สวัสดีสาวๆทุกท่านที่กำลังลังเลใจ หรือกำลังคิดไม่ตกกับการเลือก cushion ให้เป๊ะปังแบบไม่พลาดไม่พลั้งนะคะ
คุณเจ้เป็นคนหนึ่งที่บ้า Cushion มาก ที่บ้า ไม่ได้อะไรนะคะ เพราะซื้อมาแล้วพลาด แล้วก้อต้องซื้อใหม่เพื่อให้ได้ Cushion ที่เหมาะกับ
สภาพหนังหน้าของเจ้ เริ่มจากที่มาและ สภาพผิวก่อน :
1. เป็นสาวกหอยทาก มีรูขุมขนกว้างมาก ปล่อยน้ำมันได้แบบ unlimit สองชั่วโมงเมือกก็มาแล้ว ยิ่งทำงานนอกห้องแอร์นี่พูดเลย
เมือกไหลบ่ามายิ่งกว่าน้ำป่าไหลหลาก
2. ผิวแทนๆ (แต่ออกโทนเหลือง) สีผิวที่หน้ากับคอ ขาวกว่าที่ตัวหรือแขน ( ทำงานโดนแดดบ่อยๆ ทากันแดดที่หน้าไม่ทาตัว)
3. มีอายุเยอะประมาณนึง.... มีปัญหาทาแป้งไม่ติดบ้าง หน้าหมองบ้าง และมีรอยแผลเป็นจากสิว เป็นรอยดำๆค่ะ
4. เป็นคนชอบแต่งหน้าแล้วดูธรรมชาติ แบบ make up No Make up อ่ะค่ะ ชอบให้ดูหน้าโกล์ว ฉ่ำวาวค่ะ ชอบชิมเมอร์ ชอบไฮไลท์ แต่ลงทีไร
ดูหน้าเมือกมากๆ โดยเฉพาะเมื่อหน้าเริ่มมันอ่ะค่ะ
หลังจาก Cushion เริ่มระบาด เจ้ก็ให้ความสนใจมาตลอดนะ แต่ช่วงแรกเป็น Cushion ฟากเกาหลีอ่ะ เจ้ไม่สู้ เพราะผิวเจ้กระเดียดไปแทนเจโลว
มากกว่า Girl Gen จนมาปีนี้พี่ๆ Counter Brand ฟากยุโรปเริ่มทยอยลงสนามกัน เจ้เองก็เริ่มดู Beauty Blogger รีวิวประกอบการตัดสินใจ
แต่ปัญหามีอยู่ว่า คุณ blogger ท่านต่างๆ ผิวเค้าดีงามอ่ะค่ะ ขาวๆสวย ๆ กันทั้งนั้น รีวิวแต่ละเบอร์นี่ แทบจะเบอร์ขาวสุด ประกอบการวีดีโอที่รีวิวก็
ส่งให้ผิวของแต่ละท่านดูดีงามเข้าไปอีก ทาอันไหนก็สวยไปหมด จนตัดสินใจเลือกไม่ถูก สุดท้ายเจ้ก็ไปตายเอาหน้า counter ค่ะ ...ใช้คำว่า
"ตาย" จริงๆ เพราะเลือกผิดๆพลาดๆ มาตลอดจนสุดท้าย มีในครอบครอง 13 ชิ้นจาก 10 แบรนด์ เอาล่ะมาดูกันค่ะว่าเจ้มี Comment ให้กับแต่ะละ
แบรนด์อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางในการเลือก Cushion ให้สาวๆนะคะ
ปล.1.คอมเม้นทุกอย่างมาจากความเห็น, ประสบการณ์ และความพึงพอใจส่วนตัวเลยค่ะ และทุกชิ้นใช้ทุนส่วนตัวซื้อหามาครอบครองเองค่ะ No Sponsor
ปล.2 ขอแบ่งเป็น 3 chapter นะคะตามคุณลักษณะและผลลัพธ์ที่ได้ของ cushion แต่ละแบรนด์ เพื่อเวลาเปรียบเทียบจะได้ดูเป็นมวยรุ่นเดียวกันค่ะ (เกี่ยวไรกะมวยฟระ!!!!)
