สวัสดีค่ะ กระทู้แรก ยืมน้องมาล็อคอินผิดพลาดยังไงขออภัยด้วยนะคะ
เริ่มจากตอนนี้เราอายุ20 นิดๆ ค่ะอยู่มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งอิอิ เราเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง และทำอะไรมาด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก คร่าวๆที่เป็นหลักแหล่งเลยน่าจะ ม3 จิงจังตอน ม4 เราเริ่มทำงาน หางานพิเศษทำ ไม่ใช่งานพา์ททามนะคะ ออกไปทางการตลาด ธุรกิจมากกว่า
"อธิบายสั้นๆก่อนว่า ที่บ้านก็ไม่ได้ยากจนหรือรวยอะไรฐานะปานกลาง แต่เรากลับรู้สึกว่าการอยู่เฉยๆรอโตมันไร้ค่าเสียจริง"
ม2-3 เริ่มสนใจทำธุรกิจ หานู่นหานี่มาขายของเล็กๆน้อยๆ เคบเอาเสื้อผ้ามือ2 ไปขายตามตลาดนัด ซึ่งป๊าม๊าตกใจมาก และเราไปเอาความคิดนี้มาจากไหน ตอนนั้นเริ่มจากเราอยากรู้ว่าป๊าม๊าได้เงินเดือนเท่าไหร่ ป๊าได้เงินเดือนเท่าไหร่ บริหารยังไง ใช้เงินยังไงให้พอ แล้วไม่คิดจะเอาเงินต่อยอดหรอ ไม่อยากทำอะไรมากกว่านี้แล้วหรอ จะว่าเราทะเยอทะยานก็ได้นะ แต่ความคิดในหัวเป็นแบบนี้จิงๆ ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ขัดสนอะไร แต่ระนิกระรี้จะหาเงินเอง
ม3 เราขายของนู่นนี่ฝากคนนู้นคนนี้ขาย ตามร้านต่างๆป้าขายเสื้อผ้าแถวสยามสแควร์ เราก็ไปขอเอากระเป๋ามาลงขายนิดๆหน่อยๆ แจมๆไป ลงทุนเอง ด้วยเงินทองที่เก็บเองทุกบาททุกสตางค์ ตอนนั้นคิดว่าจะเก็บทีละเล็กน้อย เพื่อไปลงทุนกิจการอีกอย่างต่อยอดไปเรื่อยๆ "ประมาณว่าใช้เงินก้อนเล็กดูดเงินก้อนโต"
ม4 เรามีเงินเก็บเกือบ6 หมื่นบาท อาจจะดูมากหรือน้อยสำหรับบางคนแต่เราภูมิใจมาก. เพระาเราเริ่มมันมาตั้งแต่200 บาท
--แต่ช่วงนั้นเราเหลวไหลเป็นอย่างมาก ประกอบกับทะเลาะกับที่บ้าน เงินที่มี หน้าที่ความร้บผิดชอบ ลดลงไป ขอข้ามช่วงเวลาน่าอายนี้ไปต่อค่ะ !
ม5 เรามีร้านชานมไข่มุกเป็นของตัวเอง ด้วยเงินลงทุน50000 กว่าบาท เปิดขายหน้าโรงเรียน จ้างคนขาย ตอนนั้นได้กำไร เดือนละหมื่นกว่าบาท ดีใจมากๆๆ รู้สึกประสบความสำเร็จ เป็นแรงผลักดันและฉันต้องไม่หยุดแค่นี้
..ถามว่าอายทำกินไหม ? ไม่เลยสักนิด ป๊าม๊าถามเราเสมอว่าทำไมเราถึงอยากดิ้นรนทำงานหาเงิน เราเป็นลูกคนเดียวอยากได้อะไรก็ได้
คำตอบของเราคือ เราคิดว่าการที่เราอยู่เฉยๆรอเวลาโต ขอเงินป๊าม๊าไปเที่ยว ชีวิตดูไร้ค่าจัง ทำงานขายของหาเงินเราก็ไม่ได้ลำบากนี่ ดีกว่านอนอยู่บ้าง เอ๋งเม้งไปวันๆ ไร้ค่ามากอะะเราคิดแบบนั้น เราคิดว่าเราไม่ได้ลำบากเลยจิงๆ เราแค่อยากทำ...
