สวัสดีครับ..อันนี้เป็น Review แรกของผม หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ…
ตรัง..เมืองต้องห้ามพลาด
คำขวัญประจำจังหวัดตรัง
เมืองพระยารัษฎา ชาวประชาใจกว้าง
หมูย่างรสเลิศ ถิ่นกำเนิดยางพารา
เด่นสง่าดอกศรีตรัง ปะการังใต้ทะเล
เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา
สำหรับ Trip จังหวัดตรังครั้งนี้เริ่มต้นจากการจองตั๋วช่วง Big Sell ของ Air Asia ซึ่งผมกับเพื่อนได้จองวันเดินทาง ช่วงเดือน พฤษภาคม 2559 เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน โดยวันแรกและวันสุดท้ายกำหนดเป็นวันเดินทาง เนื่องจากต้องบิน 2 ต่อ คือ จากจังหวัดที่ผมพักอาศัยอยู่ ไปยังดอนเมือง และ จากดอนเมือง ไปยังจังหวัดตรัง
เมื่อใกล้ถึงวันเดินทางก็ได้เริ่มศึกษา Review และ เว็บไซด์ต่างๆ จึงได้กำหนดโปรแกรมท่องเที่ยวคราวๆ คือ เที่ยวทะเล 1 วันเที่ยวตัวเมือง 1 วัน ดังนี้ครับ
วันที่ 1 ของการเดินทาง
เวลา 17.30 . เดินทางถึงจังหวัดตรัง เข้าที่พัก เช็คอิน เสร็จแล้วไปถนนคนเดินสถานีรถไฟตรัง (ถนนคนเดินเปิดวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์)
วันที่ 2 ของการเดินทาง
เวลา 08.30 น. ทัวร์ 4 เกาะ (ถ้ำมรกตแห่งเกาะมุก - เกาะกระดาน - เกาะแหวน – เกาะเชือก) โดยได้เลือกใช้บริการจาก พัฒนียาทัวร์ One day trip ทะเลตรัง เรือเฟอรารี่ คนละ 700 บาท รับโรงแรมในตัวเมืองเพิ่มอีกคนละ 100 บาท รวมเป็น 800 บาท
เวลา 17.00 น. กลับมาถึงโรงแรมออกไปกินข้าวเย็นที่ร้านเจ๊นกติ่มซำ
วันที่ 3 ของการเดินทาง
เวลา 07.00 น. รับกุญแจรถมอเตอร์ไซค์เช่าจากโรงแรม และออกเดินทางไปยัง สระกะพังสุรินทร์, อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์, ศาลเจ้าท่ามกงเยีย, กินข้าวเช้าร้านเรือนไทยติ่มซำ, คริสจักรตรัง
เวลา 09.30 น. เวลาประมาณนี้ต้องถึงสถานีรถไฟตรัง เพื่อซื้อตั๋วรถไฟไปยังสถานีรถไฟกันตัง ค่าตั๋วรถไฟไปสถานีรถไฟกันตัง ราคา 5 บาท (รถไฟจะออกจากสถานีรถไฟตรัง 10.36 น. ถึงสถานีรถไฟกันตัง 11.20 น.)
เวลา 11.20 น. ถ่ายรูปเล่นและหาข้าวกินแถวสถานีรถไฟกันตัง รอเวลารถไฟกลับจากสถานีรถไฟกันตังไปสถานีรถไฟตรัง เวลา 12.40 น.
เวลา 13.24 น. กลับมาถึงสถานีรถไฟตรัง ออกเดินทางต่อไปยัง วัดมัชฌิมภูมิ, วัดตันตยาภิรมณ์, สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์, ซื้อของฝาก ขนมเปี๊ยะซอย 9, กินข้าวร้านเลตรัง2, ชมหอนาฬิกา และกลับที่พัก
วันที่ 4 ของการเดินทาง
เวลา 08.30 น. Check Out และเดินทางไปยังสนามบิน
ก็ทำการ mark จุดท่องเที่ยวใน Google แล้วก็ปริ้นออกมาเก็บไว้ใช้ครับ
แต่ครับ..แต่ เมื่อถึงวันเดินทางจริงๆ เพื่อนผมติดธุระด่วนไปไม่ได้ เอาไงละทีนี้.. ผมก็เลยตัดสินใจไปเองครับ... รอมาตั้งนาน จะพลาดได้ไง... ตรัง...เมืองต้องห้ามพลาด!