ปล.3 ขอความกรุณาอย่า comment รูปหนังหน้าแมวๆของเจ้นะคะ คือ ก้อกระดากอายอยู่ แต่เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพตาม ..จำใจสุดๆอ่ะ
ในรูป..เจ้ลง Cushion แค่ครึ่งหน้าซีกซ้ายอย่างเดียว (ซีกที่อยู่ด้านหน้าใกล้กล้องอ่ะค่ะ) ไม่ได้ทาที่คอ จะได้เห็นความแตกต่างของสี
Cushion กับสีผิวชัดเจน ว่าลอยหรือด่างเยอะมั้ย
COMMENT
YSL ( สี 30 Almond )
1. หน้าเนียนกริบเป็นกระเบื้องเลยค่ะ ทาแล้วดูแพงมากกก (สมราคาCushion น่าจะแพงสุดในบรรดาทุกแบรนด์เลยค่ะ)
2. ให้การปกปิด ชิ้นนี้ช่วยพวกรอยแดงๆ หรือรอยจางๆ ได้นะคะ เพราะเนื้อเค้าเนียนและแน่นมาก ถ้ามีรอยแผล เป็นหรือสิวดำๆ ก็ต้องโบกย้ำกันนิดนิงอ่ะค่ะ ถึงจะกริบบบบบ
3. ส่วนการเลือกสี Cushion แบรนด์นี้ต้องย้ำกันหนักๆเลยค่ะว่า เลือกอย่างระมัดระวัง เลือกสีให้ใกล้กับสีผิวเราที่สุดนะคะ ย้ำค่ะ!!!ว่าต้องสีใกล้เคียงกับผิวเราที่สุด undertone ไหนก็ให้เลือกไปทางนั้นเลยค่ะ จะได้ไม่พลาดอย่างคุณเจ้ แบบหน้าย้ายค่ายเลยค่ะ คือเป็นคนผิวโทนเหลือง
เนอะ แต่วันที่ไปซื้อ เบอร์ 40,50,60 (ซึ่งเป็นสีเข้มโทนเหลือง เกลี้ยงงงงงง ) เลยได้ 30 มา ทาแล้วหน้าอมชมพู๊..ชมพู ถามว่าทาแล้วผิวดีมั้ย ตอบเลยว่าดูดีมาก แต่...ตัวเหลืองหน้าชมพู อันนี้พี่คงต้องทำใจ ...เฮือก!!!!
4. แบรนด์เค้าเคลมว่าเนื้อแมท คือ มันก็ไม่ถึงกับแมทซะทีเดียวนะคะ ยังคงความเงาๆอยู่บ้าง แต่ไม่วาวไม่ดูเยิ้มมันเหมือนแบรนด์อื่นๆ งานกระเบื้องจริงๆเลยค่ะ อิชั้นยืนยัน !!
5. เรื่องการหมองหรือสีดรอปนั้น พูดเลยว่าแบรนด์นี้ดรอปน้อยมาก หน้าชมพูยังไง ผ่านไปสามสี่ชั่วโมงก็ชมพูอยู่อย่างนั้นอทาหน้าลอยตอนเช้า ตกช่วงบ่ายหน้าถึงจะเริ่มเบลอๆเข้ากับสีตัว
6. สามารถคุมมันคุมเมือกได้ดีค่ะ สามสี่ชั่วโมงผ่านไปเมือกเพิ่งมา แต่ถึงเมือกจะมาหน้าก้อยังไม่ละลายนะคะ สวยทน สวยทาน สวยนาน กระเบื้อง YSL !!!!
7. ให้คะแนน Packaging ค่ะ สวยสง่า เลอค่าดีงาม ดูแพงสมราคาและฐานะพี่ YSL ค่ะ
สรุป คุมมันดี ปกปิดได้ ทาแล้วหน้าแน่นงามเรียบเป็นกระเบื้อง packaging สวย อะไรๆก็ดีหมดค่ะ ยกเว้นเลือกสีพลาจากงานกระเบื้องกลายเป็นงานสังกะสี…หน้าเทามากก ถ้าเลือกสีเหมาะกะหน้าคงจะเริ่ดมาก แต่ถ้าข้ามเรื่องสีไป ต้องบอกว่าชอบค่ะ หน้างามเป็นกระเบื้อง หน้าจะเงาหน่อยๆ ไม่ฉ่ำวาวมาก คุมมันดี ทาแล้วหน้าแน่น ...เริ่ดค่ะ!!!
Clinique ( สี 62 Cream Beige หรือ Medium )
1. แบรนด์นี้เป็นอีกตัวเลือกในการปกปิด โดยที่มีความหน้าฉ่ำ หน้าวาว กระจ่างใส มากกว่า YSL มาครบค่ะ ซึ่งจริงๆเป็นคุณสมบัติที่คุณเจ้ต้องการ เสียดายว่าสีที่ซื้อมาขาวกว่าผิวจริงไปเยอะมาก นี่ถ้าคุณเจ้ซื้อสีเข้มที่สุดมาอาจจะเป๊ะปังอลังเวอร์เลยก็ว่าได้
