต่ละคนมีบุคลิกที่ชัดเจนมากๆ นักแสดงดังทุกคนเพราะไม่ใช่แค่แสดงดีเป็นธรรมชาติแต่คนเขียนบทไม่รู้ว่าจะเก่งไปไหน หยิบเรื่องสำเนียง หยิบเรื่องเพศ เรื่องความคิดของเด็กๆมาใส่ลงไปในบทได้อย่างน่ารักและตลกมาก เเละก็เป็นอีกเรื่องที่สื่อให้เห็นถึงการรับบุตรบุญธรรมของคู่เกย์ ซึ่งเขาสื่อสารออกมาได้น่ารักมากที่สุด
สิ่งที่คิดว่าทุกคนน่าจะรัก The Fosters ไม่ใช่แค่บทที่ดี ให้ข้อคิดกับคนดูอย่างแท้จริง แต่จขกท.ว่ามันน่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้มันมีครบรส และสนุกมากกกกกกก ใครเป็นขาจิ้น เรื่องนี้มีให้จิ้น ใครชอบแนวดราม่าเรื่องนี้มีเรื่องพลิกไปพลิกมาตลอดเวลา ใครชอบเรื่องที่เกี่ยวกับคู่รักร่วมเพศเรื่องนี้เปิดกว้างให้คุณได้เข้ามาตกหลุมรักคุณแม่ทั้งสองในเรื่อง และใครที่ชอบความอบอุ่นที่มันเติบโตขึ้นเรื่อยๆจากการได้ดูแล้วจะผูกพันกับทุกตัวละครเรื่องนี้จะทำให้คุณตกหลุมรักและเอาใจช่วยทุกๆคนในเรื่องให้ผ่านพ้นทุกอุปสรรคไปได้
ซีซั่นแรกจำได้ว่าครั้งแรกที่ดู ต้องจำใจจะต้องรอให้กลางคืนมันผ่านพ้นไปเพราะว่ามันไม่อยากหยุดดู มันสนุกมาก ทุกอย่างน่ารักและรวมทุกอย่างที่เราชอบเอาไว้ในนี้หมดเลย ใครที่มีเวลาว่างและอยากจะดูซีรี่ย์ที่ครบรสและน่าประทับใจอีกเรื่อง ขอแนะนำเลยค่ะ The Fosters
อยากให้วัยรุ่นได้ดูเยอะๆ เรื่องนี้สอดเเทรกทุกอย่างเอาไว้หมดเลยสำหรับเรื่องการใช้ชีวิต การสอนลูก การให้โอกาสกับลูก การให้เกียรติซึ่งกันและกัน และความรักความอบอุ่นภายในครอบครัวซึ่งแต่ละคนไม่ได้สมบูรณ์แบบเลย ต่างคนต่างมีเรื่องราวในชีวิตที่แย่มากๆ และพอมาอยู่รวมกันก็ค่อยๆผ่านพ้นมันไปพร้อมๆกัน
ชวนมาดูกันเยอะๆ หวังว่าในไทยจะมีช่องไหนสนใจซื้อมาฉายบ้าง เพราะมันมีคุณภาพจริงๆ รับประกันความน่ารักของทุกๆคนในบ้าน ที่จริงยังมีอีกหลายเรื่องเลยที่สนุกและประทับใจคอหนัง คอซีรีย์แนวรักโรแมนติกแบบเราๆ ที่อยากให้ได้ดูกัน ไม่ใช่แค่ The Fosters ที่สนุกและมีสาระ แต่ Switched at Birth ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความรักวัยรุ่นสอดแทรกพร้อมๆกับเรื่องราวของครอบครัวซึ่งลูกสาวสลับตัวกัน เรื่องราวของเด็กที่หูหนวก ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นการสื่อสารถึงความรู้สึกของทั้งตัวคนที่พิการและคนในครอบครัว เราไม่ค่อยเห็นนักในวงการโทรทัศน์ เรื่องนี้บทก็ดีมากเป็นซีรี่ย์น้ำดีอีกเรื่อง หรือ Chasing Life ซีรี่ย์ให้กำลังใจคนป่วยโรคมะเร็ง ก็เป็นอะไรที่ประทับใจมาก ตัวพระเอกและนางเอกต่างก็ป่วยเป็นโรคที่ร้ายแรง...ด้วยกำลังใจ ด้วยคำพูดดีๆที่มีให้กัน มันน่าจะให้อะไรมากมายกับคนดูที่ต้องประสบกับเรื่องราวแบบนั้นในชีวิตได้ (ในหัวนี่มีหลายเรื่องผุดเข้ามาเยอะเลย ที่ในไทยไม่ดังเลย แต่มันสนุกมาก สนุกกว่าซีรี่ย์ดังๆหลายเรื่องและให้ข้อคิดดีๆเยอะ รวมถึง...ทำให้ขาจิ้นมีความสุขมากๆกับเคมีของพระนางนั้น...น่าเสียดายที่ไม่ได้ถูกเลือกมาฉายที่บ้านเรา)