ม6 เราเริ่มมีเงินเก็บมากขึ้น มีพาวเวอร์ในการทำงานมากขึ้น โตขึ้น คิดและตัดสินใจเป็น เจอโลกกว้างมากขึ้น
แต่หมกมุ่นกับการสอบมหาลัยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนัก จนเราจบม6 ปิดเทอมเข้าสู่รอเข้ามหาลัย
เราใช้วุฒิ ม6 ไปทำงานทำงานเป็น pc จากpc เป็น supervisor ใช้เวลาไม่ถึงเดือน เราเข้าไปทำpc เพื่อเรียนรู้งานว่าทำยังไง จากนั้นลาออกมาสมัครงาน sup และเราได้มีโอกาสทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง ได้รับคำสอนมากมาย
บางทีเราไปทำงานก็โดนดูถูกบ้าง ไปขายของก็โดนลูกค้าพูดจาดูถูกเหมือนเป็นพระเจ้า ทำงาน pc เราก็ไม่ได้ชอบนะ. เคยคิดว่าคือชั้นไม่ใช้คนที่มายืนง้อคนแบบนี้ป๊ะ!!! แต่" บางทีคนเราก็ต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบบ้าง เพื่อสิ่งที่ชอบกว่า
" นี่คือสิ่งที่เราได้จากการทำงานเจอคนมากมาย
เข้าปี1 เรามีรถ1 คันแล้วนะ รถมือสองซื้อมา8 หมื่นกว่าบาท จากร้านชานม จากการขายของตามตลาดนัด อาทิตย์ละวันสองวัน เอาเสื้อเรานี่แหละขาย สักพักก็เริ่มไปหาเสื้อมาขายจากประตูน้ำ ตั้งแพงเองนะ มีสายไฟยาวลากไปเสียบปลั๊กกับต้นเสา ทำเองหมด
ม๊าเราอคยร้องไห้ตอนม4 ว่าเลี้ยงเราไม่ดีหรือขัดสนอะไรทำไมต้องดิ้นรนลำบาก เราทำทุกอย่างให้ม๊าเห็นว่าเรามีความสุขกับการได้ทำ ม๊าไม่ต้องห่วง จนวันนี้ม๊ามั่นใจในตัวเรา สบายใจ และภูมิใจในตัวเรา เราบอกม๊าเสมอว่าหนูไม่ลำบากเลยมีความสุขมากที่ทำนู่นทำนี่
รถเราไม่แพงแต่เราอยากได้ เพราะตอนนั้นเราเปิดร้านขายของที่ตลาดนัด ดูร้านชานมโรงเรียนเก่า โชคดีที่มหาลัยใกล้กับตลาดนัด แต่ขายกระเป๋ากับป้าเป็นอันต้องเลิกไปเพราะยอดป้าแกลดลง แล้วเราก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย TT
ระหว่างนั้นเราเรียน เรียนไปด้วยและในหัวก็คืดที่จะพัฒนาต่อยอดทุกอย่างตลอดเวลา อ่อเราจะบอก มหาลัยปีแรกแม่เราส่งเสียเรียนทุกอย่าง แต่เราแบ่งเงินค่าขนมของม๊า ไม่ใช้เก็บเงินไว้ในธนาคาร >< ตอนแรกกะจะบอกว่าไม่เอา แต่ยังก่อนดีฟ่า เดี๋ยวช้อต5555 เอาเงินนี่ไปลงทุนต่อ