2. เป็นอีกแบรนด์ที่ขอย้ำเรื่องการเลือกสีค่ะ Clinique มีแค่ 3 สีให้เลือก ตัวเลือกน้อยเชียว แถมยังเนื้อหนาอีก ถ้าซื้อพลาดผิดเบอร์ ก็ไม่พ้นหน้าลอยออกทะเลอีกค่ะ งานนี้คุณเจ้าก้อพลาดค่ะ ซื้อสีสว่างกว่าเบ้าหน้าตัวเองไปหลายเฉดนัก (เลือกสี 62 มาค่ะจริงๆ BA ทักแล้วว่าให้เอาสีเข้มสุด คือ 64 มาเจ้ก้อไม่ฟัง เพราะกลัวสีดรอปแล้วหน้าจะหมอง) พอทาเสร็จหน้าลอยออกทะเลไปไกลมากกกกกกกกก ต้องเอายามชายฝั่งลากเข้ามา 5555 ซึ่งยามชายฝั่งที่จะช่วยชีวิตเรานั้น มีวิธีแก้ไม่ยาก คือ หาแป้งที่สีเหลืองหรือเข้มกว่าผิวนิดนึงโบกทับลงไป แทนที่จะใช้พวก translucent หรือแป้งที่ขาวกว่าผิวจริงค่ะ คือถ้าดูจากในรูปจะเห็นว่าก่อนทาแป้งหน้าจะลอยๆนะคะ แต่พอลงแป้งแล้วหน้าดูแดงๆ (เพราะแป้งที่ใช้ค่อนข้างจะเข้มนิดนึง)
3. จุดขายของแบรนด์นี้ คือ เค้าผ่านการทำ Allergy test แล้วก้อไม่ผสมน้ำหอม พวกผิวบอบบางแพ้ง่าย น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ แต่สำหรับคุณเจ้..ผิวหนาหน้า Strong พูดเลยว่าใช้ได้หมดค่ะ
4. สำหรับสาวหน้าเมือก เค้าช่วยชะลอเมือกได้อยู่นะคะ เมือกมาช้า แต่ยังไงๆ มันก้อมา 2-3 ชั่วโมงมันก้อมาแล้วค่ะ แต่มาแบบไม่เมือกมาก แค่เอาซับมันซับเบาๆค่ะ หน้ายังฉ่ำๆอยู่ สีเค้าก็ดรอปน้อยนะคะ
สรุป ตัวนี้เฉยๆอ่ะ คือพลาดตั้งแต่สีแล้ว หน้าลอยไปไกลมาก ถ้าเทียบกับ YSL ที่เลือกผิดสีเหมือนกัน อันนี้จะดีกว่านะคะ เพราะอันนี้หน้าไม่เทา แค่สว่างกว่าผิว เอาแป้งกลบแล้วช่วยได้ตัวนี้หน้าจะฉ่ำวาวกว่า YSL ค่ะ คุณสมบัติอื่นก้อดีกลางๆนะคะ ปกปิดได้ดีคล้ายๆ YSL แต่จะให้ความฉ่ำวาวมากกว่า คุมมันได้น้อยกว่า YSL นิดหน่อย ชิ้นนี้ก็ยังไม่ปังค่ะ เพราะสีเพี้ยนหน้าลอย
SHU (สี 754)
1. แม่ชูเป็นอีกแบรนด์ที่สรรสร้างงานกระเบื้องให้ใบหน้าเราค่ะ เสกให้กระท่อมหลังคาจาก กลายเป็นงานหลังคากระเบื้องแทน ถ้าเทียบกับ YSL ต้องบอกว่าความเนี้ยบความกริบบนใบหน้า ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนะคะ ที่ต่างกันคือ แม่ชูจะให้ลุคฉ่ำกว่า YSL ย้ำว่า ฉ่ำมากก ดูเหมือนเพิ่งลงเครื่องมาจากโคเรียยยยยยเลยว่างั้น !!!
2. สิ่งที่จะสรรเสริญ แนะนำว่าควรมีเป็น Must Have Item คือ Puff ค่ะ Puff แม่ชูดีงามสยามประเทศ Puff นี้ที่แบรนด์เค้าเคลมว่าเป็นประดิษฐ์กรรมเพื่อการปลดปล่อยเนื้อคูชั่นให้สถิตย์บนผิวหน้าอย่าง "ปกปิดเนียนสนิท โดยยังคงไว้ซึ่งความเปล่งปลั่งของผิว" เราขอปรบมือแล้วพยักหน้าตามค่ะ นางทำได้อย่างนั้นจริงๆ เพราะตัวPuff เป็นเคล็ดลับในการเสกสร้างงานกระเบื้องค่ะ คุณเจ้ได้ลองเอา puff ฟองน้ำของแบรนด์อื่นมาใช้กับคูชั่น Shu เราพบว่ามันให้ลุคเบาๆ คล้ายๆของ Bobbi Brown หรือ Biotherm เลย แล้วเราก็เอา Puff แม่ Shu ไปใช้กับคูชั่น Givenchy และ Dior เราพบว่ามันทำให้ Givenchy และ Dior มีการปกปิดที่มากขึ้นหนาขึ้นในบัดดล เค้ามี Puff ขายแยกนะคะ สาวๆคนไหนที่มี Cushion ยี่ห้ออื่นอยู่แล้ว แต่ต้องการการปกปิดที่มากขึ้น แนะนำไม่ต้องซื้อคูชั่นใม่ค่ะ ซื้อแค่ puff แม่ชูก้อพอค่ะ 200บาทขาดตัว แต่จะมีข้อเสียตรงที่พัฟนางเกลี่ยยากนิดนึง มันจะมีความหนืดๆอ่ะค่ะ (เจ้าอื่นแค่เอาพัฟตบๆๆๆๆ เบาๆ ก็สวยแล้ว )
