แยกส่วนสปอยล์ไว้ในลิ้นชัก
ยิ่งใหญ่สมการรอคอย แต่ทำไมถึงไม่เข้มข้นและขึงขังในรูปแบบเดียวกับ
X-Men: First Class และ
X-Men: Days of Future Past นะ?
----------------------------
หลังจากหนังซูเปอร์ฮีโร่ของทั้ง วอร์เนอร์ (
Bat V Sup) และดิสนีย์ (
Civil War) ออกฉายไปเรียบร้อย จะเห็นได้ว่า ความยอดเยี่ยมครบทุกด้านจริงๆ ตกอยู่กับ
Civil War ที่ไม่เพียงแต่ผสานเนื้อหามีเหตุผล เข้ากับ อารมณ์ขันของมาร์เวล ได้อย่างลงตัว ฮีโร่แต่ละตัวต่างก็มี 'ซีน' ของตัวเองในการเผยความสามารถ ต่างจาก
Bat V Sup ซึ่งตกม้าตายเพราะความแข็งแรงของบท ที่ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเอาซะเลย ยังดีที่มีฉากต่อสู้อลังการมาพยุงความสมดุลเอาไว้
เข้าสู่ฤดูฉายซัมเมอร์
X-Men: Apocalypse ผงาดเป็นอีกหนึ่งโปรเจคซูเปอร์ฮีโร่ยักษ์ใหญ่ประจำปี แต่ก็ยังไม่พอที่จะกลบความเยี่ยมของ
Civil War ลงได้ เพราะความพยายามในการผสานเนื้อหามีเหตุผล เข้ากับ อารมณ์ขันของมาร์เวล ได้ทำให้ความขึงขังและอลังการจากภาค
First Class และ
Days of Future Past ดูดร็อปลง กลายเป็นกลบจุดเด่นเดิมๆ จนทำให้เนื้อหาหนังดู 'เบา' ลงอย่างเห็นได้ชัด !
หนังเริ่มต้นได้ดี (อาจบอกได้ว่าดีมาก) กับฉากเปิดตัว เอ็น ซาบาห์ นูร์ เมื่อครั้งอดีตกาลในยุคสมัยของอียิปต์ เราจะได้เห็น
- กลุ่มมิวแทนท์กลุ่มแรกที่พยายามทำการบางอย่าง (ไปดูในหนังนะจ๊ะ)
- เห็นสีสันลวดลายของอักษรโบราณ 'ฮีโรกริฟฟิค' ที่ถูกแต่งแต้มให้เข้ากับธีมเรื่อง
- ได้ยินดนตรีประกอบที่ช่วยสร้างความฮึกเหิม ในทำนองว่า ความน่ากลัวกำลังคลืบคลานเข้ามา
- ตลอดจนฉากเอฟเฟกต์บรรยากาศอารยธรรมอียิปต์ ให้ความรู้สึกว่า มิวแทนท์ตนนี้มีความเป็นมาที่ยาวนาน (มาก)
เป็นการเปิดตัววายร้ายของเรื่องที่ทำให้ฮึกเหิม และอยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป
ถัดจากนั้น หนังได้ทยอยเปิดตัว ตัวละครแต่ละตัว ซึ่งในจุดนี้ เนื้อหาโยงมาจากการเปลี่ยนเส้นไทม์ไลน์ในหนัง
Days of Future Past หากใครดูส่วนนี้แล้วงงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเส้นไทม์ไลน์ได้เปลี่ยนแปลง ทำให้ตัวละครแต่ละตัวเหมือนถูกรีเซ็ต บางตัวหายไป มีตัวใหม่เพิ่ม และสถานะตัวละคร (ชีวิตความเป็นอยู่) ก็ต่างจากเดิม
ก่อนการเปิดตัว ตัวละครแต่ตัว อีกหนึ่งตัวละครสำคัญ มอยร่า แมทแท็กเกิร์ต ได้เข้าเห็นบางอย่างในกรุงไคโร นั่นคือการปลุกชีพวายร้าย เอ็น ซาบาห์ นูร์ ขึ้นมาจากการหลับไหลอันยาวนาน ถัดจากนั้นก็คือการหาสมาชิกเข้ากิลด์ของ เอ็น ซาบาห์ นูร์ ซึ่งตรงนี้ดูหน่อมแน้มไปนิด สตอร์ม, ไซล็อค แองเจิล และแม็กนีโต้ โผล่เข้ากิลด์ทีละคนตามลำดับอย่างง่ายดาย อย่างกับว่าในช่วงเวลาแห่งการหลับไหลนั้น เอ็น ซาบาห์ นูร์ ได้วางแผนไว้ในหัวแล้วว่า ถ้าตื่นมาจะต้องไปหาใคร..!
