[ทฤษฎีวันพีซ] บอสและจุดอ่อนในตำนาน

จริงๆตั้งใจจะเขียนวิเคราะห์แต่สุดท้ายก็กลายเป็นทฤษฎี สำหรับทฤษฎีนี้มีสปอยเนื้อหาของนิทานและนิยายที่อาจารย์โอดะใช้อ้างอิงในการสร้างคาแรคเตอร์ ถ้าใครตั้งใจตามอ่านแต่เห็นกระทู้นี้ก่อนต้องขอโทษด้วย หวังว่าทฤษฎีนี้จะให้ความบันเทิงหรือประโยชน์อะไรบ้าง





การดำเนินเรื่องของวันพีชมีแพทเทิร์นอยู่มาก อย่างที่เห็นไดัชัดคือกลุ่มหมวกฟางล่องเรือวนไปแต่ละเกาะปราบศัตรู คนอ่านแล้วอาจจะเบื่อหรือบางคนชอบแล้วแต่ไม่ว่ากัน แต่ก็มีแพทเทิร์นบางอย่างที่คนอาจจะไม่ได้สังเกตเห็น อย่างเกาะที่เจ็ดเทพโจรสลัด(รุ่นเก่า)อาศัยอยู่ล้วนเป็นเกาะที่มีเจ้าหญิง เช่น

คร็อกโคไดร์ - วีวี่
โมเรีย - เพโรน่า(ฉายา Ghost Princess)
แฮนค็อก - แฮนค็อก(ฉายา เฮบิฮิเมะ เจ้าหญิงอสรพิษ)
ตาเหยี่ยว - เพโรน่าที่โดนคุมะส่งมา
จินเบ - ชิราโฮชิ
โดฟลามิงโก้ - รีเบคก้า, วิโอล่า, มังเชอร์รี่
คุมะ - ยังไม่เปิดเผย  

เจ็ดเทพโจรสลัดรุ่นใหม่อาจจะตามแพทเทิร์นนี้ด้วย แต่ไม่ชัดเจนเท่ารุ่นเก่า อย่างเช่น

ลอว์ -โมโมโนะซุเกะ(เปลี่ยนเป็นเจ้าชายแทน)
บาร์กี้ - อัลบีดา(เจ๊แกมีที่มาจากตำนานเจ้าหญิงที่ผันตัวเป็นโจรสลัด)
วีเบิ้ล - ยังไม่เปิดเผย แต่ถ้ามิสบัคกิ้นเป็นเจ้าหญิงด้วยจะเซอร์ไพรส์มาก 5555

แต่หัวข้อแพทเทิร์นที่วิเคราะห์ในครั้งนี้คือที่มาและจุดอ่อนของบอสกับนิทาน/ตำนาน จริงๆแล้วก็ไม่ใช่จุดอ่อนเสียทีเดียว เรียกว่าสิ่งปรากฎในช่วงกลาง/ท้ายการต่อสู้น่าจะเหมาะสมกว่า แพทเทิร์นนี้เกิดกับศัตรูที่มีระดับสูสีหรือเหนือกว่าลูฟี่ และเป็นศัตรูที่ไม่ใช่ทหารเรือหรือคนจากรัฐบาลโลก เพราะทหารเรือส่วนใหญ่มีที่มาจากคนที่มีชีวิตอยู่จริงไม่ใช่นิทานตำนาน ส่วนพวกที่อ่อนกว่าก็โดนหมัดซัดง่ายๆเนื้อเรื่องไม่ยืดเยื้อ เมื่อสิ่งนั้นปรากฎขึ้นอาจจะช่วยหรือไม่ช่วยลูฟี่ก็ได้ และการต่อสู้จบลงด้วยหมัดของลูฟี่อยู่ดีไม่เกี่ยวกับตำนาน




เริ่มจาก เซอร์ คร็อกโคไดร์
อย่างที่รู้กันดีว่าคร็อกโคไดร์มีที่มาจากกัปตันฮุก ในเรื่องปีเตอร์ แพน เด็กชายที่ไม่มีวันโต ทั้งตะขอที่มือซ้าย ความสามารถในการสูบซิก้าสองมวนพร้อมกัน กัปตันฮุกในเรื่องปีเตอร์แพนมีจุดอ่อนสองอย่างคือ จระเข้ เพราะถูกปีเตอร์ แพนตัดมือขาดแล้วเอาไปให้จระเข้น้ำเค็มกิน เลยติดใจรสชาติเนื้อของฮุก จระเข้ตัวนั้นกลืนนาฬิกาเข้าไปด้วย เมื่อไหร่ที่เข้าใกล้จระเข้จะได้ยินเสียงติ๊กต่อจากท้องของมัน อย่างที่สองคือฮุกกลัวเลือดของตัวเอง  สาเหตุที่ฮุกกลัวเลือดของตัวเอง เพราะเขามีเลือดสีเหลืองซึ่งเกิดจากโรคหายากชนิดหนึ่ง และเป็นเรื่องน่าอายของโจรสลัดที่มีเลือดสีเหลือง ทั้งจระเข้และเลือดจึงปรากฎขึ้นในการต่อสู้ที่อลาบาสต้า