3. คุมมันได้ดีค่ะ แต่ด้วยความฉ่ำว้าวเกาหลี ถ้ามีเมือกปริมาณหนึ่งเกาะบนหน้าท่าน หน้าจะหมองลงอ่ะค่ะ คล้ายๆ โดนของ อาจจะเป็นเพราะเจ้ใช้สีเข้มสุดด้วยนะคะ ถ้าเบอร์อื่นที่สีอ่อนๆอาจจะไม่แย่มาก
4. อีกครั้งที่ต้องขอย้ำค่ะ คือการเลือกสี ด้วยความที่นางปกปิดดีสรรสร้างงานกระเบื้องบนหนังหน้า ข้อควรระวังที่ตามมาคือการเลือกสี เอาให้ใกล้เคียงกับสีผิวที่หน้าให้มากที่สุด ไม่งั้นหน้าท่านคงจะได้ย้ายค่ายหรือออกทะเลอีกแน่นอน สำหรับพี่ชู….เจ้ก้อพลาดอีกเหมือนกัน ระหว่าง 754 กับ 764 ด้วยความที่กลัวดรอป เลยซื้อสี 764 ซึ่งเป็นสีที่ขาวกว่าหนังหน้าจริง พอโบกลงทั้งหน้าเท่านั้นล่ะจ้ะ...อั๊ยย่ะ!! ใครเทปูนลงบนหน้าตรูวะ !!! ฮึ่ยๆๆๆๆ สุดท้ายเจ้ต้องแจ้นกลับไปสอยเบอร์ 754 มาอยู่ดี แม่ชูมีสีให้เลือกเยอะ สาวๆเลือกให้ใกล้เคียงกับสีผิวที่สุดนะคะ
สรุป งานหน้าเนียนกะการปกปิดชนะเริ่ดค่ะ สูสีกะพี่ YSL นะ งานนี้ยกความดีความชอบให้พัฟแม่ชูค่ะ แม่ชูเค้าดีจริง (อย่าลืมซื้อหามาเก็บไว้นะคะ) แต่แม่ชูจะให้ความฉ่ำวาวเงากว่าพี่ YSL แต่!! คุณจะได้ความเหนอะเป็นตัวแถม ทาcushion แล้วไม่ทาแป้งนี่อาจมีแมลงมาติดบนหน้าได้ค่ะ นอกจากนี้แม่ชูคุมมันได้ไม่ดีนักค่ะ ต้องระวังค่ะ คอยซับเมือกหน่อยนะคะ ไม่อาจหน้าหมองหน้าคล้ำได้ค่ะ
Lancôme Hi Coverage ( สีO-03)
1. เนื่องจากชิ้นนี้ซื้อมาเป็นตัวแรกๆ เลยใช้บ่อยมากในช่วงแรก ตอนที่ยังไม่ได้ซื้อแบรนด์อื่นๆ ทำให้มีเวลาได้คอยสังเกตเรื่องของการหมองหรือการคุมมัน เจ้พบว่า เมือกก็ยังคงเป็นเมือกค่ะ เมื่อถึงเวลาเมือกมันก็มา พี่ลังโคมไปยับไปยั้งไปห้ามอะไรไม่ได้ แต่ มาแล้วไม่ได้ทำให้หน้าหมองหรือคล้ำแต่อย่างใดค่ะ หน้าก็ยังคงกระจ่างใส คือ ใสแบบมันๆอ่ะค่ะ ใสไปทั้งวันไม่ดรอปไม่หมอง ความพึงพอใจเรื่องหน้าหมองนี่ให้ระดับสิบเลยค่ะ ดีงามมากกก!!!!!.
2. ระดับความพีงพอใจ บอกเลยว่ามากกกก คูชั่นนี้ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สว่างกระจ่างใสจริงๆค่ะ ถ้าเทียบกับ 3 แบรนด์ก่อนหน้า แม้การปกปิดจะเทียบกับ 3 แบรนด์แรกไม่ได้นะคะแต่ถ้าใครชอบคูชั่นที่ให้การปกปิดได้ประมาณนึง แต่ดูธรรมชาติ หน้าเนียนกระจ่างใส เราขอแนะนำ Lancome High Coverage ฮะ!!! อาจจะประกอบกับสีที่เราเลือกใช้ เหมาะเจาะกับสีผิวพอดิบพอดีค่ะ สี O-03 คือสีสว่างก่าผิวประมาณครึ่งเฉด แต่ทาแล้วหน้าไม่ถึงกับลอยไปไหนนะคะ ตบแป้งทิ้งไว้สักครู่ พอเมือกเริ่มมาฝุ่นเริ่มเกาะ หน้าก้อสวยพอดีเลยค่ะ อันนี้ก้มกราบนางงามๆสักสามที….รักมาก แต่ถ้าใครอยากให้ดูเป็นงานกระเบื้องกริบๆอ่ะ แนะนำให้เอา Puff แม่ชูมาใช้ค่ะ..รับรอง กริบ!!!!!
3. Lancôme รุ่น Hi CV เค้าก็มีสีให้เลือกเยอะอยู่นะคะ เยอะกว่า Blanc Expert ที่เป็นรุ่นเก่า แต่สีของ Hi CV จะขาวกว่าถ้าเป็นเบอร์เดียวกัน
สรุป ปกปิดได้น้อยกว่า 3 ตัวแรก แต่อันนี้เจ้ใช้บ่อยสุดนะ เพราะสีมันกำลังดีเข้ากับผิวได้ลุคกระจ่างใสไปทั้งวัน แม้จะคุมมันได้ไม่ดีนัก แต่เมือกมาหน้าไม่หมองนะคะ อันนี้เป๊ะปัง ถ้าหมดเจ้ซื้ออีกแน่นอนค่ะ ฟันธง!!!