ความหน่อมแน้ม น่าขัน ยังรวมไปถึงฉากการประกาศสมญาแห่ง อะพอคคาลิปส์ (เอ็น ซาบาห์ นูร์) ที่ใช้ประโยชน์จากพลังโทรจิตของ ชาร์ลส์ เซเวียร์ ในการกระจายข่าวสารไปให้ประชาชนในโลก ได้รับทราบการมาถึงของมิวแทนท์ที่ยิ่งใหญ่ตนแรกของโลก ซึ่งมันตลกตรงที่ สารที่ถูกปล่อยไปนั้น ได้ถูก translate ไปเป็นภาษาของแต่ละท้องถิ่นทันทีที่สารนั้นเดินทางไปถึง ทุกคนในโลกเข้าใจสารของ อะพอคคาลิปส์ อย่างกับว่าใช้ Google Translate แปลสารก่อนส่งอย่างนั้นเลย..!
ยังไม่หมด ยังไม่หมด หลังจาก อะพอคคาลิปส์ ได้หาสมาชิกเข้ากิลด์ จนเป็น '4 จตุรอาชา' และหลังจากใช้ Google Translate แปลสารผ่าน ชาร์ลส์ เซเวียร์ ไปยังคนในโลกเรียบร้อยแล้ว สมาชิกในกิลด์ก็จัดการทำพิธีบางอย่างอีกครั้ง (พิธีที่เคยทำเมื่อสมัยอารยะธรรมอียิปต์โบราณนั่นแหละ) ความน่าขันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ในฉากที่แม็กนีโตเรียกโลหะจากทั่วทุกมุมโลกขึ้นมาสร้างเป็นมหาปิรามิด ช่วงนั้นฝ่ายตัวดีได้ทะยานเฮลิคอปเตอร์มาถึงที่เกิดเหตุ แต่เฮลิคอปเตอร์ตัวนั้นก็ไม่ได้โดนอำนาจโลหะของแม็กนีโต เรียกเข้าไปสมทบกับโลหะตัวอื่นแต่อย่างใด เอ๊ะ..หรือว่าเฮลิคอปเตอร์ตัวนั้นมันสร้างจากพลาสติกหรือเปล่านะ..?
อย่างไรก็ตาม หรือว่าฉากตลกแบบแปลกๆ ที่ใส่เข้ามานั้น เพื่อให้เข้ากับฉากตลกอื่นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์อารมณ์ขันของมาร์เวลกันแน่นะ ซึ่งหนังเรื่องนี้ถือว่าต่างจาก
First Class และ
Days of Future Past ในเชิงโครงเรื่อง
โดยภาค
First Class ถือว่าขึงขังและเข้มข้นที่สุด แทบจะไม่มีอารมณ์ขันมาแบ่งเบาความหนักของเนื้อหาเลย พอมาใน
Days of Future Past หนังเพิ่มแอ็กชั่นเข้าไปเป็นกระบุงโกย และเพิ่มความเบาอย่างฉากตลกๆ ของ 'ควิกซิลเวอร์' เข้าไปเพื่อสร้างสีสัน พอมาในภาคนี้ ฉากตลกๆ ถูกเพิ่มเข้าไปมากขึ้น แต่ลดฉากแอ็กชั่นลง จนอาจบอกได้ว่า หนังภาคนี้มีแอ็กชั่นลดลงจาก
Days of Future Past แบบฮวบๆ จนตกใจไปว่า แล้วจุดเด่นของหนังภาคนี้คืออารมณ์ขันหรือเปล่า ตัวละครก็มีอยู่เพียบ แต่ไม่ค่อยจะแสดงแสนยานุภาพ โดยเฉพาะ 4 จตุรอาชา เพราะนอกจากแม็กนีโต้ที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในภาคนี้ สตอร์ม, แองเจิล และไซล็อค แทบไม่ค่อยได้ออกอาวุธ อุตส่าห์ไปเชิญเข้ากิลด์ ไม่ค่อยจะมีบทบาทกันซักเท่าไร
