จขกท.อยากขอเล่าประสบการณ์การทำฟันกับนศ.ทันตแพทย์ ที่หลายคนอาจจะลังเลใจว่าควรไปทำดีไหม
ทำฟันกับนักศึกษาทันตแพทย์แตกต่างจากการไปทำฟันที่คลีนิคอย่างไร ปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน
จขกท.มีประสบการณ์ทำฟันทั้งกับคลีนิคและกับนักศึกษา ขอเล่าสู่กันฟังเผื่อเป็นแนวทางให้ใครที่สนใจ
อาจจะยาวนิดนึง ท่านที่ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรยาวๆ เลื่อนลงไปอ่านที่ข้อสรุปได้เลยนะคะ
ก่อนอื่น จขกท.ขอเล่าคร่าวๆ ก่อนว่าจขกท.จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลย่านรังสิต
ส่วนตัวไม่ค่อยสนใจสุขภาพในช่องปากสักเท่าไหร่ ไม่เคยไปหาหมอฟันเลย ไม่สนใจ คิดว่าตราบใดที่ยังเคี้ยวข้าวได้ก็ไม่ต้องไป
จนกระทั่งวันหนึ่งตอนปี 4 จขกท.อยู่หอพักกับเพื่อน แล้วเพื่อนชี้ให้ดูประกาศที่แปะไว้หน้าหอ
นักศึกษาทันตแพทย์มาแปะประกาศรับตรวจสุขภาพช่องปากให้ฟรี ! ของฟรีใครจะไม่ชอบ
จขกท.เตรียมโทรติดต่อตามเบอร์โทรที่อยู่ในประกาศ แต่เพื่อนๆ ห้ามไว้ก่อน ทุกคนพูดแทบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า
อย่าทำ... นักศึกษายังไงก็เป็นนักศึกษา ทำผิดพลาดได้ เราไปก็เหมือนไปเป็นหนูทดลองให้เขาเอาเครื่องมืออะไรไม่รู้มายัดใส่ปาก
บางคนก็บอกว่าทำฟันเจ็บมาก เลือดออก น่ากลัว ฟันมันอยู่ดีๆ จะหาเรื่องให้ตัวเองทำไม
จขกท.เป็นคนชอบลอง ยิ่งไม่เคยไปคลินิกทันตแพทย์ก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าลอง ตอนนั้นไม่รู้อะไรเลยว่าการทำฟันมีขั้นตอนอะไรบ้าง
ในที่สุดจขกท.ก็ติดต่อพี่หมอไปท่านหนึ่ง เพื่อนจขกท.อีกคนก็ติดต่อไปเช่นกัน แต่เพื่อนให้เหตุผลในการติดต่อไปว่า
อยากจะเจอผู้ชายต่างคณะบ้าง (คณะที่จขกท.จบมาขาดแคลนผู้ชายมาก เพื่อนคิดว่าอยู่ปี 4 แล้วต้องวัดดวงดู = =")
ในที่สุดจขกท.ก็ได้ไปที่ตึกของคณะทันตแพทย์ซึ่งอยู่แยกจากตึกของโรงพยาบาล ตอนแรกจขกท.ไม่รู้มาก่อนว่าทันตแพทย์มีตึกแยกออกไปด้วย
เพื่อนของจขกท.นัดกับพี่หมอคนละวันกัน จขกท.เลยต้องมาคนเดียว
วันแรกที่จขกท.ได้เจอพี่หมอ รู้สึกได้ว่าพี่หมอดูมีความมั่นใจดี ดูมีมาดของทันตแพทย์มากกว่านักศึกษา เห็นแล้วก็ทำให้อุ่นใจขึ้นมาในระดับนึง
วันแรกที่เจอกัน พี่หมอซักถามประวัติของเราละเอียดมาก มากจนสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกับการทำฟัน มีวัดความดันด้วย
พี่หมออธิบายให้ฟังว่าการทำฟันเป็นเรื่องละเอียด ทันตแพทย์ต้องรู้ข้อมูลคนไข้โดยละเอียด