[CR][SR] รีวิว cushion 10 Brand Hi-end สำหรับสาวๆผิวแทน สาวกหอยทาก......เลือก Cushion ยังไงดี จึงจะเป๊ะ จึงจะปังๆๆๆๆๆ
คุณเจ้เป็นคนหนึ่งที่บ้า Cushion มาก ที่บ้า ไม่ได้อะไรนะคะ เพราะซื้อมาแล้วพลาด แล้วก้อต้องซื้อใหม่เพื่อให้ได้ Cushion ที่เหมาะกับ
สภาพหนังหน้าของเจ้ เริ่มจากที่มาและ สภาพผิวก่อน :
1. เป็นสาวกหอยทาก มีรูขุมขนกว้างมาก ปล่อยน้ำมันได้แบบ unlimit สองชั่วโมงเมือกก็มาแล้ว ยิ่งทำงานนอกห้องแอร์นี่พูดเลย
เมือกไหลบ่ามายิ่งกว่าน้ำป่าไหลหลาก
2. ผิวแทนๆ (แต่ออกโทนเหลือง) สีผิวที่หน้ากับคอ ขาวกว่าที่ตัวหรือแขน ( ทำงานโดนแดดบ่อยๆ ทากันแดดที่หน้าไม่ทาตัว)
3. มีอายุเยอะประมาณนึง.... มีปัญหาทาแป้งไม่ติดบ้าง หน้าหมองบ้าง และมีรอยแผลเป็นจากสิว เป็นรอยดำๆค่ะ
4. เป็นคนชอบแต่งหน้าแล้วดูธรรมชาติ แบบ make up No Make up อ่ะค่ะ ชอบให้ดูหน้าโกล์ว ฉ่ำวาวค่ะ ชอบชิมเมอร์ ชอบไฮไลท์ แต่ลงทีไร
ดูหน้าเมือกมากๆ โดยเฉพาะเมื่อหน้าเริ่มมันอ่ะค่ะ
หลังจาก Cushion เริ่มระบาด เจ้ก็ให้ความสนใจมาตลอดนะ แต่ช่วงแรกเป็น Cushion ฟากเกาหลีอ่ะ เจ้ไม่สู้ เพราะผิวเจ้กระเดียดไปแทนเจโลว
มากกว่า Girl Gen จนมาปีนี้พี่ๆ Counter Brand ฟากยุโรปเริ่มทยอยลงสนามกัน เจ้เองก็เริ่มดู Beauty Blogger รีวิวประกอบการตัดสินใจ
แต่ปัญหามีอยู่ว่า คุณ blogger ท่านต่างๆ ผิวเค้าดีงามอ่ะค่ะ ขาวๆสวย ๆ กันทั้งนั้น รีวิวแต่ละเบอร์นี่ แทบจะเบอร์ขาวสุด ประกอบการวีดีโอที่รีวิวก็
ส่งให้ผิวของแต่ละท่านดูดีงามเข้าไปอีก ทาอันไหนก็สวยไปหมด จนตัดสินใจเลือกไม่ถูก สุดท้ายเจ้ก็ไปตายเอาหน้า counter ค่ะ ...ใช้คำว่า
"ตาย" จริงๆ เพราะเลือกผิดๆพลาดๆ มาตลอดจนสุดท้าย มีในครอบครอง 13 ชิ้นจาก 10 แบรนด์ เอาล่ะมาดูกันค่ะว่าเจ้มี Comment ให้กับแต่ะละ
แบรนด์อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางในการเลือก Cushion ให้สาวๆนะคะ
ปล.1.คอมเม้นทุกอย่างมาจากความเห็น, ประสบการณ์ และความพึงพอใจส่วนตัวเลยค่ะ และทุกชิ้นใช้ทุนส่วนตัวซื้อหามาครอบครองเองค่ะ No Sponsor
ปล.2 ขอแบ่งเป็น 3 chapter นะคะตามคุณลักษณะและผลลัพธ์ที่ได้ของ cushion แต่ละแบรนด์ เพื่อเวลาเปรียบเทียบจะได้ดูเป็นมวยรุ่นเดียวกันค่ะ (เกี่ยวไรกะมวยฟระ!!!!)