ส่วนรายละเอียดของกัปตันฮุกในนิทาน ตามที่เจ. เอ็ม. แบรรี่บรรยายไว้เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ตาสีฟ้า ผมดำเป็นลอน(แต่เป็นวิกผม) มือตะขอเพราะโดนปีเตอร์ตัด แต่เขาไม่ได้ตามล่าปีเตอร์เพราะโกรธเรื่องโดนตัดมือ แต่ชิงชังท่าทียโสโอหังของเด็กปีเตอร์มากกว่า ฮุกมีสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้สูบซิก้าครั้งละสองมวน นอกจากนี้เจมส์ ฮุก หรือแจ๊ส ฮุกที่เขาเรียกตัวเองยังเป็นชื่อปลอม ชอบเล่นเปียโน และเป็นสุภาพบุรุษ(ยกเว้นตอนเจอปีเตอร์)



แบร์รี่ยังบรรยายอีกว่าสมัยที่ฮุกยังอยู่ในลอนดอนเขาเรียนในโรงเรียนรัฐสำหรับสุภาพบุรุษชื่อดัง คนเดาว่าเป็นโรงเรียนอีตันเพราะมีอยู่ที่เดียว และคำพูดก่อนตาย(โดนจระเข้เขมือบ)ของฮุกคือ Floreat Etona เป็นคำขวัญของโรงเรียนอีตัน ฮุคเคยเป็นสรั่งเรือของโจรสลัดเคราดำ เป็นชายที่บาบีคิวกลัว(ตัวละครในนิทานเรื่อง Treasure Island)





ก็อด เอเนลู
เอเนลูมีที่มาจากไรจิน เป็นเทพสายฟ้าของชินโต เลยแพ้ทางผลยางของลูฟี่...เท่านี้แหละ ตามตำนานไรจินเคยเป็นมารศาสนาก่อนที่สู้กับกองทัพสวรรค์ สุดท้ายแปรพรรคไปเป็นพวกกองทัพสวรรค์ เหมือนตอนจบภาคเกาะท้องฟ้าที่เอเนลูสานฝันตัวเองสำเร็จได้ขึ้นไปแฟรี่วาซและเจอกองทัพออโตมาต้า





ออส ตำนานลากเมือง
ออสเป็นจุดเริ่มต้นวิเคราะห์หัวข้อนี้ เพราะข้าพเจ้าไปอ่านทฤษฎี(อีกแหละ)ในบอร์ดนอกที่ว่าออสมีที่มาจากไททันในตำนานกรีก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ประกอบกับรู้เรื่องฮุกแพ้เลือดมาบ้างเลยคิดว่าบอสตัวอื่นน่าจะเป็นเหมือนกัน สาเหตุที่คนวิเคราะห์กันว่าออสมีที่มาจากไททันเพราะฉากการต่อสู้ที่ทริลเลอร์บาร์ค ก่อนที่ช็อปเปอร์จะหาจุดตายของออสได้ เกิดเหตุการขึ้นคือ นามิสร้างสายฟ้าฟาดใส่ออสทำให้ออสลงไปกองกับพื้น ก่อนหน้านี้ลูกเรือคนอื่นโจมตีใส่ออสไม่ยั้งแต่ออสไม่สะเทือน ต่อจากนามิบรูคใช้ท่าดาบกระดูกสายฟ้า โซโลที่ใช้เพลงดาบชื่อโทโร่แปลว่าไต่หอคอย จากนั้นอุซปโจมตีด้วยกระสุนดาวหางแอตลาส