ต่อจากนั้น พี่หมอได้นำอุปกรณ์ที่เป็นโมเดลจำลองฟันทั้งหมดมาตั้งตรงหน้าเราพร้อมแปรงสีฟัน ถามว่าปกติเราแปรงฟันยังไง
เราได้แต่อึ้ง เพราะเราไม่เคยสังเกตตัวเองเหมือนกันว่าแปรงฟันแบบไหน พี่หมอก็เลยสอนวิธีแปรงฟันให้ใหม่
วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องที่ต้องจรดแปรงสีฟันกับคอฟัน เอียง 45 องศา ขยับให้ขนแปรงเข้าไปในร่องเหงือกแล้วแปรง ไล่ตั้งแต่ฟันหน้าด้านขวาไปซ้ายลงไปที่ฟันล่าง แล้วแปรงฟันด้านหลังด้วย ต่อด้วยแปรงฟันกราม แปรงลิ้น (จำผิดขออภัย จขกท.จำได้คร่าวๆ เท่านี้)
จขกท.รู้สึกประทับใจมาก เพราะไม่เคยรู้เลยว่าการแปรงฟันที่ถูกต้องคืออะไร นึกว่าแปรงยังไงก็ได้ หลังจากเรียนรู้วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องแล้ว พี่หมอพาจขกท.ไปที่เตียงทำฟัน มีการปรับเบาะ เอาผ้าคลุมหน้า จขกท.ไม่เคยมาคลินิกทำฟัน ทำอะไรก็เก้ๆกังๆไปหมด แต่พี่หมอใจเย็นมาก ค่อยๆ บอกทุกขั้นตอนว่าให้ทำอะไร วันแรกพี่หมอช่วยตรวจสุขภาพฟันและเหงือกโดยรวมให้ ตรวจโดยละเอียดตั้งแต่ตรวจฟันผุ ฟันกร่อน ร่องเหงือก เอ็กซเรย์ฟันทั้งแบบที่เป็นเครื่องใหญ่หมุนๆ และแบบที่จขกท.ต้องคาบฟิล์มเอ็กซเรย์ไว้ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น จขกท.ก็เดินตัวปลิวออกมา ทั้งหมดนี้ไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียวเพราะใช้สิทธิทันตกรรมนักศึกษา
หลังจากกลับมา จขกท.เล่าให้เพื่อนฟังด้วยความตื้นตันใจ แต่เพื่อนๆ ก็แค่หัวเราะหึๆ บอกว่าจขกท.ยังไม่เจอของจริง ยังไม่เจอกับการขูดหินปูนที่เจ็บปวดทรมาน แต่ตอนนี้จขกท.ใจชื้นขึ้นมาแล้วเพราะรู้สึกไว้ใจพี่หมอเลยไม่กลัวอะไร กลับมาแล้วจขกท.ก็ลองแปรงฟันตามวิธีที่พี่หมอบอก เปลี่ยนยาสีฟันด้วยเพราะยาสีฟันเดิมที่ใช้ไม่มีฟลูออไรด์ พี่หมอแนะนำให้เปลี่ยนก็เชื่อตามนั้น
เจอกันครั้งถัดไป พี่หมอบอกให้ฟังว่าเคสของจขกท.ไม่ได้เป็นอะไรเยอะ การรักษาจะแบ่งเป็นการขูดหินปูน อุดฟัน และจากผลการตรวจ จขกท.มีฟันคุด 4 ซี่ ทั้งบนและล่างซ้ายขวา ถ้าจขกท.อยากผ่าฟันคุดด้วยก็ได้ จขกท.ตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลยทั้งที่ฟันคุดยังไม่งอก คิดแค่ว่ากำจัดไปได้ก็กำจัดทิ้งไป
