รู้สึกว่าเขาเป็นคนขี้อิจฉาไหมครับ

มีคนๆ นึงครับ เป็นคนที่เรารู้จักดี เขามีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตมากอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกับเพื่อนเราหรือรุ่นพี่รุ่นน้องเราเขาก็รู้จักหมด เขาก็ได้มารู้จักเราครับ ก็ชอบถามว่าเป็นยังไง คะแนนอันนู้นอันนี้เป็นยังไง เราอยู่โรงเรียนเดียวกัน โรงเรียนไม่ได้ดังอะไรมาก รู้จักแค่ในจังหวัดอะไรประมาณนี้

อยากจะเกริ่นเพื่อให้รู้ข้อมูลคร่าวๆ ก่อนคือ ผมเป็นเด็กห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ ก็พูดไม่ได้เต็มปากครับว่าพิเศษอะไร ย้อนไปตอน ม.ต้น ผมไม่ตั้งใจเรียนมาก งานไม่ส่งเอาแต่คะแนนสอบ คือเราขี้เกียจทำงาน สมัยนั้นคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าเบื่อ เกรดออกมา 2.8 3.0 ทั้งๆ ที่ปล่อยเกรดพอสมควร สำหรับคนอื่น ในสายตาพวกเค้าคือเห็นเราเป็นคนโง่ แต่ผมในตอนนั้นก็คิดว่าเราไม่ได้โง่ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ปรับปรุงตัว และก็แน่นอนครับ ตอนจะขึ้น ม.4 ผมไม่มีสิทธิสอบเข้าห้องเรียนพิเศษวิทย์ ม.ปลาย เพราะเกรดไม่ถึง แต่ในฐานะที่เราเด็กห้องเรียนพิเศษ ม.ต้น เค้าให้เราสอบฟรี ไม่ดูเกรด และผมก็ติดเข้ามาแบบตัวสำรอง (ยังติดตัวสำรองอีก) และก็แน่แหละครับ ทุกคนส่วนมากในห้องที่เป็นเด็กเก่าตั้งแต่ตอนม.ต้น ก็ดูถูกเรา แต่ว่าอะไรเกิดดลใจให้ผมตั้งใจเรียนก็ไม่ทราบนะครับ ตั้งใจเรียนมากๆ จนติดค่าย สอวน. โอลิมปิกชีววิทยา ผมดีใจมาก และผมก็อ่านหนังสือขึ้นเรื่อยๆ หลายวิชา จนได้คะแนนภาษาอังกฤษสูงสุดในสายชั้นทุกปี

เข้าเรื่องเลยครับ คนที่ผมบอกเมื่อกี้ก็แค่รู้จักผม แต่การพูดของเขาทำให้ผมคิดว่าเค้าต้องการอะไรจากเรากันแน่ เขาบอกเค้าชอบภาษาอังกฤษ เราก็เออ ออ ก็คิดในใจ ชอบวิชาเดียวกันเลย เพราะผมชอบภาษาอังกฤษมากๆ พอคะแนนกลางภาคปลายภาคใกล้ออก ก็ชอบมาถามว่า ทำได้ไหมอะไรแบบนี้ พอคะแนนออกมาท็อปสายชั้น เพื่อนๆ ผมก็ชมว่าเก่งจัง สอบไหนคงได้เยอะสิท่า แต่ตัวเรามองว่าเราถนัดเฉยๆ หรอก แต่พอมาคนนี้มาพูดกับเรา แหม เก่งเนาะ ออกแนวประชด มีครั้งนึงตอนก่อนประกาศคะแนนเขาก็มาพูดว่า ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะใครหละ หึๆ ผมแบบ ไม่ชอบเลยครับการมาพูดแบบนี้ ผมว่าอย่างน้อยถ้าจะ Strawberry ให้เนียนๆ หรือฉลาดกว่านี้ก็ใช้ผมเป็นเครื่องมือมาช่วยติวช่วยอะไรก็ได้หนิครับ ไม่เห็นต้องมาพูดออกแนวประชดเลย ดีซะอีกจะได้เก่งขึ้นบ้างไม่ใช่มาพูดอะไรแบบนี้

ทั่วๆ ไปก็คุยกันได้ คุยกันมีสนุกๆ บ้างเป็นบางที พอสนุกๆ อยู่เปลี่ยนเรื่องมาคุยเรื่องการเรียน อารมณ์ทางตัวอักษรมันออกมานอกจอให้เราสัมผัสได้ว่า มีการอึมครึม การเย็นๆ เกิดขึ้น ตอนผมติดคณะแพทยศาสตร์ หรือได้เหรียญจากการแข่งชีววิทยาโอลิมปิกครั้งที่ 13 แห่งประเทศไทย (สำหรับโอลิมปิกวิชาการประเทศมันก็ไม่ใช่ง่ายๆ เลยครับที่จะได้มีสิทธิ์มาแข่ง ต้องฝ่าคนกี่พันกี่หมื่น ผมว่าดีใจกว่าติดแพทย์อีก แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ในโอลิมปิก เพื่อนๆ จากโรงเรียนอื่นๆ ก็มีแต่เทพๆ ทั้งนั้นผมสู้ไม่ได้อยู่แล้ว โอลิมปิกคือคัดคนไปแข่งให้ประเทศไทยเรื่องตัวแทนประเทศไทยก็ให้เขาไปแข่งแหละดีแล้ว อย่าให้เราไปเลย) ตอนติดแพทย์หรือได้เหรียญจากโอลิมปิกก็มีคนมาแสดงความยินดีทั้งเพื่อนทั้งคนไม่รู้จัก แต่พอคนนี้รู้ข่าวก็ เฉยๆ แค่ พูดว่า อ๋อ หรอ แล้วไง ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ยังหัวเราะ สนุกสนาน

บางคนอ่านๆ ดูก็ว่าผมคิดไปเองนะ แต่เข้าใจคำว่า Specific ไหมครับ คือมันเป็นอยู่คนเดียวที่แสดงออกมาแบบนี้
ยังไม่เพียงเท่านี้ ยังมีเบาะแสอื่นๆ อีกที่เขาแสดงออกมาให้เราเห็น เวลาเราพูดออกแนว informative ก็ชอบพูดว่า รู้แล้ว รู้อยู่ ไม่ต้องบอก ฉันรู้ อะไรแบบนี้
ไม่ต้องกลัวผมด่าว่าโง่ หรือดูถูกว่าโง่ ขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ ส่วนตัวผมเอง หลายครั้งนะที่ผมจะแสดงออกไปให้เขาทราบด้วยคำว่า "ไม่รู้" ทั้งๆ ที่ผมก็รู้

พอผมได้คะแนนโอเน็ตรวมทุกวิชาท็อปโรงเรียน ก็มาถามว่าผมได้คะแนนเท่าไร ภาษาอังกฤษ ผมก็บอกไปว่า 90/100 แล้วก็ อ๋อ แต่เพื่อนสนิทผมมาเอากระดาษ ปพ. ไปดูคะแนนเลย แล้วชมว่าเก่งจัง ฉลองเลี้ยงเพื่อนเลยไหมเนี่ย เวลาเราเจอกันต่อหน้านี่ยิ่งชัด สีน่งสีหน้านี่ออกมาเต็มๆ ว่าแบบ ตึงๆ เวลามีใครพูดเรื่องการเรียน

อีกเหตุการณ์นึงคือ มีคุณครูทั้งห้องหมวดภาษาอังกฤษประชุมกันว่าจะเอาผมไปแข่งอังกฤษ พอเขารู้ข่าวก็ทำหน้าไม่พอใจ พอผมรวมคะแนนแอดมิชชั่นเล่นๆ คืออักษรจุฬา เขารู้ว่าคะแนนผมถึงและห่าง min มากๆ หน่อย ก็อ๋อหรอ เหมือนเดิมอะครับ แต่อันนี้ผมรู้เบาะแสมาว่าเขาอยากเข้าคณะนี้แต่คะแนนไม่ถึง ไม่รู้ว่าอยากเขาคิดอะไรนะครับแต่ ส่วนตัวผมเองไม่ได้อยากมีปัญหาด้วย ก็สุดแล้วแต่เขามั้งครับ เพราะเป็นอยู่คนเดียวนิสัยแบบนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่