หลายๆ ครั้ง ที่มักคิดว่าเรื่องสำหรับเด็กๆ เป็นเรื่องเล่นๆ ไม่เป็นสาระ
แต่การได้มาเยือน teamLab เหมือนว่าจะทำให้ความรู้สึกบางแง่มุมของฉันเปลี่ยนไปเลยก็ว่าได้ค่ะ
เบื้องต้นฉันเห็นโฆษณาเกี่ยวกับงานนี้ผ่านทีวีอยู่บ่อยๆ ช่วงข่าว ซึ่งดูแล้วก็เฉยๆ นะ
เพราะในภาพก็มีแต่อะไรเด็กๆ บ้องแบ้วออกมาอะไรทำนองนั้น
ก็ไม่แปลกที่จะรู้สึกว่างานนี้ถูกทำมาเพื่อเด็กๆ จริงๆ มากกว่า
สวนสนุกที่ดูแปลกใหม่ อย่าง teamLab ไม่ได้เพิ่งมาไทยครั้งนี้เป็นครั้งแรกหรอกนะ
เพราะก่อนหน้านี้ถ้าใครยังจำกันได้ในงาน Japan Expo in Thailand 2015 เมื่อปีที่แล้ว
แต่เหมือนเป็นการชิมลางดูมากกว่า ซึ่งต้องบอกว่า ขนาดยกมาแค่ส่วนเดียวคนก็ยังแน่นมากเลย
ซึ่งคนที่เราเห็นแน่นๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เด็กนี่นา งี้ถ้าฉันเข้าไปเที่ยวบ้างคนไม่น่าจะเขินสักเท่าไรหรอก
แล้วตอนนี้เขา เอามาเต็มรูปแบบมันต้องมีดีกว่าที่เห็นแน่นอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/33232590
เมื่อลองหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหน่อยก็ได้รู้อะไรกระจ่างขึ้นอีกหน่อย เริ่มจากที่มาของชื่องานอันประกอบกันมาจากคำ 2 คำนั่นก็คือ
「team=การรวมกันเป็นกลุ่ม」และ「Lab=สถานที่ทดลองค้นคว้า」
ที่เป็นการหนุนนำโดยกลุ่มที่เรียกว่าอัลตร้าเทคโนโลจิสสร้างสรรค์งานสไตล์ญี่ปุ่นที่เจ๋งมากมุ่งเน้นไปทางงานดิจิตอลเป็นหลัก
จึงนำแนวคิดที่จะผสมกันระหว่างงานศิลป์และสวนสนุกให้ออกมาได้ลงตัวอย่างไร เพื่อให้เด็กได้เข้าถึงงานศิลป์ได้อย่างสนุกสนาน
จึงได้พัฒนาจากงานเล็กๆ เพื่อแสดงนิทรรศการมาเป็นผลลัพธ์ จากการค้นหาความจริงจากการแสดงทางดิจิตอลที่มนุษย์ได้รับแนวคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าดิจิตอลแล้ว ซึ่งพวกเราเชื่อว่าแนวคิดเหล่านั้นไม่ได้หมายถึงแค่ความสะดวกสบายหรือการลดต้นทุนเท่านั้น
แต่ยังรวมไปถึงแนวคิดด้านความงามแห่งศิลปะอีกด้วย
ทั้งหมดจึงตู้มมมมมมกลายเป็นโกโก้...ไม่ใช่ละ กลายเป็น ‘สวนสนุกอินเตอร์แอคทีฟ’
ที่เคยตระเวนไปให้ความสนุกมาแล้วหลายประเทศเลย ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น (แหงอยู่แล้วก็เขาเป็นคนคิดค้นนี่)
ไต้หวันอิตาลี ฮ่องกง ฝรั่งเศส และประเทศจีน
เอาแล้วไง ไหนว่าเรื่องเด็กๆ ใช่ไหมคะ ทำไมมันถึงลึกซึ้งและซับซ้อนได้ถึงเพียงนี้กันละเนี่ย
จริงๆ บอกลอยๆ มันคงดูจะไม่เห็นภาพ เดี๋ยวจะค่อยๆ บอกเป็นขั้นผ่านการเดินชมเป็นจุดๆ ดีกว่าเนอะ
งาน teamLab ที่ได้เข้ามาจัดแสดงในไทยเต็มรูปแบบกันที่ The Space ชั้น 3 ของเซ็นทรัลเวิลด์
จะว่าหายากไหมก็ไม่ถึงกับยากหรอก จุดสังเกตที่ง่ายที่สุดคือด้านหน้ามีลานสเก็ตน้ำแข็ง The Rink อยู่ด้วย
