วันนี้ก็จะขอมาแชร์ประสบการณ์การพาหลานชายตัวแสบ ไปร่วมกิจกรรมทัศนศึกษากับโรงเรียนสอนศิลปะแห่งหนึ่งที่พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครกัน การพาหลานมาร่วมทำกิจกรรมที่นี่ถือว่าคิดถูกมาก เพราะพิพิธภัณฑ์เด็กที่นี่มีอะไรให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมเยอะเลยค่ะ ขนาดเราโตแล้วยังชอบเลย ทำไมตอนเราเด็กๆ มันไม่มีแบบนี้บ้าง555 และมันทำให้หลายเราสนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้นด้วยค่ะ
การเดินทางมาพิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครก็ง่ายมากเลยค่ะ เพราะอยู่ติดกับจตุจักร มารถไฟฟ้าก็มาลงตรงหมอชิต แล้วต่อแท็กซี่ หรือใครชิวๆ อาจจะเดินจูงมือลูกหลานเดินมาก็ได้ โดยที่นี่มี 3 ส่วนค่ะ ซึ่งส่วนแรกเข้ามาจะเห็นก่อนเลยก็คือลานกิจกรรมกลางแจ้ง มีลานน้ำพุปลาหมึกให้เด็กสนุกกับการเล่นน้ำและฉีดน้ำใส่กัน ไม่ว่าแดดจะร้อนแค่ไหนก็ยังมีเด็กๆ เดินมาเล่นน้ำตรงนี้อยู่เรื่อยๆ เราก็ได้แต่ยืนห่างๆ เพราะกลัวเปียกและไม่ไหวที่จะตากแดด
นอกจากนั้นก็จะมีสนามเด็กเล่นสำหรับปีนป่าย เป็นเชือกเส้นใหญ่ๆ ที่ผูกกันไว้ แล้วสามารถปีนเล่นได้ ส่วนมากที่เล่นก็จะเป็นเด็กผู้ชอบ ซึ่งคู่กับการปีนป่ายอยู่แล้วเนอะ แล้วก็จะมีส่วนที่ติดกันเลยคือฐานผจญภัย มีทั้งอุโมงค์ สไลเดอร์ บ้านต้นไม้ บันไดลิง ก็เป็นกิจกรรมที่เด็กได้สนุกพร้อมกับการออกกำลังกายไปด้วยเลย ตรงมุมนี้ผู้ปกครองสามารถลงไปเล่นด้วยได้นะคะ
มาต่อกันด้วยส่วนที่ 2 ก็จะเป็นอาคารทอตะวัน เมื่อเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์กิจกรรมแรกที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ก็คือ ห้องวิทยาศาสตร์ มีกิจกรรมหลายอย่างให้เด็กๆได้ไปเล่น และยังได้ความรู้อีกด้วย แต่ดูเหมือนเด็กๆจะสนุกกับการเล่นอุปกรณ์ต่างๆกันมากกว่า เราเองยังตื่นเต้นเลยเหมือนตอนเด็กไม่ค่อยได้มาเจออะไรแบบนี้เท่าไหร่นัก ฐานแรกก็เป็นท่อส่งแรงดัน
ก็จะมีคุณป้าเป็นคนที่อยู่ประจำท่อ จะให้เด็กต่อแถวกันเล่น คุณป้าก็จะส่งสิ่งของมาให้เด็กรับ โดยจะส่งผ่าท่อมา ถ้าเด็กคนไหนแซงมา จะมาแย่งเพื่อนเล่นก่อน คุณป้าก็จะไม่ส่งของมาให้ แล้วก็บอกให้เด็กไปต่อแถวเหมือนเดิม เหมือนเป็นการฝึกวินัยของเด็กให้มีความเป็นระเบียบ มีความอดทน เด็กทุกคนก็เชื่อฟังคุณป้า และทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน
ต่อไปก็จะเป็นการทดลองเหมือนฟองสบู่ จะให้เด็กเข้าไปอยู่รวมกันประมาณ 3-4 คน โดยให้หันหลังชนกัน ซึ่งจะมีห่วงใหญ่ๆ ครอบตัวเด็กอยู่ เมื่อเอาห่วงขึ้นก็จะมีฟองสบู่ขึ้นตามห่วงครอบตัวเด็กไว้ ทุกคนตื่นเต้นกับการทดลองนี้มาก
