ก่อนอื่นโอเองก็ต้องบอกเลยว่าเติบโตมาในครอบครัวที่กลางๆ ฐานะกลางๆ ความอบอุ่นกลางๆ (เพราะพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยมาก) ... แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่โอรู้สึกน้อยใจเลยครับ เพราะสิ่งหนึ่งที่บ้านผมมีคือ ผมมีพ่อ มีแม่ที่ไม่ดื่นสุรา ไม่เล่นการพนัน ไม่บังคับลูก รักลูกเท่าเทียมกัน ...แต่ด้วยความที่บ้านผมอยู่บ้านนอก ..อ้อ ลืมไป ผมเป็นคนจังหวัดศรีสะเกษครับ อยู่ชายแดนเขาพระวิหารเลย (ถ้ามีเวลาจะมาเล่าช่วงที่เค้ารบกันแย่งพื้นที่ทับซ้อนนะ บอกเลยว่าฟินโคตรๆๆ ฮร่าๆๆ) บ้านผมมีพี่น้อง 4 คนครับผมเป็นลูกคนเล็กครับ เรียนเก่งที่สุดในบ้าน ป. 1 จนจบม. 3 สอบได้ที่ 1 ตลอด เรียกได้ว่าเป็นเด็กดี ไม่เคยทำให้พ่อแม่เหนื่อยลำบากใจแม้แต่เรื่องเดียว เรียกได้ว่าพ่อแม่ภูมิใจสุดๆๆ (เป็นไงละครับ เริ่มต้นมาซ่ะสวยเลยเนอะครับ)
เรื่องจะเริ่มที่ตอนจบม.3 ครับ ด้วยความที่ว่าบ้านผมเค้าจบม.3 กันหมด แล้วไม่มีใครเรียนต่อ เพราะบ้านบอกว่าเรียนไปก็เท่านั้น จบสูงมาตกงาน (ซวยแล้วไง ผมชอบเรียน ตั้งใจเรียน เรียนเก่งซ่ะด้วย) .....จบม. 3 ตัดสินใจบอกพ่อครับว่าจะเรียนต่อ ซึ่งตอนที่บอกคือไปสมัครเรียนอีกที่หนึ่งแล้ว เพราะม. 3 เป็นโรงเรียนขยายโอกาสในตำบล ถ้าจะเรียนต่อต้องเข้าไปเรียนอีก 20 โลได้มั้งครับ ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่ารถรับส่ง นั้นนี้โน้น แต่ตอนนั้นบอกเลยว่าจะเรียน จึงตัดสินใจไปเป็นมัคคุเทศก์ที่อุทยานแห่งชาติผาหมออิแดง (เขาพระวิหารครับ) ประจวบเหมาะตอนนั้นบ้านผมทั้งพ่อแม่ก็ไม่อยู่บ้าน เพราะเป็นหน้าร้อนไม่ได้ทำนา อาชีพชาวนาบ้านนอกครับ เสร็จหน้าทำนา ก็เข้าเมืองกรุงไปทำงานก่อสร้าง และนั้นผมก็อยู่บ้านกับอาที่มีความผิดปกติทางสมอง (จะว่าเหมือนคนปกติก็ว่าได้ ที่ว่าผิดปกติ เพราะกินยาของ รพ.ศรีมหาโพธิ์แค่นั้นแหละครับ) ช่วงปิดเทอมก็ทำงาน เปิดเทอมก็ไปเรียน เสาร์อาทิตย์ก็ไปเป็นมัคคุเทศก์ ถามว่าได้เงินเยอะไหม ไม่ครับ เพราะรายได้มาจากการรับนักท่องเที่ยวขึ้นชมปราสาทเขาพระวิหาร ทางอุทยานฯไม่มีงบประมาณในการจ้าง แต่โอก็ทำครับ เพราะชอบและตอนนั้นไม่รู้จะไปทำงานอะไร
แล้วอยู่มาวันหนึ่งพ่อจะขายบ้าน เพราะมีภาระหนี้สินที่ต้องดูแล (อันนี้ผมไม่รู้เท่าไหร่) ซึ่งพ่อตัดสินใจขายบ้านหลังใหญ่ แสนกว่าบาท แล้วผมก็ย้ายมาอยู่บ้านเล็กที่อยู่ติดกัน พ่อไม่ลงมาขายเองนะครับ ให้ผมจัดการเอง โดยมีลุงดูแลอยู่ข้างๆ โดยพ่อบอกพ่อเอาแสนห้า ถ้าผมมีความสามารถขายได้มากกว่านั้นเอาไปเลย (เป็นไงพ่อผมมั่นใจในตัวลูกสุดๆ เพราะผมพูดเก่งมากกกกกกกกกกกกกกกกก) แล้วผมก็ขายและได้ค่าคอมจากพ่อมา 10,000 บาท ถามว่าได้มาเอาไปทำไร ซื้อโทรศัพท์สามพันกว่าบาทครับ ตอนนั้นจำไม่ได้แล้วว่ารุ่นอะไร เป็นโนเกียร์จอสีที่พับได้อ่ะครับ แล้วที่เหลือก็ใช้นั้นนี้โน้น เดือนเดียวเงินหมดครับ ยังไม่คิดอะไร พ่อโทรมาถามว่าเงินเหลือเท่าไหร่ บอกหมดแล้วเท่านั้นแหละครับ (...........