เอเอฟพี/ซเวินจี๊ออนไลน์ - สายการบินต้นทุนต่ำ “เวียดเจ็ท” (VietJet) เผยว่า ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับบริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินของสหรัฐฯ โดยจะซื้อเครื่องบินโดยสาร 100 ลำ รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 11,300 ล้านดอลลาร์
ตามรายงานของซเวินเหวียดออนไลน์ สำนักข่าวภาษาเวียดนาม พิธีเซ็นความตกลงซื้อขายจัดขึ้นเมื่อเวลา 11.40 น. โดย ปธน.สหรัฐฯ บารัค โอบามา กับ ปธน.เวียดนาม พล.อ.เจิ้นไดกวาง ร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้งหมดเป็นเครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้ง 737 MAX200 โดยบริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ค่ายสหรัฐฯ
นางเหวียน ถิ เฟือง ถาว (Nguyễn Thị Phương Thảo) ผู้อำนวยการใหญ่สายการบินเวียดเจ็ตแอร์ กับ นายเรย์ คอนเนอร์ (Ray Conner) ผู้จัดการใหญ่บริษัทโบอิ้งแอร์คารฟท์คอร์ป ได้ร่วมกันเซ็นเอกสารสำคัญต่างๆ ต่อหน้าผู้นำสองประเทศ และ บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองฝ่าย
การทำข้อตกลงดังกล่าวนับว่าเป็นการสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ด้วยมูลค่ามากที่สุดเท่าที่สายการบินในเวียดนามเคยทำมา และเป็นการลงนามข้อตกลงที่ประธานาธิบดีเวียดนาม และประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ยืนยันว่า ข้อตกลงคำสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 100 ลำ เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงทางการค้าจำนวนหลายฉบับที่ทั้งสองประเทศตกลงกันในวันนี้ (23) ที่มีมูลค่ามากกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐฯ คาดว่าข้อตกลงต่างๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างงานให้คนอเมริกัน ทั้งในภาคการผลิต และเทคโนโลยีได้มากถึง 60,000 ตำแหน่ง
สายการบินเวียดเจ็ท ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2550 กำลังปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อครองส่วนแบ่งตลาดการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโตต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือน ก.พ. สายการบินเพิ่งประกาศว่า ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงมูลค่า 3,040 ล้านดอลลาร์ กับบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ Pratt&Whitney ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดสายการบินต้นทุนต่ำในภูมิภาคนี้.
ปธน.สหรัฐจะอยู่เยือนกรุงฮานอยเป็นเวลา 1 วันก่อนเดินทางต่อไปยังนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจทางภาคใต้ของประเทศ และ มีกำหนดออกเดินทาง ต่อไปยังประเทศยี่ปุ่นในบ่ายวันเดียวกัน เพื่อเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม 7 ชาติ หรือ G7
ระหว่างการเยือนครั้งนี้ เวียดเจ็ตแอร์ (VietJetAir) ซึ่งเป็นสายการบินจำหน่ายตั๋วโดยสารราคาถูกของเอกชนเวียดนาม ได้เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้ง 737MAX200 จากบริษัทโบอิ้ง สหรัฐรวม 100 ลำ มูลค่ากว่า 11.3 พันล้านดอลลาร์ โดยผู้นำสองประเทศเป็นสักขีพยาน และ มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองฝ่าย เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก สื่อทางการรายงาน
เวียดเจ็ตแอร์ยังเซ็นสัญญาซื้อเครื่องยนต์แพร็ตแอนด์วิตนีย์ (Pratt & Whitney) จากกลุ่มยูไนเต็ดเทคโนโลยีส์ (United Technologies Corp) ในรัฐคอนเน็คนิกัต เป็นมูลค่าอีก 3.04 พันล้านดอลลาร์ เพื่อติดเครื่องบินโดยสารที่สั่งซื้อใหม่
ในโอกาสเดียวกันนี้ เวียดนามและสหรัฐ ยังลงนามในความตกลงความร่วมมือ อีกหลายฉบับ รวมทั้งความร่วมมือในด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และ พลังงานสะอาด กับ โครงการลงทุนในอนาคตอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมโครงการศึกษาวิจัย การเปลี่ยนแปลงในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง และ การลงทุนสนร้างกังหันลม ผลิตไฟฟ้าขนาด 1,000 เมกะวัตต์ โดยเจนเนอรัลอีเล็กทริค (GE)
โอกาสเดียวกันนี้ กลุ่มบริษัทน้ำมันแห่งชาติเวียดนาม (Vietnam National Petroleum Corp)ได้เซ็นความตกลงเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ กับ บริษัทฮันนีเวล (Honeywell) และ อีกฉบับหนึ่งกับบริษัทน้ำมันเมอร์ฟีย์ (Murphy) แห่งสหรัฐ
นอกจากนั้นยังมีการเซ็นบันทึกช่วยความจำเพื่อความเข้าใจ ระหว่าง VNPC กับกลุ่มพลังงานชีวภาพ จากรัฐมินนีโซตาสหรัฐ รวมทั้งความตกลง ด้านการฝึกอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยทางนิวเคลียร์อีกด้วย