ปี2 เรามีร้านชานม1 ซึ่งกำไรลดลงครึ่งนึง เสียจัยย อะแต่ๆไม่เป็นไรเพราะเราถือว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย แค่เข้าไปเช็คของซื้อของเพิ่มดูแลร้าน อยู่เฉยๆได้เงิน พอทำจายยได้เน๊อะะ มีร้านขายของที่ตลาดนัดเป็นร้านประจำแล้วตอนนี้จ้างเด็กพม่าขาย >< กำไลหักค่าที่บางวันได้300 บางวันได้600-700 คละไป เดือนนึงหักได้หมื่นกว่า ก็ชื่นใจแล้ว และตอนนี้เรากำลังจะเปิดร้านในห้องแอร์กำลังขาดเงินทุนอยู่นิดนึงอิอิ ไว้จะมาโม้ใหม่
" เห็นๆที่พิมมาเราไม่ได้ทำงานแบบอดอยากนะ เราทำงานจนไปเที่ยว ตปท เองได้ใช้เงินตัวเอง มีของแบรนเนมใช้ กินใช้ฟุ่มเฟือย ตอบแทนตัวเองบางที และมีเป้าหมายในชีวิตเรื่อยๆ ''
"แล้วสิ่งที่เราทำก็มีอีกมากกกไม่ใช่แค่ขายของในตลาดนัดนะ ต้มน้ำขาย ชงน้ำขาย ฝากตามร้านอาหารต่างๆ บลาๆๆอีกเพียบ"
ตอนนี้เราปี2 เราไม่ให้ม๊าป๊าส่งเงินมาแล้ว ตอนนี้เรามาอยู่หอที่มอ เราให้เค้าเอาเงินไปให้ความสุขซื้อของกินเที่ยวกับตัวเอง บางเดือนไม่ยอม โอนเงินมาให้ เราก็เอาเงินนั้นหละไปซื้อเสื้อผ้าซื้อของกินกลับไปให้เค้า ให้เค้าได้กินใช้ดีๆ แบบที่ไม่ต้องอดเผื่อให้เรา เป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยนะ. ภูมิใจในตัวเองรักตัวเอง บอกไม่ถูก เรามีเงินเก็บมีรถของตัวเอง และมีธุรกิจทำเงินเดือนละ2,3 หมื่น ถึงมันจะเล็กน้อยแต่มันเริ่มมาจากเงินค่าขนมเรา200 บาทจิงๆ
สำหรับใครที่อ่านๆ อาจจะคิดว่าเด็กอมมือปี2 ปี3. จะมารู้อะไร ชีวิตยังเจออะไรอีกมากเราน้อมรับค่ะ รับผิดคำแนะนำของทุกคน แตาเราก็อยากมีแรงผลักดันให้อีกหลายๆคน
วิธีเก็บเงินของเรา เราจะเอาเหรียญทุกบาทเทลงกระปุก เเบ้งยี่สิบทุกใบเทลงกระปุก วันไหนไม่มีเอาแบ้งร้อยแลกในกระปุกเอาแบ้ง20 ทอนตัวเองมา ทำให้เปนกิจวัตร ปกตัง100-200 เอาไว้ในบัญชีแทน พกให้น้อยเทลงกระปุกให้เยอะ
เราขายของมีบช 3 อัน 1 อันบชสำหรับขายของขายได้เท่าไหร่หักครึ่งลงบันชี เพื่อเอาไปเป็นทุนครั้งต่อไป บชนึงเปนเงินเก็บถอนได้ อีกบช เป็นตายห้ามแตะ และบอกกับตัวเองต้องฝากทุกเดือน เราฝาก5000 ทุกๆเดือนค่ะ เดือนไหนใกล้สิ้นเดือนยังมีไม่ถึงเราจะเก็บๆๆให้ถึงให้ได้
คนเราต้องรู้จักที่จะพัฒนาตัวเอง
สำหรับเรา เวลาเราท้อเราจะคิดและถามตัวเองว่า
เป้าหมาย กับอุปสรรค อะไรใหญ่กว่ากัน ทุกครั้งที่ทำงานเวลาเหนื่อยหรือมีอุปสรรค ทุกๆคนลองถามตัวเองสิว่า อุปสรรคใหญ่กว่าเป้าหมายไหม?
ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยไม่มีอุปสรรค มัวแต่กลัวอุปสรรคไม่มีทางถึงเป้าหมาย
ทุกวันนี้คนเราใช้ชีวิต หรือชีวิตใช้?
ทุกอย่างให้สนใจที่กระบวนการไม่ใช่ผลลัพธ์เมื่อไหร่ที่ผลลัพธ์แย่ให้กลับมาแก้ที่กระบวนการ อย่ามัวเสียสติกับผลลัพธ์ที่แก้ไม่ได้
อ่านหนังสือ เสียเงินหาความรู้เสริม ค่าหนังสืออย่าเสียดายต่อยอดให้เราได้มากกว่าเงินที่เสียไป
แนะนำหนังสือ ใครเอาเนยแข็งของฉันไป ลองหาอ่านกันดูนะคะ
ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมคนเราต้อง think big
think big เพื่ออะไร แล้วทำยังไงถึงได้ในสิ่งที่ think
อีกแนะนำหนึ่ง เราควรเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ของคนประสบความสำเร็จ คนคิดใหญ่ เราจะได้พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จำวไ้ว้ว่า คนเก่งตามคนเก่งกว่าเสมอ ถ้าคุณย่ำอยู่กับที่ ใครจะตามคุณ
-ในการทำงานยากจะบอกว่าfirst impression สำคัญมากๆนะคะ ในการทำงานทุกอย่างอย่าตัดสินคนที่ภานนอก-
- สำคัญหรับเราการใช้เงินก้อนเล็กดูดเงินก้อนโตก็สำคัญค่ะ ทำไปทีละเล็กน้อยไม่ต้องรอลงทุนเยอะๆ ไม่มีอะไรการันตีว่าคุณจะปังกับการลงทุนครังเดียว-
ปล- ก่อนไปตอนนี้เริ่มหาความรู้เรื่องหุ้นค่ะ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
ผิดห้องอะไรยังไงขอโทษนะค๊าแท๊กกระทู้สนทนาไม่ได้😭
อย่าคอยวาสนา เด็กไทยควรเลิกอายทำกิน
เริ่มจากตอนนี้เราอายุ20 นิดๆ ค่ะอยู่มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งอิอิ เราเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเองสูง และทำอะไรมาด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก คร่าวๆที่เป็นหลักแหล่งเลยน่าจะ ม3 จิงจังตอน ม4 เราเริ่มทำงาน หางานพิเศษทำ ไม่ใช่งานพา์ททามนะคะ ออกไปทางการตลาด ธุรกิจมากกว่า
"อธิบายสั้นๆก่อนว่า ที่บ้านก็ไม่ได้ยากจนหรือรวยอะไรฐานะปานกลาง แต่เรากลับรู้สึกว่าการอยู่เฉยๆรอโตมันไร้ค่าเสียจริง"
ม2-3 เริ่มสนใจทำธุรกิจ หานู่นหานี่มาขายของเล็กๆน้อยๆ เคบเอาเสื้อผ้ามือ2 ไปขายตามตลาดนัด ซึ่งป๊าม๊าตกใจมาก และเราไปเอาความคิดนี้มาจากไหน ตอนนั้นเริ่มจากเราอยากรู้ว่าป๊าม๊าได้เงินเดือนเท่าไหร่ ป๊าได้เงินเดือนเท่าไหร่ บริหารยังไง ใช้เงินยังไงให้พอ แล้วไม่คิดจะเอาเงินต่อยอดหรอ ไม่อยากทำอะไรมากกว่านี้แล้วหรอ จะว่าเราทะเยอทะยานก็ได้นะ แต่ความคิดในหัวเป็นแบบนี้จิงๆ ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ขัดสนอะไร แต่ระนิกระรี้จะหาเงินเอง
ม3 เราขายของนู่นนี่ฝากคนนู้นคนนี้ขาย ตามร้านต่างๆป้าขายเสื้อผ้าแถวสยามสแควร์ เราก็ไปขอเอากระเป๋ามาลงขายนิดๆหน่อยๆ แจมๆไป ลงทุนเอง ด้วยเงินทองที่เก็บเองทุกบาททุกสตางค์ ตอนนั้นคิดว่าจะเก็บทีละเล็กน้อย เพื่อไปลงทุนกิจการอีกอย่างต่อยอดไปเรื่อยๆ "ประมาณว่าใช้เงินก้อนเล็กดูดเงินก้อนโต"
ม4 เรามีเงินเก็บเกือบ6 หมื่นบาท อาจจะดูมากหรือน้อยสำหรับบางคนแต่เราภูมิใจมาก. เพระาเราเริ่มมันมาตั้งแต่200 บาท
--แต่ช่วงนั้นเราเหลวไหลเป็นอย่างมาก ประกอบกับทะเลาะกับที่บ้าน เงินที่มี หน้าที่ความร้บผิดชอบ ลดลงไป ขอข้ามช่วงเวลาน่าอายนี้ไปต่อค่ะ !
