รีวิวแรกในชีวิตของมนุษย์ออฟฟิศที่ชอบท่องเที่ยวเป็นลมหายใจ ยังไงถ้าดีจะได้ทำเป็นอาชีพไปเลย ชอบเที่ยวนักนี่ ว่าแล้วก็ขอเปิดรีวิวประสบการณ์ครั้งแรกกับเกาะมันนอก  จ.ระยอง ไฮไลเลยคือที่นีมันเป็นเกาะส่วนตัวครับ และมีรีสอร์ทเดียวบนเกาะน๊ะ!! ถือว่ามีความชิล ไม่มาถือว่าพลาด และคุณจะคุยกับเค้า ไม่รู้เรื่อง!!? (อาต๋อยและโก๊ะตี๋ ได้กล่าวไว้) การเดินทางไปด้วยรถตู้วิน VR Bus (เบอร์ติดต่อเผื่อใครสนใจ 081 734 0383) จากอนุสาวรีชัยสมรภูมิ ค่ารถตู้คนละ 200 บาทถ้วน ออกจากกรุงเทพ 08:00 น. เดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เพราะรถแวะจอดส่งคนระหว่างทางด้วย และระหว่างทางยังมีการซ่อมแซมถนน ทำให้มีรถติดเป็นระยะๆ สุดท้ายถึงที่ท่าเรือแหลมตาลประมาณเที่ยงครึ่ง อากาศร้อนโคตร แต่เห็นทะเลแล้วมันหายเหนื่อยและหายจากอาการออฟฟิศซินโดรมทันที 555 อาการปวดหัวที่เป็นๆ หายๆ หรือที่บางท่านคิดว่าเป็นไมเกรนหายเป็นปลิดทิ้ง
เกาะมันนอกเค้ามีออฟฟิศที่ท่าเรือด้วยนะเออ แต่ไม่มีแอร์นะ พวกขี้ร้อนแบบผมก็จะแอบบ่นนิดหน่อย เหงื่อแตกพลั่ก...... สำหรับเพื่อนๆที่ขับรถมาเองก็จอดที่ด้านหลังสำนักงานได้เลยนะมีหลังคาบังแดด บังฝนให้ แต่ต้องเสียค่าจอดรถด้วยคันละ 100 บาท ต่อการเข้าพัก
ส่วนอันนี้เป็นแผนที่จาก กทม ไปท่าเรือแหลมตาล อ.แกลง ที่ทางเจ้าหน้าที่ส่งมาให้ครับ





พอถึงแล้วก็ทำการเช็คชื่อว่ามีชื่อของเรารึเปล่ากับน้องที่ท่าเรือ …..เสร็จแล้วน้องเค้าก็จะทำการติดแท็กกระเป๋าให้และเอากระเป๋าเราไปขึ้นเรือให้ก่อน หลังจากนั้นเราก็เดินตัวปลิวไปขึ้นเรือได้เลย เรือออกบ่ายโมงตรงเวลาเดียวนะ เผื่อใครไม่รู้ ตอนเดินไปขึ้นเรือนี่ใช้เวลาเดินไปที่เรือประมาณ 3-4 นาที ใครเตรียมหมวกมาด้วยจะดีมากเพราะอากาศค่อนข้างร้อน และไม่มีร่มเลย แต่มนุษย์ผู้ชายอย่างเรานี่สบาย....

เรือเป็นเรือประมงดัดแปลงสองชั้นครับ ข้างบนชั้นสองมีที่นั่งด้วย แต่ขอบายร้อนเกิน

ลงมาด้านล่างมีที่นั่งเป็นแถวๆ สังเกตุมีเสื้อชูชีพให้ด้วย ใส่หน่อยเพื่อความปลอดภัย พี่คนขับเรือบอก 45 นาทีก็ถึง วันนี้อากาศดี ไม่มีคลื่น  ระหว่างทางที่ไปเกาะจะเห็น เกาะมันในที่มีศูนย์เพาะพันธุ์เต่าทะเล และเกาะมันกลางที่ว่ากันว่ามีรีสอร์ทชื่อมันตราคีรี ไอแลนด์ ซึ่งครั้งหน้าต้องหาโอกาสมาโดนให้ได้