อย่างไรก็ตาม หนังก็พยายามผูกโยงเนื้อหาในภาคแรกและภาคสอง โดยดึงฉากแฟลชแบ็คเข้ามาเล่าในภาคนี้ พร้อมเพิ่มฉากชีวิตรันทดของ แม็กนีโต เพื่อทำให้เนื้อหามีมิติขึ้นมานิดนึง แต่แค่นิดเดียว ที่เห็นว่าใช้ได้หน่อยก็คือ ในส่วนของฝ่ายฮีโร่ หนังใช้ประโยชน์จากตัวละครอย่าง จีน เกรย์, ไซคลอปส์ และไนท์ครอวเลอร์ รุ่นใหม่ กันพอสมควร ยังรวมไปถึงตัวละครเก่าอย่าง ควิกซิลเวอร์ ซึ่งเราจะได้เห็น
- พี่น้องซัมเมอร์ส สก็อตต์ ซัมเมอร์ส (ไซคลอปส์) และอเล็กซ์ ซัมเมอร์ส (ฮาว็อค) ออกฉากด้วยกันเป็นครั้งแรก
- ไนท์ครอวเลอร์ ออกฉากร่วมกับ มิสทีค โดยที่ไม่ได้บอกว่าความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้เป็นอย่างไร (ในฉบับคอมิคส์ ไนท์ครอวเลอร์ เป็นลูกของ มิสทีค นะจ๊ะ)
- ควิกซิลเวอร์ ได้พบกับพ่อของตัวเอง แม็กนีโต เป็นครั้งแรก
- จีน เกรย์ ถูก ดาร์ค ฟีนิกซ์ ประทับร่างทรงอย่างสวยงาม หายเคยเห็น จีน เกรย์ เวอร์ชั่นเดิมที่รับบทโดย แฟมเก้ เจนเซ่น มาแล้ว ครั้งนี้เราจะได้เห็นสัญลักษณ์ ดาร์ค ฟีนิกซ์ เป็นรูปนกสีส้มกางปีกอย่างชัดเจน
- เพิ่มฉากความเร็วของ ควิกซิลเวอร์ จากฉากสั้นๆ ใน
Days of Future Past มาครั้งนี้เราจะได้ดื่มด่ำกับฉากความเร็วสูง ที่ทำให้เวลาเหมือนถูกหยุด ของ ควิกซิลเวอร์ อย่างเต็มๆ (นี่ถ้าตัวละคร แฟลช ของดีซีมีฉากนี้นะ คงจะเนิ่นนานกว่านี้อีกเป็นกระบุงโกย เพราะถ้าเทียบกันแล้ว แฟลช เร็วกว่า ควิกซิลเวอร์ อยู่มาก เทียบง่ายๆ ควิกซิลเวอร์ เร็วกว่าเสียง แต่ แฟลช เร็วกว่าแสง และแสงเดินทางได้เร็วกว่าเสียง)
เมื่อพิจารณาทุกองค์ประกอบรวมกัน หนังเรื่องนี้อยู่กึ่งกลางระหว่าง
Bat V Sup และ
Civil War เทียบเป็นสมการคือ
Civil War > Apocalypse > Bat V Sup
แต่ถ้าพิจารณาแยกองค์ประกอบ สามารถเทียบสมการได้ดังนี้
ความสนุก
Civil War > Apocalypse > Bat V Sup
เนื้อหาสมเหตุสมผล
Civil War > Apocalypse > Bat V Sup
ฉากแอ็กชั่นเว่อร์วังอลังการ
Bat V Sup > Civil War > Apocalypse
หมายเหตุ: แม้ฉากของ Apocalypse จะเว่อร์วังกว่า Civil War แต่ฉากของ Civil War ดูจริงจังกว่า
ฉากแอ็กชั่นดูสนุก
Civil War > Bat V Sup > Apocalypse
อารมณ์ขัน
