ต่อจากวันที่ 13: ตอนเย็นนั่งรถไฟกลับบ้านหลังจากทัวร์พิพิธภัณฑ์เสร็จ ปกติจะไม่ค่อยมีพนักงานมาคอยเช็คว่าเราซื้อตั๋วหรือไม่ ฝรั่งหลายคนก็ขึ้นโดยไม่ซื้อตั๋ว แต่เราไม่อยากเสี่ยงเลยซื้อดีกว่า 7Euro ใช้ได้ทั้งวันและทุกอย่าง S-Bahn, U-Bahn, รถบัส คือมันก็คุ้มอยู่ และแล้วก็เจอแจ๊คพอตจริงๆ เพื่อนฝรั่งสะกิดบอกตั้งแต่ตอนยืนรอรถไฟแล้วว่า ฝันๆเห็นผู้ชายสองคนนั้นมั้ย ฝัน:หะ คนที่หล่อๆอะนะ 555ไม่ใช่ละๆ ผช.สองคนนั้นแต่งตัวธรรมดามาก แต่เหมือนเขาจะเอาอุปกรณ์ตรวจบัตรเสียบไวในกระเป๋ากางเกง เพื่อนเลยสังเกตเห็น พอรถไฟมาถึงเขาก็เดินเข้าไปแบบเนียนมาก ทุกคนทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นทั้งสองคนก็ตะโกนแบบดังจนได้ยินไปถึงดาวอังคารมั้งหน่ะ 555 "Fahrscheine, bitte!" แปลว่า ขอตั๋วโดยสารด้วยคร้าบบบบ โชคดีที่เราซื้อแล้ว แต่มีสามคนในโบกิ้งเดียวกันที่แอบเนียนขึ้นมา พอถึงอีกสถานีนึงเจ้าหน้าที่ก็พาออกไปพร้อมโดนค่าปรับ 80Euro รอดตัวไปอิอิ



พอกลับมาถึงบ้าน เพื่อนของโฮสต์ก็พาไปส่งที่สถานีรถไฟ Hauptbahnhofซึ่งเป็นที่รวมตัวของกรุ๊ปทัวร์  พอลาเสร็จเราก็เดินไปหากลุ่มนร.แลกเปลี่ยน 7-8คน มีทั้งจีน เมกา ละติน ยืนรออีกครึ่งชม.เจ้าหน้าที่ก็พานั่งรถบัสไปที่รร. ในห้องนอนกันสามคน มีเพื่อนคนไทยมาด้วย ทั้งทริปมีคนไทยแค่สองคน พอทานข้าวเย็นเสร็จก็มีประชุมนิดหน่อย แนะนำเจ้าหน้าที่ กฏต่างๆ มีการห้ามตกหลุมรักเพื่อนร่วมทริปด้วย! เออนั่น555


วันที่ 14 พ.ค. : city tour ในเบอร์ลิน
เริ่มกันที่ Brandenburger Tor เป็นประตูชัยของเยอรมนี สร้างในปีพ.ศ. 2331-2334 เคยได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2แต่ก็ถูกบูรณะใหม่จนสวยเหมือนเดิม (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย) รูปปั้นข้างบนคือเทพวิคตอเรีย ถูกนโปเลียนขโมยไปไว้ที่ปารีสในปี 2349 เพราะนโปเลียนบอกว่าเกิดมาไม่เคยเห็นใครสวยขนาดนี้มาก่อน นโปเลียนหลงรัก(กับรูปปั้น)มาก แปดปีต่อมานโปเลียนแพ้สงคราม นายพลเอิร์นส์ ฟอนฟิวเลยขโมยกลับมาไว้ที่เบอร์ลินดังเดิม



ฝั่งตรงข้ามไม่ไกลมากคือ Adlon Hotel รร.นี้ดังมากเพราะ Michael Jackson เคยเอาลุกชายตัวเองมาอุ้มเล่นที่ระเบียงแล้วทำท่าเหมือนจะปล่อยลงมา


Memorial to the Murdered Jews เป็นที่รู้กันว่าฮิตเลอร์ได้สังหารชาวยิวนับล้านคน รัฐบาลเยอรมันเลยสร้างสุสานนี้ไว้กลางเมืองหลวงเพื่อไว้อาลัย,แสดงความเสียใจและเป็นบทเรียนให้แก่คนเยอรมัน



ที่ซ่อนตัวใต้ดินของฮิตเลอร์ ดูธรรมดามาก รอบๆเต็มไปด้วยตึกแถว ไกด์บอกว่าครเยอรมันไม่เคยภูมิใจในสิ่งที่ฮิตเลอร์ทำ เลยไม่คิดจะสร้างอนุสาวรีย์ แต่กลับเอาไปที่ทำเป็นที่จอดรถ ที่ให้สุนัขฉี่แทน

ใต้เท้าฝันตรงนี้เคยเป็นบังเกอร์ของฮิตเลอร์ ผ้าดำๆคือใส่เฝือกอยู่ไม่ต้องตกใจเน้อ555

สนามหญ้าเล็กๆคือทีที่ฮิตเลอร์ถูกเผาหลังจากยิงตัวเองและภรรยาตาย สิ่งที่พิสูจน์ว่าคนที่ถูกเผาเป็นฮิตเลอร์จริงๆคือ ศพมีอัณฑะลูกเดียว นั่นแหละคือฮิตเลอร์


สัญลักษณ์อีกอย่างของ Berlinคือ มนุษย์ไฟจราจร มีที่นี่ที่เดียวไม่เหมือนใคร รัฐบาลเยรมันเคยคิดจะเปลี่ยนแต่คนออกมาประท้วงจริงจังมากว่ามันน่ารักดี ขอเก็บไว้



Berlin Wall กำแพงที่เคยใช้แบ่งเบอร์ลินเป็น2ส่วน คือฝั่งตะวันตกและออก ฝั่งตะวันตกจะปกครองแบบประชาธิปไตย อีกฝั่งแบบคอมมิวนิสต์ สมัยก่อนฝั่งตะวันตกเจริญกว่ามาก คนก็อยากจะปีนข้ามไปฝั่งนั้น แต่อย่าได้แม้แต่จะคิดเพราะมีทหารเฝ้าอย่างเข้มงวดตลอดเวลา ใครข้าม-ยิงเท่านั้น กำแพงถูกยกเลิกในปีค.ศ. 1989 โฮสต์มัมฝันก็ไปร่วมทุบกำแพงกับเขาด้วย ฝาผนังบ้านนี่เต็มไปด้วยเศษคอนกรีต มัมบอกเก็บไว้เป็นที่ระลึก


Eastside Gallery เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเหมือนกันแต่จะเต็มไปด้วย Graffiti รัฐบาลเคยเชิญนักพ่นกำแพงทั้งหลายมารวมตัวกันแล้วก็กลายเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละคะ




ถ่ายกับเพื่อนคนไทย



จากนั้นก็ออกเดินทางไป Amsterdam, Netherlands!!!