วันเดินทางจริง
วันที่ 1 ของการเดินทาง
เราเริ่มกันที่ดอนเมืองเลยนะครับ เนื่องจากต้องรอเที่ยวบินขาเข้า เครื่องเลยออกประมาณ 17.30 น. ซึ่งออกช้ากว่าเวลาที่กำหนด
หลับสักงีบ ตื่นมาก็ใกล้ถึงสถามบินตรังแล้ว ก็นั่งมองแสงช่วงเย็นไปพลางๆ
แล้วก็มาถึงท่าอากาศยานตรัง เวลาประมาณ 18.30 น.
เดินทางเข้าไปในสนามบินก็จะเห็นบูทรถเข้าเมือง คนละ 90 บาท ซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็เดินออกไปด้านหน้า ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ไปหารถตู้ บอกสถานที่ที่จะให้รถตู้ไปส่งและขึ้นรถตู้ครับ
ผมก็ให้รถตู้มาส่งที่โรงแรมที่ผมพัก และบังเอิญว่าผมเป็นคนสุดท้ายในรถตู้ ซึ่งระหว่างทางก็ได้มองหารถโดยสารบริเวณโรงแรมเพื่อที่จะไปถนนคนเดินสถานทีรถไฟตรัง ซึ่งมองๆ ดูแล้วไม่มีเลย จึงขอให้รถตู้รอผมเช็คอินและไปส่งผมที่ถนนคนเดินสถานีรถไฟตรัง ซึ่งรถตู้ก็ยินดีครับ (คนตรังใจกว้าง) แต่ผมยังไม่ได้ถามทางโรงแรมนะครับ...แฮรรร่
โรงแรมที่พัก คือ โรงแรม HOP INN TRANG คืนละ 650 บาท ภายในห้องมี ชุดที่นอน แอร์ ตู้เย็น ไม้แขวนเสื้อ น้ำ 2 ขวด ทีวี ปลั๊กเสียบ 2 จุด สบู่ แชมพู และเครื่องทำน้ำอุ่น และมีรถมอเตอร์ไซค์เช่า วันละ 300 บาท/24 hr.
หลังจากเช็คอินเสร็จก็มายังถนนคนเดินสถานีรถไฟตรัง ซึ่งก็จะมีรถตุ๊กตุ๊ก หรือเรียกอีกอย่างว่ารถหัวกบ จอดคอยให้บริการอยู่ด้านหน้า (มีทางกลับโรงแรมแล้ว)
ถนนคนเดินสถานีรถไฟตรังเป็นถนนคนเดินเล็กๆ ครับ เปิดวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ใกล้ๆ ถนนคนเดินก็จะมีโรงแรมศรีตรัง และโรงแรมธรรมรินทร์ ที่สามารถเดินไปถนนคนเดินได้เลย ตามที่นัก Review หลายๆ ท่านลงไว้
อันดับแรกที่ซื้อ 555
แล้วก็หาข้าวกิน ด้านในถนนคนเดินจะมีร้านขายขนมจีนอยู่ มีน้ำแกงเขียวหวาน น้ำแกงป่า น้ำแกงไตปลา และอีกสัก 2 อย่าง ผมจำไม่ได้แล้ว ^^ ...ผมสั่งน้ำแกงไตปลา อร่อยดีครับ เบิ้ลไป 2 จาน จานละ 25 บาท มีผักวางให้ที่โต๊ะ 1 ถาด
กินเสร็จก็เดินย้อนกลับออกมา จะมีร้านขายปูนึ่ง ขายกองละ 100 บาท (ตัวเล็ก) หรือ ตัวละ 25 บาท (ตัวใหญ่) ผมก็เลยซื้อกองละ 100 บาท มีประมาณ 5-6 ตัว มากินเล่นสำหรับค่ำคืนนี้ แล้วก็ขึ้นรถหัวกบกลับโรงแรม ราคา 40 บาท ระหว่างทางก็ขอให้พี่เขาแวะร้านค้าเพื่อซื้อของครับ
ออกมาจากถนนคนเดินสถานีรถไฟตรัง ผ่านหอนาฬิกา แล้วก็จะผ่านถนนคนเดินอีก 1 จุด (ดูใหญ่กว่าหน้าสถานีรถไฟตรัง) เกือบถึงโรงแรมพี่เขาลืมแวะร้านค้าให้ พี่เขาก็เลยย้อนกลับไปให้ (คนตรังใจกว้าง) แล้วก็มาส่งที่โรงแรม ขึ้นห้องผมก็จัดการปูนึ่งที่ซื้อมาจากถนนคนเดิน อร่อยมากครับ เนื้อปูแน่นๆ หวานๆ สดจริงๆ (รูป...ลืมถ่าย 555)