แต่ถ้ายังหาไม่เจออยู่ แนะนำว่าให้ดูป้ายตามทางบันไดเลื่อนและ ป้ายบอกทางตามพื้นของห้างที่บอกเป็นลูกศรกันเลย
ทางเข้า/จำหน่ายตั๋ว หาไม่ยาก ค่าเข้างานคนละ 350 บาท ส่วนเด็กที่ตัวยังเล็กๆ สูงไม่ถึง 80 ซม. เข้าฟรี
และถ้าอายุยังไม่ถึง 12 ปี ต้องมีพ่อแม่ผู้ปกครองพาไปดูเท่านั้น มองไปรอบๆ เด็กเยอะพอสมควรเลย
(แต่ก็น้อยกว่าที่คิด เพราะติดภาพจาก Japan Expo in Thailand พอเห็นคนไม่วุ่นวายเท่าก็แอบโล่งใจ)
สอบถามกฎระเบียบจากทีมงานเจ้าหน้าที่ทางเข้าเรียบร้อย ประกอบกับดูแผนที่จากใบพับ ก็ทำให้เราเข้าใจว่า
ภายในงานมีทั้งหมด 13 จุดเข้าชม (น้อยกว่าของดั้งเดิมที่มี 18 จุด ซึ่งส่วนตัวฉันเข้าใจว่าน่าจะเกี่ยวกับ
ความเหมาะสมของสถานที่และเน้นโซนสวนสนุกที่เป็นจุดขายเป็นหลัก) โดย 13 จุด ได้แบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ
คือ โซน Dance! Art Museum หรือ ศิลปะมีชีวิต และอีกโซนคือ Learn & Play Interactive Theme Park
หรือ สวนสนุกอินเตอร์แอคทีฟนั่นเอง มองเผินๆ ภายนอกนั้นดูเหมือนว่ามีจุดให้เข้าดูตั้ง 13 จุด
แต่พื้นที่เพียงเท่านี้จะเป็นไปได้เหรอ ฉันสงสัยเมื่อตอนเดินมาใกล้หน้าทางเข้า
แต่เดี๋ยวก็รู้เก็บความสงสัยไว้เดินจนครบรอบแล้วค่อยว่ากันอีกที
[CR] รีวิว teamLab Island … พื้นที่เล็กๆ กับจินตนาการที่กว้างใหญ่
หลายๆ ครั้ง ที่มักคิดว่าเรื่องสำหรับเด็กๆ เป็นเรื่องเล่นๆ ไม่เป็นสาระ
แต่การได้มาเยือน teamLab เหมือนว่าจะทำให้ความรู้สึกบางแง่มุมของฉันเปลี่ยนไปเลยก็ว่าได้ค่ะ
เบื้องต้นฉันเห็นโฆษณาเกี่ยวกับงานนี้ผ่านทีวีอยู่บ่อยๆ ช่วงข่าว ซึ่งดูแล้วก็เฉยๆ นะ
เพราะในภาพก็มีแต่อะไรเด็กๆ บ้องแบ้วออกมาอะไรทำนองนั้น
ก็ไม่แปลกที่จะรู้สึกว่างานนี้ถูกทำมาเพื่อเด็กๆ จริงๆ มากกว่า
สวนสนุกที่ดูแปลกใหม่ อย่าง teamLab ไม่ได้เพิ่งมาไทยครั้งนี้เป็นครั้งแรกหรอกนะ
เพราะก่อนหน้านี้ถ้าใครยังจำกันได้ในงาน Japan Expo in Thailand 2015 เมื่อปีที่แล้ว
แต่เหมือนเป็นการชิมลางดูมากกว่า ซึ่งต้องบอกว่า ขนาดยกมาแค่ส่วนเดียวคนก็ยังแน่นมากเลย
ซึ่งคนที่เราเห็นแน่นๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่เด็กนี่นา งี้ถ้าฉันเข้าไปเที่ยวบ้างคนไม่น่าจะเขินสักเท่าไรหรอก
แล้วตอนนี้เขา เอามาเต็มรูปแบบมันต้องมีดีกว่าที่เห็นแน่นอน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อลองหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหน่อยก็ได้รู้อะไรกระจ่างขึ้นอีกหน่อย เริ่มจากที่มาของชื่องานอันประกอบกันมาจากคำ 2 คำนั่นก็คือ
「team=การรวมกันเป็นกลุ่ม」และ「Lab=สถานที่ทดลองค้นคว้า」