ไม่เล่านะว่าโดนด่าเยอะขนาดไหน) ผมพึ่งรู้ว่าพ่อจะสอนให้ผมบริหารการเงินครับ แต่พ่อไม่บอก เค้าอยากให้เราเรียนรู้และรู้จักคิดเอง บอกเลยนั้นคือครั้งแรกที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง โคตรเสียใจบอกเลย (คิดมาแล้วน้ำตาไหล ทั้งๆที่จะมีจุดพีคมากกว่านี้ล้านเท่าเลยครับ)
แล้วพ่อก็กลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม และตัวผมก็ยังคงไปทำงานเหมือนเดิม และตอนนี้ก็ได้รู้จักคบกับน้องม. 1 คนนืงเทอน่ารักมาก แล้วเราก็คบกัน จะบอกว่าฝ่าดงตรีนไปจีบเลยครับ เพราะหนุ่มๆจีบเทอโคตรเยอะ (กรุณาจำตัวละครนี้ไว้ให้ดี เพราะสรอรี่คือย๊าววววววยาวววววววว ฮร้าๆๆๆๆๆ) แล้วเทอคนนี้ก็คือผู้หญิงคนแรกของผม (พูดตรงนี้ได้ไหมเนี๊ยมาเราแอบได้เสียกันตอนไหน 5555 เอาเป็นว่าไม่พูดดีก่าาา เพราะตัวละครนี้จะอยู่ในเรื่องอีกนานพอสมควร)
ก็ยังดูเหมือนจะไม่มีอะไรครับ ตอนนั้นเรียนก็ดีครับ แต่งานเงินไม่พอ ลงจากเขาครับ มาสมัครเป็นดีเจ (ตอนนี้อยู่มอ. 5 แล้วนะ และตัวละครเดิมยังอยู่ 5555) แล้วออกจากบ้านมาอยู่ในตัวเมืองใช้ชีวิตคนเดียว ถามว่าตอนนั้นสนุกนะชีวิตทำงานไปเรียนไป ตอนนั้นไม่คิดถึงบ้านเลยนะเป็นไรไม่รู้ แต่โทรหาบ้าง แต่ไม่ค่อยกลับ เพราะรถมอไซค์ อยู่บ้านพ่อใช้ จัดรายการวิทยุ เงินก็ยังไม่พอ กลางคืนไปเสิร์ฟร้านอาหารครับ วิถีชีวิต
- จันทร์ ถึงศุกร์ เช้านั้งรถรับส่งไปเรียน เย็นกลับมาเปลี่ยนชุดทำงานเสิร์ฟ เก็บร้านเที่ยงคืน กลับห้องนอน
- เสาร์อาทิตย์ เช้าไปทำงาน เย็นเลิกงาน ไปเสิร์ฟต่อ
วันหยุดอยู่ไหนหรอ ไม่รู้สิ แต่จะบอกว่าทุกเสาร์อาทิตย์พ่อแม่ผมฟังผมจัดรายการตลอดเลยนะ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ปรับความเข้ากับพ่อนะ เรื่องบ้านอ่ะ ยังตึงๆอยู่ แต่ตอนนี้ผมเป็นคนดังของหมู่บ้าน และอำเภอนะ (ฮร้าๆๆๆ บร้าๆๆ ไม่ดังขนาดนั้นหรอก) เพราะคลื่นวิทยุที่ผมไปจัดก็ใหญ่นะในอำเภอกันทรลักษณ์อ่ะ (ยังจำตัวละครเดิมได้ไหม นั้นยังอยู่ใน แล้วเป็นหน้าเป็นตามากกกก บ้านเค้าชอบผมใหญ่เลยแหละ ก็ไงละเป็นดีเจ หาเงินเรียน โฮ้ ปังมากกกกก ความชมตัวไปอิ๊ก)
เรื่องเรียนใช่ผมจะไม่เด่นนะ เป็นนักกิจกรรม จะบอกประธงประธานนักเรียนยังเป็นเลย เรียนวิทย์คำนวนครับ ไม่ได้ขี้แหร่นะจบมาเกียรตินิยมอันดับ 4 อยู่นะของสายวิทย์อ่ะ เป็นผู้ชายคนเดียวด้วย ที่เหลือเป็นผู้หญิง (นี้คือทำงานไปด้วยนะ กิจกรรมก็ปัง การเรียนนก็โอ โฮไรจะปานนั้นผู้ชายคนนี้ อิอิ) เหมือนจะดีเนอะ และก็จะดีจริงๆแหละ ผ่านไป 2 เดือนผมมีสิทธิ์สอบสัมพาษณ์คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รอบโควตา 19 จังหวัด ผลประกาศออกผมเก็บไว้ในมือ พร้อมน้ำตาที่ไหลเต็ม 2 แก้มคือจะได้ไปสัมพาษณ์ไหมละ จะไปยังไง เงินก็ไม่มี ตัดสินใจยืมมอไซค์เพื่อนไปหาพ่อแม่ทั้งชุดนักเรียน ไปถึงสวัสดี แล้วบอกว่าสอบติด....