สวัสดีคะ นี่เป็นกระทู้แรกเลยตั้งแต่สมัครล็อกอินมา คือวันนี้เราอยากจะแชร์ประสบการณ์อันโหดร้ายในการทำศัลยกรรมของเรา พร้อมทั้งอยากจะขอเตือนเพื่อนๆทั้งหลาย ว่าการศัลยกรรมนั่น ควรศึกษาข้อมูลผลงาน รวมทั้งประวัติของศัลยแพทย์คนนั้นให้ดี อย่าหลงตัดสินใจ เพียงเพราะคำโฆษณาเกินจริงของตัวแทนคลีนิคศัลยกรรม ในความสามารถขั้นเทพของศัลยแพทย์ผู้นั้น ว่าสามารถทำได้ทุกอย่าง ผ่าตัดนู้น เย็บนี่ เนรมิตนั่นให้ได้ดั่งใจหมายต่างๆนาๆ ทำให้คนที่อยากดูดีอยากสวยหลงเชื่อ เพราะความหวังว่าหมอคนนี้จะสามารถเนรมิตให้เราสวยขึ้นได้ ซึ่งเราเองก็เคยตกเป็นเหยื่อของโฆษณาเกินจริงพวกนี้มาแล้ว
เริ่มจากที่เรากำลังสนใจอยากทำสวยยกหน้าใหม่ ให้มันดูมีความละมุนขึ้น เลยสืบเสาะหาข้อมูลศัลยกรรมต่างๆในอินเตอร์เน็ต ก็ไปเจอกับคลิปนึงในเฟซบุ๊ค เป็นคลิปรีวิวการทำศัลยกรรมและแฝงด้วยโฆษณาการศัลยกรรมของคุณหมอท่านนึงผ่านตัวแทนคนนึง (ขอแทนชื่อตัวแทนคนนี้ว่า พี่เป็ด) พี่เป็ดก็พาไปดูเหล่าคนไข้ที่นอนพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดทำสวย พร้อมด้วยแนบท้ายไว้ว่า ถ้าใครสนใจจะทำศัลยกรรมกับหมอท่านนี้ ให้ติดต่อพี่เป็ดได้ คุณหมอท่านนี้เก่งมาก ฯลฯ
หลังจากดูคลิปจบเราก็เกิดความสนใจ เลยติดตามพี่เป็ดคนนี้มาเป็นระยะนึง จนถึงวันที่ตัดสินใจว่าจะทำศัลยกรรมกับหมอคนนี้แหละ เลยติดต่อผ่านพี่เป็ดไป เราก็บอกพี่เป็ดว่าเราสนใจจะทำศัลยกรรมอะไรบ้าง แล้วคุณหมอท่านนี้ทำได้ไหม ซึ่งนางก็ตอบว่า “คุณหมอเก่งมากๆค่ะ ทำได้หมดเลย” ซึ่งหลังจากได้ยินเราก็ยิ้มในใจละ ว่าชั้นจะสวยแล้วสินะ 5555 หารู้ไม่ว่ากำลังจะตกนรก!! หลังจากที่เราคุยตกลงรายละเอียดและค่าเสียหายกับพี่เป็ดเสร็จ ก็นัดวันพร้อมกับโอนค่ามัดจำเลยจ้าาา เพราะความสวยรอไม่ได้จากนั้นก็จะเป็นการนัดเพื่อการเดินทางไปคลีนิคแห่งนี้ ซึ่งอยู่ในจังหวัด... ว่าจะนัดกันเจอที่ห้างนี้เวลากี่โมง เพื่อขึ้นรถตู้ที่พี่เป็ดจัดไว้รับส่งเหล่าเหยื่อ ว้ายยย ไม่ใช่ๆ ลูกค้าศัลยกรรมของนาง แต่ด้วยสปิริตแรงกล้าของเรา เราจึงบอกว่าเดี่ยวเราจะนั่งเครื่องไปเอง ใช่ค่ะ เพราะความสวยรอไม่ได้!!!