ปล.3 ขอความกรุณาอย่า comment รูปหนังหน้าแมวๆของเจ้นะคะ คือ ก้อกระดากอายอยู่ แต่เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพตาม ..จำใจสุดๆอ่ะ
ในรูป..เจ้ลง Cushion แค่ครึ่งหน้าซีกซ้ายอย่างเดียว (ซีกที่อยู่ด้านหน้าใกล้กล้องอ่ะค่ะ) ไม่ได้ทาที่คอ จะได้เห็นความแตกต่างของสี
Cushion กับสีผิวชัดเจน ว่าลอยหรือด่างเยอะมั้ย
COMMENT
YSL ( สี 30 Almond )
1. หน้าเนียนกริบเป็นกระเบื้องเลยค่ะ ทาแล้วดูแพงมากกก (สมราคาCushion น่าจะแพงสุดในบรรดาทุกแบรนด์เลยค่ะ)
2. ให้การปกปิด ชิ้นนี้ช่วยพวกรอยแดงๆ หรือรอยจางๆ ได้นะคะ เพราะเนื้อเค้าเนียนและแน่นมาก ถ้ามีรอยแผล เป็นหรือสิวดำๆ ก็ต้องโบกย้ำกันนิดนิงอ่ะค่ะ ถึงจะกริบบบบบ
3. ส่วนการเลือกสี Cushion แบรนด์นี้ต้องย้ำกันหนักๆเลยค่ะว่า เลือกอย่างระมัดระวัง เลือกสีให้ใกล้กับสีผิวเราที่สุดนะคะ ย้ำค่ะ!!!ว่าต้องสีใกล้เคียงกับผิวเราที่สุด undertone ไหนก็ให้เลือกไปทางนั้นเลยค่ะ จะได้ไม่พลาดอย่างคุณเจ้ แบบหน้าย้ายค่ายเลยค่ะ คือเป็นคนผิวโทนเหลือง
เนอะ แต่วันที่ไปซื้อ เบอร์ 40,50,60 (ซึ่งเป็นสีเข้มโทนเหลือง เกลี้ยงงงงงง ) เลยได้ 30 มา ทาแล้วหน้าอมชมพู๊..ชมพู ถามว่าทาแล้วผิวดีมั้ย ตอบเลยว่าดูดีมาก แต่...ตัวเหลืองหน้าชมพู อันนี้พี่คงต้องทำใจ ...เฮือก!!!!
4. แบรนด์เค้าเคลมว่าเนื้อแมท คือ มันก็ไม่ถึงกับแมทซะทีเดียวนะคะ ยังคงความเงาๆอยู่บ้าง แต่ไม่วาวไม่ดูเยิ้มมันเหมือนแบรนด์อื่นๆ งานกระเบื้องจริงๆเลยค่ะ อิชั้นยืนยัน !!
5. เรื่องการหมองหรือสีดรอปนั้น พูดเลยว่าแบรนด์นี้ดรอปน้อยมาก หน้าชมพูยังไง ผ่านไปสามสี่ชั่วโมงก็ชมพูอยู่อย่างนั้นอทาหน้าลอยตอนเช้า ตกช่วงบ่ายหน้าถึงจะเริ่มเบลอๆเข้ากับสีตัว
6. สามารถคุมมันคุมเมือกได้ดีค่ะ สามสี่ชั่วโมงผ่านไปเมือกเพิ่งมา แต่ถึงเมือกจะมาหน้าก้อยังไม่ละลายนะคะ สวยทน สวยทาน สวยนาน กระเบื้อง YSL !!!!
7. ให้คะแนน Packaging ค่ะ สวยสง่า เลอค่าดีงาม ดูแพงสมราคาและฐานะพี่ YSL ค่ะ
สรุป คุมมันดี ปกปิดได้ ทาแล้วหน้าแน่นงามเรียบเป็นกระเบื้อง packaging สวย อะไรๆก็ดีหมดค่ะ ยกเว้นเลือกสีพลาจากงานกระเบื้องกลายเป็นงานสังกะสี…หน้าเทามากก ถ้าเลือกสีเหมาะกะหน้าคงจะเริ่ดมาก แต่ถ้าข้ามเรื่องสีไป ต้องบอกว่าชอบค่ะ หน้างามเป็นกระเบื้อง หน้าจะเงาหน่อยๆ ไม่ฉ่ำวาวมาก คุมมันดี ทาแล้วหน้าแน่น ...เริ่ดค่ะ!!!
Clinique ( สี 62 Cream Beige หรือ Medium )
1. แบรนด์นี้เป็นอีกตัวเลือกในการปกปิด โดยที่มีความหน้าฉ่ำ หน้าวาว กระจ่างใส มากกว่า YSL มาครบค่ะ ซึ่งจริงๆเป็นคุณสมบัติที่คุณเจ้ต้องการ เสียดายว่าสีที่ซื้อมาขาวกว่าผิวจริงไปเยอะมาก นี่ถ้าคุณเจ้ซื้อสีเข้มที่สุดมาอาจจะเป๊ะปังอลังเวอร์เลยก็ว่าได้
