คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 106
ผมว่าความเห็นหลายอันในกระทู้นี้แปลกครับ
จขกท มาแสดงความรู้สึกว่า เด็กร้องไห้มันรบกวนผู้อื่น และเสนอวิธีว่างดพาเด็กเล็กไปเที่ยว
แต่ต่างมาแสดงความเห็นว่า
1.เป็นสิทธิ์ของตัวเองและเด็กที่จะไปไหนก็ได้ แต่เลี่ยงจะพูดว่ารบกวนคนอื่น
2.อุดหูสิ
3.ไปเหมานั่ง private สิ
4.เด็กช่วงนั้นกำลังเรียนรู้ ความจำดี
5.จำเป็นต้องไปธุระ
6.จขกท ใจดำ ไม่ยอมเด็กบ้าง
7.มีลูกแล้วจะรู้เอง
เด็กไม่ได้พูดอะไรเลยครับ มีแต่พ่อแม่พูดแทนทั้งนั้น บางคนกลับต่อว่าคนอื่นอีก
เป็นพ่อแม่คน ยังแยกแยะไม่ออกว่า ประเด็นกระทู้คือความเดือดร้อนของสาธารณะกับการอ้างสิทธิ์ตัวเอง นี่แย่แล้วนะครับ
ไม่ผิดกับพ่อแม่เด็กแวนซ์ที่ละเลยปัญหาของลูก แล้วเยาะสังคมว่าทำไมไม่ปกป้องตัวเอง
ต่างกันแค่ขี่เรือบินมันเท่ห์กว่าขี่มอไซค์เท่านั้น
การขอความเห็นใจและรับปากจะหาวิธีแก้ไข ดีกว่าอ้างแล้วต่อว่าคนอื่นครับ
เป็นพ่อแม่คน หากรู้ว่าลูกต้องรบกวนคนในสังคม ต้องหาวิธีแก้เอง
เป็นความคิดที่แย่มากที่ไม่คิดว่าจะเจอ ไล่คนอื่นไปเดินทางแบบ private ทั้งที่ปัญหาอยู่ที่ตัวเองแท้ๆ
ผมว่า
เรื่องเด็กจำความได้กับการควบคุมไม่ให้รบกวนผู้อื่นในสังคม มันคนละประเด็นกันครับ
การจำความเรียนรู้ได้มันเป็นเรื่องของสัญชาติญาณครับ ไม่ใช่การวิเคราะห์เรื่องผิดชอบชั่วดี
หากการเรียนรู้ของเด็กโดยรบกวนคนในสังคม มีจริง
หวังว่าการเดินทางครั้งต่อไปเด็กคงจะนิ่งๆเงียบๆไม่รบกวนใครนะครับ พ่อแม่รับประกันได้ไหม
หากพ่อแม่คนไหนเอาความเดือดร้อนของคนในสังคมมาเป็นที่เรียนรู้ของเด็ก ผมว่าพ่อแม่มีปัญหาแล้วครับ
ผมเคยเจอต่างชาติ เขารู้สึกผิดและอายมาก เมื่อลูกเขาร้องให้งอแงรบกวนคนอื่น เลยเอาหูฟังครอบเด็ก เด็กก็เงียบจนหลับ ไม่ใช่ไล่ให้คนอื่นอุดหู
อยากพาลูกเที่ยวต้องใช้ความพยายามหน่อย ไม่ใช่ต่อว่าคนอื่นไม่มีความอดทนอยู่ร่ำไป
จขกท มาแสดงความรู้สึกว่า เด็กร้องไห้มันรบกวนผู้อื่น และเสนอวิธีว่างดพาเด็กเล็กไปเที่ยว
แต่ต่างมาแสดงความเห็นว่า
1.เป็นสิทธิ์ของตัวเองและเด็กที่จะไปไหนก็ได้ แต่เลี่ยงจะพูดว่ารบกวนคนอื่น
2.อุดหูสิ
3.ไปเหมานั่ง private สิ
4.เด็กช่วงนั้นกำลังเรียนรู้ ความจำดี
5.จำเป็นต้องไปธุระ
6.จขกท ใจดำ ไม่ยอมเด็กบ้าง
7.มีลูกแล้วจะรู้เอง
เด็กไม่ได้พูดอะไรเลยครับ มีแต่พ่อแม่พูดแทนทั้งนั้น บางคนกลับต่อว่าคนอื่นอีก