ตรัง...เมืองต้องห้ามพลาด
สำหรับ Trip จังหวัดตรังครั้งนี้เริ่มต้นจากการจองตั๋วช่วง Big Sell ของ Air Asia ซึ่งผมกับเพื่อนได้จองวันเดินทาง ช่วงเดือน พฤษภาคม 2559 เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน โดยวันแรกและวันสุดท้ายกำหนดเป็นวันเดินทาง เนื่องจากต้องบิน 2 ต่อ คือ จากจังหวัดที่ผมพักอาศัยอยู่ ไปยังดอนเมือง และ จากดอนเมือง ไปยังจังหวัดตรัง
เมื่อใกล้ถึงวันเดินทางก็ได้เริ่มศึกษา Review และ เว็บไซด์ต่างๆ จึงได้กำหนดโปรแกรมท่องเที่ยวคราวๆ คือ เที่ยวทะเล 1 วันเที่ยวตัวเมือง 1 วัน ดังนี้ครับ
วันที่ 1 ของการเดินทาง
เวลา 17.30 . เดินทางถึงจังหวัดตรัง เข้าที่พัก เช็คอิน เสร็จแล้วไปถนนคนเดินสถานีรถไฟตรัง (ถนนคนเดินเปิดวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์)
วันที่ 2 ของการเดินทาง
เวลา 08.30 น. ทัวร์ 4 เกาะ (ถ้ำมรกตแห่งเกาะมุก - เกาะกระดาน - เกาะแหวน – เกาะเชือก) โดยได้เลือกใช้บริการจาก พัฒนียาทัวร์ One day trip ทะเลตรัง เรือเฟอรารี่ คนละ 700 บาท รับโรงแรมในตัวเมืองเพิ่มอีกคนละ 100 บาท รวมเป็น 800 บาท
เวลา 17.00 น. กลับมาถึงโรงแรมออกไปกินข้าวเย็นที่ร้านเจ๊นกติ่มซำ
วันที่ 3 ของการเดินทาง
เวลา 07.00 น. รับกุญแจรถมอเตอร์ไซค์เช่าจากโรงแรม และออกเดินทางไปยัง สระกะพังสุรินทร์, อนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์, ศาลเจ้าท่ามกงเยีย, กินข้าวเช้าร้านเรือนไทยติ่มซำ, คริสจักรตรัง
เวลา 09.30 น. เวลาประมาณนี้ต้องถึงสถานีรถไฟตรัง เพื่อซื้อตั๋วรถไฟไปยังสถานีรถไฟกันตัง ค่าตั๋วรถไฟไปสถานีรถไฟกันตัง ราคา 5 บาท (รถไฟจะออกจากสถานีรถไฟตรัง 10.36 น. ถึงสถานีรถไฟกันตัง 11.20 น.)
เวลา 11.20 น. ถ่ายรูปเล่นและหาข้าวกินแถวสถานีรถไฟกันตัง รอเวลารถไฟกลับจากสถานีรถไฟกันตังไปสถานีรถไฟตรัง เวลา 12.40 น.
เวลา 13.24 น. กลับมาถึงสถานีรถไฟตรัง ออกเดินทางต่อไปยัง วัดมัชฌิมภูมิ, วัดตันตยาภิรมณ์, สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์, ซื้อของฝาก ขนมเปี๊ยะซอย 9, กินข้าวร้านเลตรัง2, ชมหอนาฬิกา และกลับที่พัก
วันที่ 4 ของการเดินทาง
เวลา 08.30 น. Check Out และเดินทางไปยังสนามบิน
แต่ครับ..แต่ เมื่อถึงวันเดินทางจริงๆ เพื่อนผมติดธุระด่วนไปไม่ได้ เอาไงละทีนี้.. ผมก็เลยตัดสินใจไปเองครับ... รอมาตั้งนาน จะพลาดได้ไง... ตรัง...เมืองต้องห้ามพลาด!
