เที่ยวเชียงรายหน้าร้อน ถึงจะฮ๊อน แต่ก็แซ่บจ้า

สวัสดีค่าทุกคน ยิ้ม

เราได้ไปเที่ยวเชียงรายช่วงหน้าร้อนนี้ เมื่อวันที่ 11-14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วว่าช่วงนี้อากาศร้อนมากกก
ใครเค้าไปเที่ยวภาคเหนือกันล่ะยะหล่อน แต่เนื่องจากเรามีเวลาว่างช่วงนี้ก่อนเริ่มทำงานประจำอีกครั้ง เราเลยตัดสินใจไป แล้วก็ไม่ผิดหวัง ถึงจะฮ๊อนอีหลี แต่เราเอ็นจอยมากเพราะนักท่องเที่ยวน้อย คนไม่เบียดเสียด ไม่มีมาแย่งกันกินแย่งกันถ่ายรูป เราสามารถโพสท่าถ่ายรูปหมุนตัวตีลังกา 555 แบบไม่ได้รบกวนคนอื่น แถมคนอื่นก็ไม่รบกวนเราจ๊ะ

เราเลยอยากมารีวิวสถานที่สวยๆในเชียงรายให้ทุกคนได้ดูกัน เชียงรายเป็นเมืองสวย สงบ สบาย เผื่อใครอยากจะลองไปเชียงรายแบบไม่ง้อฤดูหนาวกันบ้าง แล้วจะได้มีประสบการณ์แปลกๆใหม่ๆกันค่ะ

รูปถ่ายจากกล้องไอโฟน 6 นะคะ อาจจะไม่สวยคมชัด เท่าไหร่ ต้องขออภัยด้วยนะจ๊ะ

การเดินทางเราเช่ารถจากสนามบินแล้วขับเที่ยวเอง สะดวกมากค่ะ ราคาก็ไม่แพง แล้วใช้แผนที่จาก google map อย่างเดียวเลยค่ะ สะดวก และค่อนข้างแม่นยำค่ะ

เราไปพักที่โรงแรม มาโย รีสอร์ท เชียงราย เป็นโรงแรมเปิดใหม่ไม่ถึงปี สถานที่น่ารักมาก ราคาก็ไม่แพงเกินไป เราพักห้อง pool view ห้องใหม่ ทุกอย่างสวยลงตัวไปหมด พนักงานก็บริการดี ใครจะไปเที่ยวเราแนะนำเลยค่ะ (ไม่ได้ค่านายหน้าอะไรเลยน้า แต่อยากแนะนำจริงๆค่ะ)



ข้างในห้องพักค่ะ

มีน้ำตกเล็กในสวนด้วย

โรงแรมตั้งอยู่ในเมืองเชียงรายนะคะ เดินทางสะดวกค่ะ ประมาณ 30 นาทีจากสนามบิน

เราบินไปลงเชียงรายเวลาเย็นแล้ว ตอนแรกจะไปวัดร่องขุ่น แต่วัดปิดห้าโมงเย็นไปไม่ทันจ้า เลยถามข้อมูลจาก reception โรงแรมว่าจะไปไหนดีไม่ไกล เค้าเลยแนะนำให้ไปวัดห้วยปลากั้ง เป็นวัดจีน ขับรถจากโรงแรมไปประมาณ 25 นาที

พอไปถึง เห็นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่มากกก (แต่ยังสร้างไม่เสร็จจ้ะ) ใครนับถือเจ้าแม่ควรหาโอกาสมาเลยค่ะ ในวัดมีเจดีย์จีนตั้งตระหง่าน ข้างในเจดีย์มีหลายชั้นมากกก แต่ละชั้นมีพระพุทธรูป รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม เดินขึ้นกันกล้ามขาแข็งแรงเลยจ้า พิสูจน์ความศรัทธาแรงกล้าของเรา



เสร็จจากไปวัด ก็ไปทานอาหารกันที่ร้านภูแล ในเมือง (ถามจากเพื่อนเจ้าถิ่นคนเชียงรายแนะนำมา) มีอาหารเหนือหลายเมนู ลำแต๊ๆเบยเจ๊าาา