ม5 เรามีร้านชานมไข่มุกเป็นของตัวเอง ด้วยเงินลงทุน50000 กว่าบาท เปิดขายหน้าโรงเรียน จ้างคนขาย ตอนนั้นได้กำไร เดือนละหมื่นกว่าบาท ดีใจมากๆๆ รู้สึกประสบความสำเร็จ เป็นแรงผลักดันและฉันต้องไม่หยุดแค่นี้
..ถามว่าอายทำกินไหม ? ไม่เลยสักนิด ป๊าม๊าถามเราเสมอว่าทำไมเราถึงอยากดิ้นรนทำงานหาเงิน เราเป็นลูกคนเดียวอยากได้อะไรก็ได้
คำตอบของเราคือ เราคิดว่าการที่เราอยู่เฉยๆรอเวลาโต ขอเงินป๊าม๊าไปเที่ยว ชีวิตดูไร้ค่าจัง ทำงานขายของหาเงินเราก็ไม่ได้ลำบากนี่ ดีกว่านอนอยู่บ้าง เอ๋งเม้งไปวันๆ ไร้ค่ามากอะะเราคิดแบบนั้น เราคิดว่าเราไม่ได้ลำบากเลยจิงๆ เราแค่อยากทำ...
ม6 เราเริ่มมีเงินเก็บมากขึ้น มีพาวเวอร์ในการทำงานมากขึ้น โตขึ้น คิดและตัดสินใจเป็น เจอโลกกว้างมากขึ้น
แต่หมกมุ่นกับการสอบมหาลัยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนัก จนเราจบม6 ปิดเทอมเข้าสู่รอเข้ามหาลัย
เราใช้วุฒิ ม6 ไปทำงานทำงานเป็น pc จากpc เป็น supervisor ใช้เวลาไม่ถึงเดือน เราเข้าไปทำpc เพื่อเรียนรู้งานว่าทำยังไง จากนั้นลาออกมาสมัครงาน sup และเราได้มีโอกาสทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่ง ได้รับคำสอนมากมาย
บางทีเราไปทำงานก็โดนดูถูกบ้าง ไปขายของก็โดนลูกค้าพูดจาดูถูกเหมือนเป็นพระเจ้า ทำงาน pc เราก็ไม่ได้ชอบนะ. เคยคิดว่าคือชั้นไม่ใช้คนที่มายืนง้อคนแบบนี้ป๊ะ!!! แต่" บางทีคนเราก็ต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบบ้าง เพื่อสิ่งที่ชอบกว่า " นี่คือสิ่งที่เราได้จากการทำงานเจอคนมากมาย
เข้าปี1 เรามีรถ1 คันแล้วนะ รถมือสองซื้อมา8 หมื่นกว่าบาท จากร้านชานม จากการขายของตามตลาดนัด อาทิตย์ละวันสองวัน เอาเสื้อเรานี่แหละขาย สักพักก็เริ่มไปหาเสื้อมาขายจากประตูน้ำ ตั้งแพงเองนะ มีสายไฟยาวลากไปเสียบปลั๊กกับต้นเสา ทำเองหมด
ม๊าเราอคยร้องไห้ตอนม4 ว่าเลี้ยงเราไม่ดีหรือขัดสนอะไรทำไมต้องดิ้นรนลำบาก เราทำทุกอย่างให้ม๊าเห็นว่าเรามีความสุขกับการได้ทำ ม๊าไม่ต้องห่วง จนวันนี้ม๊ามั่นใจในตัวเรา สบายใจ และภูมิใจในตัวเรา เราบอกม๊าเสมอว่าหนูไม่ลำบากเลยมีความสุขมากที่ทำนู่นทำนี่
