เริ่มตอนด้วยฉากอาบน้ำของสาวๆการอาวุธ
แต่ขณะที่กำลังอาบน้ำเพลินๆ อยู่ดีๆน้ำก็หบุดไหลซะงั้น
ที่สะพานกำลังคาดเดาเส้นทางของมุซาชิว่ากำลังจะมุ่งหน้าไปไหนกันแน่ ซึ่งโคโคะจังก็คาดว่าน่าจะเดินทางเข้าสู่แผ่นดินใหญ่
เนื่องจากฮาเระคาเสะเป็นลำเดียวที่พอจะสามารถติดต่อและติดตามมุซาชิได้จึงต้องตามหามุซาชิต่อไปตามคำสั่งของโรงเรียน
หลังจากนั้นก็ลงมาเช็คถังน้ำกับแผนกป้องกันความเสียหายเพื่อหาว่าทำไมน้ำหยุดไหล แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องร้องขอการซ่อมแซม โคโคะจังเลยนัดพบกับเรือส่งกำลังบำรุง ในอีก 5 วันถัดจากนี้
ดังนั้นช่วงนี้จึงต้องประหยัดน้ำให้มากๆ
สำหรับการชำระล้างต่างๆก็จะใช้น้ำทะเลไปก่อน คุโระจังที่เข้าห้องน้ำไปก่อนที่จะทำการติดประกาศเสร็จก็เลยโดนน้ำทะเลจากท่อฉีดชำระอัตโนมัติเข้าไปเต็มๆถึงกับอาละวาดอยู่ในห้องน้ำเลยทีเดียว
ด้านเมจังกับทามะจังที่ไม่ได้อาบน้ำมา 3 วันแล้วก็เลยจำใจต้องอาบด้วยน้ำทะเลไป
ทำให้ผมยุ่งไปหมด (ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร)
แต่กลายเป็นว่ามีแต่มาริโควจิซังที่ยังคงผมนุ่มสลวยสวยเก๋อยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
และเนื่องจากไม่มีน้ำเลยประกอบอาหารไม่ได้ก็เลยจำใจต้องกินพวกอาหารกระป๋องไปก่อน
ส่วนการซักผ้าก็ใช้น้ำทะเลเช่นกัน สาวๆก็ไม่อยากซักเท่าไหร่เพราะว่าเดี๋ยวกลิ่นน้ำทะเลจะติดชุดชั้นใน
จากนั้นฮาเระคาเสะก็แล่นเข้าไปในหมอก พร้อมเปิด Searchlight และชักหวูดเรือเพื่อเตืนให้เรือลำอื่นที่อาจจะอยู่ในบริเวณให้รู้
แต่ถือว่าเป็นโชคดีเพราะฝนได้ตกลงมา ทุกคนเลยออกมาอาบน้บนดาดฟ้าำและรองน้ำฝนไว้ใช้กัน
แต่ฝนดันแรงขึ้นจนเป็นพายุซะงั้นเลยต้องระงับการรองน้ำฝนไว้ก่อนแล้วห้ามทุกคนขึ้นไปบนดาดฟ้าเนื่องจากพายุแรงมาก
เป็นปกติของเรือที่ทางเดินจะแคบ เวลาเดินสวนกันตองหันข้างเดินครับ
เมกุจังกับมัจจิหลบทางให้ไปก่อน
แต่ว่าเพราะเมกุจังตัวเล็กหน้าเลยอยู่ระดับเดียวกับหน้าอกของซากุระจังพอดี ทำให้โดนหน้าอกกดหน้าจนเกือบหายใจไม่ออก
พายุแรงมาก ทางด้านมิเกะดูเหมือนจะกลัวฟ้าผ่ามากจนทนไม่ไหวเลยรีบวิ่งหนีออกจากสะพานมา
ด้วยความกลัวเลยวิ่งไปกอดมัจจิที่กำลังแปรงฟันอยู่แบบงงๆ มีมี่จังก็ของขึ้นที่เห็นการ NTR ต่อหน้าต่อตา