Civil War > Apocalypse > Bat V Sup
ฉากเปิดเรื่อง
Apocalypse > Civil War > Bat V Sup
ฉากปิดเรื่อง
Civil War > Apocalypse > Bat V Sup
ระดับคะแนน C+
หรือเทียบได้เท่ากับ 6.5/10
----------------------------
เพิ่มเติม สิ่งอื่นๆ ที่จะได้เห็นจากหนังเรื่องนี้
** ถัดจากนี้ Spoil เนื้อหาเล็กน้อย **
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้- ฉากจบของเรื่องนี้ ไซล็อค หนีไป พร้อมทำหน้าบูดเป็นตูดลิง อาจจะวางแผนฟื้นคืนชีพ อะพอคคาลิปส์ อีกหรือเปล่านะ เพราะไอ้นี่มันเป็นอมตะ
- มนุษย์กรงเล็บ โผล่มาในโครงการ Weapon X ออกมาฉากนึง
- วิลเลียม สไตรเกอร์ โผล่มาด้วยนะ
- จูบิลี่ (จูบิเลชั่น ลี) แทบไม่ได้พูดเลย ไม่รู้เพิ่มตัวละครนี้มาทำไม
- อย่าลืมรอดูฉาก end credit ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโปรเจคต่อจากนี้ของฟ็อกซ์อย่าง The Wolverine 3, Gambit และภาคใหม่ของ X-Men
** Spoil ฉาก end credit **
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราจะได้เห็นโครงการ Weapon X อีกครั้ง คราวนี้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปยังกรงขังที่วูฟเวอรีนหนีออกไป ดึงตัวอย่างเลือด ชิ้นส่วนของร่างกาย และกระสุน ออกมาเก็บเข้าที่ โดยหยิบหลอดเลือดขวดนึงมาให้เห็นอย่างชัด ปรากฏฉลาก Weapon X อย่างชัดเจน เขาเก็บหลอดเลือดนี้เข้าไปยังกระเป๋าอีกใบ ที่มีหลอดเลือดอื่นๆ หลายสีเก็บไว้อยู่แล้ว พอปิดกระเป๋าปุ๊บ ปรากฏชื่อบริษัท ESSEX CORP
ฉากนี้บอกใบ้ไปถึงหนังภาคใหม่ The Wolverine 3 และอาจโยงไปถึงการปรากฏตัวครั้งแรกของ มิสเตอร์ซินิสเตอร์ อีกหนึ่งตัวร้ายของจักรวาล X-Men
ติดตามรีวิว/ความเห็นเรื่องอื่น พร้อมพูดคุยเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจครับ
ผ่านคอมพิวเตอร์
คลิกที่ชื่อแอ็คเคาท์ผม เข้าสู่หน้าโปรไฟล์ ลิงค์จะอยู่ด้านขวาของหน้าครับ
ผ่านสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เข้าได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/LikeFlickTH
[ รีวิวฉบับเต็ม + อารมณ์ขัน + น่ารู้เพิ่มเติม ] X-Men: Apocalypse
ยิ่งใหญ่สมการรอคอย แต่ทำไมถึงไม่เข้มข้นและขึงขังในรูปแบบเดียวกับ X-Men: First Class และ X-Men: Days of Future Past นะ?