พอถึงวันเดินทางเราก็บินเช้าตรู่เลย ไปถึงสนามบินที่นู้นก็นั่งรถต่อไปที่โรงแรมที่นางเปิดไว้ให้เหล่าลูกค้าศัลยกรรมพัก ซึ่งโรงแรมนั้นอยู่หลังคลีนิค เราก็เข้าห้องพักรอพี่เป็ดเดินทางมา ประมาณเกือบสี่โมงเย็นนางก็มาถึง เราก็ลงไปคลีนิค ซึ่งครั้งแรกที่เห็นคลีนิคคือตกใจไป 3 วิ ตึกแถวสองห้องเก่าๆ คือดูไม่ออกเลยว่านี่หรือคือคลีนิคศัลยกรรม มันดูคล้ายโรงกลึงมากกว่าอีก หลายคนอาจสงสัยว่า ขนาดเห็นสภาพคลีนิคแบบนั้น ทำไมยังกล้าทำ? Strong willpower ไงค่ะ บวกกับความอยากสวยและคำโฆษณาชวนเชื่อของพี่เป็ด
จากนั้นพี่เป็ดก็เรียกเราไปทำบัตรและจ่ายเงินค่าศัลยกรรมทั้งหมด ถือว่าเป็นเงินจำนวนเยอะเลยนะคะสำหรับเรา เพราะกว่าจะเก็บหอมรอมริดมาได้ จ่ายเงินเสร็จนางก็ให้เราขึ้นไปรอที่ห้องพักบนโรงแรมก่อน เพราะยังไม่ถึงคิว คือเอาง่ายๆว่าที่นี่เน้นปริมาณคนไข้ ไม่เน้นจรรยาบรรณ คือให้เหล่าตัวแทนโฆษณาเกินจริงยังไงก็ได้ ให้ได้ลูกค้ามาศัลยกรรมกับหมอท่านนี้ให้ได้เยอะที่สุด แล้วก็ทำการนัดเจอเพื่อเดินทางมายังคลีนิคแห่งนี้ โดยคลีนิคจะเปิดทำการอาทิตย์ละ 1 วัน และภายในหนึ่งวันนั้น ก็จะทำการผ่าตัดคนไข้ที่มารอทำศัลยกรรมให้เสร็จภายในวันเดียว
ต่อค่ะๆ หลังจากขึ้นไปรอบนห้องพักแล้ว เราก็นอนหลับๆตื่นๆ จนพี่เป็ดให้คนมาบอกเราว่า ถึงคิวผ่าตัดเราแล้ว ให้บงไปที่คลีนิคได้แล้ว เราก็ลงไปที่คลีนิค ก็คิดว่าคงจะทีการตรวจเลือดวัดความดันนู้นนี่ หรือเอ็กซเรย์ใบหน้าก่อนเข้าพบหมอ เพื่อพูดคุยและวินิจฉัยว่าอันไหนทำได้หรือไม่ได้ ทำแล้วจะมีผลดีหรือผลเสียยังไง การผ่าตัดจะมีขั้นตอนอะไรแบบไหน สรุปว่าที่คิดไว้ไม่มีค่ะ ไปถึงพี่เป็ดให้ไปวัดความดันแล้วล้างหน้าเพื่อเข้าห้องผ่าตัดเลย ไอเราก็ทั้งอึ้งทั้งงงก็นอนลงบนเตียงผ่าตัด ซึ่งในห้องนั้นมี 3 เตียงเรียงกันค่ะ สักพักก็มีพยาบาลมาบอก ว่าจะฉีดยานอนหลับนะคะ แล้วเราก็หลับไป แต่!!!! เราตื่นมาตอนหมอกำลังกรีดหน้าเราค่ะ คือมันไม่ใช่ยานอนหลับนะคะ มันคือยาที่ทำให้สลึมสลือไปชั่วขณะ คือตอนที่หมอกรีดแผลที่หน้าเราเพื่อทำการผ่าตัดนะ เรารับรู้ได้ถึงทุกขั้นตอนของการผ่าตัด ตั้งแต่ต้นจนจบ เสียงตอกทุบกระดูกโหนกแก้ม เสียงขูดสารที่เคยฉีดบนใบหน้า สารพัดเสียงในเวลานั้น มันคือฝันร้าย!!!! ไม่มีใครอยากมีประสบการณ์แบบนั้นแน่นอน ในใจเรานี่คิดถึงหน้าพ่อแม่เลย แล้วก็ภาวนาขอให้ผ่านไปด้วยดี ซึ่งการผ่าตัดของเราเสร็จสิ้นภายในเวลา 1 ชั่วโมง ตาเถร!