เอาเป็นว่าถ้ามีเวลาว่าง...แนะนำเลยค่ะ
The Fosters...ซีรี่ย์ที่อัดแน่นไปด้วยความน่ารัก อบอุ่น ความฟิน ความดราม่า ทุกๆอย่าง...มันลงตัวมากๆ
ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กกำพร้าที่เพิ่งออกจากคุก...เด็กที่ไม่ได้ดีเด่นซักอย่าง เป็นผู้หญิงที่แก่นเซี้ยวกว่าผู้ชายบางคน กล้าคิด กล้าทำ กล้าพูด กับการก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านของเด็กผู้ชายที่เป็นสายเลือดครึ่งหนึ่งของบ้านหลังเล็กๆของคู่เลสเบี้ยนที่แน่นอนว่าอย่างที่เห็นคือคนนึงผิวขาว คนนึงผิวดำ ความรักมันค่อยๆเกิดขึ้นเพราะความรักที่ซึมลึก...ระหว่างผู้ชายที่รักในเปียโน เป็นเด็กดีของแม่และหม่าม๊า กับเด็กผู้หญิงที่ต่างกันแบบสุดขั้ว เราว่าคนดูจะต้องตกหลุมรักสองคนนี้อย่างแน่นอน...สองคนนี้น่ารักมาก เคมีนี่ไม่ต้องพูดถึง ฝรั่งที่ดูก็เพ้อกันไปหมด ไอ้ความรู้สึกจิ้นแบบต้องตามลุ้นเนี่ย ใครที่ได้ดู Chicago Med พอได้ดูเรื่องนี้จะรู้เลยว่าการแอบมองใครบางคนที่เราชอบด้วยความรักและปรารถนาดีแบบที่พระเอกมองนางเอกตลอดเนี่ย มันทำให้คนดูปั่นป่วนช่วงท้องน้อยอย่างรุนแรง 5555 พระเอกคอยปกป้อง คอยดูแลเอาใจใส่ความรู้สึกนางเอก เป็นคนดีและเป็นแบบฉบับหนุ่มในฝันของสาวๆที่มาตกหลุมรักนางเอกแบบจริงจังมาก แล้วก็ต้องลุ้นไปตลอดนะ เพราะยังไงก็ยังไม่สุดซักที [[[แต่ใน Chicago Med นี่ พระเอกรักนางเอกมากจริงๆ เปิดเรื่องมานางเอกก็อุ้มท้องแก่ใกล้คลอด ส่วนพระเอกก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่แอบรักเพื่อน เป็นคุณหมอที่ทั้งต้องดูแลคนไข้และยังต้องดูแลความรู้สึกของคนที่แอบรักไปในเวลาเดียว และแน่นอนว่าคนไข้ก็ต้องมาก่อนคนที่รักเสมอ บทนี่โหดไป ทิ้งให้คนดูต้องรอซีซั่นสองแบบไม่มีเงื่อนไขเกินไป สงสารตัวเอง ดูแล้วก็อยากรู้ว่าจะยังไงต่อไป...ซึ่งแสบมาก ยังจำตอนจบซีซั่นหนึ่งได้ขึ้นใจเสมอมา...5555]]] แต่สำหรับ The Fosters พระเอกยังเป็นเด็กที่อ่อนต่อโลกมาก แต่ก็รักนางเอกแบบไม่มีเงื่อนไขเลย เชื่อว่าสาวๆหลายคนคงละลายไปกับรอยยิ้มของ B แน่นอน
brandon and callie...
ความรักที่ไม่ง่าย ระหว่างทางที่กว่าจะได้รักกัน...มันมีเรื่องราวน่าประทับใจ มีความสุขและน้ำตามากมาย และที่ชอบที่สุดก็คือการที่คนสองคนรักกันไม่ได้เพราะความต้องการของอีกคนต่อเรื่องใหญ่ที่เป็นอุปสรรคมันมีอิทธิพลมากกว่า จนทำให้อีกคนต้องยอมรับและอดทนเสมอมา นั่นยิ่งทำให้เห็นว่าพระเอกรักและหวังดีกับนางเอกมากๆจริงๆ