คำแรกจากปากพ่อรู้ไหมครับว่าพ่อโอแกว่าไง แกยิ้มแล้วบอกว่าใช้เงินเยอะไหมเรียนมหาลัย แล้วจะไปสอบยังไง คือพ่อผมคุยกับผมครั้งแรกในรอบ จะ 3 ปีอ่ะ ผมเม่งโคตรดีใจ แล้วแม่ก็โทรหาป้า เพราะแม่เป็นคนมหาสารคาม (แต่จำความได้แม่ไม่เคยกลับบ้านเกิดเลย จนป้าๆลุงทำบุญหา นึกว่าตายแล้วอ่ะครับ ตลกเกิ๊นนแม่ผม) แล้วนั้นผมก็ได้มาสัมพาสก์รับ 180 คนสอบสองพันกว่าจะบ้าตาย....แต่ขอโทษติดจร้าาาาาา 555555 นั้นแหละครับก็จบม. 6 มาพร้อมกับมีที่เรียนเรียบร้อยแล้ว ก็ชีวิตยังดี๊ดีนะครับ
ด้วยที่ว่าใกล้จะจบม.6 ละตอนนั้นอยากหางานเพิ่มเก็บเงินเตรียมเข้ามหาลัย 2 อาชีพยังไม่พอทำไรละ.....ขายหวยใต้ดินจร้าาาาาา เดือนแรกสนุก เดือนที่ 3 ด้วยความที่เป็นเด็กคิดบ้าๆ ลงหวยผิด คำนวนพลาด คนถูกหวย 5 หมื่นกว่า
ยยยยยยย ทำไงละ วันรุ่งขึ้นโทรบอกแม่ด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่าเดี๋ยวเย็นๆเอาเงินไปให้คนที่บ้านที่ถูกหวยนะครับ (ทั้งที่ตอนนั้นไม่มีเงินเลย เพราะคำนวนผิด) เจ้ามือก็คือแม่เจ้าของร้านที่ไปเป็นเด็นเสิร์ฟครับ ซึ่งแกก็ไม่รู้ว่าผมคำนวนผิด แต่ผมติดสินใจกู้เงินแกนะ 10,000 บาท บอกว่าต้องใช้นั้นนี้โน้น แล้วก็ไปจ่ายค่าหวยส่วนหนึ่งก่อน อีกที่เหลือยังไม่จ่าย ....แล้วไง วุ่นวายสิครับ 2 วันผ่านไป 3 วันผ่านไป จัดรายการแบบละอายใจ จนสุดท้ายเรื่องแดง ต้องกลับไปบ้าน พ่อนิแบบไม่มองหน้าผมเลย (เรื่องเดิมยังไม่เคลียใจกันเลย) แล้วจะบอกว่ามีเหตุการณ์หนึ่งที่ผมจำได้ไม่เคยลืม ทุกภาพทุกคำ เช้าวันที่ 2 ที่ผมกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงที่บ้าน (ซึ่งตอนนั้นที่บ้านเข้าใจว่าผมเอาเงินไปใช้ ไปเที่ยวกับแฟน เพราะผมไม่บอกความจริงไปตอนแรก จะมาอธิบายตอนนี้ก็เป็นการแก้ตัวเปล่าๆ ) เจ้าหนี้ผมคนแรกเป็นคุณยายที่หมู่บ้าน (ซึ่งเจ้าหนี้ทุกคนคือคนที่เค้าชื่นชมผมทั้งนั้น ต่างผิดหวังกันไปตามๆกัน) มายืนหน้าบันไดหน้าบ้านตะโกนเรียนผมลงมาคุย แต่แม่ลงไปรับหน้าแทน ทุกคำด่าของยายผมจำได้ไม่เคยลืม ไม่ได้โกรธยาย แต่เม่งโคตรละอายใจตัวเองเพราะแม่คือคนที่ออกหน้ารับคำด่าแทนผมทุกอย่าง 30 นาทีผ่านไปยายเดินกลับ แม่เดินขึ้นมาด้วยตาที่แดง น้ำยายังซึมๆอยู่ พร้อมกับบอกผมว่า "ไม่เป็นไรนะมันผ่านมาแล้ว หิวข้าวไหม ไปล้างหน้ากินข้าวไป แม่จะทำกับข้าวให้กิน" .......คือตรงไหนไหมที่แม่จะว่า สักนิสก็ไม่ แต่พ่อยังคงโกรธผมอยู่ คืออะไรจะลำบากขนาดนั้น ด้วยความที่ต้องการจะแสดงว่าเราต่อสู้ชีวิตได้ เราต้องมีการศึกษาทำงานดีๆเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ทำไมมันถึงเหนื่อยขนาดนั้น แล้วช่วงนั้นเองที่โรงเรียนก็มีกระแสว่าผมต่างๆนาๆ เพราะเทอมสุดท้ายกิจกรรมเยอะผมปลีกตัวออกมาห่างๆ โดนด่าและว่าไม่ช่วยเหลือโรงเรียน (เฮ้ออออ ปัญหาที่มีไม่มีใครรู้เพราะจะบอกว่าไปโรงเรียนยิ้มแย้มทำตัวปกติมาก แต่ภายในใจนะหรออออ เจบเจียนตาย) ช่วงนั้นทั้ง 2 เดือนสุดท้ายที่จะจบมีเงินอยู่500 บาทต้องใช้ทั้งเดือนแต่ละเดือน เพราะที่เหลือต้องเจียดไปใช้หนี้ ไปโรงเรียนไม่เคยกินข้าวเที่ยงเลย ข้าวเช้าก็ไม่กิน กินเย็น ...