ซึ่งการผ่าตัดทั้งหมดของดาวมี ทุบโหนกแก้ม เลาะสารที่เคยฉีดบนใบหน้า ดึงแก้มและตัดไขมันกระพุ้งแก้ม ทั้งหมดนี่หมอใช้เวลาผ่าตัด 1 ชั่วโมง โดยไม่มีการตรวจวินิจฉัยคนไข้ก่อนการผ่าตัดหรือแม้แต่ซักประวัติ แต่เราก็ยังกล้าทำ หลังจากออกจากห้องผ่าตัด พี่เป็ดก็พามานอนพักที่โซฟาหน้าคลีนิค เพื่อรอขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพโดยทันที คือเสร็จแล้วถีบหัวส่งเลยคะ ผลจะออกมายังไงไม่สน ชั้นได้เงินแล้ว
หลังจากผ่าตัดมาช่วงแรก ก็บวมช้ำเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ผ่านเดือนแรกไปก็มีบวมนิดหน่อย แต่แก้มด้านซ้ายตรงที่เลาะสารออกยังเขียวช้ำอยู่ จนเมื่อเวลาผ่านไปครบสามเดือน ผลลัพท์ที่ได้คือ ใบหน้าเราผิดรูปค่ะ โหนกยุบบุ๋มไปเลย เห็นได้ชัดเจนมาก เหมือนมีลักยิ้มใหญ่ๆตรงโหนกแก้ม ยิ่งตอนกลางวันนี่เห็นเลยว่าโหนกผิดรูป แก้มห้อยตก ส่วนที่เลาะสารที่บริเวณแก้มก็แหว่ง ที่ตัดไขมันกระพุ้งแก้มก็ไม่เท่ากัน แก้มด้านนึงตอบด้านนึงปกติ เราก็จิตตกเลยค่ะ ก็ติดต่อพี่เป็ดเลย นางก็นัดให้เราไปพบคุณหมอที่คลีนิค เราก็โอเค
พอถึงวันนัดเราก็เดินทางไปคลีนิค พี่เป็ดก็บอกให้เรารอเข้าพบคุณหมอ ประมาณครึ่งชั่วโมงพี่เป็ดก็เรียกให้เข้าไปพบคุณหมอในห้องผ่าตัด! ซึ่ง ณ ตอนนั้นหมอทำจมูกให้คนไข้อยู่ค่ะท่านผู้ชม เข้าไปเราก็ถามหมอเลย ว่าทำไมหน้าเราถึงเป็นแบบนี้ หมอบอกว่าเราเคยฉีดสารเต็มเต็มที่แก้ม พอทุบโหนก แก้มถึงห้อยตก ส่วนที่โหนกยุบเพราะเนื้อเยื้อเราไม่ดี เราก็ท้วงเลย ว่าถ้าหมอรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ หมอก็ควรจะบอกคนไข้ก่อนทำการผ่าตัดสิ ไม่ใช่มาบอกตอนผ่าเสร็จแล้ว จะมาโทษว่าผิดที่เนื้อเยื้อเราไม่ดีไม่ได้ แล้วที่ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม จนแก้มสองข้างไม่เท่ากันนี่ละ คืออะไร หมอไม่ตอบค่ะ แล้วไล่เราออกจากห้องไปเลย