----------------------------
หลังจากหนังซูเปอร์ฮีโร่ของทั้ง วอร์เนอร์ (Bat V Sup) และดิสนีย์ (Civil War) ออกฉายไปเรียบร้อย จะเห็นได้ว่า ความยอดเยี่ยมครบทุกด้านจริงๆ ตกอยู่กับ Civil War ที่ไม่เพียงแต่ผสานเนื้อหามีเหตุผล เข้ากับ อารมณ์ขันของมาร์เวล ได้อย่างลงตัว ฮีโร่แต่ละตัวต่างก็มี 'ซีน' ของตัวเองในการเผยความสามารถ ต่างจาก Bat V Sup ซึ่งตกม้าตายเพราะความแข็งแรงของบท ที่ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเอาซะเลย ยังดีที่มีฉากต่อสู้อลังการมาพยุงความสมดุลเอาไว้
เข้าสู่ฤดูฉายซัมเมอร์ X-Men: Apocalypse ผงาดเป็นอีกหนึ่งโปรเจคซูเปอร์ฮีโร่ยักษ์ใหญ่ประจำปี แต่ก็ยังไม่พอที่จะกลบความเยี่ยมของ Civil War ลงได้ เพราะความพยายามในการผสานเนื้อหามีเหตุผล เข้ากับ อารมณ์ขันของมาร์เวล ได้ทำให้ความขึงขังและอลังการจากภาค First Class และ Days of Future Past ดูดร็อปลง กลายเป็นกลบจุดเด่นเดิมๆ จนทำให้เนื้อหาหนังดู 'เบา' ลงอย่างเห็นได้ชัด !
หนังเริ่มต้นได้ดี (อาจบอกได้ว่าดีมาก) กับฉากเปิดตัว เอ็น ซาบาห์ นูร์ เมื่อครั้งอดีตกาลในยุคสมัยของอียิปต์ เราจะได้เห็น
- กลุ่มมิวแทนท์กลุ่มแรกที่พยายามทำการบางอย่าง (ไปดูในหนังนะจ๊ะ)
- เห็นสีสันลวดลายของอักษรโบราณ 'ฮีโรกริฟฟิค' ที่ถูกแต่งแต้มให้เข้ากับธีมเรื่อง
- ได้ยินดนตรีประกอบที่ช่วยสร้างความฮึกเหิม ในทำนองว่า ความน่ากลัวกำลังคลืบคลานเข้ามา
- ตลอดจนฉากเอฟเฟกต์บรรยากาศอารยธรรมอียิปต์ ให้ความรู้สึกว่า มิวแทนท์ตนนี้มีความเป็นมาที่ยาวนาน (มาก)
เป็นการเปิดตัววายร้ายของเรื่องที่ทำให้ฮึกเหิม และอยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป
ถัดจากนั้น หนังได้ทยอยเปิดตัว ตัวละครแต่ละตัว ซึ่งในจุดนี้ เนื้อหาโยงมาจากการเปลี่ยนเส้นไทม์ไลน์ในหนัง Days of Future Past หากใครดูส่วนนี้แล้วงงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเส้นไทม์ไลน์ได้เปลี่ยนแปลง ทำให้ตัวละครแต่ละตัวเหมือนถูกรีเซ็ต บางตัวหายไป มีตัวใหม่เพิ่ม และสถานะตัวละคร (ชีวิตความเป็นอยู่) ก็ต่างจากเดิม
ก่อนการเปิดตัว ตัวละครแต่ตัว อีกหนึ่งตัวละครสำคัญ มอยร่า แมทแท็กเกิร์ต ได้เข้าเห็นบางอย่างในกรุงไคโร นั่นคือการปลุกชีพวายร้าย เอ็น ซาบาห์ นูร์ ขึ้นมาจากการหลับไหลอันยาวนาน ถัดจากนั้นก็คือการหาสมาชิกเข้ากิลด์ของ เอ็น ซาบาห์ นูร์ ซึ่งตรงนี้ดูหน่อมแน้มไปนิด สตอร์ม, ไซล็อค แองเจิล และแม็กนีโต้ โผล่เข้ากิลด์ทีละคนตามลำดับอย่างง่ายดาย อย่างกับว่าในช่วงเวลาแห่งการหลับไหลนั้น เอ็น ซาบาห์ นูร์ ได้วางแผนไว้ในหัวแล้วว่า ถ้าตื่นมาจะต้องไปหาใคร..!
ความหน่อมแน้ม น่าขัน ยังรวมไปถึงฉากการประกาศสมญาแห่ง อะพอคคาลิปส์ (เอ็น ซาบาห์ นูร์) ที่ใช้ประโยชน์จากพลังโทรจิตของ ชาร์ลส์ เซเวียร์ ในการกระจายข่าวสารไปให้ประชาชนในโลก ได้รับทราบการมาถึงของมิวแทนท์ที่ยิ่งใหญ่ตนแรกของโลก ซึ่งมันตลกตรงที่ สารที่ถูกปล่อยไปนั้น ได้ถูก translate ไปเป็นภาษาของแต่ละท้องถิ่นทันทีที่สารนั้นเดินทางไปถึง ทุกคนในโลกเข้าใจสารของ อะพอคคาลิปส์ อย่างกับว่าใช้ Google Translate แปลสารก่อนส่งอย่างนั้นเลย..!