ซึ่งเย็นที่ว่าคือเลิกงานเที่ยงคืนนะ กินให้อิ่ม แล้วกลับไปนอน ชีวิตแบบบัดซบ แต่ไม่เคยจะท้อ บอกตัวเองมันต้องผ่านไปให้ได้ แล้วตอนนั้นก็จำต้องฝืนตัวเองช่วยงานโรงเรียนอีก แต่สุดท้ายก็จบไปได้ด้วยเกรดนิยมอันดับ 4 นั้นแหละครับ พอจบมาใช่จะดียังใช้หนี้อยู่ แล้วแฟนก็มามีปัญหากันอีกนั้นนี้โน้น เจ้าหนี้ก็ทวงเงิน....
คนเรามาถึงจุดหนึ่ง ที่รู้สึดไม่ไหวแล้วกับชีวิต มันลำบากเหลือเกิน เหนื่อยมาก ตัดสินใจกกินยานอนหลับฆ่าตัวตาย.......แต่ (ก็อยู่ตรงนี้แหละ 55555) พอผ่านความตายมาบอกเลยนะโคตรโง่ วินาทีที่จะหลับจิตนาการเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่โคนต้นคดงอเพราะตอนเล็กโดนโรคร้าย เฉียดตาย แต่สุดท้ายก็เติบโตมาเป็นต้นไม้ใหญ่ได้อย่าางสง่า แล้วโอละจะตายจริงๆหรอ พ่อแม่ เกียรติยศที่เคยทำมา ....สิ่งที่เคยทำพลาดที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวตนอีกละ ไม่ๆๆๆๆๆๆอย่าๆๆๆหลับ เราจะตายไม่ได้ ....แต่สุดท้ายตาก็หลับไปตอน 2 ทุ่มของวันแดงเดือนด้วย วันนั้นร้านวุ่นวายกันมากเพราะศึกแดงเดือนคนมันเยอะ แต่ไงละผมนอนสลบอยู่ สุดท้ายเช้าวันอาทิตย์ 6 โมงเช้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปกติ (เม่งรอดได้ไงว่ะ ยานอนหลับ คอเฟ ตั้ง 20 เม็ด 55555) นั้นแหละครับตั้นแต่นั้นมาก็ไม่เคยฆ่าตัวตายอีกเลย
............นี้หนักไหม ก็คงไม่หรอกเนาะสำหรับใครๆหลายๆ คน แต่สำหรับผมหนักนะ เพราะนั้นที่เล่าไปมีรายละเอียดอีกเยอะมากที่เล่าไม่หมด ....คิดใช่ไหมว่าเรื่องราวจุดต่ำสุดคงจะผ่านไป คิดใช่ไหมว่าฟ้าจะหลังฝนแล้ว โน้ววววยังๆๆๆๆ ยังไมีอีกครับ
สิ่งที่อยากจะบอกใน Ep. 2 นี้คือ เกราะป้องกันที่แข็งแรงที่สุดคือพ่อแม่ พ่อแม่ทุกคนรักลูก แต่การแสดงออกนั้นอาจจะแตกต่างกันออกไป จงรักและบูชาซึ่งพระคุณบิดามารดา และจงรักษาชีวิตตัวเองต่อให้ทุกข์ขนาดไหนจงอย่างได้คิดสั้น เพราะนั้นคือหนทางของคนโง่เขลาเค้าทำกัน จงยืนหยัดสู้เพื่อสักวันหนึ่ง แม้หนทางมันจะหริบหรี่แต่ก็จงสู้ต่อไป สู้ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่ บทชีวิตเรื่องนี้ยังไม่จบ ตัวละครยังอยู่ เรื่องไหนที่ว่าหนักใครจะรู้อาจจะมีหนักกว่านี้ก็ได้ ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน โปรดติดตาม Ep.3 รับรองมีเรื่องเหนือความคาดหมายมากกว่านี้อีก จะคิดไปบทละครเรื่องนี้ผู้กำกับไม่เคยเลยที่หันกลับมาถามนักแสดงว่าเหนื่อยไหม อยากพักไหม....ทุกอย่างเดินต่อไปอย่างแสนทรมาน ทุกวันคืนนอนหลับพร้อมน้ำตา แต่ใจนั้นหนาก็บอกตัวเองว่าสู้นะโอสู้นะ หนทางมันยากเย็นแต่ก็สู้นะ (เฮ้อออออ) ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งที่สละเวลามาอ่าน แล้วเจอกัน Ep.3 ครับ