รอบต่อไปที่มาเจอกันนี้จขกท.ก็ได้เจอกับการขูดหินปูน ความเจ็บความทรมานเป็นเรื่องที่ทำใจไว้แล้ว แต่การที่ได้ฟังคำขู่จากเพื่อนๆ มาเยอะก็ทำให้กลัวเหมือนกัน ถึงไม่เห็นอุปกรณ์แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรแหลมๆ มาขูด งัด รู้สึกว่ามีเลือดอุ่นๆ ไหลออกมา ระหว่างนั้นอิสระในการพูดก็หายไป ในปากมีทั้งเครื่องดูดน้ำลาย ทั้งอุปกรณ์ที่พี่หมอใช้ขูดหินปูน บางทีก็มีเครื่องที่พี่หมอใช้ขูดหินปูน เสียงอุปกรณ์เสียดสีฟันไม่ใช่เสียงที่น่าฟังเท่าไหร่ แต่เรากลับรู้สึกไม่กลัวเท่าไหร่ ท่องในใจว่า "ต้องไว้ใจพี่หมอ มันไม่น่ากลัวขนาดนั้น" แต่ ฉึบ ! มีบางทีเหมือนกันที่เรารู้สึกว่าอุปกรณ์มันหลุดออกจากทิศทางที่ควรเป็น เราเจ็บ แต่คิดว่าการทำอะไรตั้งหลายอย่างในช่องปากแคบๆ คงเป็นเรื่องยาก เรามาเป็นเคสให้พี่หมอ ถึงมีข้อผิดพลาดบ้างก็ให้อภัยกันได้ คิดได้แบบนั้นแล้วเราก็ปลง นอนทำใจให้สบาย ปล่อยให้พี่หมอขูดหินปูนต่อไป ผิดพลาดบ้างก็ไม่ได้โวยวายอะไร เขาคงเรียนรู้จากเราอยู่เหมือนกัน
จุดพีคในการมาทำฟันกับนักศึกษาทันตแพทย์ในความคิดของเราคือหลังจากที่ทำฟันกับพี่หมอเสร็จแล้ว พี่หมอยังให้เรานอนรออาจารย์หมอมาตรวจ เราก็คิดว่าอาจารย์จะมาดูๆ แล้วก็ไป แต่เปล่าเลย อาจารย์ตรวจงานพี่หมออย่างละเอียดมาก ตรงไหนที่พี่หมอขูดไม่สะอาดอาจารย์ขูดซ้ำให้หมด สงสารพี่หมอด้วยตอนที่พี่หมอโดนอาจารย์ดุ คำดุของอาจารย์ฟังดูค่อนข้างโหดร้าย เช่น "หมอแรงน้อยมากเลยนะ นี่ทำดีแล้วหรอ คุณได้เช็คก่อนที่ผมจะมาตรวจรึเปล่า ไปเล่นฟิตเนสบ้างนะ" ฟังแล้วก็สงสาร แต่เราคิดว่าคำดุแรงๆ ก็จะเป็นแรงผลักดันให้พี่หมอพยายามมากกว่าเดิมเช่นกัน
จขกท.ทั้งขูดหินปูน อุดฟันกับพี่หมอจนครบ ทุกครั้งที่มาเจอกันพี่หมอจะตรวจฟันโดยละเอียด มีการวัดเปอร์เซ็นต์หินปูนโดยทาอะไรสักอย่างที่เป็นสีชมพู (ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรค่ะ 55) ป้ายมาที่ฟันแล้วให้จขกท.บ้วนปาก พอบ้วนปากก็จะเห็นคราบหินปูนติดอยู่ เป็นผลจากการแปรงฟันไม่สะอาดหรือไม่ได้ใช้ไหมขัดฟันบ้าง จขกท.ค่อนข้างดื้อ ไม่ค่อยใช้ไหมขัดฟันเพราะกลัวมันบาดเหงือกแล้วเจ็บ เดือดร้อนพี่หมอต้องสอนใช้ไหมขัดฟันซ้ำๆ จนถึงกับใช้ไหมขัดฟันให้ดูว่ามันไม่มีอันตราย
เหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีจนกระทั่งถึงคิวจขกท.ผ่าฟันคุด ผ่ากับพี่หมอโดยที่จขกท.เพิ่งรู้ว่านี่จะเป็นการผ่าฟันคุดซี่แรกของพี่หมอ ความกลัวต่างต่างนานาก็ผุดขึ้นมาในสมอง ภาพเพื่อนที่ไปผ่ามาแล้วหน้าบวม กินข้าวไม่ได้ พูดไม่ได้ จขกท.ก็กลัวเหมือนกัน แต่ท่องไว้เหมือนเดิมว่า "จะไว้ใจพี่หมอ" วันนั้นพี่หมอมีพี่ผู้ช่วยมาด้วย ทั้งสองคนดูไม่เกร็ง ทำให้เรารู้สึกดีไปด้วย การผ่าฟันคุดไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลยสำหรับจขกท. มีการฉีดยาชาให้ด้วย หลังจากนั้นบวมไปสักพัก แต่มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลย
จขกท.จบการเป็นเคสให้พี่หมอมาอย่างราบรื่นและภูมิใจมากที่ได้เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ ให้ตัวเองเป็นกรณีศึกษาของพี่หมอ และรับความรู้ในการดูแลช่องปากมาจากพี่หมอ หลังจากเรียนจบแล้ว จขกท.กะเวลาเกือบๆ ปีแล้วลองไปขูดหินปูนกับทันตแพทย์ที่คลินิคแถวบ้าน เตรียมตัวไปพอควรเพราะคิดว่าคงใช้เวลานาน ไหนจะซักประวัติ ตรวจฟัน ขูดหินปูนฯลฯ แต่ปรากฏว่าจขกท.คิดผิดไปหมด ทันตแพทย์ในคลินิคมีเวลาค่อนข้างจำกัด สิ่งที่ทำได้มีเพียงให้ใบกรอกประวัติมาให้เรากรอกเอง ให้เราเอนตัวลงนอนแล้วขูดหินปูนให้เลย แป๊บเดียวเสร็จ แป๊บเดียวกลับบ้านได้ มันก็ดีเหมือนกันที่ทุกอย่างรวดเร็ว ไม่เสียเวลา แต่จขกท.ติดใจการใช้เวลาค่อยๆ ตรวจเช็คสุขภาพฟันตอนทำกับนักศึกษาทันตแพทย์ไปแล้ว
หลังจากนั้นมา มีนักศึกษาทันตแพทย์โทรติดต่อเบอร์จขกท.เพื่อให้กลับไปเป็นเคสอีก จขกท.ไม่เคยปฏิเสธนักศึกษาทันตแพทย์เลย รู้สึกดีที่จะเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ ปัจจุบันจขกท.ได้กลับไปเป็นเคสให้นักศึกษาทันตแพทย์แล้วอีก 2 ครั้ง
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จขกท.ไม่ได้จะบอกว่าการทำฟันที่คลินิกหรือทำกับนักศึกษาดีกว่ากันหรือไม่ ทั้งสองที่มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป
ในที่นี้ หากจะสรุปข้อดีและข้อเสียของการทำฟันกับนักศึกษาทันตแพทย์ ในความคิดส่วนตัวจขกท.แล้วสรุปได้ดังนี้
ข้อดี
- ได้ตรวจสุขภาพในช่องปากอย่างละเอียด
- ได้ตรวจกับทั้งนักศึกษาทันตแพทย์และอาจารย์
- ไม่มีค่าใช้จ่าย
ข้อเสีย
- ใช้เวลานานเมื่อเทียบกับการตรวจกับคลินิก
- นักศึกษาทันตแพทย์อาจทำผิดพลาดบ้างเล็กน้อย
เหนือสิ่งอื่นใด จขกท.คิดว่าการเป็นเคสให้นักศึกษาทันตแพทย์มีข้อดีตรงที่เราได้เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ เป็นประสบการณ์ที่จะอยู่ในความทรงจำไปตลอด ตอนที่จขกท.ไปคลินิค ทันตแพทย์ที่ขูดหินปูนให้ทักว่าแผลเย็บผ่าฟันคุดสวยมาก จขกท.ตอบอย่างภูมิใจเลยว่าทำกับนักศึกษาทันตแพทย์ นอกจากนี้ จขกท.ยังจำสิ่งที่พี่หมอสอนได้และแปรงฟันได้อย่างถูกวิธี จขกท.มีน้องที่เป็นเด็กพิเศษ ที่ผ่านมาไม่เคยใส่ใจสุขภาพในช่องปากของน้องเลย แต่ตอนนี้จขกท.เริ่มบอกให้คนในบ้านสนใจมากขึ้นแล้ว เพียงเท่านี้จขกท.ก็คิดว่าการทำฟันกับนักศึกษาทันตแพทย์คุ้มค่ามากแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอโทษด้วยค่ะที่เขียนมายาวมาก