ยังไม่หมด ยังไม่หมด หลังจาก อะพอคคาลิปส์ ได้หาสมาชิกเข้ากิลด์ จนเป็น '4 จตุรอาชา' และหลังจากใช้ Google Translate แปลสารผ่าน ชาร์ลส์ เซเวียร์ ไปยังคนในโลกเรียบร้อยแล้ว สมาชิกในกิลด์ก็จัดการทำพิธีบางอย่างอีกครั้ง (พิธีที่เคยทำเมื่อสมัยอารยะธรรมอียิปต์โบราณนั่นแหละ) ความน่าขันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ในฉากที่แม็กนีโตเรียกโลหะจากทั่วทุกมุมโลกขึ้นมาสร้างเป็นมหาปิรามิด ช่วงนั้นฝ่ายตัวดีได้ทะยานเฮลิคอปเตอร์มาถึงที่เกิดเหตุ แต่เฮลิคอปเตอร์ตัวนั้นก็ไม่ได้โดนอำนาจโลหะของแม็กนีโต เรียกเข้าไปสมทบกับโลหะตัวอื่นแต่อย่างใด เอ๊ะ..หรือว่าเฮลิคอปเตอร์ตัวนั้นมันสร้างจากพลาสติกหรือเปล่านะ..?
อย่างไรก็ตาม หรือว่าฉากตลกแบบแปลกๆ ที่ใส่เข้ามานั้น เพื่อให้เข้ากับฉากตลกอื่นๆ ที่เป็นเอกลักษณ์อารมณ์ขันของมาร์เวลกันแน่นะ ซึ่งหนังเรื่องนี้ถือว่าต่างจาก First Class และ Days of Future Past ในเชิงโครงเรื่อง
โดยภาค First Class ถือว่าขึงขังและเข้มข้นที่สุด แทบจะไม่มีอารมณ์ขันมาแบ่งเบาความหนักของเนื้อหาเลย พอมาใน Days of Future Past หนังเพิ่มแอ็กชั่นเข้าไปเป็นกระบุงโกย และเพิ่มความเบาอย่างฉากตลกๆ ของ 'ควิกซิลเวอร์' เข้าไปเพื่อสร้างสีสัน พอมาในภาคนี้ ฉากตลกๆ ถูกเพิ่มเข้าไปมากขึ้น แต่ลดฉากแอ็กชั่นลง จนอาจบอกได้ว่า หนังภาคนี้มีแอ็กชั่นลดลงจาก Days of Future Past แบบฮวบๆ จนตกใจไปว่า แล้วจุดเด่นของหนังภาคนี้คืออารมณ์ขันหรือเปล่า ตัวละครก็มีอยู่เพียบ แต่ไม่ค่อยจะแสดงแสนยานุภาพ โดยเฉพาะ 4 จตุรอาชา เพราะนอกจากแม็กนีโต้ที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในภาคนี้ สตอร์ม, แองเจิล และไซล็อค แทบไม่ค่อยได้ออกอาวุธ อุตส่าห์ไปเชิญเข้ากิลด์ ไม่ค่อยจะมีบทบาทกันซักเท่าไร
อย่างไรก็ตาม หนังก็พยายามผูกโยงเนื้อหาในภาคแรกและภาคสอง โดยดึงฉากแฟลชแบ็คเข้ามาเล่าในภาคนี้ พร้อมเพิ่มฉากชีวิตรันทดของ แม็กนีโต เพื่อทำให้เนื้อหามีมิติขึ้นมานิดนึง แต่แค่นิดเดียว ที่เห็นว่าใช้ได้หน่อยก็คือ ในส่วนของฝ่ายฮีโร่ หนังใช้ประโยชน์จากตัวละครอย่าง จีน เกรย์, ไซคลอปส์ และไนท์ครอวเลอร์ รุ่นใหม่ กันพอสมควร ยังรวมไปถึงตัวละครเก่าอย่าง ควิกซิลเวอร์ ซึ่งเราจะได้เห็น
- พี่น้องซัมเมอร์ส สก็อตต์ ซัมเมอร์ส (ไซคลอปส์) และอเล็กซ์ ซัมเมอร์ส (ฮาว็อค) ออกฉากด้วยกันเป็นครั้งแรก