กิจกรรมต่อไปคือ ขุดโครงกระดูกไดโนเสาร์ ครูพี่เลี้ยงจะพาเด็กๆมาเรียนรู้ถึงความเป็นมาของไดโนเสาร์ว่าเป็นยังไง เด็กก็จะสงสัยว่าทำไมมันถึงตัวใหญ่บ้าง ทำไมมันถึงไม่มีแล้วบ้าง บางคนก็อยากเห็นตัวจริง ก็เป็นความน่ารักและไร้เดียงของเด็กเนอะ
กิจกรรมนี้เด็กๆต้องออกไปขุดกระดูกในบ่อไดโนเสาร์กลางแจ้ง แน่นอนอยู่แล้วที่เด็กจะไม่กลัวแสงแดดอันเจิดจ้า ทุกคนสนุกสนานกับการขุดมากอะ เพราะทุกคนต่างก็หวังที่จุดขุดเจอกระดูกไดโนเสาร์ทั้งนั้น พาขุดไปเจอกระดูกก็รีบตระโกนบอกเพื่อน ซึ่งทุกคนก็รีบมารุมด้วยความตื่นเต้น ว่ากระดูกมันเป็นยังไง แล้ววิ่งกลับไปขุดตรงที่เดิมต่อเพื่อให้ตัวเองเจอบ้าง ซึ่งปกติแล้วหลานชายอยู่บ้านก็ไม่ค่อยได้วิ่งเล่นเท่าไหร่ อาจจะเพราะไม่มีเพื่อน ยิ่งเล่นดินเล่นทรายนี่ลืมไปเลย แต่แปลกใจมากที่พอขุดใดโนเสาร์แล้วดูเขาสนุกใหญ่เลย ชอบมากขนาดถามเลยว่า นักโบราณคดีต้องขุดแบบนี้ใช่ไหมมมม อยากไปขุดของจริงบ้าง โตไปผมอยากเป็นนักโบราณคดี เรานี่แบบว่า ว้าววว
กิจกรรมชั้นที่ 1 เรียบร้อยแล้ว ก็มาต่อที่ชั้น 2 เป็นการเรียนรู้อาเซียน เช่น การเรียนรู้ภาษาของแต่ละประเทศในอาเซียน การแต่งตัว และมีมุมสโมสรนักประดิษฐ์ ซึ่งจะมีพี่ๆ เอาสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ มาโชว์ให้น้องๆได้ทดลองเล่นดู และลงมือประดิษฐ์อุปกรณ์ของตัวเองดูบ้าง พอเสร็จจากชั้นนี้ ครูพี่เลี้ยงก็พาขึ้นไปที่ชั้น 3 ชั้นนี้เด็กผู้ชายน่าจะชอบกันเยอะ เพราะมีโซนสร้างเมือง ต่อเลโก้ยักษ์อันนี้ก็น่าสนุกนะ เป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ พวกเด็กๆสามารถคิดและลงมือสร้างผลงานออกมาได้ เป็นการสอนเด็กๆ ไปในตัวเรื่องการทำงานเป็นทีมด้วยค่ะ น้องๆหลายคนน่ารักมากรู้จักแบ่งปัน บางคนทำหน้าที่ผู้นำมอบหมายงานให้เพื่อนๆ แล้วเอาสิ่งที่ต่อได้มารวมกัน ปรบมือรัวๆๆๆ
เปลี่ยนไปอีกมุมนึงก็จะเป็นกิจกรรมสร้างเมืองของเราให้น่าอยู่ ตรงนี้จะมีวิทยากรมาอธิบายว่าเมืองแต่ละแบบเป็นยังไง เช่น เมืองอุตสาหกรรม ก็จะมีโรงงานเยอะ มีการปล่อยมลพิษออกมา ทำให้อากาศ น้ำ ไม่สะอาด คนในเมืองนี้ก็จะป่วยง่าย แต่ถ้าเป็นเมืองที่มีดอกไม้และต้นไม้เยอะ อากาศจะบริสุทธิ์ มลพิษน้อย ร่างกายของเราก็จะแข็งแรง เด็กๆคนไหนอยากให้เมืองของเราเป็นยังไง มีอะไรบ้าง ก็สามารถจัดได้ตามใจชอบเลย ส่วนมากเด็กผู้หญิงก็จะมีต้นไม้ ดอกไม้ มีวัด แสดงถึงความอ่อนไหวและอ่อนหวาน ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็จะวางถนน ตึก มีรถยนต์เยอะๆ แสดงถึงความมั่นคง ความแข็งแกร่ง ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่สิ่งที่เด็กทำมักจะมีความหมายแฝงไว้เสมอ