เรือวิ่งมาสักพักประมาณครึ่งชั่วโมงก็เริ่มมองเห็นเกาะมันนอกไกลๆแล้ว


พอเรือใกล้ถึงเกาะ….จะมีเรืออ่าง (ตามรูป) มารับอีกที คิดว่าเรือใหญ่ไม่น่าจะเข้าไปจอดที่หาดได้เลย เพราะท้องเรือน่าจะติดพวกปะการังและหินใต้ทะเล ตอนลงเรืออ่างต้องก้าวระวังมากๆนะเพราะถ้าพลาดไปนี่เจ็บหนักเลย


มีพนักงานมารอต้อนรับและเสิร์ฟเครื่องดื่มที่หน้าหาดเลย



พอมาถึงก็รอรับกุญแจเข้าห้องพักได้เลย ตรงนี้เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นที่ทานข้าวทั้งเช้า เที่ยง เย็น จบครบปิ๊ง
ที่นี่มีปิดไฟด้วยนะ ตั้งแต่ 09:00 – 13:00 น. เจ้าหน้าที่บอกที่นี่ปั่นไฟใช้เองเลยต้องพักเครื่องปั่นไฟด้วย เดี๋ยวพัง อันนี้เราพอรู้มาบ้าง ไม่เป็นไรเพราะเป้าหมายของเราคือทะเล หาดทราย และ ดำน้ำ ที่สำคัญอยากมาใช้ชีวิตเป็นชาวเกาะซักวันสองวัน เลยไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ ถ้าใครคิดจะมาแบบทุกอย่างต้องพร้อม ทีนี่ไม่มีนะ ทีวี ตู้เย็น แม้แต่เครื่องชงกาแฟ หรือ กาน้ำร้อนในห้องก็ไม่มี แต่มีผ้าเช็ดตัว สบู่ แชมพู ยาสีฟัน ที่โกนหนวด ไดร์เป่าผมให้นะ ไม่ต้องแบกมาด้วย โอเค แค่นี้ก็พอแล้วแหละ อยู่ได้สบาย ดีกว่าชาวเกาะจริงๆด้วยซ้ำ แหะๆๆ

มาดูบรรยากาศรอบๆกัน...อยากบอกว่าบรรยากาศชิลโครต น้ำใสมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นอ่าวไทย ก่อนมาถึงเห็นหาดตรงแถวๆ โรงแรมแมริออท แอบใจแป้วนิดๆ 555


สระว่ายน้ำ น่าว่ายมากมาย ว่ายไป ดูทะเลไป ต้องจัดแน่นอน

มีห้องนั่งเล่นใกล้สระว่ายน้ำ มีหนังสือให้อ่าน และมีเกมส์ให้เล่นชิลๆ ด้วย

เดินลงไปนิดหน่อยเจอหน้าหาดอย่างฟิน น้ำใส ทรายขาว


ตรงนี้เป็นทางเดินไม้ อยู่ด้านหน้าเยื้องๆกับสระว่ายน้ำ ตอนกลางคืนนั่งดื่มเบียร์ดูดาว ฟังเพลง คงฟินจัด อ้อ....มีศาลาให้นั่งเล่นด้วยนะ มีอยู่รอบๆหน้าเกาะเลย ตอนกลางวันคงมานั่งอ่านหนังสือที่แอบหนีบมาด้วย 2 เล่ม



นั่งชิลได้เรื่อยๆ ใช้ชีวิตช้าๆ ช่างแตกต่างกับเมืองหลวงของเราจริงๆ


กลับมาเก็บอีกรูป ชอบตรงนี้มากเป็นพิเศษ


....ถ่ายไป ถ่ายมา เริ่มหิว ต้องหาอะไรมากระแทกกระเพาะสักหน่อย ก่อนอาหารเย็นควรมีอะไรรองท้อง อันนี้ไม่ได้มีใครกล่าวไว้ อารมณ์หิวล้วนๆ
เมนูแรกจัดไป คลับแซนวิช ค่าเสียหายถาดละ 212 บาทถ้วน ถือว่าราคาสมเหตุ สมผล ส่วนรสชาติถือว่าผ่าน