ในตำนานกรีกแต่เดิมไททันเป็นเทพร่างกายใหญ่โตผู้ปกครองโลกต่อจากยุคของยูเรนัส แต่พ่ายแพ้ให้กับเทพโอลิมปัสและพวกไททันกลับมาทวงบัลลังก์คืน ในสงครามไททันซุสทำสัญญาแลกเปลี่ยนกับพวกไซคอปตาเดียวว่าจะปล่อยพวกเขาออกจากขุมนรกทาร์ทารัสหากทำอาวุธอัสนีบาตให้ ซุสจึงมีอาวุธเป็นสายฟ้าต่อสู้พวกไททันนับแต่นั้นมา จึงไม่แปลกที่ท่าโจมตีของกลุ่มหมวกฟางในตอนนั้นมาจากสายฟ้า



ปกติแล้วโซโลจะใช้เพลงดาบปราบยักษ์หรือโอนิกิริ ซึ่งก็ใช้เพลงดาบนี้ไปรอบหนึ่งกับออสแต่ไม่เป็นผล ในช่วงท้ายการต่อสู้โซโลใช้เพลงดาบโทโร่แทนเพราะไต่หอคอยนั่นมาจากตำนานการต่อสู้ของไททัน เนื่องจากสงครามที่เกิดขึ้นอยู่เชิงเขาโอลิมปัสที่พวกไททันพยายามปีนขึ้นมา



แอตลาสนั้นเป็นชื่อไททันที่หลังสงครามไททัน แอตลาสได้รับโทษให้แบกโลกบางตำนานก็ว่าแบกท้องฟ้า ซึ่งทั้งสองตำนานมีความหมายเหมือนกันคือเป็นผู้ที่แยกท้องฟ้ากับพื้นดินไม่ให้มาบรรจบกัน ล้อกับตำนานลากเมืองของออส ส่วนตำนานลากเมือง(国引き) นั้นมาจากตำนานการสร้างประเทศญี่ปุ่น เกาะแต่ละเกาะของญี่ปุ่นเกิดจากการใช้เชือกลากมารวมกันเป็นประเทศไม่เกี่ยวอะไรกับไททัน





เก็กโค่ โมเลีย
เรื่องของโมเลียแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือการแก้คำสาปจากผลเงา ส่วนที่สองคือการต่อสู้ระหว่างโมเลียและลูฟี่

การแก้คำสาปผลคาเงะ คาเงะ



ธริลเลอร์บาร์คของเก็กโค่ โมเลียเป็นเกาะผีสิง ถึงแม้ยังไม่ได้รับการคอนเฟิร์มจากอาจารย์โอดะว่าโมเลียมีที่มาจากอะไร แต่น่าจะหนีไม่พ้นผีหรือปีศาจสักตัวหนึ่ง คำสาปจากผลคาเงะ คาเงะ จึงคล้ายการกลายเป็นผีในความเชื่อโบราณ ที่ไม่สามารถอยู่ใต้แสงอาทิตย์ได้ ไม่มีเงาในกระจก การแก้คำสาปทำได้สองวิธีคือให้โมเลียคลายคำสาปให้ และเกลือ



เกลือในความเชื่อของชาวตะวันตกและคนญี่ปุ่นคือสิ่งที่สามารถขับไล่ปีศาจและความชั่วร้ายได้ ถึงแม้ที่มีที่มาต่างกันคือชาวตะวันตกเชื่อว่าเกลือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สามารถขับไล่ปีศาจได้ คนโบราณที่เชื่อว่ามีปีศาจจับจ้องอยู่จะใช้เกลือโรยไปด้านหลังเพื่อขับไล่ปีศาจ ส่วนในวัฒนธรรมสมัยใหม่ก็คล้ายกัน เราจึงตัวละครในภาพยนตร์หรือซีรีย์สยองขวัญหรือเกี่ยวกับพลังเหนือธรรมชาติ ถือกระปุกเกลือโรยตามประตูหน้าต่างหรือไม่ก็ทำเป็นวงกลมเพื่อป้องกันภูติผี ส่วนญี่ปุ่นมีความเชื่อมาว่าเกลือเป็นสิ่งบริสุทธ์ทำหน้าที่ชำระล้างในศาสนาชินโต เกลือที่ปรากฎในวัฒนธรรมปัจจุบัน เช่น การโรยเกลือในการแข่งขันซูโม่เพื่อทำให้การแข่งขันบริสุทธิ์ยุติธรรม

การต่อสู้ระหว่างโมเลียและลูฟี่

เนื่องจากอาจารย์โอดะยังไม่เฉลยที่มาของคาแรคเตอร์โมเลีย ส่วนนี้จึงจัดเป็นทฤษฎีที่มาของโมเลียด้วย