เมื่อเสร็จกิจกรรมจากช่วงเช้าแล้ว คุณครูก็พาเด็กๆ ลงมาชั้น 1 มานั่งรวมกันให้เด็กได้นั่งพัก คุณครูที่นี่น่ารักมากเลยค่ะ ดูแลเด็กทุกคนดีมากๆ เลย ใครที่อยากไปเข้าห้องน้ำก็พาไป เด็กก็จะอยากเข้าห้องน้ำไม่พร้อมกัน เราเห็นคุณครูเพิ่งเดินกลับมาจากเด็กกลุ่มแรกที่พาไป เด็กอีกคนก็อยากเข้าห้องน้ำบ้าง คุณครูก็พาไปด้วยรอยยิ้ม เราชอบมากๆ เลย ต่อจากนั้นก็พักกินข้าวกลางวันค่ะ เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่งคุณครูก็เรียกเด็กมาพร้อมเพียงกันแล้วเข้าไปในอาคารทอตะวันอีกรอบ
มาถึงกิจกรรมช่วงบ่าย คุณครูก็แบ่งเด็กเป็น 2 กลุ่ม เพื่อมาเล่นกิจกรรมต่อไป ก็คือใบ้คำจากการวาดรูปบนแผ่นหลัง ให้เด็กนั่งต่อแถวกัน จากนั้นก็เริ่มเล่นเกมส์โดยให้คนที่ท้ายสุดใช้นิ้วเขียนรูปร่างที่เห็นจากกระดาษที่คุณครูให้ดู แล้วให้เพื่อนเขียนต่อให้เพื่อนที่อยู่ข้างหน้าเขียนต่อกันไปเรื่อยๆ จนถึงคนที่อยู่หน้าสุด แล้วให้คนหน้าสุดเขียนใส่กระดาษว่าเพื่อนวาดรูปอะไรมาให้ พอคุณครูดูก็บอกว่า เป็นรูปแครอท คุณครูก็ถามคนสุดท้ายว่าถูกต้องไหม คำตอบคือไม่ถูกเพราะเขาวาดรูปแตงโมมา เท่านั้นแหละเสียงหัวเราะก็ดังสนั่นมาจากคุณครูและผู้ปกครอง เราก็ยังขำไปด้วยเลย ความน่ารักของเด็กก็อยู่ตรงนี้แหละค่ะ
มาถึงกิจกรรมสุดท้ายก็จะเป็นกิจกรรมที่ห้องศิลปะ สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ตามจินตนาการ คุณครูก็ให้เด็กๆวาดรูป “พิพิธภัณฑ์ในฝัน” ให้เด็กๆ ได้วาดรูปจากจินตนาการและความคิดของตนเอง ดูเด็กทุกคนตั้งใจมากในกิจกรรมการวาดรูปนี้ เด็กดูมีสมาธิจดจ่ออยู่กับรูปวาด เพิ่มทักษะในการคิดได้ด้วย เพราะเห็นเด็กบางคนก็วาดรูปสิ่งต่างๆเพิ่มเข้าไปในภาพ เราก็ไปคุยกับเด็กคนนึงมาที่วาดรูปพิพิธภัณฑ์ในฝันบนดวงดาว เราก็ถามว่าทำไมถึงให้พิพิธภัณฑ์อยู่บนดวงดาว น้องก็บอกว่าเขาชอบดวงดาว อยากให้อยู่บนอวกาศ เรานี่ทึ่งเลยอ่ะ ความคิดของเด็กอายุเพียง 7-8 ปี คิดได้สร้างสรรค์กว่าเราอีกนะคะ อายเด็กเลยค่ะ
ซึ่งเด็กแต่ละคนก็สามารถวาดรูปออกมาได้สวยงามตามประสาของเด็ก ทุกคนดูชอบและมีความสุขกับการวาดรูปมาก มีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทำให้คุณครูและผู้ปกครองอย่างเรามีความสุขไปด้วย เราก็สังเกตน้องชายตัวเองอยู่ตลอดนะว่าช่วงพักเขาจะเล่นโทรศัพท์หรือเปล่า ปรากฎว่าเขาไม่หยิบโทรศัพท์เลย แถมยังมีความสุข และสนุกกับกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการที่มีเพื่อนใหม่ที่ดีอีกด้วย บอกได้เลยว่าวันนี้เป็นวันแรกที่หลานชายห่างไกลไอแพดได้นานขนาดนี้ แล้วไม่มีท่าทีงอแงด้วย