ออกมาข้างนอก พี่เป็ดก็ชมเราว่าหน้าน้องสวยขึ้นมากเลยนะคะ อวยสารพัด หน้าเรียวเล็กลงเยอะเลย เราก็เบรคชีเลย อย่าสะตอค่ะพี่ หนูมีกระจก!!! ชีไปไม่ถูกเลย เราก็ถามว่าจะรับผิดชอบยังไง พี่เป็ดเสนอว่าจะให้หมอแก้ให้ใหม่ฟรีๆ แต่เราปฎิเสธค่ะ เราวีนเลยค่ะ ว่าครั้งแรกยังทำพังขนาดนี้ ขืนให้แก้อีก ปากคงไปอยู่บนหน้าผาก ขนาดคนไข้จะทำศัลยกรรมอะไรบ้าง หมอยังไม่รู้เลย ซักประวัติก่อนผ่าตัดก็ไม่มี เลือดก็ไม่ตรวจ แล้วใครจะกล้าเสี่ยงเป็นครั้งที่สอง พี่เป็ดก็ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดกล่อมเราสารพัด เพื่อให้เราใจอ่อนยอมแก้กับหมอ ใครยอมแก้ก็บ้าแล้ว เราจึงเสนอขอให้หมอรับผิดชอบค่าเสียหายที่มันเกิดกับใบหน้าเรา พี่เป็ดก็บอกว่าจะไปลองคุยกับหมอให้ และจะติดต่อเราอีกที จากนั้นประมาณอาทิตย์กว่าๆ ก็ไม่มีการติดต่อใดๆจากพี่เป็ด เราก็ทักไลน์ไปถาม ว่าหมอว่าไงบ้าง พี่เป็ดก็ตอบกลับอีกรอปเดิม ว่าให้มาแก้กับหมอ หรือว่าถ้าไม่พอใจ คุณหมอบอกให้ไปฟ้องเอา อึ้งสิค่ะคุณขาาา มีการไล่ให้ไปฟ้องด้วย
หลายคนอาจจะสงสัย ว่าทำไมเราไม่กลับไปแก้กับหมอ บอกเลยค่ะว่า “กลัว” ครั้งแรกยังผ่าตัดแบบพอไปทีให้รีบๆเสร็จ เพราะเน้นจำนวนคนไข้ไม่เน้นคุณภาพผลงาน แถมไม่มีการซักประวัติคนไข้ วินิจฉัยหรือแม้แต่อธิบายถึงขั้นตอนการผ่าตัด ว่ามีผลดีหรือผลเสียอย่างไรบ้าง แถมผ่าตัดกระดูกใบหน้าแบบไม่มีการเอ็กซเรย์อีก ไม่มีแม้การตรวจเลือดก่อนการผ่าตัด ขอบายค่ะ ครั้งเดียวจำไปจนตาย
เราจ่ายเงินไป ก็หวังว่าอย่างน้อยจะได้ในสิ่งที่ตัวเองหวังไว้ เสียเงินนับแสน ไหนต้องเจ็บตัวแถมต้องเสี่ยงตายอีก แต่ดูสิ่งที่เราได้รับสิ หน้าพังผิดรูปไม่สมส่วน แถมสภาพจิตก็ย้ำแย่ ซึ่งเราว่ามันไม่ยุติธรรมเลยสำหรับผู้บริโภคแบบเราเอามากๆ
ที่เรามาแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ เพราะอยากให้คนที่สนใจ หรือคิดที่จะทำศัลยกรรมดูไว้เป็นอุทาหรณ์ ว่าก่อนจะตัดสินใจทำศัลยกรรมอะไรก็ตาม ให้ศึกษาประวัติของคลีนิคหรือแพทย์ผู้นั้นให้ดี ไม่ว่าจะเป็นผลงานหรือประวัติการผ่าตัด วิธีขั้นตอนในการผ่าตัด อย่าตัดสินใจเพียงเพราะหลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริงจากเหล่าตัวแทนคลีนิคศัลยกรรม ให้ศึกษาให้ดี หรือถ้าจะเลือกผ่านตัวแทนคลีนิคศัลยกรรม ก็ควรเลือกตัวแทนที่เขามีจรรยาบรรณและมีความรับผิดชอบ อย่าเลือกผิดแบบเรานะคะ โชคดีค่ะ