รถเราไม่แพงแต่เราอยากได้ เพราะตอนนั้นเราเปิดร้านขายของที่ตลาดนัด ดูร้านชานมโรงเรียนเก่า โชคดีที่มหาลัยใกล้กับตลาดนัด แต่ขายกระเป๋ากับป้าเป็นอันต้องเลิกไปเพราะยอดป้าแกลดลง แล้วเราก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย TT
ระหว่างนั้นเราเรียน เรียนไปด้วยและในหัวก็คืดที่จะพัฒนาต่อยอดทุกอย่างตลอดเวลา อ่อเราจะบอก มหาลัยปีแรกแม่เราส่งเสียเรียนทุกอย่าง แต่เราแบ่งเงินค่าขนมของม๊า ไม่ใช้เก็บเงินไว้ในธนาคาร >< ตอนแรกกะจะบอกว่าไม่เอา แต่ยังก่อนดีฟ่า เดี๋ยวช้อต5555 เอาเงินนี่ไปลงทุนต่อ
ปี2 เรามีร้านชานม1 ซึ่งกำไรลดลงครึ่งนึง เสียจัยย อะแต่ๆไม่เป็นไรเพราะเราถือว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลย แค่เข้าไปเช็คของซื้อของเพิ่มดูแลร้าน อยู่เฉยๆได้เงิน พอทำจายยได้เน๊อะะ มีร้านขายของที่ตลาดนัดเป็นร้านประจำแล้วตอนนี้จ้างเด็กพม่าขาย >< กำไลหักค่าที่บางวันได้300 บางวันได้600-700 คละไป เดือนนึงหักได้หมื่นกว่า ก็ชื่นใจแล้ว และตอนนี้เรากำลังจะเปิดร้านในห้องแอร์กำลังขาดเงินทุนอยู่นิดนึงอิอิ ไว้จะมาโม้ใหม่
" เห็นๆที่พิมมาเราไม่ได้ทำงานแบบอดอยากนะ เราทำงานจนไปเที่ยว ตปท เองได้ใช้เงินตัวเอง มีของแบรนเนมใช้ กินใช้ฟุ่มเฟือย ตอบแทนตัวเองบางที และมีเป้าหมายในชีวิตเรื่อยๆ ''
"แล้วสิ่งที่เราทำก็มีอีกมากกกไม่ใช่แค่ขายของในตลาดนัดนะ ต้มน้ำขาย ชงน้ำขาย ฝากตามร้านอาหารต่างๆ บลาๆๆอีกเพียบ"
ตอนนี้เราปี2 เราไม่ให้ม๊าป๊าส่งเงินมาแล้ว ตอนนี้เรามาอยู่หอที่มอ เราให้เค้าเอาเงินไปให้ความสุขซื้อของกินเที่ยวกับตัวเอง บางเดือนไม่ยอม โอนเงินมาให้ เราก็เอาเงินนั้นหละไปซื้อเสื้อผ้าซื้อของกินกลับไปให้เค้า ให้เค้าได้กินใช้ดีๆ แบบที่ไม่ต้องอดเผื่อให้เรา เป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยนะ. ภูมิใจในตัวเองรักตัวเอง บอกไม่ถูก เรามีเงินเก็บมีรถของตัวเอง และมีธุรกิจทำเงินเดือนละ2,3 หมื่น ถึงมันจะเล็กน้อยแต่มันเริ่มมาจากเงินค่าขนมเรา200 บาทจิงๆ
สำหรับใครที่อ่านๆ อาจจะคิดว่าเด็กอมมือปี2 ปี3. จะมารู้อะไร ชีวิตยังเจออะไรอีกมากเราน้อมรับค่ะ รับผิดคำแนะนำของทุกคน แตาเราก็อยากมีแรงผลักดันให้อีกหลายๆคน