(คืออยู่กัน 3 คนนะ แต่เลือกวิ่งไปหามัจจิอาจจะเพราะตัวใหญ่น่าจะปกป้องได้มั้ง)
ที่ห้องของชิโระจังกับมี่จังวันนี้มีโคโคะจังมาขอดูทีวีด้วย (คงจะเปิดแผ่นดูกัน)
ก็ไม่พ้นหนังแนวนักเลงย้อนยุคที่ทั้งคู่ชอบ ระหว่างนั้นมิเกะก็มาเคาะประตูเพื่อหาคนแลกเวรด้วยหน่อย
ทางโคโคะและมี่จังที่กำลังอินจัดอยู่ก็ถามถึงเหตุผลที่มาขอแลกเวรด้วยท่าทีแบบแยงกี้ เป็นฉากที่ผมชอบที่สุดในตอนนี้แล้ว
"เพราะเหตุอันใด"
"ไหนลองบอกกล่าว"
มิเกะบอกว่ากลัวฟ้าผ่า โคโคะจังก็เข้าใจเลยยอมแลกเวรด้วย
แต่องค์ยังลงอยู่
"เช่นนั้นแล้วข้าคงต้องขอตัว"
มิเกะเล่าว่าเพราะตอนเด็กๆเรือที่โดยสารมากับครอบครัวอับปางลง ในวันที่พายุโหมกระหน่ำ
โดยพ่อกับแม่ได้ให้ตัวเธอโดดหนีออกมาก่อน แต่ทั้งคู่กลับไม่ได้ออกมาด้วย
เวลามีฟ้าผ่าจึงทำให้กลัวและนึกถึงเรื่องตอนนั้นขึ้นมา
โคโคะจังก็แจ้งว่ามีวิทยุขอความช่วยเหลือมาจากเรือชินบาชิซึ่งเป็นเรือศูนย์การค้า
เนื่องจากบริเวณนั้นคือริเวณหมู่เกาะปะการัง อูลิธี เรือจึงเกยเข้ากับแนวปะการังและมีน้ำเข้าทางกราบซ้าย ฮาเระคาเสะที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงรีบมุ่งหน้าไปช่วย
โดยให้แจ้งเรื่องไปยังโรงเรียนและ Blue Mermaid เพื่อขอความช่วยเหลือ
มิเกะจัดทีมช่วยเหลือให้เตรียมพร้อมไว้ประกอบไปด้วยแผนกการอาวุธ แผนกป้องกันความเสียหาย และแผนกเดินเรือ
ทุกคนเปลี่ยนชุดมาเป็น Wetsuit เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิบัติงานใต้น้ำ
ชุดนี้จัดอยู่ในประเภทเครื่องแบบเฉพาะกาลครับ
หมายความว่าเมื่อหมดภารกิจหรือความจำเป็นต้องปฏิบัติด้วยเครื่องแบบนี้ ก็ให้กลับมาสวมเครื่องแบบปกติตามระเบียบการแต่งกาย
จริงๆแล้วสาวๆไม่ได้อ้วนขึ้นหรอกครับแต่ชุดต้องออกแบบมาให้เป็นชุดรัดรูปให้แนบเนื้อที่สุด เนื่องจากประโยชน์ของ Wetsuits คือการควบคุมอุณหภูมิ เพราะเวลาดำน้ำยิ่งลึกก็ยิ่งหนาว ตัวชุดเองก็มีทำออกมาหลายแบบว่าจะใช้สำหรับการดำน้ำตั้งแต่อุณหภูมิเท่าไหร่ถึงจะเหมาะ
ชุดทำจากวัสดุพวกยางและโฟม หรือ ฟองน้ำ ทำหน้าที่เหมือนฉนวนป้องกันความร้อนจากตัวเราไม่ให้ถ่ายเทไปสู่น้ำมากเกินไป และป้องกันผิวหนังในกรณีที่ไปสัมผัสกับพืชหรือสัตว์มีพิษ
