เรื่องนี้เกิดจากความมักง่ายของคน จนทำให้คนอื่นเดือดร้อนค่ะ เราอยากจะขอความคิดเห็นจากเพื่อนๆว่าเราควรจบเรื่องนี้ดีมั้ย แต่จริงๆเราอยากให้คนมักง่ายได้สำนึกสะบ้าง และถ้าไม่จบเราควรทำขั้นตอนไหนต่อไปดีคะ เริ่มเลยนะคะ คือตาของเราอายุประมาณเกือบๆ70ปี ทุกวันอาทิตย์ ตาต้องขับรถไปส่งของตอนตี5 ที่ อ. วังน้อย จ.อยุธยา ตาเราขับรถส่งของมาประมาณ 10 ปีได้แล้วค่ะ บ้านเราอยู่นครปฐม เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 20 ธ.ค. ตาเราได้ขับรถไปส่งของตามปกติค่ะ จนเวลาประมาณ 6โมงเช้า ตาขับรถกระบะขึ้นทางยูเทิร์นค่ะ (หรือทางที่เรียกกันอีกอย่างว่า ทางเกือกม้า) เป็นสะพานยูเทิร์นสูงๆ และในขณะนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์สวนเลนน์ขึ้นมาบนทางเกือกม้า แล้วช่วงที่รถกำลังตีโค้ง รถของตาเราได้ไปชนกับมอเตอร์ไซค์ของผู้หญิงคนนี้เข้า ตาเราช็อคมากทำไรไม่ถูก แล้วหลังจากที่ชนตาเราลงจากรถแล้วอุ้มผู้หญิงคนนั้นขึ้นมากำลังจะเอาไปส่งโรงพยาบาล แต่หลังจากที่เกิดอุบัตติเหตุไม่กี่นาที พวกชาวบ้านระแวกนั้นแห่กันมาดูค่ะ แล้วตาเราก็โทรแจ้งตำรวจว่าเกิดอุบัตติเหตุรถชนกันช่วงสะพานลอยยูเทิร์น แล้วตำรวจก็มาค่ะ( เราขอตัดมาตอนที่ตาเรากลับมาถึงบ้านเลยนะคะ) หลังจากที่ตากลับมาถึงบ้าน ตาเราเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังด้วยน้ำเสียงที่สั่นๆ วันนั้นตาของเราเล่าว่าหลังจากที่ตำรวจมาถึงจุดที่เกิดเหตุ มีคนขับรถมูลนิธิปอเต็กตึ๊งเข้ามารับผู้หญิงคนนั้น ซึ่งคนขับรถมูลนิธิฯ เป็นลูกชายของผู้หญิงคนนั้น เค้ากำลังจะพาแม่เค้าไปส่งโรงพยาบาล แต่ก่อนที่เขาจะจอดรถรับแม่เค้า เขาได้ขับรถมูลนิธิที่ขับมา ชนไปที่หน้ารถของตาเราด้วยความโมโหและลงมาต่อว่าตาเรา ตาบอกว่ามันมารุมด่าตากันเต็มเลย ตำรวจก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นนะคะ (ตำรวจพูดกับผู้ชายที่เป็นลูกของป้าว่า คุณทำแบบนี้ไม่ถูกนะ เพราะแม่คุณเป็นฝ่ายผิด คุณมาทำแบบนี้กับลุงเค้าไม่ได้) เราสงสัยกลัวว่าลูกชายของป้าคนนั้นเค้าเข้ามาทำร้ายร่างกายตาเราบ้างรึป่าว เราเลยถามตาว่าพวกนั้นได้ทำอะไรตามั้ย พอเราถามตาเค้าก็ไม่ได้ตอบอะไร คือที่เราสงสัยเพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้นตาเครียดมาก ตาบอกขับรถมาตั้งแต่หนุ่มๆจนปัจจุบันอายุจะ 70 แล้วไม่เคยขับรถชนใคร