Posted by ค.โคกทราย
blog:oknation.net
อิสลามว่าอย่างไร?เกี่ยวกับเรื่องหมอดู
ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับหมอดูมากเหลือเกินในช่วงนี้ โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับดวงของผู้นำและบ้านเมือง อันที่จริงเรื่องหมอดูก็เป็นเรื่องราวที่มีแต่ครั้งโบราณกาล ยามรู้สึกว่าบ้านเมืองมีปัญหาชนชั้นปกครองก็จะเรียกโหรเข้ามาพยากรณ์เหตุการณ์บ้านเมืองโดยใช้หลักวิชาด้านโหราศาสตร์ จนมาถึงในทุกระดับชนชั้น ยามมีปัญหาเขาจะไปหาหมอดูเพื่อที่จะทำนายทายทักว่าเขาจะมีชะตาชีวิตเป็นอย่างไร เพื่อให้เขาได้รู้ล่วงหน้าและหาทางปัดเป่าปัญหาที่จะเกิดขึ้นให้ผ่านพ้นไปด้วยดี นับเป็นผลทางจิตวิทยาในการสร้างกำลังใจ ในสภาพแห่งความไม่แน่นอนของชีวิต
จากตรงนี้ผมไม่ได้ลบหลู่ในความเชื่อที่แต่ละคนมี แต่ผมอยากจะนำเสนอความเชื่ออีกความเชื่อหนึ่งที่กล่าวถึงเรืองการดูหมอ นั่นคือทรรศนะของอิสลาม ซึ่งในที่นี้จะยกข้อมูลหลักจากสองแหล่งคือคัมภีร์อัลกุรอ่านและอัลฮาดิษ(พระวจนะของศาสดามูฮัม
หมัด)
ในสังคมอาหรับซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของท่านศาสดามูฮัมหมัด ได้มีคนจำพวกหมอดูที่แสร้งทำเป็นรู้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตโดยติดต่อกับบรรดาสิ่งลึกลับ ท่านได้อ่านโองการจากอัลกุรอ่านให้คนเหล่านี้ฟังว่า
“
จงกล่าวเถิด ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน รู้ในสิ่งพ้นญานวิสัยนอกจากอัลเลาะฮฺ”(กุรอาน 27:65)
และท่านศาสดาได้ประกาศเกี่ยวกับตัวท่านเองว่า
“
…และมาตรว่าฉันรู้ในสิ่งพ้นญานวิสัย แน่นอน ฉันคงได้มีสิ่งดีมากมาย และความชั่วใดๆ จะไม่ระคายฉัน ฉันไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นผู้ตักเตือนและแจ้งข่าวดีแก่ชนผู้ศรัทธา”(กุรอ่าน 7:188)
การต่อสู้ของอิสลามเพื่อกำจัดการเชื่อโชคลางและดูหมอ ไม่ใช่เฉพาะคนที่เป็นหมอดูเท่านั้นแต่รวมถึงคนที่ไปหาคนพวกนี้ด้วย
ท่านศาสดากล่าวว่า
“
การนมาซ(นมัสการ)ของผู้ที่ไปหาหมอเวทมนต์เพื่อขออะไรบางอย่างและเชื่อในสิ่งที่หมอเวทมนต์บอกจะไม่ถูกรับเป็นเวลา 40 วัน (รายงานโดยมุสลิม)
“
ใครก็ตามที่ไปหาหมอดู ผู้ที่ใช้เวทมนต์คาถาหรือผู้ที่ให้โชคลางเพื่อขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดและเชื่อคนเหล่านั้นพูดก็เท่ากับว่าคนผู้นั้นปฏิเสธสิ่งที่ถูกประทานมาให้แก่มูฮัมหมัด”(รายงานโดย บัซซาร และอบูยะอฺลา)
อิสลามสอนให้ปฏิบัติตามทางนำที่พระผู้เป็นเจ้าให้มา ในเรื่องการให้เอกภาพต่อพระองค์ การปฎิบัติตามแบบอย่างของศาสดา ให้ช่วยกันช่วยเหลือกันเรืองความดีและยับยั้งความชั่ว หลีกเลี่ยงจากสิ่งไร้สาระทั้งมวล
และเชื่อมั่นในเรื่องผลการปฏิบัติดี ชั่วในโลกนี้ และรับผลการปฏิบัติดี ชั่ว ในโลกนี้ และโลกหน้า