Ep. 2 ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย จะเริ่มจากตรงไหนดีละถึงจะดร่ามาสุดๆครับ
เรื่องจะเริ่มที่ตอนจบม.3 ครับ ด้วยความที่ว่าบ้านผมเค้าจบม.3 กันหมด แล้วไม่มีใครเรียนต่อ เพราะบ้านบอกว่าเรียนไปก็เท่านั้น จบสูงมาตกงาน (ซวยแล้วไง ผมชอบเรียน ตั้งใจเรียน เรียนเก่งซ่ะด้วย) .....จบม. 3 ตัดสินใจบอกพ่อครับว่าจะเรียนต่อ ซึ่งตอนที่บอกคือไปสมัครเรียนอีกที่หนึ่งแล้ว เพราะม. 3 เป็นโรงเรียนขยายโอกาสในตำบล ถ้าจะเรียนต่อต้องเข้าไปเรียนอีก 20 โลได้มั้งครับ ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่ารถรับส่ง นั้นนี้โน้น แต่ตอนนั้นบอกเลยว่าจะเรียน จึงตัดสินใจไปเป็นมัคคุเทศก์ที่อุทยานแห่งชาติผาหมออิแดง (เขาพระวิหารครับ) ประจวบเหมาะตอนนั้นบ้านผมทั้งพ่อแม่ก็ไม่อยู่บ้าน เพราะเป็นหน้าร้อนไม่ได้ทำนา อาชีพชาวนาบ้านนอกครับ เสร็จหน้าทำนา ก็เข้าเมืองกรุงไปทำงานก่อสร้าง และนั้นผมก็อยู่บ้านกับอาที่มีความผิดปกติทางสมอง (จะว่าเหมือนคนปกติก็ว่าได้ ที่ว่าผิดปกติ เพราะกินยาของ รพ.ศรีมหาโพธิ์แค่นั้นแหละครับ) ช่วงปิดเทอมก็ทำงาน เปิดเทอมก็ไปเรียน เสาร์อาทิตย์ก็ไปเป็นมัคคุเทศก์ ถามว่าได้เงินเยอะไหม ไม่ครับ เพราะรายได้มาจากการรับนักท่องเที่ยวขึ้นชมปราสาทเขาพระวิหาร ทางอุทยานฯไม่มีงบประมาณในการจ้าง แต่โอก็ทำครับ เพราะชอบและตอนนั้นไม่รู้จะไปทำงานอะไร
แล้วอยู่มาวันหนึ่งพ่อจะขายบ้าน เพราะมีภาระหนี้สินที่ต้องดูแล (อันนี้ผมไม่รู้เท่าไหร่) ซึ่งพ่อตัดสินใจขายบ้านหลังใหญ่ แสนกว่าบาท แล้วผมก็ย้ายมาอยู่บ้านเล็กที่อยู่ติดกัน พ่อไม่ลงมาขายเองนะครับ ให้ผมจัดการเอง โดยมีลุงดูแลอยู่ข้างๆ โดยพ่อบอกพ่อเอาแสนห้า ถ้าผมมีความสามารถขายได้มากกว่านั้นเอาไปเลย (เป็นไงพ่อผมมั่นใจในตัวลูกสุดๆ เพราะผมพูดเก่งมากกกกกกกกกกกกกกกกก) แล้วผมก็ขายและได้ค่าคอมจากพ่อมา 10,000 บาท ถามว่าได้มาเอาไปทำไร ซื้อโทรศัพท์สามพันกว่าบาทครับ ตอนนั้นจำไม่ได้แล้วว่ารุ่นอะไร เป็นโนเกียร์จอสีที่พับได้อ่ะครับ แล้วที่เหลือก็ใช้นั้นนี้โน้น เดือนเดียวเงินหมดครับ ยังไม่คิดอะไร พ่อโทรมาถามว่าเงินเหลือเท่าไหร่ บอกหมดแล้วเท่านั้นแหละครับ (...........ไม่เล่านะว่าโดนด่าเยอะขนาดไหน) ผมพึ่งรู้ว่าพ่อจะสอนให้ผมบริหารการเงินครับ แต่พ่อไม่บอก เค้าอยากให้เราเรียนรู้และรู้จักคิดเอง บอกเลยนั้นคือครั้งแรกที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง โคตรเสียใจบอกเลย (คิดมาแล้วน้ำตาไหล ทั้งๆที่จะมีจุดพีคมากกว่านี้ล้านเท่าเลยครับ)