ต่อด้วยของหวานไอศครีมแพนเค้กในราคาเท่ากัน 212 บาทถ้วน


......เอาล่ะ วันนี้คงพอแค่นี้ก่อน ขอมาต่อช่วงเช้าละกัน ขอไปเชียแมนยู VS คริสตัล พาเลซ ก่อน ภารกิจเด็กผีเรียกร้อง


เอาล่ะ.....หลังจากสมหวังมาจากเมื่อคืนกับแชมป์ FA cup แล้ว มาต่อกันสำหรับ Part II จะเป็นการรีวิวห้องพัก โดยห้องพักที่ได้จองมานี้เรียกว่า Garden Cottage Q เป็นห้องแบบใหม่ที่ทางรีสอร์ทเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นห้องที่ไม่ติดชายหาด มองไม่เห็นทะเล แต่เดินไม่ไกลมากประมาณ 40 เมตรก็ถึงทะเลแล้ว มาดูรูปกัน
ที่นอนเป็นเตียง 5 ฟุต นุ่มกำลังพอดี

รอบห้องเป็นสีขาว สบายตาจริงๆ


เตียงของที่นี่นุ่มกำลังพอดี




โซนห้องน้ำ





ต่อไปเป็นห้องพักแบบ Bungalow B มี 2 เตียง เตียงละ 5 ฟุต มีสองห้องน้ำ และสองห้องอาบน้ำ ห้องนี้น่าจะพักได้ 4 คนเลย **ขอพี่แม่บ้านเข้ามาถ่ายรูปนิดๆหน่อยๆ

หน้าห้องมีระเบียงและมองเห็นทะเลได้ เดินลงไปที่หาดก็ไม่ใกลเลย ไม่ถึงนาที


ห้องถัดมา Beachfront Bungalow J มีเตียงเดียว 5 ฟุต ห้องนี้ติดชายหาดเลย มองออกทางหน้าต่างก็เห็นทะเลแล้ว และยังมีห้องนั่งเล่นในห้องที่สามารถมองเห็นทะเล มีโซฟาขนาดเล็กให้นั่งอ่านหนังสือ นอกจากนี้ก็ยังมีห้องอาบน้ำทั้งแบบ indoor และ outdoor ให้อาบกันแบบชิลๆไปเลยด้วย



หายเหนื่อย หายร้อน ในห้องแล้ว ก็ไม่ลืมออกไปเก็บรูปรอบๆอีกสักหน่อย....**รูปแรกที่ลงไปใน Part II นี้ ถ่ายเช้าวันที่ 2





มีระเบียงนั่งเล่นยื่นออกไปในทะเลด้วย ชิลเป็นบ้า

พายเรือคายัคก็ชิลไปอีกแบบ


พระอาทิตย์ขึ้นช่วงเช้า 06:00 - 06:30 น. ในวันที่ 2


อาหารเช้ามี 2 แบบ American breakfast และ ข้าวต้มทะเล อร่อยดีครับ ทั้ง 2 อย่างเลย....อ้อเลือกได้อย่างไดอย่างหนึ่งต่อคนนะครับ







อีกรูปมุมกว้าง


บทสรุปของการไปทริปนี้ คือการได้พักผ่อนจริงๆ มีเวลาได้อยู่กับตัวเอง ใช้ชีวิตแบบไม่เร่งรีบ ไม่ต้องกังวัลอะไรทั้งสิ้น แค่อยู่กับธรรมชาติ น้ำทะเล เสียงคลื่น นอนดูดาวหน้าชายหาดตอนกลางคืน ฟังเพลงเบาๆจากโทรศัพท์มือถือ และให้จิตใจได้พักผ่อนจากงานหนักๆ เรื่องเครียดๆ ปัญหาต่างๆ และมันช่างเป็นอะไรที่คุ้มกับการที่ได้มาเจอสถานที่แห่งนี้ แม้ว่าราคาอาจจะดูสูงไปหน่อย แต่การที่ได้มาสัมผัสซักครั้งในชีวิตก็ทำให้ไม่รู้สึกเสียดายกับเงินที่ได้จ่ายไปเลย....Munnork Private Island