ในการต่อสู้ระหว่างโมเลียและลูฟี่สิ่งที่ปรากฎขึ้นมานั้นคือ“ไนท์แมร์ลูฟี่” ร่างไนท์แมร์ลูฟี่คือลูฟี่ที่กินเงาเข้าไปจนมีพลังมากขึ้นและยังเป็นร่างที่ใช้ดาบเป็นด้วย ไนท์แมร์แปลว่าฝันร้าย นอกจากความหมายตรงตัวแล้วยังเป็นชื่อของปีศาจผู้สร้างฝันร้ายเข้ากับธีมผีของโมเลียด้วย ซึ่งคำว่าฝันร้ายปรากฎหลังจากร่างไนท์แมร์ลูฟี่โผล่มาประมาณ 3 ครั้ง ในประโยคที่ลูฟี่ โมเลีย และซันจิพูด นอกเหนือจากความหมายเชิงเปรียบเทียบแล้วน่าจะมีความสำคัญบางอย่าง ซึ่งตัวปีศาจไนทแมร์มีความสามารถสองอย่างคือกินฝันร้ายและสร้างฝันร้าย ในประโยคที่ลูฟี่และซันจิพูดมีความหมายว่าจะกำจัดฝันร้ายหรือคำสาปของโมเลียในธริลเลอร์บาร์ค ส่วนฝันร้ายในความหมายของโมเลียน่าจะพูดถึงไคโดที่อยู่ในโลกใหม่ ข้าพเจ้าคิดว่าฝันร้ายนี่แหละคือจุดอ่อนของโมเลีย





อย่างที่บอกไปว่าธริลเลอร์บาร์คคือเกาะผีสิง แล้วผีหรือปีศาจแบบไหนที่กลัวฝันร้าย? แทบเป็นไปไม่ได้แต่มีปีศาจตัวหนึ่งที่ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นที่มาของโมเลีย สมมุติฐานนี้มาจากที่ผู้อ่านวันพีซเคยตั้งสมมุติฐานว่าเจ็ดเทพโจรสลัดเป็นตัวแทนบาปทั้งเจ็ดประการของมนุษย์ ซึ่งบาปแห่งความเกียจคร้านที่ตรงกับคาแรคเตอร์ของโมเลีย มีตัวแทนเป็นปีศาจชื่อ เบลเฟกอร์ (Belphegor) เป็นไปได้ว่าปีศาจตัวนี้คือที่มาของคาแรคเตอร์โมเลียโดยตรง



เบลเฟกอร์ (Belphegor) เป็นปีศาจแห่งความเกียจคร้าน มีรูปลักษณ์เปลือย มีเขา ปากกว้าง เล็บยาว ปรากฎในรูปลักษณ์ของหญิงสาวในบางครั้ง คาแรคเตอร์โมเลียที่อาจารย์โอดะแต่งขึ้นคล้ายกับเบลเฟกอร์ตรงที่เป็นปีศาจที่เกียจคร้าน คำพูดติดปากคือ"แกทำสิ" ชอบหลับในระหว่างการทำงานเหมือนโมเลียที่อยู่ในท่านอนแทบจะตลอดเวลา



นอกจากนี้คติประจำใจของโมเลียคือ รอพระมาโปรด ในภาษาญี่ปุ่นอาจารย์โอดะใช้คำว่า 他力本願 (tarikihongan) เป็นสำนวนหมายถึงพึ่งพาคนอื่นไปทุกเรื่อง และยังมีความหมายว่า พ้นทุกข์หรือพ้นภัยด้วยความกรุณาจากพระพุทธ ซึ่งมีความหมายตามตัวอักษรคล้ายกับสำนวนภาษาไทย “รอพระมาโปรด" ซึ่งพระในความหมายของสำนวนญี่ปุ่นคือ พระอมิตาภะ แต่ในภาษาไทยหมายถึงพระสงฆ์ทั่วไปหรือพระมาลัย พระในที่นี้ตรงกับที่มาของปีศาจเบลเฟกอร์ที่ชอบให้พระ(นักบวช)ทำงานให้เป็นพิเศษ ในระหว่างที่พระทำงานให้ก็จะชอบนอนหลับจึงไม่แปลกอะไรที่ปีศาจที่ชอบนอนหลับจะกลัวฝันร้าย แต่ในตำนานมีวิธีการไล่เบลเฟกอร์ง่ายๆอยู่ คือประกอบพิธีมีดอกไม้ เครื่องหอม แล้วให้คู่สามีภรรยาจับมือกันกล่าวขับไล่เบลเฟกอร์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่