- ไนท์ครอวเลอร์ ออกฉากร่วมกับ มิสทีค โดยที่ไม่ได้บอกว่าความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้เป็นอย่างไร (ในฉบับคอมิคส์ ไนท์ครอวเลอร์ เป็นลูกของ มิสทีค นะจ๊ะ)
- ควิกซิลเวอร์ ได้พบกับพ่อของตัวเอง แม็กนีโต เป็นครั้งแรก
- จีน เกรย์ ถูก ดาร์ค ฟีนิกซ์ ประทับร่างทรงอย่างสวยงาม หายเคยเห็น จีน เกรย์ เวอร์ชั่นเดิมที่รับบทโดย แฟมเก้ เจนเซ่น มาแล้ว ครั้งนี้เราจะได้เห็นสัญลักษณ์ ดาร์ค ฟีนิกซ์ เป็นรูปนกสีส้มกางปีกอย่างชัดเจน
- เพิ่มฉากความเร็วของ ควิกซิลเวอร์ จากฉากสั้นๆ ใน Days of Future Past มาครั้งนี้เราจะได้ดื่มด่ำกับฉากความเร็วสูง ที่ทำให้เวลาเหมือนถูกหยุด ของ ควิกซิลเวอร์ อย่างเต็มๆ (นี่ถ้าตัวละคร แฟลช ของดีซีมีฉากนี้นะ คงจะเนิ่นนานกว่านี้อีกเป็นกระบุงโกย เพราะถ้าเทียบกันแล้ว แฟลช เร็วกว่า ควิกซิลเวอร์ อยู่มาก เทียบง่ายๆ ควิกซิลเวอร์ เร็วกว่าเสียง แต่ แฟลช เร็วกว่าแสง และแสงเดินทางได้เร็วกว่าเสียง)
เมื่อพิจารณาทุกองค์ประกอบรวมกัน หนังเรื่องนี้อยู่กึ่งกลางระหว่าง Bat V Sup และ Civil War เทียบเป็นสมการคือ
แต่ถ้าพิจารณาแยกองค์ประกอบ สามารถเทียบสมการได้ดังนี้
Civil War > Apocalypse > Bat V Sup
เนื้อหาสมเหตุสมผล
Civil War > Apocalypse > Bat V Sup
ฉากแอ็กชั่นเว่อร์วังอลังการ
Bat V Sup > Civil War > Apocalypse
หมายเหตุ: แม้ฉากของ Apocalypse จะเว่อร์วังกว่า Civil War แต่ฉากของ Civil War ดูจริงจังกว่า
ฉากแอ็กชั่นดูสนุก
Civil War > Bat V Sup > Apocalypse
อารมณ์ขัน
Civil War > Apocalypse > Bat V Sup
ฉากเปิดเรื่อง
Apocalypse > Civil War > Bat V Sup
ฉากปิดเรื่อง
Civil War > Apocalypse > Bat V Sup
หรือเทียบได้เท่ากับ 6.5/10
----------------------------
เพิ่มเติม สิ่งอื่นๆ ที่จะได้เห็นจากหนังเรื่องนี้
** ถัดจากนี้ Spoil เนื้อหาเล็กน้อย **
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
** Spoil ฉาก end credit **
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ติดตามรีวิว/ความเห็นเรื่องอื่น พร้อมพูดคุยเพิ่มเติมได้ที่แฟนเพจครับ
ผ่านคอมพิวเตอร์
คลิกที่ชื่อแอ็คเคาท์ผม เข้าสู่หน้าโปรไฟล์ ลิงค์จะอยู่ด้านขวาของหน้าครับ
ผ่านสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้