แล้วพ่อก็กลับมาอยู่บ้านเหมือนเดิม และตัวผมก็ยังคงไปทำงานเหมือนเดิม และตอนนี้ก็ได้รู้จักคบกับน้องม. 1 คนนืงเทอน่ารักมาก แล้วเราก็คบกัน จะบอกว่าฝ่าดงตรีนไปจีบเลยครับ เพราะหนุ่มๆจีบเทอโคตรเยอะ (กรุณาจำตัวละครนี้ไว้ให้ดี เพราะสรอรี่คือย๊าววววววยาวววววววว ฮร้าๆๆๆๆๆ) แล้วเทอคนนี้ก็คือผู้หญิงคนแรกของผม (พูดตรงนี้ได้ไหมเนี๊ยมาเราแอบได้เสียกันตอนไหน 5555 เอาเป็นว่าไม่พูดดีก่าาา เพราะตัวละครนี้จะอยู่ในเรื่องอีกนานพอสมควร)
ก็ยังดูเหมือนจะไม่มีอะไรครับ ตอนนั้นเรียนก็ดีครับ แต่งานเงินไม่พอ ลงจากเขาครับ มาสมัครเป็นดีเจ (ตอนนี้อยู่มอ. 5 แล้วนะ และตัวละครเดิมยังอยู่ 5555) แล้วออกจากบ้านมาอยู่ในตัวเมืองใช้ชีวิตคนเดียว ถามว่าตอนนั้นสนุกนะชีวิตทำงานไปเรียนไป ตอนนั้นไม่คิดถึงบ้านเลยนะเป็นไรไม่รู้ แต่โทรหาบ้าง แต่ไม่ค่อยกลับ เพราะรถมอไซค์ อยู่บ้านพ่อใช้ จัดรายการวิทยุ เงินก็ยังไม่พอ กลางคืนไปเสิร์ฟร้านอาหารครับ วิถีชีวิต
- จันทร์ ถึงศุกร์ เช้านั้งรถรับส่งไปเรียน เย็นกลับมาเปลี่ยนชุดทำงานเสิร์ฟ เก็บร้านเที่ยงคืน กลับห้องนอน
- เสาร์อาทิตย์ เช้าไปทำงาน เย็นเลิกงาน ไปเสิร์ฟต่อ
วันหยุดอยู่ไหนหรอ ไม่รู้สิ แต่จะบอกว่าทุกเสาร์อาทิตย์พ่อแม่ผมฟังผมจัดรายการตลอดเลยนะ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้ปรับความเข้ากับพ่อนะ เรื่องบ้านอ่ะ ยังตึงๆอยู่ แต่ตอนนี้ผมเป็นคนดังของหมู่บ้าน และอำเภอนะ (ฮร้าๆๆๆ บร้าๆๆ ไม่ดังขนาดนั้นหรอก) เพราะคลื่นวิทยุที่ผมไปจัดก็ใหญ่นะในอำเภอกันทรลักษณ์อ่ะ (ยังจำตัวละครเดิมได้ไหม นั้นยังอยู่ใน แล้วเป็นหน้าเป็นตามากกกก บ้านเค้าชอบผมใหญ่เลยแหละ ก็ไงละเป็นดีเจ หาเงินเรียน โฮ้ ปังมากกกกก ความชมตัวไปอิ๊ก)
เรื่องเรียนใช่ผมจะไม่เด่นนะ เป็นนักกิจกรรม จะบอกประธงประธานนักเรียนยังเป็นเลย เรียนวิทย์คำนวนครับ ไม่ได้ขี้แหร่นะจบมาเกียรตินิยมอันดับ 4 อยู่นะของสายวิทย์อ่ะ เป็นผู้ชายคนเดียวด้วย ที่เหลือเป็นผู้หญิง (นี้คือทำงานไปด้วยนะ กิจกรรมก็ปัง การเรียนนก็โอ โฮไรจะปานนั้นผู้ชายคนนี้ อิอิ) เหมือนจะดีเนอะ และก็จะดีจริงๆแหละ ผ่านไป 2 เดือนผมมีสิทธิ์สอบสัมพาษณ์คณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม รอบโควตา 19 จังหวัด ผลประกาศออกผมเก็บไว้ในมือ พร้อมน้ำตาที่ไหลเต็ม 2 แก้มคือจะได้ไปสัมพาษณ์ไหมละ จะไปยังไง เงินก็ไม่มี ตัดสินใจยืมมอไซค์เพื่อนไปหาพ่อแม่ทั้งชุดนักเรียน ไปถึงสวัสดี แล้วบอกว่าสอบติด....คำแรกจากปากพ่อรู้ไหมครับว่าพ่อโอแกว่าไง แกยิ้มแล้วบอกว่าใช้เงินเยอะไหมเรียนมหาลัย แล้วจะไปสอบยังไง คือพ่อผมคุยกับผมครั้งแรกในรอบ จะ 3 ปีอ่ะ ผมเม่งโคตรดีใจ แล้วแม่ก็โทรหาป้า เพราะแม่เป็นคนมหาสารคาม (แต่จำความได้แม่ไม่เคยกลับบ้านเกิดเลย จนป้าๆลุงทำบุญหา นึกว่าตายแล้วอ่ะครับ ตลกเกิ๊นนแม่ผม) แล้วนั้นผมก็ได้มาสัมพาสก์รับ 180 คนสอบสองพันกว่าจะบ้าตาย....แต่ขอโทษติดจร้าาาาาา 555555 นั้นแหละครับก็จบม. 6 มาพร้อมกับมีที่เรียนเรียบร้อยแล้ว ก็ชีวิตยังดี๊ดีนะครับ