เป็นพ่อแม่คน ยังแยกแยะไม่ออกว่า ประเด็นกระทู้คือความเดือดร้อนของสาธารณะกับการอ้างสิทธิ์ตัวเอง นี่แย่แล้วนะครับ
ไม่ผิดกับพ่อแม่เด็กแวนซ์ที่ละเลยปัญหาของลูก แล้วเยาะสังคมว่าทำไมไม่ปกป้องตัวเอง
ต่างกันแค่ขี่เรือบินมันเท่ห์กว่าขี่มอไซค์เท่านั้น
การขอความเห็นใจและรับปากจะหาวิธีแก้ไข ดีกว่าอ้างแล้วต่อว่าคนอื่นครับ
เป็นพ่อแม่คน หากรู้ว่าลูกต้องรบกวนคนในสังคม ต้องหาวิธีแก้เอง
เป็นความคิดที่แย่มากที่ไม่คิดว่าจะเจอ ไล่คนอื่นไปเดินทางแบบ private ทั้งที่ปัญหาอยู่ที่ตัวเองแท้ๆ
ผมว่า
เรื่องเด็กจำความได้กับการควบคุมไม่ให้รบกวนผู้อื่นในสังคม มันคนละประเด็นกันครับ
การจำความเรียนรู้ได้มันเป็นเรื่องของสัญชาติญาณครับ ไม่ใช่การวิเคราะห์เรื่องผิดชอบชั่วดี
หากการเรียนรู้ของเด็กโดยรบกวนคนในสังคม มีจริง
หวังว่าการเดินทางครั้งต่อไปเด็กคงจะนิ่งๆเงียบๆไม่รบกวนใครนะครับ พ่อแม่รับประกันได้ไหม
หากพ่อแม่คนไหนเอาความเดือดร้อนของคนในสังคมมาเป็นที่เรียนรู้ของเด็ก ผมว่าพ่อแม่มีปัญหาแล้วครับ
ผมเคยเจอต่างชาติ เขารู้สึกผิดและอายมาก เมื่อลูกเขาร้องให้งอแงรบกวนคนอื่น เลยเอาหูฟังครอบเด็ก เด็กก็เงียบจนหลับ ไม่ใช่ไล่ให้คนอื่นอุดหู
อยากพาลูกเที่ยวต้องใช้ความพยายามหน่อย ไม่ใช่ต่อว่าคนอื่นไม่มีความอดทนอยู่ร่ำไป
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 87
เด็กรู้เรื่อง
เด็กได้ ปสก
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการรบกวนคนอื่น
ที่ จขกท (และคนอื่นๆ) พูด คงหมายถึง
"ถ้าไม่สามารถควบคุมเด็กได้ ถ้าไม่สามารถทำให้เด็กไม่รบกวนคนอื่นได้ อย่าเดินทาง"
ผมเอง ลูก 2 ครับ
จะพาไป ตปท ก็ต่อเมื่อ คุยรู้เรื่องแล้ว ตกลงกันรู้เรื่อง ถึงจะพาไปเที่ยว ตปท
พาลูกไปดูหนังเรื่องแรก ผมตกลงกับลูกว่า
ห้ามพูด ห้ามถาม ห้ามคุย
มีอะไรออกมาถามข้างนอก
ตลอดทั้งเรื่อง ไม่พูด ไม่ถาม ไม่คุย หัวเราะคิกคักๆเบาๆคนเดียว
ไม่มีการรบกวนคนอื่น
ทำอะไรก็ทำ อยากเที่ยวก็เที่ยว แต่อย่าริดรอนสิทธิ์คนอื่น
เด็กได้ ปสก
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการรบกวนคนอื่น
ที่ จขกท (และคนอื่นๆ) พูด คงหมายถึง
"ถ้าไม่สามารถควบคุมเด็กได้ ถ้าไม่สามารถทำให้เด็กไม่รบกวนคนอื่นได้ อย่าเดินทาง"
ผมเอง ลูก 2 ครับ
จะพาไป ตปท ก็ต่อเมื่อ คุยรู้เรื่องแล้ว ตกลงกันรู้เรื่อง ถึงจะพาไปเที่ยว ตปท
พาลูกไปดูหนังเรื่องแรก ผมตกลงกับลูกว่า
ห้ามพูด ห้ามถาม ห้ามคุย
มีอะไรออกมาถามข้างนอก