ส่วนที่ต้องออกแบบให้รัดรูปเนื่องจากถ้าชุดหลวมเกินไป ช่องว่างระหว่างผิวหนังและชุดจะมีน้ำแทรกตัวเข้ามาและทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลงเร็วขึ้นครับ แต่ถ้าแน่นจนหายใจไม่ออกก็ไม่ดีนะครับควรให้พอดีตัวมากกว่า
ในไทยอาจจะไม่คุ้นเท่าไหร่เพราะน้ำทะเลมันไม่ได้เย็นมาก แต่ในเรื่องถือว่าอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรพอสมควรน้ำเย็นกว่าในไทยแน่นอน แถมเป็นเวลากลางคืนที่พายุเพิ่งผ่านไปอีกจึงจำเป็นต้องสวมชุดนี้
กองทัพเรือเองก็กำหนดให้ผู้ทำหน้าที่นักทำลายใต้น้ำตั้งแต่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียสลงมาสวมชุดลักษณะนี้ด้วยครับ
ภาพเครื่องแบบกองทัพเรือ จากกรมกำลังพลทหารเรือ
www.person.navy.mi.th/uniform_navy/document/UniformNavy56.pdf
หลังจากนั้น 50 นาที ฮาเระคาเสะก็เดินทางมาถึงโชคดีที่พายุผ่านไปแล้ว
พบว่าชินบาชิเอียงไปได้ 40 องศาแล้ว ถ้าเอียงเกิน 50 องศาเรืออาจจะคว่ำได้
ถ้าเรือคว่ำล่ะก็การช่วยเหลือผู้ที่ยังติดอยู่ข้างในจะเป็นไปได้ยากมากครับ เพราะอากาศภายในเรือจะถูกน้ำเข้าไปแทนที่ โอกาสรอดจึงต่ำมาก
โคโคะจังนำพิมพ์เขียวของชินบาชิมาดูเพื่อวางแผนช่วยเหลือ
3ชั้นแรกจะเป็นส่วนของร้านค้า และชั้น 4 เป็นห้องพักอาศัย
มิเกะเกือบจะขอเอาสคิปเปอร์ออกไปนำทีมแต่นึกขึ้นได้ว่าต้นเรือไม่ชอบให้ออกไป ก็เลยถามว่าแบบนี้จะให้ทำยังไงต่อ
ชิโระจังบอกให้มิเกะอยู่บนเรือก็พอ เดี๋ยวตัวเองจะนำทีมช่วยเหลือเอง ทางมี่จังก็ขอไปด้วย
(งานฝึกความพร้อมลูกเรือสำหรับภารกิจค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางเรือก็เป็นส่วนหนึ่งในหน้าที่ต้นเรือเช่นกัน)
ขณะที่เรือบตของทีมช่วยเหลือกำลังไปที่ชินบาชิ ชิโระจังก็แบ่งหน้าที่ดังนี้
ชิโระ มี่จัง กับแผนกการอาวุธ (ปืน) คือ ฮิคาริจัง จุนจัง มิตซัง - ค้นหาผู้ที่ยังติดอยู่ในเรือ
แผนกการอาวุธ (ใต้น้ำ)
มาริโควจิซัง ริจจัง คาโยะจัง - ทำหน้าที่นักประดาน้ำเพื่อประเมินความเสียหายส่วนท้องเรือที่เกยแนวปะการัง
แผนกเดินเรือกับแผนกป้องกันความเสียหาย
ซาโต้จัง กับสึกุจัง(ไม่ได้อยู่ในภาพ) ฮิเมะจัง โมโมะจัง - อพยพคนแล้วพาขึ้นไปที่ฮาเระคาเสะ