หากมีโอกาส ลองมาทำฟันกับนักศึกษาทันตแพทย์ดูนะคะ
เล่าสู่กันฟัง ทำฟันกับนักศึกษาทันตแพทย์ ความสุขของการเป็นผู้ให้และผู้รับ
ทำฟันกับนักศึกษาทันตแพทย์แตกต่างจากการไปทำฟันที่คลีนิคอย่างไร ปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน
จขกท.มีประสบการณ์ทำฟันทั้งกับคลีนิคและกับนักศึกษา ขอเล่าสู่กันฟังเผื่อเป็นแนวทางให้ใครที่สนใจ
อาจจะยาวนิดนึง ท่านที่ไม่ค่อยชอบอ่านอะไรยาวๆ เลื่อนลงไปอ่านที่ข้อสรุปได้เลยนะคะ
ก่อนอื่น จขกท.ขอเล่าคร่าวๆ ก่อนว่าจขกท.จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยรัฐบาลย่านรังสิต
ส่วนตัวไม่ค่อยสนใจสุขภาพในช่องปากสักเท่าไหร่ ไม่เคยไปหาหมอฟันเลย ไม่สนใจ คิดว่าตราบใดที่ยังเคี้ยวข้าวได้ก็ไม่ต้องไป
จนกระทั่งวันหนึ่งตอนปี 4 จขกท.อยู่หอพักกับเพื่อน แล้วเพื่อนชี้ให้ดูประกาศที่แปะไว้หน้าหอ
นักศึกษาทันตแพทย์มาแปะประกาศรับตรวจสุขภาพช่องปากให้ฟรี ! ของฟรีใครจะไม่ชอบ
จขกท.เตรียมโทรติดต่อตามเบอร์โทรที่อยู่ในประกาศ แต่เพื่อนๆ ห้ามไว้ก่อน ทุกคนพูดแทบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า
อย่าทำ... นักศึกษายังไงก็เป็นนักศึกษา ทำผิดพลาดได้ เราไปก็เหมือนไปเป็นหนูทดลองให้เขาเอาเครื่องมืออะไรไม่รู้มายัดใส่ปาก
บางคนก็บอกว่าทำฟันเจ็บมาก เลือดออก น่ากลัว ฟันมันอยู่ดีๆ จะหาเรื่องให้ตัวเองทำไม
จขกท.เป็นคนชอบลอง ยิ่งไม่เคยไปคลินิกทันตแพทย์ก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าลอง ตอนนั้นไม่รู้อะไรเลยว่าการทำฟันมีขั้นตอนอะไรบ้าง
ในที่สุดจขกท.ก็ติดต่อพี่หมอไปท่านหนึ่ง เพื่อนจขกท.อีกคนก็ติดต่อไปเช่นกัน แต่เพื่อนให้เหตุผลในการติดต่อไปว่า
อยากจะเจอผู้ชายต่างคณะบ้าง (คณะที่จขกท.จบมาขาดแคลนผู้ชายมาก เพื่อนคิดว่าอยู่ปี 4 แล้วต้องวัดดวงดู = =")
ในที่สุดจขกท.ก็ได้ไปที่ตึกของคณะทันตแพทย์ซึ่งอยู่แยกจากตึกของโรงพยาบาล ตอนแรกจขกท.ไม่รู้มาก่อนว่าทันตแพทย์มีตึกแยกออกไปด้วย
เพื่อนของจขกท.นัดกับพี่หมอคนละวันกัน จขกท.เลยต้องมาคนเดียว
วันแรกที่จขกท.ได้เจอพี่หมอ รู้สึกได้ว่าพี่หมอดูมีความมั่นใจดี ดูมีมาดของทันตแพทย์มากกว่านักศึกษา เห็นแล้วก็ทำให้อุ่นใจขึ้นมาในระดับนึง
วันแรกที่เจอกัน พี่หมอซักถามประวัติของเราละเอียดมาก มากจนสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกับการทำฟัน มีวัดความดันด้วย
พี่หมออธิบายให้ฟังว่าการทำฟันเป็นเรื่องละเอียด ทันตแพทย์ต้องรู้ข้อมูลคนไข้โดยละเอียด