2. เป็นอีกแบรนด์ที่ขอย้ำเรื่องการเลือกสีค่ะ Clinique มีแค่ 3 สีให้เลือก ตัวเลือกน้อยเชียว แถมยังเนื้อหนาอีก ถ้าซื้อพลาดผิดเบอร์ ก็ไม่พ้นหน้าลอยออกทะเลอีกค่ะ งานนี้คุณเจ้าก้อพลาดค่ะ ซื้อสีสว่างกว่าเบ้าหน้าตัวเองไปหลายเฉดนัก (เลือกสี 62 มาค่ะจริงๆ BA ทักแล้วว่าให้เอาสีเข้มสุด คือ 64 มาเจ้ก้อไม่ฟัง เพราะกลัวสีดรอปแล้วหน้าจะหมอง) พอทาเสร็จหน้าลอยออกทะเลไปไกลมากกกกกกกกก ต้องเอายามชายฝั่งลากเข้ามา 5555 ซึ่งยามชายฝั่งที่จะช่วยชีวิตเรานั้น มีวิธีแก้ไม่ยาก คือ หาแป้งที่สีเหลืองหรือเข้มกว่าผิวนิดนึงโบกทับลงไป แทนที่จะใช้พวก translucent หรือแป้งที่ขาวกว่าผิวจริงค่ะ คือถ้าดูจากในรูปจะเห็นว่าก่อนทาแป้งหน้าจะลอยๆนะคะ แต่พอลงแป้งแล้วหน้าดูแดงๆ (เพราะแป้งที่ใช้ค่อนข้างจะเข้มนิดนึง)
3. จุดขายของแบรนด์นี้ คือ เค้าผ่านการทำ Allergy test แล้วก้อไม่ผสมน้ำหอม พวกผิวบอบบางแพ้ง่าย น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีนะคะ แต่สำหรับคุณเจ้..ผิวหนาหน้า Strong พูดเลยว่าใช้ได้หมดค่ะ
4. สำหรับสาวหน้าเมือก เค้าช่วยชะลอเมือกได้อยู่นะคะ เมือกมาช้า แต่ยังไงๆ มันก้อมา 2-3 ชั่วโมงมันก้อมาแล้วค่ะ แต่มาแบบไม่เมือกมาก แค่เอาซับมันซับเบาๆค่ะ หน้ายังฉ่ำๆอยู่ สีเค้าก็ดรอปน้อยนะคะ
สรุป ตัวนี้เฉยๆอ่ะ คือพลาดตั้งแต่สีแล้ว หน้าลอยไปไกลมาก ถ้าเทียบกับ YSL ที่เลือกผิดสีเหมือนกัน อันนี้จะดีกว่านะคะ เพราะอันนี้หน้าไม่เทา แค่สว่างกว่าผิว เอาแป้งกลบแล้วช่วยได้ตัวนี้หน้าจะฉ่ำวาวกว่า YSL ค่ะ คุณสมบัติอื่นก้อดีกลางๆนะคะ ปกปิดได้ดีคล้ายๆ YSL แต่จะให้ความฉ่ำวาวมากกว่า คุมมันได้น้อยกว่า YSL นิดหน่อย ชิ้นนี้ก็ยังไม่ปังค่ะ เพราะสีเพี้ยนหน้าลอย
SHU (สี 754)
1. แม่ชูเป็นอีกแบรนด์ที่สรรสร้างงานกระเบื้องให้ใบหน้าเราค่ะ เสกให้กระท่อมหลังคาจาก กลายเป็นงานหลังคากระเบื้องแทน ถ้าเทียบกับ YSL ต้องบอกว่าความเนี้ยบความกริบบนใบหน้า ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนะคะ ที่ต่างกันคือ แม่ชูจะให้ลุคฉ่ำกว่า YSL ย้ำว่า ฉ่ำมากก ดูเหมือนเพิ่งลงเครื่องมาจากโคเรียยยยยยเลยว่างั้น !!!
2. สิ่งที่จะสรรเสริญ แนะนำว่าควรมีเป็น Must Have Item คือ Puff ค่ะ Puff แม่ชูดีงามสยามประเทศ Puff นี้ที่แบรนด์เค้าเคลมว่าเป็นประดิษฐ์กรรมเพื่อการปลดปล่อยเนื้อคูชั่นให้สถิตย์บนผิวหน้าอย่าง "ปกปิดเนียนสนิท โดยยังคงไว้ซึ่งความเปล่งปลั่งของผิว" เราขอปรบมือแล้วพยักหน้าตามค่ะ นางทำได้อย่างนั้นจริงๆ เพราะตัวPuff เป็นเคล็ดลับในการเสกสร้างงานกระเบื้องค่ะ คุณเจ้ได้ลองเอา puff ฟองน้ำของแบรนด์อื่นมาใช้กับคูชั่น Shu เราพบว่ามันให้ลุคเบาๆ คล้ายๆของ Bobbi Brown หรือ Biotherm เลย แล้วเราก็เอา Puff แม่ Shu ไปใช้กับคูชั่น Givenchy และ Dior เราพบว่ามันทำให้ Givenchy และ Dior มีการปกปิดที่มากขึ้นหนาขึ้นในบัดดล เค้ามี Puff ขายแยกนะคะ สาวๆคนไหนที่มี Cushion ยี่ห้ออื่นอยู่แล้ว แต่ต้องการการปกปิดที่มากขึ้น แนะนำไม่ต้องซื้อคูชั่นใม่ค่ะ ซื้อแค่ puff แม่ชูก้อพอค่ะ 200บาทขาดตัว แต่จะมีข้อเสียตรงที่พัฟนางเกลี่ยยากนิดนึง มันจะมีความหนืดๆอ่ะค่ะ (เจ้าอื่นแค่เอาพัฟตบๆๆๆๆ เบาๆ ก็สวยแล้ว )
