พรีเมียร์ลีกกำลังจะกลับเข้าสู่ยุคน่าเบื่ออีกครั้ง

การกลับมาคุมทีมในอังกฤษอีกครั้งของโจเซ่ มูริญโญที่เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทำให้หลายคนคิดว่าพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2016 - 2017 น่าจะเป็นฤดูกาลที่ตื่นเต้นเร้าใจ เพราะมีกุนซือฝีมือดีหลายคนลงชิงชัยกัน ไม่ว่าจะเป็นคนเก่าในทีมใหญ่อย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ ของอาร์เซนอล เจอร์เก้น คล้อปป ของลิเวอร์พูล เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ของสเปอร์ส หรือคนเก่าทีมเล็กอย่าง สลาเวน บิลิช ของเวสต์แฮม โรนัลด์ คูมัน ของเซาท์แฮมตัน เมื่อรวมกับผู้มาใหม่อย่าง เป็ป กวาดิโอล่าของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันโตนิโอ คอนเต้ ของเชลซี ทำให้ฤดูกาลหน้าจะเป็นฤดูกาลที่พรีเมียร์ลีกน่าตื่นเต้นเป็นที่สุด
       
       แต่อย่าลืมว่าฤดูกาล 2015 - 2016 ที่ทีมเล็ก ๆ อย่างเวสต์แฮมและเซาท์แฮมตันมีผลงานดีขั้นมาส่วนหนึ่งเกิดจากทีมเหล่านี้สามารถเก็บแต้มได้จากทีมใหญ่อย่าง แมนฯ ยู แมนฯ ซิตี้ และเชลซี ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากเชลซีที่เกิดปัญหาภายในจนแย่ทั้งฤดูกาล แมนยูที่อยู่ในยุคปรัชญาที่พร้อมแพ้ได้ทุกทีม แมนเชสเตอร์ซิตี้ที่ชิงประกาศผู้จัดการทีมล่วงหน้าจนผลงานของทีมแกว่งอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในฤดูกาลหน้าปัญหาของทีมใหญ่อย่าง เชลซี แมนเเชสเตอร์ ซิตี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้วหลังจากได้ผู้จัดการทีมฝีมือฉกาจอย่าง เป็ป และ มูริญโญ่ เข้ามาทำทีม

        ฤดูกาล 2010 - 2017 นั้นสนุกตื่นเต้นแน่ แต่ผมคิดว่าปีนี้ โชเซ่ มูริญโญ่ จะนำแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีมหลังจากห่างหายมาถึง 3 ฤดูกาลเต็ม โดยเมนฯ ยู นั้นไม่เคยร้างถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกเกิน 3 ฤดูกาลเลย เคยเสียแชมป์ให้กับอาร์เซนอล และ เชลซีในช่วงปี  2004 - 2006 และ ปี 2014 - 2016 นอกนั้นมี แบล็คเบิร์น อาร์เซนอล เชลซี เข้ามาแทรกเป็นระยะ ๆ แต่ไม่เคยเกิน  3 ฤดูกาล โดยมูริญโญ่นั้นเป็นผู้จัดการที่การันตีแชมป์อยู่แล้ว บวกกับความมั่งคั่งของทีม และที่สำคัญมูริญโญ่นั้นถนัดทำงานกับบอร์ดบริหารที่ให้อำนาจเขาเบ็ดเสร็จ ไม่มีการลงมาล้วงลูกอย่างที่เคยเกิดขึ้นสมัยที่เขาคุม เรอัล มาดริด และ เชลซี ยิ่งถ้า แมนฯ ยู ปิดดีล ซลาตัน อิบราฮิโมวิชได้ และได้กองหลังตัวกลาง กับ มิดฟิลด์ตัวกลางระดับโลกอย่างละตำแหน่งแล้ว ผมว่าไม่มีทีมไหนต้านแมนฯ ยูไนเต็ดได้แน่นอน




       
         ขณะที่แมนฯ ซิตี้ที่ได้เป็ปเข้ามาคุมทีมแต่น่าจะไม่สามารถทุ่มเงินซื้อนักเตะได้มากเท่าไหร่ (แต่ก็ไม่น่าจะน้อยอยู่ดี) เพราะเคยมีปัญหาเรื่องกฏการเงิน (Financial Fair Play Regulation) มาแล้วในปี 2014 ปีที่แล้วก็เพิ่งทุ่มซื้อ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับ เควิน เดอ บรอยน์ ปีนี้คงต้องคิดหนักหากจะทุ่มซื้อนักเตะเพิ่ม อีกทั้งประสบการณ์ของเป็ปที่เคยคุมแต่ลีกที่มีการขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับน้อยทีมอย่างใน ลา ลีก้า สเปน กับ บุนเดส ลีก้า เยอรมัน ฤดูกาลนี้ เป็ป ยังไม่น่าจะทำทีมผงาดได้แขมป์ทันที เพราะมีทีมใหญ่อยู่ถึง 4 - 5 ทีมเต็งแชมป์ เผลอ ๆ ไม่ได้แชมป์ซัก 2 ปีติดอาจโดนปลดได้เลย

        เช่นเดียวกับเชลซี ที่ได้ อันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาคุมทีม ด้วยสไตล์ของกุนซืออิตาลี ที่เน้นเกมรับไว้ก่อน ไม่น่าจะผงาดเข้าวินได้ในปีแรก ส่วนอาร์เซนอล คงไม่ต้องพูดถึง 12 ปีเต็มที่ร้างถ้วยแชมป์ อาร์แซน เวนเกอร์ คงประคองได้แค่ที่ 3 - 4 สำหรับแชมป์เก่า เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างน่าประทับใจก็สุ่มเสี่ยงที่จะเสียนักเตะตัวเก่งอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ริยาร์ด มาร์เรช หรือแม้แต่ เจมี่ วาร์ดี้ หากเลสเตอร์รั้งนักเตะเหล่านี้ไม่ได้ก็จบเห่ เผลอ ๆ ต้องไปลุ้นตกชั้นแทน และสเปอร์ส แม้จะได้ลุ้นแชมป์เมื่อท้ายฤดูกาลที่แล้วก็คงสุดแค่นั้น
       
ส่วนคู่แข่ง (ในบอร์ด) ตลอดกาลของแมนฯ ยู อย่างลิเวอร์พูล คงต้องรอให้เจอร์เก้น คล้อปป ค้นหาทีมที่ลงตัวก่อน ค่อยพูดถึงการลุ้นพื้นที่ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนสลีกต่อไป

       
เมื่อแชมป์พรีเมียร์ลีก 2016 - 2017 เป็นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้วมูริญโญ่น่าจะพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก รวมถึงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนสลีกได้อีกหลายปี สืบตำนานต่อจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กุสัน ได้อย่างยิ่งใหญ่ ดังนั้นพรีเมียร์ลีกจะเข้าสู่ยุคที่แมนฯ ยู นำโด่งเป็นทีมนำตั้งแต่ต้นฤดูกาลจนจบ  เหมือนในอดีตอย่างช่วงปี 2000 - 2003 ที่แมนยูกดแชมป์อย่างไร้คู่แข่ง รวมถึงช่วงปี 2007 - 2009 ที่มีคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ นำทีมคว้าแชมป์อย่างบ้าคลั่ง ซึ่งคงจะเป็นยุคที่น่าเบื่อ (สำหรับทีมอื่น) อย่างแน่นอน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่