น้ำพริกหนุ่มแคบหมูที่รอคอยมานาน น้ำยายไหย


กินกันอิ่มแปล้พุงบวม เลยขับรถวนไปค่ะ เที่ยวชมเมืองยามค่ำ ไปดูหอนาฬิกาเจียงฮาย แสงทองอร่ามมลังเมลือง งามแต๊ งามขนาด


รุ่งเช้าวันต่อมาเราแพลนกันไปดอยตุงค่ะ ขับรถจากในเมืองประมาณชั่วโมงกว่า ทางก็คดเคี้ยววนเวียนขึ้นเขา แต่ก็ไม่ยากมาก เปิดวิทยุฮัมเพลงไป เม้ามอยกันไป ไม่นานก็ถึงที่หมายค่ะ

เราแนะนำให้ขึ้นไปที่พระตำหนักดอยตุงก่อนค่ะ จะมี 4 สถานที่หลักให้สามารถเที่ยวชมได้ คือ พระตำหนักดอยตุง สวนแม่ฟ้าหลวง หอแห่งแรงบันดาลใจ และสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง (อยู่ไกลออกไปทางไปพระธาตุดอยตุงประมาณขับรถ 15-20 นาที) ซื้อตั๋วเข้าชมรวม 4 ที่ ราคา 220 บาท ถ้าใครไม่อยากไปทุกที่ก็ซื้อตั๋วแยกเฉพาะบางที่ได้ค่ะ

อากาศร้อน แดดเปรี้ยง แต่ดอกไม้ก็ยังสวยงามสดใส อาจจะไม่งานฉ่ำเท่าฤดูหนาว แต่ก็ยังสวยค่ะ

ตอนเราไปมีคนในสวนไม่ถึงสิบคน เงียบมากกก เดินถ่ายรูปกันจนหนำใจ เราชอบมากรู้สึกเป็นส่วนตัวสุดๆ



เสร็จจากสวนก็ไปชมพระตำหนัก ภายในสวยมาก ได้รำลึกถึงสมเด็จย่า พระองค์ท่านมีพระจริยวัตรที่สมถะ น่าเอาเยี่ยงอย่างมาก แต่ภายในงดถ่ายรูปจ๊ะ

ตอนเที่ยงไปทานอาหารที่ครัวพระตำหนักดอยตุง เมนูแนะนำเลยคือเห็ดทอด อร่อยแบบ สั่งแล้วสั่งอีก เริ่ดมากก

ต่อมาก็ขับรถขึ้นพระธาตุดอยตุงค่ะ พระธาตุสวย แสงแดดสาดส่องเรืองรอง


ตกบ่ายเรานัดเพื่อนไว้ เพื่อนแนะนำให้ไปจิบชาเก๋ๆ ทานขนมกันที่ร้านเปิดใหม่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ชื่อร้าน Hacienda Coffee House ร้านตกแต่งสวยมากกก แนวคาเฟ่ฝรั่งเศส ข้างในมีของประดับมุ๊งมิ๊งเยอะแยะมากมาย สาวๆน่าจะกรี๊ดสุดถ้ามาร้านนี้ ส่วนรสชาติก็ปานกลาง ราคาค่อนข้างสูง



เราสั่งชากุหลาบ หอมใช้ได้เลยค่ะ

วันรุ่งขึ้นต่อมาเราก็ได้ไปสถานที่ที่เราหมายมั่นปั้นมือไว้ คือ วัดร่องขุ่นในตำนานนั่นเองงง ขับรถจากในเมืองประมาณ 30 นาทีค่ะ

ถึงแล้วจ้า สวยงามตามท้องเรื่องจริงๆค่ะ



พี่เขียวนี่เค้านั่งเฝ้าวัดอยู่ ไม่รู้ว่าไม่กลัวร้อนหรือยังไง แต่งองค์ซะเต็มยศ 555


นี่เป็นแผ่นเลียนแบบใบโพธิ์ เราสามารถซื้อได้ใบละสามสิบบาท แล้วเอามาเขียนชื่อ เขียนคำอธิษฐานอะไรกันไป แล้วก็เอามาห้อยไว้อย่างงี้ค่ะ