เมื่อทุกคนวาดรูปเสร็จแล้วก็มีของที่ระลึกมอบให้เด็กๆ ทุกคน พร้อมทั้งประกาศผลรางวัลสร้างสรรค์ดีเด่นให้กับเด็กด้วย ซึ่งรางวัลนี้จะได้ตุ๊กตานายอำเภอตัวใหญ่ 1 ตัว วันนี้ก็จะขอปิดท้ายด้วยความน่ารักของเด็กน้อยอ้วนๆ คนนึงที่อยากจะได้ตุ๊กตานายอำเภอตัวใหญ่มาก ตอนที่แจกของที่ระลึก ทุกคนจะได้เหมือนกันหมดซึ่งของที่ระลึกจะเป็นหมอนและหมวก เขาก็พูดกับคุณครูแบบว่าหมอนก็ได้เหมือนกันทุกคนเลย แต่ตุ๊กตาตัวใหญ่ได้ไม่ทุกคน อารมณ์แบบอยากได้ตุ๊กตาตัวใหญ่ คุณครูก็บอกว่าคนที่ได้เขาต้องได้รางวัลจากการวาดรูป น้องก็พูดอีกว่าแล้วเขาจะได้รางวัลไหม ตัวเขาก็วาดรูปไม่ค่อยสวย ตอนนั้นก็เหมือนกำลังจะร้องไห้ เพราะในใจเด็กน้อยอาจคิดว่าเขาคงไม่ได้แน่ๆ เราก็แอบคิดในใจนะว่า ถ้าเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้ก็คงต้องร้องไห้แน่ๆ คุณครูอีกคนก็กำลังประกาศผลซึ่งเหลือเป็นชิ้นสุดท้าย ก็กำลังประกาศผล แล้วผลออกมาเป็นของเด็กอ้วนคนนี้ ทุกคนก็เฮกันลั่นเลย เราก็เฮไปกับด้วย ดีใจเหมือนได้เองเลย 555 น้องก็ยังงงๆ อยู่ คงคิดว่าได้ได้ยังไง เดินออกมารับแบบงงๆ หลังจากที่ได้ตุ๊กตาตัวใหญ่ก็ยิ้มแก้มปริเลย สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้างได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เราถ่ายรูปเด็กน้อยไว้ด้วยนะ
วันนี้มีแต่เสียงหัวเราะทั้งวัน เด็กๆ น่ารักทุกคน มีความฉลาดในวัยของตนเอง เราอยากจะให้ผู้ปกครองพาลูกหลานมาทำกิจกรรมนอกบ้านกันบ้างนะคะ ให้เด็กได้เปิดโลกกว้าง ลองทำอื่นๆนอกห้องเรียนดูบ้าง อย่างที่บ้านเราอยากให้น้องเรียนเก่งๆ ให้ติวนู่นนี่ แต่พอมาดูจริงๆแล้วการเล่นก็เป็นการเรียนรู้ที่ดีมากๆ สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากประสบการณ์จริง เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการในด้านต่างๆ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครเป็นแหล่งการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ ได้อย่างดีเลยค่ะ
เราก็มีลิ้งค์พิพิธภัณฑ์อื่นๆ ที่คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองสามารถพาลูกพาหลานไปเที่ยวชมได้นะคะ
- SEA LIFE Bangkok Ocean World, กรุงเทพฯ เรียนรู้ชีวิตสัตว์ใต้ท้องทะเล
เว็บไซต์ : www.sealifebangkok.com
- ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลอง), กรุงเทพฯ แหล่งเรียนรู้เรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์
เว็บไซต์ : www.sciplanet.org
- อุทยานการเรียนรู้ TK Park, กรุงเทพฯ มาอ่านหนังสือเพื่อให้เด็กรักในการอ่าน
เว็บไซต์ : www.tkpark.or.th
- มิวเซียมสยาม (Museum Siam), กรุงเทพฯ การเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีใหม่ ๆ และกิจกรรมสร้างสรรค์ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์
เว็บไซต์ : www.museumsiam.org
เจอแล้ว !!!! วิธีที่ทำให้เด็กเลิกติดไอแพด.......
การเดินทางมาพิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครก็ง่ายมากเลยค่ะ เพราะอยู่ติดกับจตุจักร มารถไฟฟ้าก็มาลงตรงหมอชิต แล้วต่อแท็กซี่ หรือใครชิวๆ อาจจะเดินจูงมือลูกหลานเดินมาก็ได้ โดยที่นี่มี 3 ส่วนค่ะ ซึ่งส่วนแรกเข้ามาจะเห็นก่อนเลยก็คือลานกิจกรรมกลางแจ้ง มีลานน้ำพุปลาหมึกให้เด็กสนุกกับการเล่นน้ำและฉีดน้ำใส่กัน ไม่ว่าแดดจะร้อนแค่ไหนก็ยังมีเด็กๆ เดินมาเล่นน้ำตรงนี้อยู่เรื่อยๆ เราก็ได้แต่ยืนห่างๆ เพราะกลัวเปียกและไม่ไหวที่จะตากแดด
นอกจากนั้นก็จะมีสนามเด็กเล่นสำหรับปีนป่าย เป็นเชือกเส้นใหญ่ๆ ที่ผูกกันไว้ แล้วสามารถปีนเล่นได้ ส่วนมากที่เล่นก็จะเป็นเด็กผู้ชอบ ซึ่งคู่กับการปีนป่ายอยู่แล้วเนอะ แล้วก็จะมีส่วนที่ติดกันเลยคือฐานผจญภัย มีทั้งอุโมงค์ สไลเดอร์ บ้านต้นไม้ บันไดลิง ก็เป็นกิจกรรมที่เด็กได้สนุกพร้อมกับการออกกำลังกายไปด้วยเลย ตรงมุมนี้ผู้ปกครองสามารถลงไปเล่นด้วยได้นะคะ
มาต่อกันด้วยส่วนที่ 2 ก็จะเป็นอาคารทอตะวัน เมื่อเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์กิจกรรมแรกที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ก็คือ ห้องวิทยาศาสตร์ มีกิจกรรมหลายอย่างให้เด็กๆได้ไปเล่น และยังได้ความรู้อีกด้วย แต่ดูเหมือนเด็กๆจะสนุกกับการเล่นอุปกรณ์ต่างๆกันมากกว่า เราเองยังตื่นเต้นเลยเหมือนตอนเด็กไม่ค่อยได้มาเจออะไรแบบนี้เท่าไหร่นัก ฐานแรกก็เป็นท่อส่งแรงดัน
ก็จะมีคุณป้าเป็นคนที่อยู่ประจำท่อ จะให้เด็กต่อแถวกันเล่น คุณป้าก็จะส่งสิ่งของมาให้เด็กรับ โดยจะส่งผ่าท่อมา ถ้าเด็กคนไหนแซงมา จะมาแย่งเพื่อนเล่นก่อน คุณป้าก็จะไม่ส่งของมาให้ แล้วก็บอกให้เด็กไปต่อแถวเหมือนเดิม เหมือนเป็นการฝึกวินัยของเด็กให้มีความเป็นระเบียบ มีความอดทน เด็กทุกคนก็เชื่อฟังคุณป้า และทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนาน
ต่อไปก็จะเป็นการทดลองเหมือนฟองสบู่ จะให้เด็กเข้าไปอยู่รวมกันประมาณ 3-4 คน โดยให้หันหลังชนกัน ซึ่งจะมีห่วงใหญ่ๆ ครอบตัวเด็กอยู่ เมื่อเอาห่วงขึ้นก็จะมีฟองสบู่ขึ้นตามห่วงครอบตัวเด็กไว้ ทุกคนตื่นเต้นกับการทดลองนี้มาก
กิจกรรมต่อไปคือ ขุดโครงกระดูกไดโนเสาร์ ครูพี่เลี้ยงจะพาเด็กๆมาเรียนรู้ถึงความเป็นมาของไดโนเสาร์ว่าเป็นยังไง เด็กก็จะสงสัยว่าทำไมมันถึงตัวใหญ่บ้าง ทำไมมันถึงไม่มีแล้วบ้าง บางคนก็อยากเห็นตัวจริง ก็เป็นความน่ารักและไร้เดียงของเด็กเนอะ
กิจกรรมนี้เด็กๆต้องออกไปขุดกระดูกในบ่อไดโนเสาร์กลางแจ้ง แน่นอนอยู่แล้วที่เด็กจะไม่กลัวแสงแดดอันเจิดจ้า ทุกคนสนุกสนานกับการขุดมากอะ เพราะทุกคนต่างก็หวังที่จุดขุดเจอกระดูกไดโนเสาร์ทั้งนั้น พาขุดไปเจอกระดูกก็รีบตระโกนบอกเพื่อน ซึ่งทุกคนก็รีบมารุมด้วยความตื่นเต้น ว่ากระดูกมันเป็นยังไง แล้ววิ่งกลับไปขุดตรงที่เดิมต่อเพื่อให้ตัวเองเจอบ้าง ซึ่งปกติแล้วหลานชายอยู่บ้านก็ไม่ค่อยได้วิ่งเล่นเท่าไหร่ อาจจะเพราะไม่มีเพื่อน ยิ่งเล่นดินเล่นทรายนี่ลืมไปเลย แต่แปลกใจมากที่พอขุดใดโนเสาร์แล้วดูเขาสนุกใหญ่เลย ชอบมากขนาดถามเลยว่า นักโบราณคดีต้องขุดแบบนี้ใช่ไหมมมม อยากไปขุดของจริงบ้าง โตไปผมอยากเป็นนักโบราณคดี เรานี่แบบว่า ว้าววว
กิจกรรมชั้นที่ 1 เรียบร้อยแล้ว ก็มาต่อที่ชั้น 2 เป็นการเรียนรู้อาเซียน เช่น การเรียนรู้ภาษาของแต่ละประเทศในอาเซียน การแต่งตัว และมีมุมสโมสรนักประดิษฐ์ ซึ่งจะมีพี่ๆ เอาสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ มาโชว์ให้น้องๆได้ทดลองเล่นดู และลงมือประดิษฐ์อุปกรณ์ของตัวเองดูบ้าง พอเสร็จจากชั้นนี้ ครูพี่เลี้ยงก็พาขึ้นไปที่ชั้น 3 ชั้นนี้เด็กผู้ชายน่าจะชอบกันเยอะ เพราะมีโซนสร้างเมือง ต่อเลโก้ยักษ์อันนี้ก็น่าสนุกนะ เป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ พวกเด็กๆสามารถคิดและลงมือสร้างผลงานออกมาได้ เป็นการสอนเด็กๆ ไปในตัวเรื่องการทำงานเป็นทีมด้วยค่ะ น้องๆหลายคนน่ารักมากรู้จักแบ่งปัน บางคนทำหน้าที่ผู้นำมอบหมายงานให้เพื่อนๆ แล้วเอาสิ่งที่ต่อได้มารวมกัน ปรบมือรัวๆๆๆ
เปลี่ยนไปอีกมุมนึงก็จะเป็นกิจกรรมสร้างเมืองของเราให้น่าอยู่ ตรงนี้จะมีวิทยากรมาอธิบายว่าเมืองแต่ละแบบเป็นยังไง เช่น เมืองอุตสาหกรรม ก็จะมีโรงงานเยอะ มีการปล่อยมลพิษออกมา ทำให้อากาศ น้ำ ไม่สะอาด คนในเมืองนี้ก็จะป่วยง่าย แต่ถ้าเป็นเมืองที่มีดอกไม้และต้นไม้เยอะ อากาศจะบริสุทธิ์ มลพิษน้อย ร่างกายของเราก็จะแข็งแรง เด็กๆคนไหนอยากให้เมืองของเราเป็นยังไง มีอะไรบ้าง ก็สามารถจัดได้ตามใจชอบเลย ส่วนมากเด็กผู้หญิงก็จะมีต้นไม้ ดอกไม้ มีวัด แสดงถึงความอ่อนไหวและอ่อนหวาน ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็จะวางถนน ตึก มีรถยนต์เยอะๆ แสดงถึงความมั่นคง ความแข็งแกร่ง ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองหรือเปล่านะ แต่สิ่งที่เด็กทำมักจะมีความหมายแฝงไว้เสมอ
เมื่อเสร็จกิจกรรมจากช่วงเช้าแล้ว คุณครูก็พาเด็กๆ ลงมาชั้น 1 มานั่งรวมกันให้เด็กได้นั่งพัก คุณครูที่นี่น่ารักมากเลยค่ะ ดูแลเด็กทุกคนดีมากๆ เลย ใครที่อยากไปเข้าห้องน้ำก็พาไป เด็กก็จะอยากเข้าห้องน้ำไม่พร้อมกัน เราเห็นคุณครูเพิ่งเดินกลับมาจากเด็กกลุ่มแรกที่พาไป เด็กอีกคนก็อยากเข้าห้องน้ำบ้าง คุณครูก็พาไปด้วยรอยยิ้ม เราชอบมากๆ เลย ต่อจากนั้นก็พักกินข้าวกลางวันค่ะ เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่งคุณครูก็เรียกเด็กมาพร้อมเพียงกันแล้วเข้าไปในอาคารทอตะวันอีกรอบ