3. คุมมันได้ดีค่ะ แต่ด้วยความฉ่ำว้าวเกาหลี ถ้ามีเมือกปริมาณหนึ่งเกาะบนหน้าท่าน หน้าจะหมองลงอ่ะค่ะ คล้ายๆ โดนของ อาจจะเป็นเพราะเจ้ใช้สีเข้มสุดด้วยนะคะ ถ้าเบอร์อื่นที่สีอ่อนๆอาจจะไม่แย่มาก
4. อีกครั้งที่ต้องขอย้ำค่ะ คือการเลือกสี ด้วยความที่นางปกปิดดีสรรสร้างงานกระเบื้องบนหนังหน้า ข้อควรระวังที่ตามมาคือการเลือกสี เอาให้ใกล้เคียงกับสีผิวที่หน้าให้มากที่สุด ไม่งั้นหน้าท่านคงจะได้ย้ายค่ายหรือออกทะเลอีกแน่นอน สำหรับพี่ชู….เจ้ก้อพลาดอีกเหมือนกัน ระหว่าง 754 กับ 764 ด้วยความที่กลัวดรอป เลยซื้อสี 764 ซึ่งเป็นสีที่ขาวกว่าหนังหน้าจริง พอโบกลงทั้งหน้าเท่านั้นล่ะจ้ะ...อั๊ยย่ะ!! ใครเทปูนลงบนหน้าตรูวะ !!! ฮึ่ยๆๆๆๆ สุดท้ายเจ้ต้องแจ้นกลับไปสอยเบอร์ 754 มาอยู่ดี แม่ชูมีสีให้เลือกเยอะ สาวๆเลือกให้ใกล้เคียงกับสีผิวที่สุดนะคะ
สรุป งานหน้าเนียนกะการปกปิดชนะเริ่ดค่ะ สูสีกะพี่ YSL นะ งานนี้ยกความดีความชอบให้พัฟแม่ชูค่ะ แม่ชูเค้าดีจริง (อย่าลืมซื้อหามาเก็บไว้นะคะ) แต่แม่ชูจะให้ความฉ่ำวาวเงากว่าพี่ YSL แต่!! คุณจะได้ความเหนอะเป็นตัวแถม ทาcushion แล้วไม่ทาแป้งนี่อาจมีแมลงมาติดบนหน้าได้ค่ะ นอกจากนี้แม่ชูคุมมันได้ไม่ดีนักค่ะ ต้องระวังค่ะ คอยซับเมือกหน่อยนะคะ ไม่อาจหน้าหมองหน้าคล้ำได้ค่ะ
Lancôme Hi Coverage ( สีO-03)
1. เนื่องจากชิ้นนี้ซื้อมาเป็นตัวแรกๆ เลยใช้บ่อยมากในช่วงแรก ตอนที่ยังไม่ได้ซื้อแบรนด์อื่นๆ ทำให้มีเวลาได้คอยสังเกตเรื่องของการหมองหรือการคุมมัน เจ้พบว่า เมือกก็ยังคงเป็นเมือกค่ะ เมื่อถึงเวลาเมือกมันก็มา พี่ลังโคมไปยับไปยั้งไปห้ามอะไรไม่ได้ แต่ มาแล้วไม่ได้ทำให้หน้าหมองหรือคล้ำแต่อย่างใดค่ะ หน้าก็ยังคงกระจ่างใส คือ ใสแบบมันๆอ่ะค่ะ ใสไปทั้งวันไม่ดรอปไม่หมอง ความพึงพอใจเรื่องหน้าหมองนี่ให้ระดับสิบเลยค่ะ ดีงามมากกก!!!!!.
2. ระดับความพีงพอใจ บอกเลยว่ามากกกก คูชั่นนี้ช่วยปรับสภาพสีผิวให้สว่างกระจ่างใสจริงๆค่ะ ถ้าเทียบกับ 3 แบรนด์ก่อนหน้า แม้การปกปิดจะเทียบกับ 3 แบรนด์แรกไม่ได้นะคะแต่ถ้าใครชอบคูชั่นที่ให้การปกปิดได้ประมาณนึง แต่ดูธรรมชาติ หน้าเนียนกระจ่างใส เราขอแนะนำ Lancome High Coverage ฮะ!!! อาจจะประกอบกับสีที่เราเลือกใช้ เหมาะเจาะกับสีผิวพอดิบพอดีค่ะ สี O-03 คือสีสว่างก่าผิวประมาณครึ่งเฉด แต่ทาแล้วหน้าไม่ถึงกับลอยไปไหนนะคะ ตบแป้งทิ้งไว้สักครู่ พอเมือกเริ่มมาฝุ่นเริ่มเกาะ หน้าก้อสวยพอดีเลยค่ะ อันนี้ก้มกราบนางงามๆสักสามที….รักมาก แต่ถ้าใครอยากให้ดูเป็นงานกระเบื้องกริบๆอ่ะ แนะนำให้เอา Puff แม่ชูมาใช้ค่ะ..รับรอง กริบ!!!!!
3. Lancôme รุ่น Hi CV เค้าก็มีสีให้เลือกเยอะอยู่นะคะ เยอะกว่า Blanc Expert ที่เป็นรุ่นเก่า แต่สีของ Hi CV จะขาวกว่าถ้าเป็นเบอร์เดียวกัน
สรุป ปกปิดได้น้อยกว่า 3 ตัวแรก แต่อันนี้เจ้ใช้บ่อยสุดนะ เพราะสีมันกำลังดีเข้ากับผิวได้ลุคกระจ่างใสไปทั้งวัน แม้จะคุมมันได้ไม่ดีนัก แต่เมือกมาหน้าไม่หมองนะคะ อันนี้เป๊ะปัง ถ้าหมดเจ้ซื้ออีกแน่นอนค่ะ ฟันธง!!!
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว