สวัสดีค่ะ จขกท พื้นฐานเป็นคนเรียนกลางๆ จนไปถึง ค่อนข้างหัวไวค่ะ
จขกท เป็นคนเข้าใจอะไรง่าย แม้ว่าจะไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องนั้น เป็นคนตั้งใจและมุ่งมั่นในเรื่องที่จะทำ
จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชน ชื่อเสียงไม่ได้โด่งดัง ย่านฝั่งธน
เรื่องเริ่มจากเมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา เพื่อนเก่าที่มหาลัยคนนึง (ซึ่งบ้านค่อนข้างมีฐานะ) ได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
เค้าชักชวนให้ จขกท เริ่มไปเรียนต่อเช่นกัน เพราะเค้าเห็นว่าภาษา จขกท ดี และดูเป็นคนเก่ง (เค้าบอกมาแบบนั้น)
ความตั้งใจในการเรียนต่อ ตปท ของ จขกท มีมานานตั้งแต่ก่อนเรียนจบแล้ว ก็ยิ่งมีมากขึ้น... ว่าอยากชิงทุนไปเรียนต่อ ตปท ให้ได้
เพราะ ฐานะ ทางบ้านเราก็ปานกลาง ไม่ได้มีแบบเหลือใช้
เมื่อ 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารสีเขียว สีฟ้า และสีน้ำเงิน เปิดรับสมัครสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ
ในคณะที่ จขกท ต้องการไปเรียนอยู่พอดี
เกณฑ์การรับสมัครอะไร เราผ่านหมด เลยลองส่งไป..... ผลปรากฏว่า ได้ทั้ง 3 ที่ ผ่านรอบแรก
ตอนนั้นดีใจมาก รู้สึกว่าความฝันใกล้เข้ามาเป็นจริง
ก่อนวันไปสอบข้อเขียน เราก็พยายามหาแนวข้อสอบตามที่เค้าประกาศสอบทำเพื่อฝึกฝน
เมื่อถึงวันสอบ..... เราได้เจอคนที่ผ่านเกณฑ์เหมือนกันมากหน้าหลายตา ได้สร้าง connection จากคนหลากหลายอาชีพ
ตั้งแต่ มหาลัยอันดับ 1 ของประเทศไทย ไปจนมหาลัยรัฐถึงอันดับกลางๆ
เรารู้สึกได้ว่า โปรไฟล์แต่ละคนดีมากกกกก มากจนเราเทียบไม่ได้
แต่ละคนจบ ม ปลาย เตรียมอุดม มหาลัยจุฬา
ส่วนเรา จบ ปวช มหาลัยเอกชนชื่อไม่ดัง
..... แต่เราก็ยังไม่ท้อแท้ เพราะเราก็ผ่านเข้ามาเหมือนกัน
คิดว่าจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด
พอถึงตอนทำข้อสอบ...... พาร์ทที่เป็นเลข คิดคำนวณ..... เราทำไม่ค่อยได้เลยค่ะ มีบางข้อที่คิดแล้วมั่นใจว่าถูกแน่ๆ
เรารู้สึกเสียใจ..... ที่เราตัดสินใจผิดในตอนนั้น ตอนที่เป็นช่วง ม.3 กำลังจะขึ้น ม.4 แม่เราให้เราตัดสินใจเองว่า
จะเลือกเรียนอะไรต่อ......
เราเลือกเรียนพานิชย์....... เพียงเพราะไม่อยากตัดผมสั้นเท่าติ่งหูอีกแล้ว ไม่อยากอยู่ในกฏระเบียบนี้อีกต่อไป
เรานึกย้อนไปตอนที่เราเรียน เราเรียนสาขา Business English พื้นฐานทางภาษาเราดีกว่าคนอื่นในห้อง
ตอนนั้นเป็น เบอร์ 1 ในโรงเรียน (นึกถึงตรงนี้แล้ว... รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกบในกะลามากค่ะ)
แทบจะทุกๆเนื้อหาที่เราเรียนในวิชาภาษาอังกฤษ (ที่เป็นเมเจอร์หลักของสาขา) เป็นสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว
แต่อาจารย์ไม่สามารถสอนได้ยากมากเกินไป.... เพราะเพื่อนคนอื่นจะตามไม่ทัน
ไม่รู้ว่ามันจะบาปไหมที่คิดแบบนี้ว่า.... เราแทบไม่ได้เรียนอะไรเพิ่มจากตอนเรียน ปวช เลย
ไม่นับวิชาการตลาด บัญชี วิชาเสริมอื่นๆ ที่เราไม่ได้มีความรู้เรื่องนั้นมาก่อน
ไม่น่าแปลกใจที่วันประกาศผลของธนาคาร... ทั้ง 3 ที่ไม่มีชื่อเราในรายชื่อผู้ที่ผ่านการสอบข้อเขียน
เราเคยคิดว่าเราก็มีดี เราเคยคิดว่าเราก็เจ๋ง แต่พอเป็นแบบนี้แล้ว .... เราประเมินตัวเองสูงเกินไปจริงๆค่ะ