มาถึงกิจกรรมช่วงบ่าย คุณครูก็แบ่งเด็กเป็น 2 กลุ่ม เพื่อมาเล่นกิจกรรมต่อไป ก็คือใบ้คำจากการวาดรูปบนแผ่นหลัง ให้เด็กนั่งต่อแถวกัน จากนั้นก็เริ่มเล่นเกมส์โดยให้คนที่ท้ายสุดใช้นิ้วเขียนรูปร่างที่เห็นจากกระดาษที่คุณครูให้ดู แล้วให้เพื่อนเขียนต่อให้เพื่อนที่อยู่ข้างหน้าเขียนต่อกันไปเรื่อยๆ จนถึงคนที่อยู่หน้าสุด แล้วให้คนหน้าสุดเขียนใส่กระดาษว่าเพื่อนวาดรูปอะไรมาให้ พอคุณครูดูก็บอกว่า เป็นรูปแครอท คุณครูก็ถามคนสุดท้ายว่าถูกต้องไหม คำตอบคือไม่ถูกเพราะเขาวาดรูปแตงโมมา เท่านั้นแหละเสียงหัวเราะก็ดังสนั่นมาจากคุณครูและผู้ปกครอง เราก็ยังขำไปด้วยเลย ความน่ารักของเด็กก็อยู่ตรงนี้แหละค่ะ
มาถึงกิจกรรมสุดท้ายก็จะเป็นกิจกรรมที่ห้องศิลปะ สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ตามจินตนาการ คุณครูก็ให้เด็กๆวาดรูป “พิพิธภัณฑ์ในฝัน” ให้เด็กๆ ได้วาดรูปจากจินตนาการและความคิดของตนเอง ดูเด็กทุกคนตั้งใจมากในกิจกรรมการวาดรูปนี้ เด็กดูมีสมาธิจดจ่ออยู่กับรูปวาด เพิ่มทักษะในการคิดได้ด้วย เพราะเห็นเด็กบางคนก็วาดรูปสิ่งต่างๆเพิ่มเข้าไปในภาพ เราก็ไปคุยกับเด็กคนนึงมาที่วาดรูปพิพิธภัณฑ์ในฝันบนดวงดาว เราก็ถามว่าทำไมถึงให้พิพิธภัณฑ์อยู่บนดวงดาว น้องก็บอกว่าเขาชอบดวงดาว อยากให้อยู่บนอวกาศ เรานี่ทึ่งเลยอ่ะ ความคิดของเด็กอายุเพียง 7-8 ปี คิดได้สร้างสรรค์กว่าเราอีกนะคะ อายเด็กเลยค่ะ
ซึ่งเด็กแต่ละคนก็สามารถวาดรูปออกมาได้สวยงามตามประสาของเด็ก ทุกคนดูชอบและมีความสุขกับการวาดรูปมาก มีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ทำให้คุณครูและผู้ปกครองอย่างเรามีความสุขไปด้วย เราก็สังเกตน้องชายตัวเองอยู่ตลอดนะว่าช่วงพักเขาจะเล่นโทรศัพท์หรือเปล่า ปรากฎว่าเขาไม่หยิบโทรศัพท์เลย แถมยังมีความสุข และสนุกกับกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งการที่มีเพื่อนใหม่ที่ดีอีกด้วย บอกได้เลยว่าวันนี้เป็นวันแรกที่หลานชายห่างไกลไอแพดได้นานขนาดนี้ แล้วไม่มีท่าทีงอแงด้วย