ขณะที่ทุกคนกำลังกังวลว่า ถึงจะเคยฝึกหลักสูตรค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยมาแล้วตอนม.ต้น แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกไม่รู้จะทำพลาดมั้ย
ชิโระจังก็พูดมาว่า ปกติแล้วเธอก็มักจะโชคไม่ดีตลอดไม่รู้จะเป็นอะไรมั้ย ทำเอาทุกคนห่อเหี่ยวไปหมด
หลังจากที่ขึ้นเรือมาได้และแยกย้ายไปทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
กลุ่มชิโระจังที่กำลังค้นหาผู้ที่ยังติดอยู่ในเรือพบว่าระบบฉุกเฉินไม่ทำงาน ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าเรือลำนี้อาจจะเจอแบบเดียวกับที่ทุกคนเจอมาก็ได้
ด้านกลุ่มนักประดาน้ำมาริโควจิซังรายงานความเสียหาย ท้องเรือมีรอยแตกยาว 120 เมตร กินเนื้อที่ไปตลอด 4 ห้อง
ห้อง 1-3 โดนน้ำท่วมหมดเรียบร้อยแล้ว
เมื่อรายงานทั้งหมดไปที่ฮาเระคาเสะก็คาดว่าเรือน่าจะทนได้อีกไม่นาน มิเกะจึงสั่งให้ฮาเระคาเสะรีบเข้าเทียบเพื่ออพยพคนทันที
ขระที่กำลังอพยพคนที่ติดอยู่ในเรือ ชายหญิงคู่หนึ่งก็บอกว่าพวกเขาตามหา "ทามอนมารุ" ไม่เจอ
ชิโระจังจึงบอกให้ทั้ง 2 คนอพยพออกไปก่อนส่วนตัวเธอจะตามหา "ทามอนมารุ" เอง
มี่จังก็ตามไปช่วยด้วย
ขณะที่กำลังตามหา "ทามอนมารุ" ก็ได้ยินเสียงแมว แล้วก็พบลูกแมวที่มีปลอกคอเขียนว่า TAMONMARU
ครับทามอนมารุก็คือชื่อแมวนั่นเอง และหลายๆคนน่าจะนึกออกว่าชื่อนี้มีความหมายอย่างไร
ใครที่ไม่รู้ก็ไว้เดี๋ยวบอกในตอนท้ายนะครับ
แต่ในตอนนั้นเองตัวเรือก็ฉีกขาดออกจากกันเป็นสองท่อนน่าจะเหมือนกับกรณีเรือสินค้าของนิวซีแลนด์ที่เกยแนวปะการังเช่นกัน
คือโดนคลื่นซัดอย่างหนักทำให้ตัวเรือฉีกขาดออก
แต่ถึงอย่างนั้นเรือก็ไม่ใช่ว่าจะจมเร็วแบบไททานิคนะครับ เพราะยังติดแนวปะการังอยู่ทำให้ยังไม่จมลงไปทั้งลำ
ทางด้านมี่จังที่แยกกันหาคนละทางก็หนีออกมาได้ทัน
แต่ชิโระจังกับทามอนมารุยังติดอยู่ข้างใน ทั้งคู่กลัวแต่ก็พยายามหาทางรอดโดยปีนขึ้นไปในช่องแอร์ เนื่องจากทางเดินโดนน้ำท่วมหมดแล้ว
ขณะที่ทีมช่วยเหลือกำลังกลับฮาเระคาเสะก็พบว่า Blue Mermaid ที่ขอความช่วยเหลือไปได้เดินทางมาถึงแล้ว
(เรื่องนี้ไม่มีเฮลิคอปเตอร์กับเครื่องบินแต่ใช้โฮเวอร์คราฟท์แทนแฮะ มิน่าถึงมีลานจอด ฮ. ท้ายเรือครูฝึก)
และเมื่อทราบว่ายังมีนักเรียนติดอยู่จึงรีบเข้าช่วยเหลือทันที