ปล.พิมพ์ในมือถือ อาจจะพิมพ์ผิดบ้างถูกบ้าง เว้นวรรคผิดบ้าง ไม่ว่ากันนะคะ
มาเพิ่มรูปหลังศัลยกรรมที่เป็นปัญหาให้ดูนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แบบหน้าตรงค่ะ จะเห็นว่าหน้าไม่เท่ากัน โดยเฉพาะตรงแก้มที่ตัดไขมันออกไป

ตรงบริเวณที่ทุบโหนกโดยไม่มีการเอ็กซเรย์ ผลคือโหนกยุบค่ะ

โหนกยุบทั้งสองข้างเลยค่ะ
ประสบการณ์อันเลวร้ายกับศัลยกรรม
เริ่มจากที่เรากำลังสนใจอยากทำสวยยกหน้าใหม่ ให้มันดูมีความละมุนขึ้น เลยสืบเสาะหาข้อมูลศัลยกรรมต่างๆในอินเตอร์เน็ต ก็ไปเจอกับคลิปนึงในเฟซบุ๊ค เป็นคลิปรีวิวการทำศัลยกรรมและแฝงด้วยโฆษณาการศัลยกรรมของคุณหมอท่านนึงผ่านตัวแทนคนนึง (ขอแทนชื่อตัวแทนคนนี้ว่า พี่เป็ด) พี่เป็ดก็พาไปดูเหล่าคนไข้ที่นอนพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดทำสวย พร้อมด้วยแนบท้ายไว้ว่า ถ้าใครสนใจจะทำศัลยกรรมกับหมอท่านนี้ ให้ติดต่อพี่เป็ดได้ คุณหมอท่านนี้เก่งมาก ฯลฯ
หลังจากดูคลิปจบเราก็เกิดความสนใจ เลยติดตามพี่เป็ดคนนี้มาเป็นระยะนึง จนถึงวันที่ตัดสินใจว่าจะทำศัลยกรรมกับหมอคนนี้แหละ เลยติดต่อผ่านพี่เป็ดไป เราก็บอกพี่เป็ดว่าเราสนใจจะทำศัลยกรรมอะไรบ้าง แล้วคุณหมอท่านนี้ทำได้ไหม ซึ่งนางก็ตอบว่า “คุณหมอเก่งมากๆค่ะ ทำได้หมดเลย” ซึ่งหลังจากได้ยินเราก็ยิ้มในใจละ ว่าชั้นจะสวยแล้วสินะ 5555 หารู้ไม่ว่ากำลังจะตกนรก!! หลังจากที่เราคุยตกลงรายละเอียดและค่าเสียหายกับพี่เป็ดเสร็จ ก็นัดวันพร้อมกับโอนค่ามัดจำเลยจ้าาา เพราะความสวยรอไม่ได้จากนั้นก็จะเป็นการนัดเพื่อการเดินทางไปคลีนิคแห่งนี้ ซึ่งอยู่ในจังหวัด... ว่าจะนัดกันเจอที่ห้างนี้เวลากี่โมง เพื่อขึ้นรถตู้ที่พี่เป็ดจัดไว้รับส่งเหล่าเหยื่อ ว้ายยย ไม่ใช่ๆ ลูกค้าศัลยกรรมของนาง แต่ด้วยสปิริตแรงกล้าของเรา เราจึงบอกว่าเดี่ยวเราจะนั่งเครื่องไปเอง ใช่ค่ะ เพราะความสวยรอไม่ได้!!!