เมื่อทุกคนวาดรูปเสร็จแล้วก็มีของที่ระลึกมอบให้เด็กๆ ทุกคน พร้อมทั้งประกาศผลรางวัลสร้างสรรค์ดีเด่นให้กับเด็กด้วย ซึ่งรางวัลนี้จะได้ตุ๊กตานายอำเภอตัวใหญ่ 1 ตัว วันนี้ก็จะขอปิดท้ายด้วยความน่ารักของเด็กน้อยอ้วนๆ คนนึงที่อยากจะได้ตุ๊กตานายอำเภอตัวใหญ่มาก ตอนที่แจกของที่ระลึก ทุกคนจะได้เหมือนกันหมดซึ่งของที่ระลึกจะเป็นหมอนและหมวก เขาก็พูดกับคุณครูแบบว่าหมอนก็ได้เหมือนกันทุกคนเลย แต่ตุ๊กตาตัวใหญ่ได้ไม่ทุกคน อารมณ์แบบอยากได้ตุ๊กตาตัวใหญ่ คุณครูก็บอกว่าคนที่ได้เขาต้องได้รางวัลจากการวาดรูป น้องก็พูดอีกว่าแล้วเขาจะได้รางวัลไหม ตัวเขาก็วาดรูปไม่ค่อยสวย ตอนนั้นก็เหมือนกำลังจะร้องไห้ เพราะในใจเด็กน้อยอาจคิดว่าเขาคงไม่ได้แน่ๆ เราก็แอบคิดในใจนะว่า ถ้าเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้ก็คงต้องร้องไห้แน่ๆ คุณครูอีกคนก็กำลังประกาศผลซึ่งเหลือเป็นชิ้นสุดท้าย ก็กำลังประกาศผล แล้วผลออกมาเป็นของเด็กอ้วนคนนี้ ทุกคนก็เฮกันลั่นเลย เราก็เฮไปกับด้วย ดีใจเหมือนได้เองเลย 555 น้องก็ยังงงๆ อยู่ คงคิดว่าได้ได้ยังไง เดินออกมารับแบบงงๆ หลังจากที่ได้ตุ๊กตาตัวใหญ่ก็ยิ้มแก้มปริเลย สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้างได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เราถ่ายรูปเด็กน้อยไว้ด้วยนะ
วันนี้มีแต่เสียงหัวเราะทั้งวัน เด็กๆ น่ารักทุกคน มีความฉลาดในวัยของตนเอง เราอยากจะให้ผู้ปกครองพาลูกหลานมาทำกิจกรรมนอกบ้านกันบ้างนะคะ ให้เด็กได้เปิดโลกกว้าง ลองทำอื่นๆนอกห้องเรียนดูบ้าง อย่างที่บ้านเราอยากให้น้องเรียนเก่งๆ ให้ติวนู่นนี่ แต่พอมาดูจริงๆแล้วการเล่นก็เป็นการเรียนรู้ที่ดีมากๆ สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ จากประสบการณ์จริง เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการในด้านต่างๆ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครเป็นแหล่งการเรียนรู้สำหรับเด็กๆ ได้อย่างดีเลยค่ะ
เราก็มีลิ้งค์พิพิธภัณฑ์อื่นๆ ที่คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองสามารถพาลูกพาหลานไปเที่ยวชมได้นะคะ
- SEA LIFE Bangkok Ocean World, กรุงเทพฯ เรียนรู้ชีวิตสัตว์ใต้ท้องทะเล
เว็บไซต์ : www.sealifebangkok.com
- ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (ท้องฟ้าจำลอง), กรุงเทพฯ แหล่งเรียนรู้เรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์
เว็บไซต์ : www.sciplanet.org
- อุทยานการเรียนรู้ TK Park, กรุงเทพฯ มาอ่านหนังสือเพื่อให้เด็กรักในการอ่าน
เว็บไซต์ : www.tkpark.or.th
- มิวเซียมสยาม (Museum Siam), กรุงเทพฯ การเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีใหม่ ๆ และกิจกรรมสร้างสรรค์ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์
เว็บไซต์ : www.museumsiam.org