[Spoil] High School Fleet (hai-furi) ตอนที่ 7 - วิกฤตการณ์ท่ามกลางพายุ
แต่ขณะที่กำลังอาบน้ำเพลินๆ อยู่ดีๆน้ำก็หบุดไหลซะงั้น
ที่สะพานกำลังคาดเดาเส้นทางของมุซาชิว่ากำลังจะมุ่งหน้าไปไหนกันแน่ ซึ่งโคโคะจังก็คาดว่าน่าจะเดินทางเข้าสู่แผ่นดินใหญ่
เนื่องจากฮาเระคาเสะเป็นลำเดียวที่พอจะสามารถติดต่อและติดตามมุซาชิได้จึงต้องตามหามุซาชิต่อไปตามคำสั่งของโรงเรียน
หลังจากนั้นก็ลงมาเช็คถังน้ำกับแผนกป้องกันความเสียหายเพื่อหาว่าทำไมน้ำหยุดไหล แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องร้องขอการซ่อมแซม โคโคะจังเลยนัดพบกับเรือส่งกำลังบำรุง ในอีก 5 วันถัดจากนี้
ดังนั้นช่วงนี้จึงต้องประหยัดน้ำให้มากๆ
สำหรับการชำระล้างต่างๆก็จะใช้น้ำทะเลไปก่อน คุโระจังที่เข้าห้องน้ำไปก่อนที่จะทำการติดประกาศเสร็จก็เลยโดนน้ำทะเลจากท่อฉีดชำระอัตโนมัติเข้าไปเต็มๆถึงกับอาละวาดอยู่ในห้องน้ำเลยทีเดียว
ด้านเมจังกับทามะจังที่ไม่ได้อาบน้ำมา 3 วันแล้วก็เลยจำใจต้องอาบด้วยน้ำทะเลไป
ทำให้ผมยุ่งไปหมด (ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร)
แต่กลายเป็นว่ามีแต่มาริโควจิซังที่ยังคงผมนุ่มสลวยสวยเก๋อยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
และเนื่องจากไม่มีน้ำเลยประกอบอาหารไม่ได้ก็เลยจำใจต้องกินพวกอาหารกระป๋องไปก่อน
ส่วนการซักผ้าก็ใช้น้ำทะเลเช่นกัน สาวๆก็ไม่อยากซักเท่าไหร่เพราะว่าเดี๋ยวกลิ่นน้ำทะเลจะติดชุดชั้นใน
จากนั้นฮาเระคาเสะก็แล่นเข้าไปในหมอก พร้อมเปิด Searchlight และชักหวูดเรือเพื่อเตืนให้เรือลำอื่นที่อาจจะอยู่ในบริเวณให้รู้
แต่ถือว่าเป็นโชคดีเพราะฝนได้ตกลงมา ทุกคนเลยออกมาอาบน้บนดาดฟ้าำและรองน้ำฝนไว้ใช้กัน
แต่ฝนดันแรงขึ้นจนเป็นพายุซะงั้นเลยต้องระงับการรองน้ำฝนไว้ก่อนแล้วห้ามทุกคนขึ้นไปบนดาดฟ้าเนื่องจากพายุแรงมาก
เป็นปกติของเรือที่ทางเดินจะแคบ เวลาเดินสวนกันตองหันข้างเดินครับ
เมกุจังกับมัจจิหลบทางให้ไปก่อน
แต่ว่าเพราะเมกุจังตัวเล็กหน้าเลยอยู่ระดับเดียวกับหน้าอกของซากุระจังพอดี ทำให้โดนหน้าอกกดหน้าจนเกือบหายใจไม่ออก
พายุแรงมาก ทางด้านมิเกะดูเหมือนจะกลัวฟ้าผ่ามากจนทนไม่ไหวเลยรีบวิ่งหนีออกจากสะพานมา
ด้วยความกลัวเลยวิ่งไปกอดมัจจิที่กำลังแปรงฟันอยู่แบบงงๆ มีมี่จังก็ของขึ้นที่เห็นการ NTR ต่อหน้าต่อตา