พอถึงวันเดินทางเราก็บินเช้าตรู่เลย ไปถึงสนามบินที่นู้นก็นั่งรถต่อไปที่โรงแรมที่นางเปิดไว้ให้เหล่าลูกค้าศัลยกรรมพัก ซึ่งโรงแรมนั้นอยู่หลังคลีนิค เราก็เข้าห้องพักรอพี่เป็ดเดินทางมา ประมาณเกือบสี่โมงเย็นนางก็มาถึง เราก็ลงไปคลีนิค ซึ่งครั้งแรกที่เห็นคลีนิคคือตกใจไป 3 วิ ตึกแถวสองห้องเก่าๆ คือดูไม่ออกเลยว่านี่หรือคือคลีนิคศัลยกรรม มันดูคล้ายโรงกลึงมากกว่าอีก หลายคนอาจสงสัยว่า ขนาดเห็นสภาพคลีนิคแบบนั้น ทำไมยังกล้าทำ? Strong willpower ไงค่ะ บวกกับความอยากสวยและคำโฆษณาชวนเชื่อของพี่เป็ด
จากนั้นพี่เป็ดก็เรียกเราไปทำบัตรและจ่ายเงินค่าศัลยกรรมทั้งหมด ถือว่าเป็นเงินจำนวนเยอะเลยนะคะสำหรับเรา เพราะกว่าจะเก็บหอมรอมริดมาได้ จ่ายเงินเสร็จนางก็ให้เราขึ้นไปรอที่ห้องพักบนโรงแรมก่อน เพราะยังไม่ถึงคิว คือเอาง่ายๆว่าที่นี่เน้นปริมาณคนไข้ ไม่เน้นจรรยาบรรณ คือให้เหล่าตัวแทนโฆษณาเกินจริงยังไงก็ได้ ให้ได้ลูกค้ามาศัลยกรรมกับหมอท่านนี้ให้ได้เยอะที่สุด แล้วก็ทำการนัดเจอเพื่อเดินทางมายังคลีนิคแห่งนี้ โดยคลีนิคจะเปิดทำการอาทิตย์ละ 1 วัน และภายในหนึ่งวันนั้น ก็จะทำการผ่าตัดคนไข้ที่มารอทำศัลยกรรมให้เสร็จภายในวันเดียว
ต่อค่ะๆ หลังจากขึ้นไปรอบนห้องพักแล้ว เราก็นอนหลับๆตื่นๆ จนพี่เป็ดให้คนมาบอกเราว่า ถึงคิวผ่าตัดเราแล้ว ให้บงไปที่คลีนิคได้แล้ว เราก็ลงไปที่คลีนิค ก็คิดว่าคงจะทีการตรวจเลือดวัดความดันนู้นนี่ หรือเอ็กซเรย์ใบหน้าก่อนเข้าพบหมอ เพื่อพูดคุยและวินิจฉัยว่าอันไหนทำได้หรือไม่ได้ ทำแล้วจะมีผลดีหรือผลเสียยังไง การผ่าตัดจะมีขั้นตอนอะไรแบบไหน สรุปว่าที่คิดไว้ไม่มีค่ะ ไปถึงพี่เป็ดให้ไปวัดความดันแล้วล้างหน้าเพื่อเข้าห้องผ่าตัดเลย ไอเราก็ทั้งอึ้งทั้งงงก็นอนลงบนเตียงผ่าตัด ซึ่งในห้องนั้นมี 3 เตียงเรียงกันค่ะ สักพักก็มีพยาบาลมาบอก ว่าจะฉีดยานอนหลับนะคะ แล้วเราก็หลับไป แต่!!!! เราตื่นมาตอนหมอกำลังกรีดหน้าเราค่ะ คือมันไม่ใช่ยานอนหลับนะคะ มันคือยาที่ทำให้สลึมสลือไปชั่วขณะ คือตอนที่หมอกรีดแผลที่หน้าเราเพื่อทำการผ่าตัดนะ เรารับรู้ได้ถึงทุกขั้นตอนของการผ่าตัด ตั้งแต่ต้นจนจบ เสียงตอกทุบกระดูกโหนกแก้ม เสียงขูดสารที่เคยฉีดบนใบหน้า สารพัดเสียงในเวลานั้น มันคือฝันร้าย!!!! ไม่มีใครอยากมีประสบการณ์แบบนั้นแน่นอน ในใจเรานี่คิดถึงหน้าพ่อแม่เลย แล้วก็ภาวนาขอให้ผ่านไปด้วยดี ซึ่งการผ่าตัดของเราเสร็จสิ้นภายในเวลา 1 ชั่วโมง ตาเถร!