คาดหวังกับตนเองสูง รู้สึกผิดหวังที่ทำไม่ได้ตามเป้าหมาย
จขกท เป็นคนเข้าใจอะไรง่าย แม้ว่าจะไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องนั้น เป็นคนตั้งใจและมุ่งมั่นในเรื่องที่จะทำ
จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอกชน ชื่อเสียงไม่ได้โด่งดัง ย่านฝั่งธน
เรื่องเริ่มจากเมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา เพื่อนเก่าที่มหาลัยคนนึง (ซึ่งบ้านค่อนข้างมีฐานะ) ได้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
เค้าชักชวนให้ จขกท เริ่มไปเรียนต่อเช่นกัน เพราะเค้าเห็นว่าภาษา จขกท ดี และดูเป็นคนเก่ง (เค้าบอกมาแบบนั้น)
ความตั้งใจในการเรียนต่อ ตปท ของ จขกท มีมานานตั้งแต่ก่อนเรียนจบแล้ว ก็ยิ่งมีมากขึ้น... ว่าอยากชิงทุนไปเรียนต่อ ตปท ให้ได้
เพราะ ฐานะ ทางบ้านเราก็ปานกลาง ไม่ได้มีแบบเหลือใช้
เมื่อ 2 - 3 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารสีเขียว สีฟ้า และสีน้ำเงิน เปิดรับสมัครสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ
ในคณะที่ จขกท ต้องการไปเรียนอยู่พอดี
เกณฑ์การรับสมัครอะไร เราผ่านหมด เลยลองส่งไป..... ผลปรากฏว่า ได้ทั้ง 3 ที่ ผ่านรอบแรก
ตอนนั้นดีใจมาก รู้สึกว่าความฝันใกล้เข้ามาเป็นจริง
ก่อนวันไปสอบข้อเขียน เราก็พยายามหาแนวข้อสอบตามที่เค้าประกาศสอบทำเพื่อฝึกฝน
เมื่อถึงวันสอบ..... เราได้เจอคนที่ผ่านเกณฑ์เหมือนกันมากหน้าหลายตา ได้สร้าง connection จากคนหลากหลายอาชีพ
ตั้งแต่ มหาลัยอันดับ 1 ของประเทศไทย ไปจนมหาลัยรัฐถึงอันดับกลางๆ
เรารู้สึกได้ว่า โปรไฟล์แต่ละคนดีมากกกกก มากจนเราเทียบไม่ได้
แต่ละคนจบ ม ปลาย เตรียมอุดม มหาลัยจุฬา
ส่วนเรา จบ ปวช มหาลัยเอกชนชื่อไม่ดัง
..... แต่เราก็ยังไม่ท้อแท้ เพราะเราก็ผ่านเข้ามาเหมือนกัน
คิดว่าจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด
พอถึงตอนทำข้อสอบ...... พาร์ทที่เป็นเลข คิดคำนวณ..... เราทำไม่ค่อยได้เลยค่ะ มีบางข้อที่คิดแล้วมั่นใจว่าถูกแน่ๆ
เรารู้สึกเสียใจ..... ที่เราตัดสินใจผิดในตอนนั้น ตอนที่เป็นช่วง ม.3 กำลังจะขึ้น ม.4 แม่เราให้เราตัดสินใจเองว่า
จะเลือกเรียนอะไรต่อ......
เราเลือกเรียนพานิชย์....... เพียงเพราะไม่อยากตัดผมสั้นเท่าติ่งหูอีกแล้ว ไม่อยากอยู่ในกฏระเบียบนี้อีกต่อไป
เรานึกย้อนไปตอนที่เราเรียน เราเรียนสาขา Business English พื้นฐานทางภาษาเราดีกว่าคนอื่นในห้อง
ตอนนั้นเป็น เบอร์ 1 ในโรงเรียน (นึกถึงตรงนี้แล้ว... รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นกบในกะลามากค่ะ)
แทบจะทุกๆเนื้อหาที่เราเรียนในวิชาภาษาอังกฤษ (ที่เป็นเมเจอร์หลักของสาขา) เป็นสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว
แต่อาจารย์ไม่สามารถสอนได้ยากมากเกินไป.... เพราะเพื่อนคนอื่นจะตามไม่ทัน
ไม่รู้ว่ามันจะบาปไหมที่คิดแบบนี้ว่า.... เราแทบไม่ได้เรียนอะไรเพิ่มจากตอนเรียน ปวช เลย
ไม่นับวิชาการตลาด บัญชี วิชาเสริมอื่นๆ ที่เราไม่ได้มีความรู้เรื่องนั้นมาก่อน
ไม่น่าแปลกใจที่วันประกาศผลของธนาคาร... ทั้ง 3 ที่ไม่มีชื่อเราในรายชื่อผู้ที่ผ่านการสอบข้อเขียน
เราเคยคิดว่าเราก็มีดี เราเคยคิดว่าเราก็เจ๋ง แต่พอเป็นแบบนี้แล้ว .... เราประเมินตัวเองสูงเกินไปจริงๆค่ะ