(คืออยู่กัน 3 คนนะ แต่เลือกวิ่งไปหามัจจิอาจจะเพราะตัวใหญ่น่าจะปกป้องได้มั้ง)
ที่ห้องของชิโระจังกับมี่จังวันนี้มีโคโคะจังมาขอดูทีวีด้วย (คงจะเปิดแผ่นดูกัน)
ก็ไม่พ้นหนังแนวนักเลงย้อนยุคที่ทั้งคู่ชอบ ระหว่างนั้นมิเกะก็มาเคาะประตูเพื่อหาคนแลกเวรด้วยหน่อย
ทางโคโคะและมี่จังที่กำลังอินจัดอยู่ก็ถามถึงเหตุผลที่มาขอแลกเวรด้วยท่าทีแบบแยงกี้ เป็นฉากที่ผมชอบที่สุดในตอนนี้แล้ว
"เพราะเหตุอันใด"
"ไหนลองบอกกล่าว"
มิเกะบอกว่ากลัวฟ้าผ่า โคโคะจังก็เข้าใจเลยยอมแลกเวรด้วย
แต่องค์ยังลงอยู่
"เช่นนั้นแล้วข้าคงต้องขอตัว"
มิเกะเล่าว่าเพราะตอนเด็กๆเรือที่โดยสารมากับครอบครัวอับปางลง ในวันที่พายุโหมกระหน่ำ
โดยพ่อกับแม่ได้ให้ตัวเธอโดดหนีออกมาก่อน แต่ทั้งคู่กลับไม่ได้ออกมาด้วย
เวลามีฟ้าผ่าจึงทำให้กลัวและนึกถึงเรื่องตอนนั้นขึ้นมา
โคโคะจังก็แจ้งว่ามีวิทยุขอความช่วยเหลือมาจากเรือชินบาชิซึ่งเป็นเรือศูนย์การค้า
เนื่องจากบริเวณนั้นคือริเวณหมู่เกาะปะการัง อูลิธี เรือจึงเกยเข้ากับแนวปะการังและมีน้ำเข้าทางกราบซ้าย ฮาเระคาเสะที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงรีบมุ่งหน้าไปช่วย
โดยให้แจ้งเรื่องไปยังโรงเรียนและ Blue Mermaid เพื่อขอความช่วยเหลือ
มิเกะจัดทีมช่วยเหลือให้เตรียมพร้อมไว้ประกอบไปด้วยแผนกการอาวุธ แผนกป้องกันความเสียหาย และแผนกเดินเรือ
ทุกคนเปลี่ยนชุดมาเป็น Wetsuit เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิบัติงานใต้น้ำ
ชุดนี้จัดอยู่ในประเภทเครื่องแบบเฉพาะกาลครับ
หมายความว่าเมื่อหมดภารกิจหรือความจำเป็นต้องปฏิบัติด้วยเครื่องแบบนี้ ก็ให้กลับมาสวมเครื่องแบบปกติตามระเบียบการแต่งกาย
จริงๆแล้วสาวๆไม่ได้อ้วนขึ้นหรอกครับแต่ชุดต้องออกแบบมาให้เป็นชุดรัดรูปให้แนบเนื้อที่สุด เนื่องจากประโยชน์ของ Wetsuits คือการควบคุมอุณหภูมิ เพราะเวลาดำน้ำยิ่งลึกก็ยิ่งหนาว ตัวชุดเองก็มีทำออกมาหลายแบบว่าจะใช้สำหรับการดำน้ำตั้งแต่อุณหภูมิเท่าไหร่ถึงจะเหมาะ
ชุดทำจากวัสดุพวกยางและโฟม หรือ ฟองน้ำ ทำหน้าที่เหมือนฉนวนป้องกันความร้อนจากตัวเราไม่ให้ถ่ายเทไปสู่น้ำมากเกินไป และป้องกันผิวหนังในกรณีที่ไปสัมผัสกับพืชหรือสัตว์มีพิษ