ห้ามการดูดวงกับมุมมองคำสอนศาสนาอิสลาม
blog:oknation.net
อิสลามว่าอย่างไร?เกี่ยวกับเรื่องหมอดู
ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับหมอดูมากเหลือเกินในช่วงนี้ โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับดวงของผู้นำและบ้านเมือง อันที่จริงเรื่องหมอดูก็เป็นเรื่องราวที่มีแต่ครั้งโบราณกาล ยามรู้สึกว่าบ้านเมืองมีปัญหาชนชั้นปกครองก็จะเรียกโหรเข้ามาพยากรณ์เหตุการณ์บ้านเมืองโดยใช้หลักวิชาด้านโหราศาสตร์ จนมาถึงในทุกระดับชนชั้น ยามมีปัญหาเขาจะไปหาหมอดูเพื่อที่จะทำนายทายทักว่าเขาจะมีชะตาชีวิตเป็นอย่างไร เพื่อให้เขาได้รู้ล่วงหน้าและหาทางปัดเป่าปัญหาที่จะเกิดขึ้นให้ผ่านพ้นไปด้วยดี นับเป็นผลทางจิตวิทยาในการสร้างกำลังใจ ในสภาพแห่งความไม่แน่นอนของชีวิต
จากตรงนี้ผมไม่ได้ลบหลู่ในความเชื่อที่แต่ละคนมี แต่ผมอยากจะนำเสนอความเชื่ออีกความเชื่อหนึ่งที่กล่าวถึงเรืองการดูหมอ นั่นคือทรรศนะของอิสลาม ซึ่งในที่นี้จะยกข้อมูลหลักจากสองแหล่งคือคัมภีร์อัลกุรอ่านและอัลฮาดิษ(พระวจนะของศาสดามูฮัม
หมัด)
ในสังคมอาหรับซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของท่านศาสดามูฮัมหมัด ได้มีคนจำพวกหมอดูที่แสร้งทำเป็นรู้ว่าเหตุการณ์ในอนาคตโดยติดต่อกับบรรดาสิ่งลึกลับ ท่านได้อ่านโองการจากอัลกุรอ่านให้คนเหล่านี้ฟังว่า
“จงกล่าวเถิด ไม่มีผู้ใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน รู้ในสิ่งพ้นญานวิสัยนอกจากอัลเลาะฮฺ”(กุรอาน 27:65)
และท่านศาสดาได้ประกาศเกี่ยวกับตัวท่านเองว่า
“…และมาตรว่าฉันรู้ในสิ่งพ้นญานวิสัย แน่นอน ฉันคงได้มีสิ่งดีมากมาย และความชั่วใดๆ จะไม่ระคายฉัน ฉันไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเป็นผู้ตักเตือนและแจ้งข่าวดีแก่ชนผู้ศรัทธา”(กุรอ่าน 7:188)
การต่อสู้ของอิสลามเพื่อกำจัดการเชื่อโชคลางและดูหมอ ไม่ใช่เฉพาะคนที่เป็นหมอดูเท่านั้นแต่รวมถึงคนที่ไปหาคนพวกนี้ด้วย
ท่านศาสดากล่าวว่า
“การนมาซ(นมัสการ)ของผู้ที่ไปหาหมอเวทมนต์เพื่อขออะไรบางอย่างและเชื่อในสิ่งที่หมอเวทมนต์บอกจะไม่ถูกรับเป็นเวลา 40 วัน (รายงานโดยมุสลิม)
“ใครก็ตามที่ไปหาหมอดู ผู้ที่ใช้เวทมนต์คาถาหรือผู้ที่ให้โชคลางเพื่อขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดและเชื่อคนเหล่านั้นพูดก็เท่ากับว่าคนผู้นั้นปฏิเสธสิ่งที่ถูกประทานมาให้แก่มูฮัมหมัด”(รายงานโดย บัซซาร และอบูยะอฺลา)
อิสลามสอนให้ปฏิบัติตามทางนำที่พระผู้เป็นเจ้าให้มา ในเรื่องการให้เอกภาพต่อพระองค์ การปฎิบัติตามแบบอย่างของศาสดา ให้ช่วยกันช่วยเหลือกันเรืองความดีและยับยั้งความชั่ว หลีกเลี่ยงจากสิ่งไร้สาระทั้งมวล
และเชื่อมั่นในเรื่องผลการปฏิบัติดี ชั่วในโลกนี้ และรับผลการปฏิบัติดี ชั่ว ในโลกนี้ และโลกหน้า