ต่อจากนั้น พี่หมอได้นำอุปกรณ์ที่เป็นโมเดลจำลองฟันทั้งหมดมาตั้งตรงหน้าเราพร้อมแปรงสีฟัน ถามว่าปกติเราแปรงฟันยังไง
เราได้แต่อึ้ง เพราะเราไม่เคยสังเกตตัวเองเหมือนกันว่าแปรงฟันแบบไหน พี่หมอก็เลยสอนวิธีแปรงฟันให้ใหม่
วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องที่ต้องจรดแปรงสีฟันกับคอฟัน เอียง 45 องศา ขยับให้ขนแปรงเข้าไปในร่องเหงือกแล้วแปรง ไล่ตั้งแต่ฟันหน้าด้านขวาไปซ้ายลงไปที่ฟันล่าง แล้วแปรงฟันด้านหลังด้วย ต่อด้วยแปรงฟันกราม แปรงลิ้น (จำผิดขออภัย จขกท.จำได้คร่าวๆ เท่านี้)
จขกท.รู้สึกประทับใจมาก เพราะไม่เคยรู้เลยว่าการแปรงฟันที่ถูกต้องคืออะไร นึกว่าแปรงยังไงก็ได้ หลังจากเรียนรู้วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องแล้ว พี่หมอพาจขกท.ไปที่เตียงทำฟัน มีการปรับเบาะ เอาผ้าคลุมหน้า จขกท.ไม่เคยมาคลินิกทำฟัน ทำอะไรก็เก้ๆกังๆไปหมด แต่พี่หมอใจเย็นมาก ค่อยๆ บอกทุกขั้นตอนว่าให้ทำอะไร วันแรกพี่หมอช่วยตรวจสุขภาพฟันและเหงือกโดยรวมให้ ตรวจโดยละเอียดตั้งแต่ตรวจฟันผุ ฟันกร่อน ร่องเหงือก เอ็กซเรย์ฟันทั้งแบบที่เป็นเครื่องใหญ่หมุนๆ และแบบที่จขกท.ต้องคาบฟิล์มเอ็กซเรย์ไว้ หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น จขกท.ก็เดินตัวปลิวออกมา ทั้งหมดนี้ไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียวเพราะใช้สิทธิทันตกรรมนักศึกษา
หลังจากกลับมา จขกท.เล่าให้เพื่อนฟังด้วยความตื้นตันใจ แต่เพื่อนๆ ก็แค่หัวเราะหึๆ บอกว่าจขกท.ยังไม่เจอของจริง ยังไม่เจอกับการขูดหินปูนที่เจ็บปวดทรมาน แต่ตอนนี้จขกท.ใจชื้นขึ้นมาแล้วเพราะรู้สึกไว้ใจพี่หมอเลยไม่กลัวอะไร กลับมาแล้วจขกท.ก็ลองแปรงฟันตามวิธีที่พี่หมอบอก เปลี่ยนยาสีฟันด้วยเพราะยาสีฟันเดิมที่ใช้ไม่มีฟลูออไรด์ พี่หมอแนะนำให้เปลี่ยนก็เชื่อตามนั้น
เจอกันครั้งถัดไป พี่หมอบอกให้ฟังว่าเคสของจขกท.ไม่ได้เป็นอะไรเยอะ การรักษาจะแบ่งเป็นการขูดหินปูน อุดฟัน และจากผลการตรวจ จขกท.มีฟันคุด 4 ซี่ ทั้งบนและล่างซ้ายขวา ถ้าจขกท.อยากผ่าฟันคุดด้วยก็ได้ จขกท.ตอบตกลงโดยไม่ลังเลเลยทั้งที่ฟันคุดยังไม่งอก คิดแค่ว่ากำจัดไปได้ก็กำจัดทิ้งไป
รอบต่อไปที่มาเจอกันนี้จขกท.