ส่วนที่ต้องออกแบบให้รัดรูปเนื่องจากถ้าชุดหลวมเกินไป ช่องว่างระหว่างผิวหนังและชุดจะมีน้ำแทรกตัวเข้ามาและทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลงเร็วขึ้นครับ แต่ถ้าแน่นจนหายใจไม่ออกก็ไม่ดีนะครับควรให้พอดีตัวมากกว่า
ในไทยอาจจะไม่คุ้นเท่าไหร่เพราะน้ำทะเลมันไม่ได้เย็นมาก แต่ในเรื่องถือว่าอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรพอสมควรน้ำเย็นกว่าในไทยแน่นอน แถมเป็นเวลากลางคืนที่พายุเพิ่งผ่านไปอีกจึงจำเป็นต้องสวมชุดนี้
กองทัพเรือเองก็กำหนดให้ผู้ทำหน้าที่นักทำลายใต้น้ำตั้งแต่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียสลงมาสวมชุดลักษณะนี้ด้วยครับ
ภาพเครื่องแบบกองทัพเรือ จากกรมกำลังพลทหารเรือ
www.person.navy.mi.th/uniform_navy/document/UniformNavy56.pdf
หลังจากนั้น 50 นาที ฮาเระคาเสะก็เดินทางมาถึงโชคดีที่พายุผ่านไปแล้ว
พบว่าชินบาชิเอียงไปได้ 40 องศาแล้ว ถ้าเอียงเกิน 50 องศาเรืออาจจะคว่ำได้
ถ้าเรือคว่ำล่ะก็การช่วยเหลือผู้ที่ยังติดอยู่ข้างในจะเป็นไปได้ยากมากครับ เพราะอากาศภายในเรือจะถูกน้ำเข้าไปแทนที่ โอกาสรอดจึงต่ำมาก
โคโคะจังนำพิมพ์เขียวของชินบาชิมาดูเพื่อวางแผนช่วยเหลือ
3ชั้นแรกจะเป็นส่วนของร้านค้า และชั้น 4 เป็นห้องพักอาศัย
มิเกะเกือบจะขอเอาสคิปเปอร์ออกไปนำทีมแต่นึกขึ้นได้ว่าต้นเรือไม่ชอบให้ออกไป ก็เลยถามว่าแบบนี้จะให้ทำยังไงต่อ
ชิโระจังบอกให้มิเกะอยู่บนเรือก็พอ เดี๋ยวตัวเองจะนำทีมช่วยเหลือเอง ทางมี่จังก็ขอไปด้วย
(งานฝึกความพร้อมลูกเรือสำหรับภารกิจค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางเรือก็เป็นส่วนหนึ่งในหน้าที่ต้นเรือเช่นกัน)
ขณะที่เรือบตของทีมช่วยเหลือกำลังไปที่ชินบาชิ ชิโระจังก็แบ่งหน้าที่ดังนี้
ชิโระ มี่จัง กับแผนกการอาวุธ (ปืน) คือ ฮิคาริจัง จุนจัง มิตซัง - ค้นหาผู้ที่ยังติดอยู่ในเรือ
แผนกการอาวุธ (ใต้น้ำ)
มาริโควจิซัง ริจจัง คาโยะจัง - ทำหน้าที่นักประดาน้ำเพื่อประเมินความเสียหายส่วนท้องเรือที่เกยแนวปะการัง
แผนกเดินเรือกับแผนกป้องกันความเสียหาย
ซาโต้จัง กับสึกุจัง(ไม่ได้อยู่ในภาพ) ฮิเมะจัง โมโมะจัง - อพยพคนแล้วพาขึ้นไปที่ฮาเระคาเสะ