และเราสังเกตุตาค่ะ ตาเรามีอาการเบลอๆ เดินชนประตู ชนบันได พูดจาไม่รู้เรื่อง เวลาพูดเหมือนลิ้นแข็งพูดไม่ชัดมีน้ำลายไหลออกมาจากปาก เราตกใจมาก เราพาตาไปหาหมอ หมอบอกว่าตาเราความดันขึ้นสูงมากอาจเป็นอัมพาตได้นะ เราเลยเล่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นให้หมอฟังค่ะ หมอบอกว่าอาจเกิดจากการตกใจแบบสุดขีดเลือดสูบฉีดไปเลี้ยงสมองไม่ทัน เพราะเบื้องต้นตาเราเป็นความดันสูงอยู่แล้วทำให้เส้นเลือดในสมองตีบ ส่วนรถของตาไม่มีประกันค่ะ รถบุบพอสมควร เรากับพี่สาวไม่อยากเอาเรื่องหรอกนะคะ ถ้าลูกชายของผู้หญิงคนนั้นไม่มาขับรถชนรถตา มันพยายามฆ่าได้เลยนะคะและ เมื่อวันพุธที่ 23 ธ.ค. เวลาประมาณ 8 โมงเช้า เราได้โทรไปถามคุณตำรวจเจ้าของคดี สภ.ระแวกนั้นเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดี เราได้เล่าอาการของคุณตาที่ป่วยหลังจากเหตุการณ์วันนั้นให้ตำรวจฟังเพื่อจะปรึกษาว่าทำอะไรได้บ้าง แต่ได้รับคำตอบกลับมาแค่ว่า “อืม แล้วทำไมอ่ะ แล้วไม่พาตาไปหาหมอล่ะ.... “คือไม่ได้คำปรึกษาที่ดีเลย" และเราถามคุณตำรวจว่าแล้วอีกฝ่ายได้ติดต่อมาบ้างไหมตำตรวจบอกว่า เขายังไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ถ้าฝ่ายนั้นติดต่อกลับมาตำรวจจะติดต่อกลับมาหาทางเรา หลังจากนั้นเรารอค่ะ รอจนวันที่ 27 แล้ว คุณตำรวจก็ยังไม่ติดต่อกลับมา เราเลยตัดสินใจโทรไปปรึกษาเพื่อนค่ะ เพราะเพื่อนของเพื่อนเราเป็นตำรวจเลยขอให้เค้าตามคดีให้ หลังจากนั้นประมาณอาทิตย์นึง ตำรวจคนนั้นติดต่อมา บอกว่าติดต่อป้าไปแล้ว ให้มาเรียกร้องค่าเสียหายได้ (คือถ้าไม่ให้พี่ที่เป็นตำรวจตามคดีให้ เรื่องนี้คงจะเงียบและหายไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น)
จนถึงวันที่นัดพบกันที่โรงพักระแวกนั้น พอไปถึงก็เจอป้าคนนั้น(ขอแทนว่าป้าคนนั้นนะคะ)นั่งรออยู่กับตำรวจ ทางเราพอไปถึงสภ. เรายื่นใบนัดพบแพทย์ของตา แล้วก็ใบค่าซ่อมรถไปให้กับร้อยเวร ร้อยเวรดูแล้วยื่นไปให้ป้านั่นดู ป้านั่นบอกว่าป้าไม่มีตังหรอก ค่าซ่อมรถทั้งหมดหมื่นสาม ทางเราจะเอาเงินก้อนเลย ป้าได้แต่พูดว่าไม่มีตัง แล้วร้อยเวรก็พูดขึ้นมาว่าให้ป้าเค้าผ่อนได้ไหม ตอนแรกเราจะไม่ยอมแต่ทางร้อยเวรก็ช่วยพูดไกล่เกลี่ยพูดจนเราต้องยอมให้ผ่อน ทางเราจะให้ผ่อนเดือนละ5000 ร้อยเวรหันไปถามป้านั่นว่าไหวมั้ย ที่นี้ป้านั่นนั่งบีบน้ำตาแล้วก็พูดคำเดิมว่าไม่มีตัง แล้วป้าก็สาทะยายเกี่ยวกับชีวิตตัวเองจนอย่างโน้นจนอย่างนี้ แล้วเราก็พูดขึ้นไปว่า ก็ป้าทำผิดป้าขี่มอไซขึ้นสวนเลนน์บนทางเกือกม้าแล้วลูกชายป้ายังขับรถมาชนรถตาหนูอีกทำไม เราเลยยกประเด็นนี้มาพูด แล้วร้อยเวรพูดขึ้นมาว่าป้าแกไม่มีลูกขับรถปอเต็กตึ้งนะ...เราก็พูดขึ้นไปว่าตาหนูไม่โกหกหรอกค่ะ (เราคิดในใจตำรวจพูดขึ้นมาแย้งแทนป้าคนนั้น) แล้วร้อยเวรเลยเสนอว่าเดือนละ2000ได้ไหม ป้านั่นก็ไม่เอาอีก ตำรวจเลยถามป้าว่าทำงานอะไร เราสังเกตุป้านี่หลายรอบและพูดจากลับกรอกคือจับได้ว่าพูดโกหก ป้าบอกทำงานเป็นแม่บ้านที่ไทยพัสดุได้เงินเดือนละ500 บาท หืมโกหกชัดๆแล้วร้อยเวรก็ถามอีกว่าแล้วลูกไปไหนหมดไม่มีใครส่งตังมาให้ใช้เลยหรอ ป้าบอกลูกยังมาขอตังป้าใช้เลย แล้วตัดบทมาสุดท้ายตำรวจไกล่เกลี่ยงอีกบอกขอให้ป้าผ่อนเดือนละ1000 ตอนแรกเราจะไม่ยอม แล้วป้านั่นเล่นบทเดิม นั่งบีบน้ำตาจนตำรวจสงสารแล้วมาขอร้องทางฝ่ายเรา สุดท้ายเราต้องจำใจยอม แล้วหลังจากนั้นไปเซ็นชื่อลงบันทึกประจำวันและก็เซ็นสัญญาผ่อนจ่ายเดือนละ 1000 บาท
หลังจากวันนั้น 1เดือน ครบเวลาที่กำหนดที่ป้านั่นต้องผ่อนจ่ายค่าเสียหาย ปรากฏว่าเงียบ ทางเราเลยโทไปถามว่าทำไมไม่โอนเงินมาให้ (จากวันที่อยู่โรงพักพูดจาน่าสงสาร แต่มาวันที่เราโทรไปถามเรื่องเงินเค้ากลับพูดว่า ทำไมต้องจ่าย ก็เจ็บเหมือนกัน มี300 เอามั้ย แล้วพูดจาไม่ดีเลย ทางเราเลยบอกกลับไปว่า งั้นจะฟ้องนะ ป้าคนนั้นบอกว่างั้นก็ฟ้องไปเลย).... แล้วก็ตัดสายไป
หลังจากที่วางสายเราโมโหมาก เราเลยโทรไปขอคำปรึกษาจากตำรวจแล้วเล่าสิ่งที่ป้านั่นพูดให้ตำรวจฟัง เราพูดยาวมากตำรวจกลับตอบกลับมาแค่คำว่า..อืม.. ตอนนี้ตำรวจทำอะไรไม่ได้แล้ว....แล้วเราถามกลับไปอีกว่าฟ้องได้มั้ยต้องทำยังไง ตำรวจถามเรากลับว่าวันนั้นได้ลงบันทึกประจำวันไว้ไหม ถ้าลงไว้มาที่โรงพัก แล้วเอาใบบันทึกประจำวันไปยื่นฟ้องเอาเอง.....บอกแค่นี้แล้วก็วาง (ที่เราคิดนะ คือเค้าเห็นว่าเค้าคุณกับเด็ก หรือเค้าคิดว่าเป็นแค่คดีเล็กๆจะอะไรหนักหนา)ถึงจะเป็นคดีเล็กๆ แต่นี่เหรอคือความใส่ใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คนเราถึงได้มักง่ายกันขนาดนี้ จากที่ตาเราร่างกายแข็งแรง กลับต้องป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ ตอนนี้ตาเราเหมือนคนเป็นอัลไซเมอร์ไปชั่วขณะจะพูดอะไรก็นึกไม่ออกทำงานเหมือนปกติไม่ได้ หมอบอกต้องกินยาไปตลอดชีวิต ถ้าขาดยาก็จะเบลอและเสี่ยงต่อการเป็นอัมพฤษ-อัมพาตได้ นี่ก็ผ่านมา4เดือนแล้ว เงินก็ยังไม่ได้สักบาท ไม่เป็นไปตามสัญญา เราอยากรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ ควรปล่อยไปหรือดำเนินเรื่องต่อไปดี ถ้าดำเนินเรื่องต่อ ต้องทำยังไง จ้างทนายเท่าไหร่ เพราะเรากับพี่ยังเรียนหนังสืออยู่ (ล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเรากับน้าขับรถผ่านไปแถวจุดเกิดเหตุ และสิ่งที่เราเห็นคือ ยังมีมอเตอร์ไซด์อีกหลายคันก็ยังคงมักง่ายขี่สวนเลนน์ขึ้นมาบนทางเกือกม้าอยู่) กฎจราจรมี อย่าทำผิดกฎจนทำให้ผู้อื่นเค้าเดือดร้อนเลยค่ะ เราอยากให้ตำรวจเข้มงวดและออกมาตรวจดูบ้าง
ปล.ถ้าแท่กห้องผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ
จะเอาผิดกับคนมักง่ายไม่ได้เหรอ?
จนถึงวันที่นัดพบกันที่โรงพักระแวกนั้น พอไปถึงก็เจอป้าคนนั้น(ขอแทนว่าป้าคนนั้นนะคะ)นั่งรออยู่กับตำรวจ ทางเราพอไปถึงสภ. เรายื่นใบนัดพบแพทย์ของตา แล้วก็ใบค่าซ่อมรถไปให้กับร้อยเวร ร้อยเวรดูแล้วยื่นไปให้ป้านั่นดู ป้านั่นบอกว่าป้าไม่มีตังหรอก ค่าซ่อมรถทั้งหมดหมื่นสาม ทางเราจะเอาเงินก้อนเลย ป้าได้แต่พูดว่าไม่มีตัง แล้วร้อยเวรก็พูดขึ้นมาว่าให้ป้าเค้าผ่อนได้ไหม ตอนแรกเราจะไม่ยอมแต่ทางร้อยเวรก็ช่วยพูดไกล่เกลี่ยพูดจนเราต้องยอมให้ผ่อน ทางเราจะให้ผ่อนเดือนละ5000 ร้อยเวรหันไปถามป้านั่นว่าไหวมั้ย ที่นี้ป้านั่นนั่งบีบน้ำตาแล้วก็พูดคำเดิมว่าไม่มีตัง แล้วป้าก็สาทะยายเกี่ยวกับชีวิตตัวเองจนอย่างโน้นจนอย่างนี้ แล้วเราก็พูดขึ้นไปว่า ก็ป้าทำผิดป้าขี่มอไซขึ้นสวนเลนน์บนทางเกือกม้าแล้วลูกชายป้ายังขับรถมาชนรถตาหนูอีกทำไม เราเลยยกประเด็นนี้มาพูด แล้วร้อยเวรพูดขึ้นมาว่าป้าแกไม่มีลูกขับรถปอเต็กตึ้งนะ...เราก็พูดขึ้นไปว่าตาหนูไม่โกหกหรอกค่ะ (เราคิดในใจตำรวจพูดขึ้นมาแย้งแทนป้าคนนั้น) แล้วร้อยเวรเลยเสนอว่าเดือนละ2000ได้ไหม ป้านั่นก็ไม่เอาอีก ตำรวจเลยถามป้าว่าทำงานอะไร เราสังเกตุป้านี่หลายรอบและพูดจากลับกรอกคือจับได้ว่าพูดโกหก ป้าบอกทำงานเป็นแม่บ้านที่ไทยพัสดุได้เงินเดือนละ500 บาท หืมโกหกชัดๆแล้วร้อยเวรก็ถามอีกว่าแล้วลูกไปไหนหมดไม่มีใครส่งตังมาให้ใช้เลยหรอ ป้าบอกลูกยังมาขอตังป้าใช้เลย แล้วตัดบทมาสุดท้ายตำรวจไกล่เกลี่ยงอีกบอกขอให้ป้าผ่อนเดือนละ1000 ตอนแรกเราจะไม่ยอม แล้วป้านั่นเล่นบทเดิม นั่งบีบน้ำตาจนตำรวจสงสารแล้วมาขอร้องทางฝ่ายเรา สุดท้ายเราต้องจำใจยอม แล้วหลังจากนั้นไปเซ็นชื่อลงบันทึกประจำวันและก็เซ็นสัญญาผ่อนจ่ายเดือนละ 1000 บาท