ตลอดทั้งเรื่อง ไม่พูด ไม่ถาม ไม่คุย หัวเราะคิกคักๆเบาๆคนเดียว
ไม่มีการรบกวนคนอื่น
ทำอะไรก็ทำ อยากเที่ยวก็เที่ยว แต่อย่าริดรอนสิทธิ์คนอื่น
ความคิดเห็นที่ 5
"หลาย ๆ คนมักคิดว่าทำไมชอบพาเด็กเล็ก ๆ ไปเที่ยว สำหรับครอบครัวเรา เราว่าการพาเด็กไปคือการเปิดประสบการณ์อย่างหนึ่ง มันเป็นการเปิดโอกาสให้สมองเค้าได้เชื่อมต่อกัน และสร้างเส้นใยสมอง หลายคนคิดว่าเด็กไม่รู้เรื่อง แต่จริง ๆ ช่วง 0-6 ปี เป็นช่วงที่สมองของเด็กขยายและเก็บข้อมูล เด็กจะเรียนรู้ได้ดีกว่าการที่ให้เค้าเห็นจากทีวีหรือไอแพด เพราะนี่คือของจริง ประสบการณ์จริง อย่างบ้านเราจะพาลูกเที่ยวต่างจังหวัดอย่างน้อยเดือนละครั้ง และไปสวนสาธารณะในกรุงเทพอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เพื่อให้เค้ามีโอกาสได้เห็นธรรมชาติ วิ่งเล่น และใช้พลังงานในการเคลื่อนไหว นอกจากนี้เวลาที่แฟนเราต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ครอบครัวเราก็มักจะไปด้วยกันหมดทั้งสามคน พ่อแม่ลูก แฟนเรามองว่าเป็นการฝึกลูกให้ชินกับวิถีชีวิตของครอบครัว"
Credit: คุณ Travel Animal : http://ppantip.com/topic/32659141
เด็กรู้เรื่องนะครับ ยิ่งช่วง 1-2 ขวบนี่แหละ รู้มากด้วย เพียงแต่เขายังพูดไม่ได้เท่านั้นเองครับ
Credit: คุณ Travel Animal : http://ppantip.com/topic/32659141
เด็กรู้เรื่องนะครับ ยิ่งช่วง 1-2 ขวบนี่แหละ รู้มากด้วย เพียงแต่เขายังพูดไม่ได้เท่านั้นเองครับ
ความคิดเห็นที่ 22
เพราะคุณเคยได้ไป อยู่กับพ่อแม่ คุณก็เลยไม่ได้จำ
แต่ความทรงจำที่ฝังแน่นมากสมัยเด็กของเราอย่างหนึ่งก็คือ
แม่ไปเที่ยว ตปท (กับแก๊งเพื่อนๆเค้า) หลายรอบอยู่ แต่ละรอบก็สักอาทิตย์ อาทิตย์กว่า ญี่ปุ่น อเมริกา บลาๆ
ทุกครั้งเราจะไม่ได้ไปกับแม่ เพราะเรายังเด็ก แม่เรากลัวเราไปรบกวนชาวบ้านเค้า ทิ้งเราไว้กับพี่เลี้ยง
เราไม่ได้อยากไปเที่ยวหรอกนะที่เหล่านั้น แค่เราอยากอยู่กับแม่ค่ะ
มีความรู้สึกว่าถูกทิ้งแล้วแม่หนีไปมีความสุข แต่ละวันนี่เรานับเวลารอแม่กลับมาเลย ดูทีวีมี ฮ ตก เราก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร
คิดว่าแม่อยู่ใน ฮ นั้น (บ้าสิ เค้าไปเครื่องบินเฟ้ยย แต่เด็กอ่าเนาะ แยกไม่ออก)
แม่กลับมาพร้อมของเล่น ถ่ายรูปมาให้ดู เห็นเร่าเริงเรายังคิดเลย ว่าไม่มีเราอยู่ แม่ดูมีความสุขเนาะ รู้สึกเหี่ยวๆ ฮ่าา
ตอนนี้มีลูก เลยตั้งใจมากกก ว่าครบขวบแล้วจะพาลูกไปด้วย (เรากับสามีชอบเที่ยวค่ะ)