ก็ได้เจอกับการขูดหินปูน ความเจ็บความทรมานเป็นเรื่องที่ทำใจไว้แล้ว แต่การที่ได้ฟังคำขู่จากเพื่อนๆ มาเยอะก็ทำให้กลัวเหมือนกัน ถึงไม่เห็นอุปกรณ์แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรแหลมๆ มาขูด งัด รู้สึกว่ามีเลือดอุ่นๆ ไหลออกมา ระหว่างนั้นอิสระในการพูดก็หายไป ในปากมีทั้งเครื่องดูดน้ำลาย ทั้งอุปกรณ์ที่พี่หมอใช้ขูดหินปูน บางทีก็มีเครื่องที่พี่หมอใช้ขูดหินปูน เสียงอุปกรณ์เสียดสีฟันไม่ใช่เสียงที่น่าฟังเท่าไหร่ แต่เรากลับรู้สึกไม่กลัวเท่าไหร่ ท่องในใจว่า "ต้องไว้ใจพี่หมอ มันไม่น่ากลัวขนาดนั้น" แต่ ฉึบ ! มีบางทีเหมือนกันที่เรารู้สึกว่าอุปกรณ์มันหลุดออกจากทิศทางที่ควรเป็น เราเจ็บ แต่คิดว่าการทำอะไรตั้งหลายอย่างในช่องปากแคบๆ คงเป็นเรื่องยาก เรามาเป็นเคสให้พี่หมอ ถึงมีข้อผิดพลาดบ้างก็ให้อภัยกันได้ คิดได้แบบนั้นแล้วเราก็ปลง นอนทำใจให้สบาย ปล่อยให้พี่หมอขูดหินปูนต่อไป ผิดพลาดบ้างก็ไม่ได้โวยวายอะไร เขาคงเรียนรู้จากเราอยู่เหมือนกัน
จุดพีคในการมาทำฟันกับนักศึกษาทันตแพทย์ในความคิดของเราคือหลังจากที่ทำฟันกับพี่หมอเสร็จแล้ว พี่หมอยังให้เรานอนรออาจารย์หมอมาตรวจ เราก็คิดว่าอาจารย์จะมาดูๆ แล้วก็ไป แต่เปล่าเลย อาจารย์ตรวจงานพี่หมออย่างละเอียดมาก ตรงไหนที่พี่หมอขูดไม่สะอาดอาจารย์ขูดซ้ำให้หมด สงสารพี่หมอด้วยตอนที่พี่หมอโดนอาจารย์ดุ คำดุของอาจารย์ฟังดูค่อนข้างโหดร้าย เช่น "หมอแรงน้อยมากเลยนะ นี่ทำดีแล้วหรอ คุณได้เช็คก่อนที่ผมจะมาตรวจรึเปล่า ไปเล่นฟิตเนสบ้างนะ" ฟังแล้วก็สงสาร แต่เราคิดว่าคำดุแรงๆ ก็จะเป็นแรงผลักดันให้พี่หมอพยายามมากกว่าเดิมเช่นกัน
จขกท.ทั้งขูดหินปูน อุดฟันกับพี่หมอจนครบ ทุกครั้งที่มาเจอกันพี่หมอจะตรวจฟันโดยละเอียด มีการวัดเปอร์เซ็นต์หินปูนโดยทาอะไรสักอย่างที่เป็นสีชมพู (ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรค่ะ 55) ป้ายมาที่ฟันแล้วให้จขกท.บ้วนปาก พอบ้วนปากก็จะเห็นคราบหินปูนติดอยู่ เป็นผลจากการแปรงฟันไม่สะอาดหรือไม่ได้ใช้ไหมขัดฟันบ้าง จขกท.ค่อนข้างดื้อ ไม่ค่อยใช้ไหมขัดฟันเพราะกลัวมันบาดเหงือกแล้วเจ็บ เดือดร้อนพี่หมอต้องสอนใช้ไหมขัดฟันซ้ำๆ จนถึงกับใช้ไหมขัดฟันให้ดูว่ามันไม่มีอันตราย
เหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดีจนกระทั่งถึงคิวจขกท.ผ่าฟันคุด ผ่ากับพี่หมอโดยที่จขกท.เพิ่งรู้ว่านี่จะเป็นการผ่าฟันคุดซี่แรกของพี่หมอ ความกลัวต่างต่างนานาก็ผุดขึ้นมาในสมอง ภาพเพื่อนที่ไปผ่ามาแล้วหน้าบวม กินข้าวไม่ได้ พูดไม่ได้ จขกท.ก็กลัวเหมือนกัน แต่ท่องไว้เหมือนเดิมว่า "จะไว้ใจพี่หมอ" วันนั้นพี่หมอมีพี่ผู้ช่วยมาด้วย ทั้งสองคนดูไม่เกร็ง ทำให้เรารู้สึกดีไปด้วย การผ่าฟันคุดไม่ได้เจ็บปวดอะไรเลยสำหรับจขกท. มีการฉีดยาชาให้ด้วย หลังจากนั้นบวมไปสักพัก แต่มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลย
จขกท.จบการเป็นเคสให้พี่หมอมาอย่างราบรื่นและภูมิใจมากที่ได้เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ ให้ตัวเองเป็นกรณีศึกษาของพี่หมอ และรับความรู้ในการดูแลช่องปากมาจากพี่หมอ หลังจากเรียนจบแล้ว จขกท.กะเวลาเกือบๆ ปีแล้วลองไปขูดหินปูนกับทันตแพทย์ที่คลินิคแถวบ้าน เตรียมตัวไปพอควรเพราะคิดว่าคงใช้เวลานาน ไหนจะซักประวัติ ตรวจฟัน ขูดหินปูนฯลฯ แต่ปรากฏว่าจขกท.คิดผิดไปหมด ทันตแพทย์ในคลินิคมีเวลาค่อนข้างจำกัด สิ่งที่ทำได้มีเพียงให้ใบกรอกประวัติมาให้เรากรอกเอง ให้เราเอนตัวลงนอนแล้วขูดหินปูนให้เลย แป๊บเดียวเสร็จ แป๊บเดียวกลับบ้านได้ มันก็ดีเหมือนกันที่ทุกอย่างรวดเร็ว ไม่เสียเวลา แต่จขกท.ติดใจการใช้เวลาค่อยๆ ตรวจเช็คสุขภาพฟันตอนทำกับนักศึกษาทันตแพทย์ไปแล้ว
หลังจากนั้นมา มีนักศึกษาทันตแพทย์โทรติดต่อเบอร์จขกท.เพื่อให้กลับไปเป็นเคสอีก จขกท.ไม่เคยปฏิเสธนักศึกษาทันตแพทย์เลย รู้สึกดีที่จะเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ ปัจจุบันจขกท.ได้กลับไปเป็นเคสให้นักศึกษาทันตแพทย์แล้วอีก 2 ครั้ง
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จขกท.ไม่ได้จะบอกว่าการทำฟันที่คลินิกหรือทำกับนักศึกษาดีกว่ากันหรือไม่ ทั้งสองที่มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป
ในที่นี้ หากจะสรุปข้อดีและข้อเสียของการทำฟันกับนักศึกษาทันตแพทย์ ในความคิดส่วนตัวจขกท.แล้วสรุปได้ดังนี้
ข้อดี
- ได้ตรวจสุขภาพในช่องปากอย่างละเอียด
- ได้ตรวจกับทั้งนักศึกษาทันตแพทย์และอาจารย์
- ไม่มีค่าใช้จ่าย
ข้อเสีย
- ใช้เวลานานเมื่อเทียบกับการตรวจกับคลินิก
- นักศึกษาทันตแพทย์อาจทำผิดพลาดบ้างเล็กน้อย
เหนือสิ่งอื่นใด จขกท.คิดว่าการเป็นเคสให้นักศึกษาทันตแพทย์มีข้อดีตรงที่เราได้เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ เป็นประสบการณ์ที่จะอยู่ในความทรงจำไปตลอด ตอนที่จขกท.ไปคลินิค ทันตแพทย์ที่ขูดหินปูนให้ทักว่าแผลเย็บผ่าฟันคุดสวยมาก จขกท.ตอบอย่างภูมิใจเลยว่าทำกับนักศึกษาทันตแพทย์ นอกจากนี้ จขกท.ยังจำสิ่งที่พี่หมอสอนได้และแปรงฟันได้อย่างถูกวิธี จขกท.มีน้องที่เป็นเด็กพิเศษ ที่ผ่านมาไม่เคยใส่ใจสุขภาพในช่องปากของน้องเลย แต่ตอนนี้จขกท.เริ่มบอกให้คนในบ้านสนใจมากขึ้นแล้ว เพียงเท่านี้จขกท.ก็คิดว่าการทำฟันกับนักศึกษาทันตแพทย์คุ้มค่ามากแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ ขอโทษด้วยค่ะที่เขียนมายาวมาก
หากมีโอกาส ลองมาทำฟันกับนักศึกษาทันตแพทย์ดูนะคะ