ตอบตามคนใส่เกรดตลาดนัดยันแบรนด์ดัง ใส่หลักร้อยยันหลักพันนะคะ (หลักหมื่นยังไม่เคย และไม่คิดจะซื้อ)

1. เนื้อผ้า

- โดยมากนุ่มกว่า ไม่ระคายเคืองผิว (เราผิวแพ้ง่าย ผ้าตลาดนัดบางชนิดต่อให้ซักก่อนใส่ เราคันผื่นขึ้นเลยค่ะ เพราะใยผ้าระคายตัว จริงๆแบรนด์ที่เนื้อผ้าคายตัวก็มี แต่ไม่ค่อยเจอ)

- ทนกว่า เอาไปปั่นเครื่องซักผ้าจะเปื่อยยากกว่า (แต่จริงๆไม่ควรปั่นเครื่องนะคะ อายุการใช้งานจะสั้นลงมาก เราทำเฉพาะรีบใช้จริงๆ หรือมีเหตุให้ซักเองไม่ได้) โดยเฉพาะกระเป๋ากางเกง พวกกางเกงตลาดนัดนี่ปั่นเครื่องไม่เกิน5ครั้ง กระเป๋าโบ๋เลยจ้า

2. การตัดเย็บ

- เข้าทรงกว่า ทรงสวยกว่า ไม่ค่อยเจอปัญหาเป้าตื้นไป เป้ายานไป ขาลอย ก้นกางเกงหย่อน เอวหลวมหลุด แต่สะโพกคับ (ในกรณียีนส์ผู้หญิง ถ้ายีนส์ตามตลาดนัด ก็มีแพทเทิร์นอีกแบบ บางทีตัดไม่เข้ากับสรีระผู้หญิง แต่ยีนส์แบรนด์ โดยทั่วไป เขามีดีไซน์เนอร์ มีทีมงานที่เรียนด้านแฟชั่นดีไซน์ และเข้าใจ+คำนึงถึงสรีระกว่า ยีนส์ตามตลาดนัดก็เรียนการออกแบบ การตัดเย็บมาเช่นกัน แต่เรียนที่ไหนก็ต่างกันอีก เรียนตามศูนย์ฝึกอาชีพก็สอนอย่างหนึ่ง เรียนตามสถาบันแฟชั่นชั้นนำที่มาตรฐานสูงๆก็เป็นอีกแบบหนึ่ง >> นี่คือไม่ได้ว่าที่ไหนดี/ด้อยกว่ากันนะคะ แต่มันมีความแตกต่างบางประการอยู่ถ้าพิจารณากันดีๆ)

แต่สุดท้ายเรื่องทรงก็แล้วแต่แบบอีก บางแบบ บางรุ่นถึงจะเป็นแบรนด์ที่เคยใส่แต่ก็ไม่เหมาะกับเราก็มี

- ตะเข็บต่างๆ ประณีตกว่า แน่นหนากว่า ไม่ขาด ไม่ปริง่ายๆ บางตัวใส่ 5ปี 7ปี ยังไหวอยู่

3. การออกแบบ
แต่ละแบรนด์จะมีเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่ บางทีมองปุ๊บ ไม่ต้องขอดูยี่ห้อ เรารู้เลยคนนี้ใส่ยี่ห้อออะไร

4. การบริการ
- ลองได้ และลองได้จนกว่าจะพอใจ ขอแบบนั้น ขอไซส์นี้ได้หมด ตลาดนัดบางทีห้ามลอง เราก็ไม่กล้าซื้อ กลัวซื้อมาแล้วใส่ไม่ได้ เสียดายตัง ยอมจ่ายแพงกว่า แต่ชัวร์ว่าใส่ได้ และใส่ออกมาแล้วเหมาะกับเรา

- พนง. สามารถแนะนำเราได้ว่าทรงแบบเราควรใส่รุ่นไหน แบบไหน ที่จะช่วยเน้นจุดเด่นและพร่างจุดด้อย/ส่วนเกินของเรา (แม่ค้าตลาดนัดบางคนก็แนะนำได้ แต่บางคนก็เชียร์มั่ว อะไรไม่เหมาะก็จะยัดให้เอา จะบอกว่าสวย)

- รับประกันสินค้า เช่น มีตำหนิ(จากร้าน) เปลี่ยนได้ ซื้อให้เป็นของขวัญ คนรับใส่ไม่ได้ก็เปลี่ยนไซส์ได้ (ภายในวันที่กำหนด) ยีนส์ตลาดนัดบางร้านไม่รับเปลี่ยนในทุกกรณี ซื้อวัดดวงกันไป

- มีบริการตัดขากางเกงฟรี บางแบรนด์อาจมีรับซ่อมด้วย เช่น เปลี่ยนซิป เย็บตะเข็บ ฯลฯ

5. มีเรื่องราว มี story บางคนซื้อใส่เพราะเสพเรื่องราวของแบรนด์นั้นๆ (อันนี้เราไม่ขออธิบายค่ะ เราไม่ถนัด เราซื้อแค่เพราะชอบสี ชอบแบบ ใส่สวย ไม่ได้สนใจ story ของแต่ละยี่ห้อเท่าไร) บางแบรนด์มีประวัติความเป็นมาที่น่าทึ่ง บางแบรนด์ก็วางตัวเองไว้ใน position หนึ่ง ซึ่งลูกค้าบางคนก็ซื้อเพราะอยากให้คนอื่นมองตัวเองตาม position แบรนด์นั้นก็มี

6. รายละเอียดอื่นๆ เช่น การย้อมสี การฟอกสี การผสมสี ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์

ถ้าคุณสนใจจะลองใส่ ลองเริ่มจากตัวละ 1000-2000 กว่าก่อนก็ได้ค่ะ ยังไม่ต้องไปถึงพวกหลายพัน หลายหมื่น

ของพวกนี้แล้วแต่คนชอบค่ะ บางคนใส่แค่ของตลาดนัดเขาก็โอเคแล้ว แต่บางคนต้องเน้นว่าแบรนด์เท่านั้น ส่วนเราใส่ทั้งตลาดนัดทั้งแบรนด์ แล้วแต่ว่าไปเจออันไหนที่ถูกใจ