แต่ก็พยายามให้เกิดผลกระทบน้อยสุด เช่น เลือกประเทศที่ไม่สมบุกสมบัน เที่ยวกันเอง เช่ารถขับ บลาๆ
ถ้าเราล่องสำเภาไปเองได้แล้วไม่หนวกหูใครเราก็ทำไปแล้วค่ะ
อีกอย่าง ไปเที่ยวกันสองคน แล้วเอาลูกไปฝากพ่อแม่ สำหรับเราดูยังไงๆอยู่ เหมือนไม่มีความรับผิดชอบ หนีลูกเที่ยว
ทิ้งภาระให้คนแก่ที่บ้าน บลาๆ
แต่ความทรงจำที่ฝังแน่นมากสมัยเด็กของเราอย่างหนึ่งก็คือ
แม่ไปเที่ยว ตปท (กับแก๊งเพื่อนๆเค้า) หลายรอบอยู่ แต่ละรอบก็สักอาทิตย์ อาทิตย์กว่า ญี่ปุ่น อเมริกา บลาๆ
ทุกครั้งเราจะไม่ได้ไปกับแม่ เพราะเรายังเด็ก แม่เรากลัวเราไปรบกวนชาวบ้านเค้า ทิ้งเราไว้กับพี่เลี้ยง
เราไม่ได้อยากไปเที่ยวหรอกนะที่เหล่านั้น แค่เราอยากอยู่กับแม่ค่ะ
มีความรู้สึกว่าถูกทิ้งแล้วแม่หนีไปมีความสุข แต่ละวันนี่เรานับเวลารอแม่กลับมาเลย ดูทีวีมี ฮ ตก เราก็ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร
คิดว่าแม่อยู่ใน ฮ นั้น (บ้าสิ เค้าไปเครื่องบินเฟ้ยย แต่เด็กอ่าเนาะ แยกไม่ออก)
แม่กลับมาพร้อมของเล่น ถ่ายรูปมาให้ดู เห็นเร่าเริงเรายังคิดเลย ว่าไม่มีเราอยู่ แม่ดูมีความสุขเนาะ รู้สึกเหี่ยวๆ ฮ่าา
ตอนนี้มีลูก เลยตั้งใจมากกก ว่าครบขวบแล้วจะพาลูกไปด้วย (เรากับสามีชอบเที่ยวค่ะ)
แต่ก็พยายามให้เกิดผลกระทบน้อยสุด เช่น เลือกประเทศที่ไม่สมบุกสมบัน เที่ยวกันเอง เช่ารถขับ บลาๆ
ถ้าเราล่องสำเภาไปเองได้แล้วไม่หนวกหูใครเราก็ทำไปแล้วค่ะ
อีกอย่าง ไปเที่ยวกันสองคน แล้วเอาลูกไปฝากพ่อแม่ สำหรับเราดูยังไงๆอยู่ เหมือนไม่มีความรับผิดชอบ หนีลูกเที่ยว
ทิ้งภาระให้คนแก่ที่บ้าน บลาๆ
แสดงความคิดเห็น
ทำไมชอบพาเด็กอายุ 1-5 ขวบไปเที่ยว ตปท กันครับ ???
ผมว่านะ รอให้เค้าโตกว่านี้หน่อยค่อยพาไปจะดีกว่ามั้ย เห็นประจำเลยบนเครื่องบิน
ไหนจะรถเข็น ผ้า อ้อม นม เครื่องขึ่น ก็ ร้อง ลง ก็ ร้อง อยุเฉยๆ ก็ ร้อง น่ารำคาญมากๆ ครับ บอกเลย
ละเด็กที่ไปนะ ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เอาไป ขึ่นเครื่องบิน ปวดหูเล่นเปล่าๆ โตขึ้นมายังจำไม่ได้เลยว่าตอนเด็กๆไป เที่ยวมา
ถ้ามันไม่ร้องนะจะไม่ว่าอะไรเลย นี่ร้องไห้ตลอดเวลา ตอนอยู่บนเครื่อง
ถ้าที่บ้านไม่มีใครอยู่ก็ฝาก ญาติ สถานรับเลี้ยงอะไรไว้ก็ได้ ละก็มาเที่ยวกัน 2 คน อยากเป็นครอบครัวสุขสันต์ แต่คนนั่งข้างๆนี่ ทุกข์มาก
หรือเพราะ ค่าตั๋วได้ลดราคา แค่นั้น ผมว่าไปท้องฟ้าจำลอง ดรีมเวิลด์ อะไรแบบนี้ยังจะมีประโยชน์กว่า