ไวรัสตับอักเสบ....ภัยร้ายใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

‘ตับ’ เป็นอวัยวะที่สำคัญและมีขนาดใหญ่ที่สุดในช่องท้องของมนุษย์ อยู่บริเวณใต้ชายโครงด้านขวา มีทั้งกลีบซ้ายและกลีบขวา หน้าที่หลักของตับคือจะช่วยในการสร้างน้ำดีเพื่อย่อยอาหาร สร้างสารที่เป็นส่วนประกอบของโปรตีน มีความสำคัญมากต่อระบบเมตาบอลิซึม (Metabolism) ของร่างกาย และช่วยกำจัดพิษของสารต่างๆ เป็นต้น ซึ่งหากวันหนึ่งตับเกิดการอักเสบขึ้นมา เซลล์ของตับจะถูกทำลายและส่งผลต่อการทำหน้าที่ต่างๆ ของตับ ทำให้เราไม่มีแรง และเกิดอาการเจ็บป่วยตามมาในที่สุด

         ตับอักเสบ คือภาวะการอักเสบของตับซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ยา แอลกอฮอล์ และสารเคมี เป็นต้น โดยการเกิดตับอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Hepatitis) ในปัจจุบันนั้นมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ไวรัสตับอักเสบ A, B, C, D, E และไวรัสชนิดอื่นๆ เช่น ไข้เลือดออก ฯลฯ แต่ที่พบได้บ่อยในบ้านเราจะเป็นไวรัสตับอักเสบ B และ C ชนิดเรื้อรัง    

        อาการที่บ่งบอกชัดเจนที่สุด เมื่อคุณเริ่มเป็นไวรัสตับอักเสบ?
        คนไข้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ A และ E จะมีอาการแบบเฉียบพลันคือ มีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ เพลียในระยะก่อนเหลือง ตามมาด้วยอาการเหลือง อาการมักเกิดขึ้นทันทีและรุนแรง เช่น มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อาจมีปวดเสียดหรือจุกแน่นแถวลิ้นปี่ หรือชายโครงขวาเพราะตับโต ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม อาจมีอุจจาระสีซีด อาการจะเกิดขึ้นหลังได้รับเชื้อประมาณ 15-60 วัน และสามารถตรวจพบเชื้อจากอุจจาระได้ใน 14 วันหลังเกิดอาการ ซึ่งอาการเหล่านี้จะมีอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ จนถึง 3 เดือน แล้วมักจะหายได้เองโดยไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไร แต่ก็ยังพบได้ว่ามีคนไข้บางรายอาจเสียชีวิตจากอาการตับวายได้เช่นกัน ตรงกันข้ามกับไวรัสตับอักเสบ C ที่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีอาการใดๆ เลย คนไข้มักจะรู้ได้จากการตรวจการทำงานของตับที่ผิดปกติหรือเมื่อมีอาการตับแข็งหรือเป็นมะเร็งตับไปแล้วนั่นเอง

         ส่วนไวรัสตับอักเสบ B และ D จะมีอาการเฉียบพลัน คนไข้จะรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งโดยส่วนใหญ่คนไข้มักจะได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ B และ D พร้อมกัน หรืออาจเป็นคนไข้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ B อยู่ก่อนแล้วจึงเป็นไวรัสตับอักเสบ D ภายหลังก็เป็นได้เช่นกัน คนไข้กลุ่มนี้จะมีโอกาสเป็นตับอักเสบเรื้อรังและตับแข็งได้

         ไวรัสตับอักเสบชนิดใดน่ากลัวที่สุด?
         ไวรัสตับอักเสบ B เป็นโรคที่พบว่าเป็นกันมาก เรียกว่าน่ากลัวพอๆ กับโรคเอดส์เลยด้วยซ้ำ เพราะเป็นโรคที่มีสาเหตุการติดเชื้อไวรัสส่วนใหญ่มาจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เป็นหลัก ซึ่งในสังคมปัจจุบันนั้นคนส่วนใหญ่มักจะลืมใส่ใจเรื่องของการสวมถุงยางอนามัย และมีพฤติกรรมการเปลี่ยนคู่นอนโดยไม่ได้มีการป้องกันใดๆ หรือแม้แต่การมีรักร่วมเพศกับผู้ที่ติดเชื้ออยู่ ก็เป็นสาเหตุของการถ่ายทอดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B ได้เช่นกัน เรามักจะพบว่าผู้ที่ติดเชื้อ หรือผู้ที่เป็นพาหะเองจะไม่ค่อยมีอาการใดๆ ให้เห็นชัดเจนนัก ทำให้ไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดนี้อยู่ จึงเกิดการแพร่เชื้อได้ง่ายมากขึ้น และนอกจากการติดเชื้อเพราะไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นพาหะแล้ว ยังสามารถติดต่อได้จากการรับเลือดหรือสารที่ปนเปื้อนเลือด เช่น การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การเสพยาเสพติดแบบใช้เข็ม การล้างไต การเจาะหู การสักตัวหรือคิ้วโดยไม่เปลี่ยนเข็ม การใช้ใบมีดโกนและแปรงสีฟันกับคนที่มีเชื้ออยู่ การได้รับเชื้อจากแม่ไปสู่ลูกในขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร และหากมีการติดเชื้อแล้ว คนไข้กลุ่มนี้ยังมีโอกาสที่จะเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง และเป็นโรคตับแข็งเหมือนคนที่ดื่มเหล้าเป็นประจำอีกด้วย ซึ่งเมื่อมีภาวะตับแข็งแล้วก็อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร ไตวาย เกิดความผิดปกติในสมองและนำไปสู่การเกิดมะเร็งตับได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก    yanhee.net และ ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ

Report by LIV Capsule
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่