หลังจากวันนั้น 1เดือน ครบเวลาที่กำหนดที่ป้านั่นต้องผ่อนจ่ายค่าเสียหาย ปรากฏว่าเงียบ ทางเราเลยโทไปถามว่าทำไมไม่โอนเงินมาให้ (จากวันที่อยู่โรงพักพูดจาน่าสงสาร แต่มาวันที่เราโทรไปถามเรื่องเงินเค้ากลับพูดว่า ทำไมต้องจ่าย ก็เจ็บเหมือนกัน มี300 เอามั้ย แล้วพูดจาไม่ดีเลย ทางเราเลยบอกกลับไปว่า งั้นจะฟ้องนะ ป้าคนนั้นบอกว่างั้นก็ฟ้องไปเลย).... แล้วก็ตัดสายไป
หลังจากที่วางสายเราโมโหมาก เราเลยโทรไปขอคำปรึกษาจากตำรวจแล้วเล่าสิ่งที่ป้านั่นพูดให้ตำรวจฟัง เราพูดยาวมากตำรวจกลับตอบกลับมาแค่คำว่า..อืม.. ตอนนี้ตำรวจทำอะไรไม่ได้แล้ว....แล้วเราถามกลับไปอีกว่าฟ้องได้มั้ยต้องทำยังไง ตำรวจถามเรากลับว่าวันนั้นได้ลงบันทึกประจำวันไว้ไหม ถ้าลงไว้มาที่โรงพัก แล้วเอาใบบันทึกประจำวันไปยื่นฟ้องเอาเอง.....บอกแค่นี้แล้วก็วาง (ที่เราคิดนะ คือเค้าเห็นว่าเค้าคุณกับเด็ก หรือเค้าคิดว่าเป็นแค่คดีเล็กๆจะอะไรหนักหนา)ถึงจะเป็นคดีเล็กๆ แต่นี่เหรอคือความใส่ใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ คนเราถึงได้มักง่ายกันขนาดนี้ จากที่ตาเราร่างกายแข็งแรง กลับต้องป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ ตอนนี้ตาเราเหมือนคนเป็นอัลไซเมอร์ไปชั่วขณะจะพูดอะไรก็นึกไม่ออกทำงานเหมือนปกติไม่ได้ หมอบอกต้องกินยาไปตลอดชีวิต ถ้าขาดยาก็จะเบลอและเสี่ยงต่อการเป็นอัมพฤษ-อัมพาตได้ นี่ก็ผ่านมา4เดือนแล้ว เงินก็ยังไม่ได้สักบาท ไม่เป็นไปตามสัญญา เราอยากรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ ควรปล่อยไปหรือดำเนินเรื่องต่อไปดี ถ้าดำเนินเรื่องต่อ ต้องทำยังไง จ้างทนายเท่าไหร่ เพราะเรากับพี่ยังเรียนหนังสืออยู่ (ล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเรากับน้าขับรถผ่านไปแถวจุดเกิดเหตุ และสิ่งที่เราเห็นคือ ยังมีมอเตอร์ไซด์อีกหลายคันก็ยังคงมักง่ายขี่สวนเลนน์ขึ้นมาบนทางเกือกม้าอยู่) กฎจราจรมี อย่าทำผิดกฎจนทำให้ผู้อื่นเค้าเดือดร้อนเลยค่ะ เราอยากให้ตำรวจเข้มงวดและออกมาตรวจดูบ้าง
ปล.ถ้าแท่กห้องผิดต้องขออภัยด้วยนะคะ