ซึ่งการผ่าตัดทั้งหมดของดาวมี ทุบโหนกแก้ม เลาะสารที่เคยฉีดบนใบหน้า ดึงแก้มและตัดไขมันกระพุ้งแก้ม ทั้งหมดนี่หมอใช้เวลาผ่าตัด 1 ชั่วโมง โดยไม่มีการตรวจวินิจฉัยคนไข้ก่อนการผ่าตัดหรือแม้แต่ซักประวัติ แต่เราก็ยังกล้าทำ หลังจากออกจากห้องผ่าตัด พี่เป็ดก็พามานอนพักที่โซฟาหน้าคลีนิค เพื่อรอขึ้นรถตู้กลับกรุงเทพโดยทันที คือเสร็จแล้วถีบหัวส่งเลยคะ ผลจะออกมายังไงไม่สน ชั้นได้เงินแล้ว
หลังจากผ่าตัดมาช่วงแรก ก็บวมช้ำเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ผ่านเดือนแรกไปก็มีบวมนิดหน่อย แต่แก้มด้านซ้ายตรงที่เลาะสารออกยังเขียวช้ำอยู่ จนเมื่อเวลาผ่านไปครบสามเดือน ผลลัพท์ที่ได้คือ ใบหน้าเราผิดรูปค่ะ โหนกยุบบุ๋มไปเลย เห็นได้ชัดเจนมาก เหมือนมีลักยิ้มใหญ่ๆตรงโหนกแก้ม ยิ่งตอนกลางวันนี่เห็นเลยว่าโหนกผิดรูป แก้มห้อยตก ส่วนที่เลาะสารที่บริเวณแก้มก็แหว่ง ที่ตัดไขมันกระพุ้งแก้มก็ไม่เท่ากัน แก้มด้านนึงตอบด้านนึงปกติ เราก็จิตตกเลยค่ะ ก็ติดต่อพี่เป็ดเลย นางก็นัดให้เราไปพบคุณหมอที่คลีนิค เราก็โอเค
พอถึงวันนัดเราก็เดินทางไปคลีนิค พี่เป็ดก็บอกให้เรารอเข้าพบคุณหมอ ประมาณครึ่งชั่วโมงพี่เป็ดก็เรียกให้เข้าไปพบคุณหมอในห้องผ่าตัด! ซึ่ง ณ ตอนนั้นหมอทำจมูกให้คนไข้อยู่ค่ะท่านผู้ชม เข้าไปเราก็ถามหมอเลย ว่าทำไมหน้าเราถึงเป็นแบบนี้ หมอบอกว่าเราเคยฉีดสารเต็มเต็มที่แก้ม พอทุบโหนก แก้มถึงห้อยตก ส่วนที่โหนกยุบเพราะเนื้อเยื้อเราไม่ดี เราก็ท้วงเลย ว่าถ้าหมอรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ หมอก็ควรจะบอกคนไข้ก่อนทำการผ่าตัดสิ ไม่ใช่มาบอกตอนผ่าเสร็จแล้ว จะมาโทษว่าผิดที่เนื้อเยื้อเราไม่ดีไม่ได้ แล้วที่ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม จนแก้มสองข้างไม่เท่ากันนี่ละ คืออะไร หมอไม่ตอบค่ะ แล้วไล่เราออกจากห้องไปเลย
ออกมาข้างนอก พี่เป็ดก็ชมเราว่าหน้าน้องสวยขึ้นมากเลยนะคะ อวยสารพัด หน้าเรียวเล็กลงเยอะเลย เราก็เบรคชีเลย อย่าสะตอค่ะพี่ หนูมีกระจก!!! ชีไปไม่ถูกเลย เราก็ถามว่าจะรับผิดชอบยังไง พี่เป็ดเสนอว่าจะให้หมอแก้ให้ใหม่ฟรีๆ แต่เราปฎิเสธค่ะ เราวีนเลยค่ะ ว่าครั้งแรกยังทำพังขนาดนี้ ขืนให้แก้อีก ปากคงไปอยู่บนหน้าผาก ขนาดคนไข้จะทำศัลยกรรมอะไรบ้าง หมอยังไม่รู้เลย ซักประวัติก่อนผ่าตัดก็ไม่มี เลือดก็ไม่ตรวจ แล้วใครจะกล้าเสี่ยงเป็นครั้งที่สอง พี่เป็ดก็ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดกล่อมเราสารพัด เพื่อให้เราใจอ่อนยอมแก้กับหมอ ใครยอมแก้ก็บ้าแล้ว เราจึงเสนอขอให้หมอรับผิดชอบค่าเสียหายที่มันเกิดกับใบหน้าเรา พี่เป็ดก็บอกว่าจะไปลองคุยกับหมอให้ และจะติดต่อเราอีกที จากนั้นประมาณอาทิตย์กว่าๆ ก็ไม่มีการติดต่อใดๆจากพี่เป็ด เราก็ทักไลน์ไปถาม ว่าหมอว่าไงบ้าง พี่เป็ดก็ตอบกลับอีกรอปเดิม ว่าให้มาแก้กับหมอ หรือว่าถ้าไม่พอใจ คุณหมอบอกให้ไปฟ้องเอา อึ้งสิค่ะคุณขาาา มีการไล่ให้ไปฟ้องด้วย
หลายคนอาจจะสงสัย ว่าทำไมเราไม่กลับไปแก้กับหมอ บอกเลยค่ะว่า “กลัว” ครั้งแรกยังผ่าตัดแบบพอไปทีให้รีบๆเสร็จ เพราะเน้นจำนวนคนไข้ไม่เน้นคุณภาพผลงาน แถมไม่มีการซักประวัติคนไข้ วินิจฉัยหรือแม้แต่อธิบายถึงขั้นตอนการผ่าตัด ว่ามีผลดีหรือผลเสียอย่างไรบ้าง แถมผ่าตัดกระดูกใบหน้าแบบไม่มีการเอ็กซเรย์อีก ไม่มีแม้การตรวจเลือดก่อนการผ่าตัด ขอบายค่ะ ครั้งเดียวจำไปจนตาย
เราจ่ายเงินไป ก็หวังว่าอย่างน้อยจะได้ในสิ่งที่ตัวเองหวังไว้ เสียเงินนับแสน ไหนต้องเจ็บตัวแถมต้องเสี่ยงตายอีก แต่ดูสิ่งที่เราได้รับสิ หน้าพังผิดรูปไม่สมส่วน แถมสภาพจิตก็ย้ำแย่ ซึ่งเราว่ามันไม่ยุติธรรมเลยสำหรับผู้บริโภคแบบเราเอามากๆ
ที่เรามาแชร์ประสบการณ์ครั้งนี้ เพราะอยากให้คนที่สนใจ หรือคิดที่จะทำศัลยกรรมดูไว้เป็นอุทาหรณ์ ว่าก่อนจะตัดสินใจทำศัลยกรรมอะไรก็ตาม ให้ศึกษาประวัติของคลีนิคหรือแพทย์ผู้นั้นให้ดี ไม่ว่าจะเป็นผลงานหรือประวัติการผ่าตัด วิธีขั้นตอนในการผ่าตัด อย่าตัดสินใจเพียงเพราะหลงเชื่อคำโฆษณาเกินจริงจากเหล่าตัวแทนคลีนิคศัลยกรรม ให้ศึกษาให้ดี หรือถ้าจะเลือกผ่านตัวแทนคลีนิคศัลยกรรม ก็ควรเลือกตัวแทนที่เขามีจรรยาบรรณและมีความรับผิดชอบ อย่าเลือกผิดแบบเรานะคะ โชคดีค่ะ
ปล.พิมพ์ในมือถือ อาจจะพิมพ์ผิดบ้างถูกบ้าง เว้นวรรคผิดบ้าง ไม่ว่ากันนะคะ
มาเพิ่มรูปหลังศัลยกรรมที่เป็นปัญหาให้ดูนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้