ขณะที่ทุกคนกำลังกังวลว่า ถึงจะเคยฝึกหลักสูตรค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยมาแล้วตอนม.ต้น แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกไม่รู้จะทำพลาดมั้ย
ชิโระจังก็พูดมาว่า ปกติแล้วเธอก็มักจะโชคไม่ดีตลอดไม่รู้จะเป็นอะไรมั้ย ทำเอาทุกคนห่อเหี่ยวไปหมด
หลังจากที่ขึ้นเรือมาได้และแยกย้ายไปทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
กลุ่มชิโระจังที่กำลังค้นหาผู้ที่ยังติดอยู่ในเรือพบว่าระบบฉุกเฉินไม่ทำงาน ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าเรือลำนี้อาจจะเจอแบบเดียวกับที่ทุกคนเจอมาก็ได้
ด้านกลุ่มนักประดาน้ำมาริโควจิซังรายงานความเสียหาย ท้องเรือมีรอยแตกยาว 120 เมตร กินเนื้อที่ไปตลอด 4 ห้อง
ห้อง 1-3 โดนน้ำท่วมหมดเรียบร้อยแล้ว
เมื่อรายงานทั้งหมดไปที่ฮาเระคาเสะก็คาดว่าเรือน่าจะทนได้อีกไม่นาน มิเกะจึงสั่งให้ฮาเระคาเสะรีบเข้าเทียบเพื่ออพยพคนทันที
ขระที่กำลังอพยพคนที่ติดอยู่ในเรือ ชายหญิงคู่หนึ่งก็บอกว่าพวกเขาตามหา "ทามอนมารุ" ไม่เจอ
ชิโระจังจึงบอกให้ทั้ง 2 คนอพยพออกไปก่อนส่วนตัวเธอจะตามหา "ทามอนมารุ" เอง
มี่จังก็ตามไปช่วยด้วย
ขณะที่กำลังตามหา "ทามอนมารุ" ก็ได้ยินเสียงแมว แล้วก็พบลูกแมวที่มีปลอกคอเขียนว่า TAMONMARU
ครับทามอนมารุก็คือชื่อแมวนั่นเอง และหลายๆคนน่าจะนึกออกว่าชื่อนี้มีความหมายอย่างไร
ใครที่ไม่รู้ก็ไว้เดี๋ยวบอกในตอนท้ายนะครับ
แต่ในตอนนั้นเองตัวเรือก็ฉีกขาดออกจากกันเป็นสองท่อนน่าจะเหมือนกับกรณีเรือสินค้าของนิวซีแลนด์ที่เกยแนวปะการังเช่นกัน
คือโดนคลื่นซัดอย่างหนักทำให้ตัวเรือฉีกขาดออก
แต่ถึงอย่างนั้นเรือก็ไม่ใช่ว่าจะจมเร็วแบบไททานิคนะครับ เพราะยังติดแนวปะการังอยู่ทำให้ยังไม่จมลงไปทั้งลำ
ทางด้านมี่จังที่แยกกันหาคนละทางก็หนีออกมาได้ทัน
แต่ชิโระจังกับทามอนมารุยังติดอยู่ข้างใน ทั้งคู่กลัวแต่ก็พยายามหาทางรอดโดยปีนขึ้นไปในช่องแอร์ เนื่องจากทางเดินโดนน้ำท่วมหมดแล้ว
ขณะที่ทีมช่วยเหลือกำลังกลับฮาเระคาเสะก็พบว่า Blue Mermaid ที่ขอความช่วยเหลือไปได้เดินทางมาถึงแล้ว
(เรื่องนี้ไม่มีเฮลิคอปเตอร์กับเครื่องบินแต่ใช้โฮเวอร์คราฟท์แทนแฮะ มิน่าถึงมีลานจอด ฮ. ท้ายเรือครูฝึก)
และเมื่อทราบว่ายังมีนักเรียนติดอยู่จึงรีบเข้าช่วยเหลือทันที