ที่เป็นการหนุนนำโดยกลุ่มที่เรียกว่าอัลตร้าเทคโนโลจิสสร้างสรรค์งานสไตล์ญี่ปุ่นที่เจ๋งมากมุ่งเน้นไปทางงานดิจิตอลเป็นหลัก
จึงนำแนวคิดที่จะผสมกันระหว่างงานศิลป์และสวนสนุกให้ออกมาได้ลงตัวอย่างไร เพื่อให้เด็กได้เข้าถึงงานศิลป์ได้อย่างสนุกสนาน
จึงได้พัฒนาจากงานเล็กๆ เพื่อแสดงนิทรรศการมาเป็นผลลัพธ์ จากการค้นหาความจริงจากการแสดงทางดิจิตอลที่มนุษย์ได้รับแนวคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าดิจิตอลแล้ว ซึ่งพวกเราเชื่อว่าแนวคิดเหล่านั้นไม่ได้หมายถึงแค่ความสะดวกสบายหรือการลดต้นทุนเท่านั้น
แต่ยังรวมไปถึงแนวคิดด้านความงามแห่งศิลปะอีกด้วย
ทั้งหมดจึงตู้มมมมมมกลายเป็นโกโก้...ไม่ใช่ละ กลายเป็น ‘สวนสนุกอินเตอร์แอคทีฟ’
ที่เคยตระเวนไปให้ความสนุกมาแล้วหลายประเทศเลย ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น (แหงอยู่แล้วก็เขาเป็นคนคิดค้นนี่)
ไต้หวันอิตาลี ฮ่องกง ฝรั่งเศส และประเทศจีน
เอาแล้วไง ไหนว่าเรื่องเด็กๆ ใช่ไหมคะ ทำไมมันถึงลึกซึ้งและซับซ้อนได้ถึงเพียงนี้กันละเนี่ย
จริงๆ บอกลอยๆ มันคงดูจะไม่เห็นภาพ เดี๋ยวจะค่อยๆ บอกเป็นขั้นผ่านการเดินชมเป็นจุดๆ ดีกว่าเนอะ
งาน teamLab ที่ได้เข้ามาจัดแสดงในไทยเต็มรูปแบบกันที่ The Space ชั้น 3 ของเซ็นทรัลเวิลด์
จะว่าหายากไหมก็ไม่ถึงกับยากหรอก จุดสังเกตที่ง่ายที่สุดคือด้านหน้ามีลานสเก็ตน้ำแข็ง The Rink อยู่ด้วย
แต่ถ้ายังหาไม่เจออยู่ แนะนำว่าให้ดูป้ายตามทางบันไดเลื่อนและ ป้ายบอกทางตามพื้นของห้างที่บอกเป็นลูกศรกันเลย
ทางเข้า/จำหน่ายตั๋ว หาไม่ยาก ค่าเข้างานคนละ 350 บาท ส่วนเด็กที่ตัวยังเล็กๆ สูงไม่ถึง 80 ซม. เข้าฟรี
และถ้าอายุยังไม่ถึง 12 ปี ต้องมีพ่อแม่ผู้ปกครองพาไปดูเท่านั้น มองไปรอบๆ เด็กเยอะพอสมควรเลย
(แต่ก็น้อยกว่าที่คิด เพราะติดภาพจาก Japan Expo in Thailand พอเห็นคนไม่วุ่นวายเท่าก็แอบโล่งใจ)
สอบถามกฎระเบียบจากทีมงานเจ้าหน้าที่ทางเข้าเรียบร้อย ประกอบกับดูแผนที่จากใบพับ ก็ทำให้เราเข้าใจว่า
ภายในงานมีทั้งหมด 13 จุดเข้าชม (น้อยกว่าของดั้งเดิมที่มี 18 จุด ซึ่งส่วนตัวฉันเข้าใจว่าน่าจะเกี่ยวกับ
ความเหมาะสมของสถานที่และเน้นโซนสวนสนุกที่เป็นจุดขายเป็นหลัก) โดย 13 จุด ได้แบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ
คือ โซน Dance! Art Museum หรือ ศิลปะมีชีวิต และอีกโซนคือ Learn & Play Interactive Theme Park
หรือ สวนสนุกอินเตอร์แอคทีฟนั่นเอง มองเผินๆ ภายนอกนั้นดูเหมือนว่ามีจุดให้เข้าดูตั้ง 13 จุด
แต่พื้นที่เพียงเท่านี้จะเป็นไปได้เหรอ ฉันสงสัยเมื่อตอนเดินมาใกล้หน้าทางเข้า
แต่เดี๋ยวก็รู้เก็บความสงสัยไว้เดินจนครบรอบแล้วค่อยว่ากันอีกที
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น