เกือบจะไม่ได้ดูแล้วเรื่องนี้ เพราะต้องเสียเวลาไปย้อนดูหนังทั้งหมดของ marvel ซึ่งไม่เคยดูซักเรื่อง
เพราะอยากจะดูเรื่องนี้ ได้ครบทุกองค์ประกอบที่หนังต้องการจะนำเสนอ
ซึ่งประทับใจมาก เราว่าหนังเรื่องนี้มันเกินคำว่าหนังฮีโร่แล้ว เท่าที่ไปไล่ดูหนัง มาร์เวลมา ยกให้เรื่องนี้เป็นที่ 1 ในใจไปเลย [ในใจเรานะ คนอื่นไม่รุ้ 555]
หนังอัดแน่นไปด้วย ปมความขัดแย้งทางการเมือง ความแค้นของผู้สูญเสีย ผลกระทบอันเลวร้ายจากความหวังดีของตัวเราเอง
เรื่องเพื่อน ครอบครัว หน้าที่ในจุดยืนของตัวเอง เหยื่อผู้ถูกกระทำ นำไปสู่วงจรอุบาทว์ที่ไม่รู้จบ ซึ่งหนังได้นำเสนอประเด็นเหล่านี้ผสมไปกับ
ฉากแอคชั่นตามสไตล์หนังบล็อคบัสเตอร์ ได้อย่าง เข้มข้นและลงตัวมากๆ
หนังเรื่องนี้ได้ลงไปสำรวจจิตใจของ โทนี่ สตาร์ค และ สตีฟโรเจอร์ ได้ลึกที่สุด และมีความเป็นมนุษย์ธรรมดาที่สุดมากกว่าเรื่องไหนๆ ของมาร์เวล
เรียกว่าไม่ใช่ กัปตันอเมริกา กับ ไอรอนแมน แต่มันคือ สตีฟ โรเจอร์ กับ โทนี่ สตาร์ค ต่างหาก
แอบคิดว่าสุดท้ายแล้ว ทั้งคู่อาจจะจับมือกันรวมพลังปราบเหล่าร้ายตามสูตรสำเร็จ แต่ไม่ใช่ ผิดคาด เรื่องนี้มีองค์สามของหนัง ที่น่าจดจำมากกว่านั้น
หนังจบได้พีคและสะเทือนใจมากๆ พร้อมทิ้งคำถามให้คนดูไปถกเถียงกันอย่างเมามันส์ว่า วิธีแบบนี้มันถูกต้องแล้วจริงๆหรือ
(โรคจิต แอบอยากให้หนังมันจบตอนกัปตันทิ้งโล่ แล้วขึ้นเครดิตเลย คงสะเทือนใจดี 555 )
ตัวละครใหม่ๆ เนื่องจากเราไม่ใช่ แฟนคอมมิคนะ เป็นคนดูหนังธรรมดา เลยรู้สึกธรรมดากับสไปเดอร์แมน(อารมณ์ประมานว่า ไม่ว้าว) แต่ที่ประทับใจคือ แบล็คแพนเธอร์
พัฒนาการทางอารมณ์ตัวละคร จากผู้สูญเสีย ถูกความแค้นครอบงำจิตใจ จนสุดท้ายเค้าก็ปล่อยวางได้ และหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ได้ในตอนท้าย
กระทั่ง บัคกี้ ซีโม่ ทุกคนเหมือนเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำทั้งนั้น บางทีในมุมมองของเราอาจแนวทางที่ดีที่สุดในความคิดของเรา แต่สำหรับคนอื่นมันไม่ใช่
สรุปประทับใจหนังเรื่องนี้มากๆ รอเก็บบลูเรย์เลย
[มาช้าดีกว่าไม่มา]Captain America : Civil War เป็นมากกว่าแค่หนังฮีโร่
เพราะอยากจะดูเรื่องนี้ ได้ครบทุกองค์ประกอบที่หนังต้องการจะนำเสนอ
ซึ่งประทับใจมาก เราว่าหนังเรื่องนี้มันเกินคำว่าหนังฮีโร่แล้ว เท่าที่ไปไล่ดูหนัง มาร์เวลมา ยกให้เรื่องนี้เป็นที่ 1 ในใจไปเลย [ในใจเรานะ คนอื่นไม่รุ้ 555]
หนังอัดแน่นไปด้วย ปมความขัดแย้งทางการเมือง ความแค้นของผู้สูญเสีย ผลกระทบอันเลวร้ายจากความหวังดีของตัวเราเอง
เรื่องเพื่อน ครอบครัว หน้าที่ในจุดยืนของตัวเอง เหยื่อผู้ถูกกระทำ นำไปสู่วงจรอุบาทว์ที่ไม่รู้จบ ซึ่งหนังได้นำเสนอประเด็นเหล่านี้ผสมไปกับ
ฉากแอคชั่นตามสไตล์หนังบล็อคบัสเตอร์ ได้อย่าง เข้มข้นและลงตัวมากๆ
หนังเรื่องนี้ได้ลงไปสำรวจจิตใจของ โทนี่ สตาร์ค และ สตีฟโรเจอร์ ได้ลึกที่สุด และมีความเป็นมนุษย์ธรรมดาที่สุดมากกว่าเรื่องไหนๆ ของมาร์เวล
เรียกว่าไม่ใช่ กัปตันอเมริกา กับ ไอรอนแมน แต่มันคือ สตีฟ โรเจอร์ กับ โทนี่ สตาร์ค ต่างหาก
แอบคิดว่าสุดท้ายแล้ว ทั้งคู่อาจจะจับมือกันรวมพลังปราบเหล่าร้ายตามสูตรสำเร็จ แต่ไม่ใช่ ผิดคาด เรื่องนี้มีองค์สามของหนัง ที่น่าจดจำมากกว่านั้น
หนังจบได้พีคและสะเทือนใจมากๆ พร้อมทิ้งคำถามให้คนดูไปถกเถียงกันอย่างเมามันส์ว่า วิธีแบบนี้มันถูกต้องแล้วจริงๆหรือ
(โรคจิต แอบอยากให้หนังมันจบตอนกัปตันทิ้งโล่ แล้วขึ้นเครดิตเลย คงสะเทือนใจดี 555 )
ตัวละครใหม่ๆ เนื่องจากเราไม่ใช่ แฟนคอมมิคนะ เป็นคนดูหนังธรรมดา เลยรู้สึกธรรมดากับสไปเดอร์แมน(อารมณ์ประมานว่า ไม่ว้าว) แต่ที่ประทับใจคือ แบล็คแพนเธอร์
พัฒนาการทางอารมณ์ตัวละคร จากผู้สูญเสีย ถูกความแค้นครอบงำจิตใจ จนสุดท้ายเค้าก็ปล่อยวางได้ และหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์ได้ในตอนท้าย
กระทั่ง บัคกี้ ซีโม่ ทุกคนเหมือนเป็นเหยื่อผู้ถูกกระทำทั้งนั้น บางทีในมุมมองของเราอาจแนวทางที่ดีที่สุดในความคิดของเรา แต่สำหรับคนอื่นมันไม่ใช่
สรุปประทับใจหนังเรื่องนี้มากๆ รอเก็บบลูเรย์เลย