วิธีเก็บเงินของเรา เราจะเอาเหรียญทุกบาทเทลงกระปุก เเบ้งยี่สิบทุกใบเทลงกระปุก วันไหนไม่มีเอาแบ้งร้อยแลกในกระปุกเอาแบ้ง20 ทอนตัวเองมา ทำให้เปนกิจวัตร ปกตัง100-200 เอาไว้ในบัญชีแทน พกให้น้อยเทลงกระปุกให้เยอะ
เราขายของมีบช 3 อัน 1 อันบชสำหรับขายของขายได้เท่าไหร่หักครึ่งลงบันชี เพื่อเอาไปเป็นทุนครั้งต่อไป บชนึงเปนเงินเก็บถอนได้ อีกบช เป็นตายห้ามแตะ และบอกกับตัวเองต้องฝากทุกเดือน เราฝาก5000 ทุกๆเดือนค่ะ เดือนไหนใกล้สิ้นเดือนยังมีไม่ถึงเราจะเก็บๆๆให้ถึงให้ได้
คนเราต้องรู้จักที่จะพัฒนาตัวเอง
สำหรับเรา เวลาเราท้อเราจะคิดและถามตัวเองว่า
เป้าหมาย กับอุปสรรค อะไรใหญ่กว่ากัน ทุกครั้งที่ทำงานเวลาเหนื่อยหรือมีอุปสรรค ทุกๆคนลองถามตัวเองสิว่า อุปสรรคใหญ่กว่าเป้าหมายไหม?
ไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยไม่มีอุปสรรค มัวแต่กลัวอุปสรรคไม่มีทางถึงเป้าหมาย
ทุกวันนี้คนเราใช้ชีวิต หรือชีวิตใช้?
ทุกอย่างให้สนใจที่กระบวนการไม่ใช่ผลลัพธ์เมื่อไหร่ที่ผลลัพธ์แย่ให้กลับมาแก้ที่กระบวนการ อย่ามัวเสียสติกับผลลัพธ์ที่แก้ไม่ได้
อ่านหนังสือ เสียเงินหาความรู้เสริม ค่าหนังสืออย่าเสียดายต่อยอดให้เราได้มากกว่าเงินที่เสียไป
แนะนำหนังสือ ใครเอาเนยแข็งของฉันไป ลองหาอ่านกันดูนะคะ
ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมคนเราต้อง think big
think big เพื่ออะไร แล้วทำยังไงถึงได้ในสิ่งที่ think
อีกแนะนำหนึ่ง เราควรเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ของคนประสบความสำเร็จ คนคิดใหญ่ เราจะได้พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จำวไ้ว้ว่า คนเก่งตามคนเก่งกว่าเสมอ ถ้าคุณย่ำอยู่กับที่ ใครจะตามคุณ
-ในการทำงานยากจะบอกว่าfirst impression สำคัญมากๆนะคะ ในการทำงานทุกอย่างอย่าตัดสินคนที่ภานนอก-
- สำคัญหรับเราการใช้เงินก้อนเล็กดูดเงินก้อนโตก็สำคัญค่ะ ทำไปทีละเล็กน้อยไม่ต้องรอลงทุนเยอะๆ ไม่มีอะไรการันตีว่าคุณจะปังกับการลงทุนครังเดียว-
ปล- ก่อนไปตอนนี้เริ่มหาความรู้เรื่องหุ้นค่ะ ขอคำแนะนำด้วยนะคะ
ผิดห้องอะไรยังไงขอโทษนะค๊าแท๊กกระทู้สนทนาไม่ได้😭