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9590000051576 
เวียดเจ็ตแอร์เซ็นซื้อโบอิ้ง 737 MAX200 จำนวน 100 ลำ $11,300 ล้าน รับ “โอบามา” เยือน
ตามรายงานของซเวินเหวียดออนไลน์ สำนักข่าวภาษาเวียดนาม พิธีเซ็นความตกลงซื้อขายจัดขึ้นเมื่อเวลา 11.40 น. โดย ปธน.สหรัฐฯ บารัค โอบามา กับ ปธน.เวียดนาม พล.อ.เจิ้นไดกวาง ร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้งหมดเป็นเครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้ง 737 MAX200 โดยบริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ค่ายสหรัฐฯ
นางเหวียน ถิ เฟือง ถาว (Nguyễn Thị Phương Thảo) ผู้อำนวยการใหญ่สายการบินเวียดเจ็ตแอร์ กับ นายเรย์ คอนเนอร์ (Ray Conner) ผู้จัดการใหญ่บริษัทโบอิ้งแอร์คารฟท์คอร์ป ได้ร่วมกันเซ็นเอกสารสำคัญต่างๆ ต่อหน้าผู้นำสองประเทศ และ บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองฝ่าย
การทำข้อตกลงดังกล่าวนับว่าเป็นการสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ด้วยมูลค่ามากที่สุดเท่าที่สายการบินในเวียดนามเคยทำมา และเป็นการลงนามข้อตกลงที่ประธานาธิบดีเวียดนาม และประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ยืนยันว่า ข้อตกลงคำสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 100 ลำ เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงทางการค้าจำนวนหลายฉบับที่ทั้งสองประเทศตกลงกันในวันนี้ (23) ที่มีมูลค่ามากกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐฯ คาดว่าข้อตกลงต่างๆ เหล่านี้จะช่วยสร้างงานให้คนอเมริกัน ทั้งในภาคการผลิต และเทคโนโลยีได้มากถึง 60,000 ตำแหน่ง
สายการบินเวียดเจ็ท ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2550 กำลังปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อครองส่วนแบ่งตลาดการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโตต่อเนื่อง โดยเมื่อเดือน ก.พ. สายการบินเพิ่งประกาศว่า ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงมูลค่า 3,040 ล้านดอลลาร์ กับบริษัทผู้ผลิตเครื่องยนต์ Pratt&Whitney ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดสายการบินต้นทุนต่ำในภูมิภาคนี้.
ปธน.สหรัฐจะอยู่เยือนกรุงฮานอยเป็นเวลา 1 วันก่อนเดินทางต่อไปยังนครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจทางภาคใต้ของประเทศ และ มีกำหนดออกเดินทาง ต่อไปยังประเทศยี่ปุ่นในบ่ายวันเดียวกัน เพื่อเข้าร่วมการประชุมกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม 7 ชาติ หรือ G7
ระหว่างการเยือนครั้งนี้ เวียดเจ็ตแอร์ (VietJetAir) ซึ่งเป็นสายการบินจำหน่ายตั๋วโดยสารราคาถูกของเอกชนเวียดนาม ได้เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้ง 737MAX200 จากบริษัทโบอิ้ง สหรัฐรวม 100 ลำ มูลค่ากว่า 11.3 พันล้านดอลลาร์ โดยผู้นำสองประเทศเป็นสักขีพยาน และ มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองฝ่าย เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก สื่อทางการรายงาน
เวียดเจ็ตแอร์ยังเซ็นสัญญาซื้อเครื่องยนต์แพร็ตแอนด์วิตนีย์ (Pratt & Whitney) จากกลุ่มยูไนเต็ดเทคโนโลยีส์ (United Technologies Corp) ในรัฐคอนเน็คนิกัต เป็นมูลค่าอีก 3.04 พันล้านดอลลาร์ เพื่อติดเครื่องบินโดยสารที่สั่งซื้อใหม่
ในโอกาสเดียวกันนี้ เวียดนามและสหรัฐ ยังลงนามในความตกลงความร่วมมือ อีกหลายฉบับ รวมทั้งความร่วมมือในด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และ พลังงานสะอาด กับ โครงการลงทุนในอนาคตอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมโครงการศึกษาวิจัย การเปลี่ยนแปลงในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง และ การลงทุนสนร้างกังหันลม ผลิตไฟฟ้าขนาด 1,000 เมกะวัตต์ โดยเจนเนอรัลอีเล็กทริค (GE)
โอกาสเดียวกันนี้ กลุ่มบริษัทน้ำมันแห่งชาติเวียดนาม (Vietnam National Petroleum Corp)ได้เซ็นความตกลงเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ กับ บริษัทฮันนีเวล (Honeywell) และ อีกฉบับหนึ่งกับบริษัทน้ำมันเมอร์ฟีย์ (Murphy) แห่งสหรัฐ
นอกจากนั้นยังมีการเซ็นบันทึกช่วยความจำเพื่อความเข้าใจ ระหว่าง VNPC กับกลุ่มพลังงานชีวภาพ จากรัฐมินนีโซตาสหรัฐ รวมทั้งความตกลง ด้านการฝึกอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยทางนิวเคลียร์อีกด้วย
http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9590000051576