ด้วยที่ว่าใกล้จะจบม.6 ละตอนนั้นอยากหางานเพิ่มเก็บเงินเตรียมเข้ามหาลัย 2 อาชีพยังไม่พอทำไรละ.....ขายหวยใต้ดินจร้าาาาาา เดือนแรกสนุก เดือนที่ 3 ด้วยความที่เป็นเด็กคิดบ้าๆ ลงหวยผิด คำนวนพลาด คนถูกหวย 5 หมื่นกว่า ยยยยยยย ทำไงละ วันรุ่งขึ้นโทรบอกแม่ด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่าเดี๋ยวเย็นๆเอาเงินไปให้คนที่บ้านที่ถูกหวยนะครับ (ทั้งที่ตอนนั้นไม่มีเงินเลย เพราะคำนวนผิด) เจ้ามือก็คือแม่เจ้าของร้านที่ไปเป็นเด็นเสิร์ฟครับ ซึ่งแกก็ไม่รู้ว่าผมคำนวนผิด แต่ผมติดสินใจกู้เงินแกนะ 10,000 บาท บอกว่าต้องใช้นั้นนี้โน้น แล้วก็ไปจ่ายค่าหวยส่วนหนึ่งก่อน อีกที่เหลือยังไม่จ่าย ....แล้วไง วุ่นวายสิครับ 2 วันผ่านไป 3 วันผ่านไป จัดรายการแบบละอายใจ จนสุดท้ายเรื่องแดง ต้องกลับไปบ้าน พ่อนิแบบไม่มองหน้าผมเลย (เรื่องเดิมยังไม่เคลียใจกันเลย) แล้วจะบอกว่ามีเหตุการณ์หนึ่งที่ผมจำได้ไม่เคยลืม ทุกภาพทุกคำ เช้าวันที่ 2 ที่ผมกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงที่บ้าน (ซึ่งตอนนั้นที่บ้านเข้าใจว่าผมเอาเงินไปใช้ ไปเที่ยวกับแฟน เพราะผมไม่บอกความจริงไปตอนแรก จะมาอธิบายตอนนี้ก็เป็นการแก้ตัวเปล่าๆ ) เจ้าหนี้ผมคนแรกเป็นคุณยายที่หมู่บ้าน (ซึ่งเจ้าหนี้ทุกคนคือคนที่เค้าชื่นชมผมทั้งนั้น ต่างผิดหวังกันไปตามๆกัน) มายืนหน้าบันไดหน้าบ้านตะโกนเรียนผมลงมาคุย แต่แม่ลงไปรับหน้าแทน ทุกคำด่าของยายผมจำได้ไม่เคยลืม ไม่ได้โกรธยาย แต่เม่งโคตรละอายใจตัวเองเพราะแม่คือคนที่ออกหน้ารับคำด่าแทนผมทุกอย่าง 30 นาทีผ่านไปยายเดินกลับ แม่เดินขึ้นมาด้วยตาที่แดง น้ำยายังซึมๆอยู่ พร้อมกับบอกผมว่า "ไม่เป็นไรนะมันผ่านมาแล้ว หิวข้าวไหม ไปล้างหน้ากินข้าวไป แม่จะทำกับข้าวให้กิน" .......คือตรงไหนไหมที่แม่จะว่า สักนิสก็ไม่ แต่พ่อยังคงโกรธผมอยู่ คืออะไรจะลำบากขนาดนั้น ด้วยความที่ต้องการจะแสดงว่าเราต่อสู้ชีวิตได้ เราต้องมีการศึกษาทำงานดีๆเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ทำไมมันถึงเหนื่อยขนาดนั้น แล้วช่วงนั้นเองที่โรงเรียนก็มีกระแสว่าผมต่างๆนาๆ เพราะเทอมสุดท้ายกิจกรรมเยอะผมปลีกตัวออกมาห่างๆ โดนด่าและว่าไม่ช่วยเหลือโรงเรียน (เฮ้ออออ ปัญหาที่มีไม่มีใครรู้เพราะจะบอกว่าไปโรงเรียนยิ้มแย้มทำตัวปกติมาก แต่ภายในใจนะหรออออ เจบเจียนตาย) ช่วงนั้นทั้ง 2 เดือนสุดท้ายที่จะจบมีเงินอยู่500 บาทต้องใช้ทั้งเดือนแต่ละเดือน เพราะที่เหลือต้องเจียดไปใช้หนี้ ไปโรงเรียนไม่เคยกินข้าวเที่ยงเลย ข้าวเช้าก็ไม่กิน กินเย็น ...ซึ่งเย็นที่ว่าคือเลิกงานเที่ยงคืนนะ กินให้อิ่ม แล้วกลับไปนอน ชีวิตแบบบัดซบ แต่ไม่เคยจะท้อ บอกตัวเองมันต้องผ่านไปให้ได้ แล้วตอนนั้นก็จำต้องฝืนตัวเองช่วยงานโรงเรียนอีก แต่สุดท้ายก็จบไปได้ด้วยเกรดนิยมอันดับ 4 นั้นแหละครับ พอจบมาใช่จะดียังใช้หนี้อยู่ แล้วแฟนก็มามีปัญหากันอีกนั้นนี้โน้น เจ้าหนี้ก็ทวงเงิน....