ที่วัดมีนักท่องเที่ยวจากจีนค่อนข้างเยอะ น่าจะมากับทัวร์กัน คนพลุกพล่านมากกว่าที่อื่นๆที่ไปมาค่ะ ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บภาพวาดของอาจารย์เฉลิมชัยไว้แสดงให้ดูด้วยนะคะ รูปคือสวยมาก สวยแบบยืนงงว่านี่คนวาดจริงๆหรอ สมกับเป็นศิลปินเอกของเมืองไทยจริงๆค่ะ แต่ภายในเค้าห้ามถ่ายรูปจ๊ะ

ต่อมาจากวัดร่องขุ่นก็ขับรถไปที่ "ไร่บุญรอด" กัน หรือจะเรียกว่าไร่เบียร์สิงห์ก็ได้ แต่!!! ถ้าพิมพ์ใน google map ว่าไร่เบียร์สิงห์ นางพาไปอีกที่จ้า ไกลจากที่จริงหลายกิโล ซึ่งเราหลงมาแล้วค่า ทางที่ดีใครใช้แมพให้พิมพ์ว่า ไร่บุญรอด นะคะ จะได้รอด ไม่หลงแบบเรา 555

เลี้ยวรถเข้ามาก็จะเจอป้ายนี้ค่ะ


ตอนไปมีนักท่องเที่ยวน้อยมาก เราสามารถขับรถวนดูรอบๆพื้นที่ได้เลยค่ะ อากาศร้อนมาก ไม่อยากเป็นไก่ย่างถูกเผา ก็ขับรถเปิดแอร์แรงวนไปดูกันดีกว่าเนอะ (ที่นี่มีรถบริการด้วย เป็นแบบ open air ราคากี่บาทไม่แน่ใจ ใครไม่สะดวกขับรถส่วนตัวก็ใช้บริการได้ค่ะ เค้าจะมีเวลาออกเป็นรอบๆค่ะ)

พี่สิงห์ทองตัวใหญ่ยืนต้องรับนักท่องเที่ยวอยู่ เห็นนางเหงา เลยไปถ่ายรูปกับนาง 555
มีการจัดสวนประดับด้วยฟักทองเบาๆ เอ๊ะ ถ้ารอถึงเที่ยงคืนจะเปลี่ยนเป็นรถฟักทองมั้ยน้า (ดูซินเดอเรลล่ามากไป ไปหมดละสมงสมอง)


มีทุ่งดอกไม้สีม่วงอยู่หนึ่งหย่อมเบาๆ ให้ชาวเราได้ชื่นชม

จะสังเกตได้ว่าดอกไม้จะดูแห้งๆ แล้งๆ เพราะช่วงนี้เชียงรายน้ำแล้งมากจริงๆค่ะ ดอกไม้บานท้าแดดได้เท่านี้ก็ถือว่าสู้สุดๆแล้ว ทางไร่น่าจะรดน้ำใส่ปุ๋ยผสม SPF ให้นางบ้าง แดดแรงเกิน

ขับรถเข้ามาส่วนข้างใน ก็จะเห็นพื้นที่เปิดโล่งน่าจะไว้ใช้จัดกิจกรรมต่างๆได้


เวลาเที่ยงพอดีเราเลยไปทานอาหารกันที่ร้านอาหารในไร่ ชื่อว่า ร้านภูภิรมย์ ซึ่งอาหารอร่อยมาก ถูกปากสุดๆค่ะ ใครมาแนะนำเลยนะคะ


สั่งพาสต้ามา รสชาติดีมากกลมกล่อม

อีกจากคือลาบปลาแซลมอน แซ่บสมใจ

วิวจากร้านอาหารค่ะ

สรุปแล้วทริปนี้เป็ทริปที่สนุกมากกก แม้อากาศจะร้อน แต่ใจข้างในไม่ร้อนนะจ๊ะ เอาเป็นว่าใครสนใจไปเที่ยวเชียงรายหน้าร้อนก็ลองดูนะคะ แล้วจะไปค้นพบความสวยงามของจังหวัดนี้แบบที่เราได้เห็นค่ะ

ปิดท้ายไปด้วยภาพในหลวงจากหอแห่งแรงบันดาลใจที่ดอยตุงค่ะ


ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่