วันที่ 1 ของการเดินทาง
เราเริ่มกันที่ดอนเมืองเลยนะครับ เนื่องจากต้องรอเที่ยวบินขาเข้า เครื่องเลยออกประมาณ 17.30 น. ซึ่งออกช้ากว่าเวลาที่กำหนด
หลับสักงีบ ตื่นมาก็ใกล้ถึงสถามบินตรังแล้ว ก็นั่งมองแสงช่วงเย็นไปพลางๆ
แล้วก็มาถึงท่าอากาศยานตรัง เวลาประมาณ 18.30 น.
เดินทางเข้าไปในสนามบินก็จะเห็นบูทรถเข้าเมือง คนละ 90 บาท ซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็เดินออกไปด้านหน้า ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ไปหารถตู้ บอกสถานที่ที่จะให้รถตู้ไปส่งและขึ้นรถตู้ครับ
ผมก็ให้รถตู้มาส่งที่โรงแรมที่ผมพัก และบังเอิญว่าผมเป็นคนสุดท้ายในรถตู้ ซึ่งระหว่างทางก็ได้มองหารถโดยสารบริเวณโรงแรมเพื่อที่จะไปถนนคนเดินสถานทีรถไฟตรัง ซึ่งมองๆ ดูแล้วไม่มีเลย จึงขอให้รถตู้รอผมเช็คอินและไปส่งผมที่ถนนคนเดินสถานีรถไฟตรัง ซึ่งรถตู้ก็ยินดีครับ (คนตรังใจกว้าง) แต่ผมยังไม่ได้ถามทางโรงแรมนะครับ...แฮรรร่
โรงแรมที่พัก คือ โรงแรม HOP INN TRANG คืนละ 650 บาท ภายในห้องมี ชุดที่นอน แอร์ ตู้เย็น ไม้แขวนเสื้อ น้ำ 2 ขวด ทีวี ปลั๊กเสียบ 2 จุด สบู่ แชมพู และเครื่องทำน้ำอุ่น และมีรถมอเตอร์ไซค์เช่า วันละ 300 บาท/24 hr.
หลังจากเช็คอินเสร็จก็มายังถนนคนเดินสถานีรถไฟตรัง ซึ่งก็จะมีรถตุ๊กตุ๊ก หรือเรียกอีกอย่างว่ารถหัวกบ จอดคอยให้บริการอยู่ด้านหน้า (มีทางกลับโรงแรมแล้ว)
ถนนคนเดินสถานีรถไฟตรังเป็นถนนคนเดินเล็กๆ ครับ เปิดวัน ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ใกล้ๆ ถนนคนเดินก็จะมีโรงแรมศรีตรัง และโรงแรมธรรมรินทร์ ที่สามารถเดินไปถนนคนเดินได้เลย ตามที่นัก Review หลายๆ ท่านลงไว้
อันดับแรกที่ซื้อ 555
แล้วก็หาข้าวกิน ด้านในถนนคนเดินจะมีร้านขายขนมจีนอยู่ มีน้ำแกงเขียวหวาน น้ำแกงป่า น้ำแกงไตปลา และอีกสัก 2 อย่าง ผมจำไม่ได้แล้ว ^^ ...ผมสั่งน้ำแกงไตปลา อร่อยดีครับ เบิ้ลไป 2 จาน จานละ 25 บาท มีผักวางให้ที่โต๊ะ 1 ถาด
กินเสร็จก็เดินย้อนกลับออกมา จะมีร้านขายปูนึ่ง ขายกองละ 100 บาท (ตัวเล็ก) หรือ ตัวละ 25 บาท (ตัวใหญ่) ผมก็เลยซื้อกองละ 100 บาท มีประมาณ 5-6 ตัว มากินเล่นสำหรับค่ำคืนนี้ แล้วก็ขึ้นรถหัวกบกลับโรงแรม ราคา 40 บาท ระหว่างทางก็ขอให้พี่เขาแวะร้านค้าเพื่อซื้อของครับ
ออกมาจากถนนคนเดินสถานีรถไฟตรัง ผ่านหอนาฬิกา แล้วก็จะผ่านถนนคนเดินอีก 1 จุด (ดูใหญ่กว่าหน้าสถานีรถไฟตรัง) เกือบถึงโรงแรมพี่เขาลืมแวะร้านค้าให้ พี่เขาก็เลยย้อนกลับไปให้ (คนตรังใจกว้าง) แล้วก็มาส่งที่โรงแรม ขึ้นห้องผมก็จัดการปูนึ่งที่ซื้อมาจากถนนคนเดิน อร่อยมากครับ เนื้อปูแน่นๆ หวานๆ สดจริงๆ (รูป...ลืมถ่าย 555)