คนเรามาถึงจุดหนึ่ง ที่รู้สึดไม่ไหวแล้วกับชีวิต มันลำบากเหลือเกิน เหนื่อยมาก ตัดสินใจกกินยานอนหลับฆ่าตัวตาย.......แต่ (ก็อยู่ตรงนี้แหละ 55555) พอผ่านความตายมาบอกเลยนะโคตรโง่ วินาทีที่จะหลับจิตนาการเห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่โคนต้นคดงอเพราะตอนเล็กโดนโรคร้าย เฉียดตาย แต่สุดท้ายก็เติบโตมาเป็นต้นไม้ใหญ่ได้อย่าางสง่า แล้วโอละจะตายจริงๆหรอ พ่อแม่ เกียรติยศที่เคยทำมา ....สิ่งที่เคยทำพลาดที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวตนอีกละ ไม่ๆๆๆๆๆๆอย่าๆๆๆหลับ เราจะตายไม่ได้ ....แต่สุดท้ายตาก็หลับไปตอน 2 ทุ่มของวันแดงเดือนด้วย วันนั้นร้านวุ่นวายกันมากเพราะศึกแดงเดือนคนมันเยอะ แต่ไงละผมนอนสลบอยู่ สุดท้ายเช้าวันอาทิตย์ 6 โมงเช้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปกติ (เม่งรอดได้ไงว่ะ ยานอนหลับ คอเฟ ตั้ง 20 เม็ด 55555) นั้นแหละครับตั้นแต่นั้นมาก็ไม่เคยฆ่าตัวตายอีกเลย
............นี้หนักไหม ก็คงไม่หรอกเนาะสำหรับใครๆหลายๆ คน แต่สำหรับผมหนักนะ เพราะนั้นที่เล่าไปมีรายละเอียดอีกเยอะมากที่เล่าไม่หมด ....คิดใช่ไหมว่าเรื่องราวจุดต่ำสุดคงจะผ่านไป คิดใช่ไหมว่าฟ้าจะหลังฝนแล้ว โน้ววววยังๆๆๆๆ ยังไมีอีกครับ
สิ่งที่อยากจะบอกใน Ep. 2 นี้คือ เกราะป้องกันที่แข็งแรงที่สุดคือพ่อแม่ พ่อแม่ทุกคนรักลูก แต่การแสดงออกนั้นอาจจะแตกต่างกันออกไป จงรักและบูชาซึ่งพระคุณบิดามารดา และจงรักษาชีวิตตัวเองต่อให้ทุกข์ขนาดไหนจงอย่างได้คิดสั้น เพราะนั้นคือหนทางของคนโง่เขลาเค้าทำกัน จงยืนหยัดสู้เพื่อสักวันหนึ่ง แม้หนทางมันจะหริบหรี่แต่ก็จงสู้ต่อไป สู้ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่ บทชีวิตเรื่องนี้ยังไม่จบ ตัวละครยังอยู่ เรื่องไหนที่ว่าหนักใครจะรู้อาจจะมีหนักกว่านี้ก็ได้ ขอบพระคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน โปรดติดตาม Ep.3 รับรองมีเรื่องเหนือความคาดหมายมากกว่านี้อีก จะคิดไปบทละครเรื่องนี้ผู้กำกับไม่เคยเลยที่หันกลับมาถามนักแสดงว่าเหนื่อยไหม อยากพักไหม....ทุกอย่างเดินต่อไปอย่างแสนทรมาน ทุกวันคืนนอนหลับพร้อมน้ำตา แต่ใจนั้นหนาก็บอกตัวเองว่าสู้นะโอสู้นะ หนทางมันยากเย็นแต่ก็สู้นะ (เฮ้อออออ) ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งที่สละเวลามาอ่าน แล้วเจอกัน Ep.3 ครับ