คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
นี่มันเรื่องอะไรกันครับ
1 การคัดชื่อคนออกจากทะเบียนบ้าน ต้องเป็นเจ้าบ้าน อาสุรางค์เป็นเจ้าบ้าน ที่โฉนดเป็นชื่อสุนันท์ได้ยังไง เหตุให้เจ้าบ้านคัดชื่อคนออกได้ คือ ตาย หรือติดต่อไม่ได้เกิน 180 วัน มาอ้างเหตุ นึกว่าตายไปแล้วไม่ได้ ถ้าตายต้องมีการแจ้งตาย ข้อมูลการตายจะอยู่ในสารบบ และเมื่อถูกคัดชื่อออก จะถูกย้ายไปอยู่ทะเบียนบ้านกลาง ตอนไปต่อบัตรประชาชนไม่โดนท้วงติงอะไรมาเลยหรือ และระหว่างนี้ไม่มีเรื่องที่ต้องใช้ทะเบียนบ้านเลยหรือ
2 หนังสือขอรับมรดกที่ดิน - สัญญาขายที่ดิน ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ แสดงว่าต้องไปด้วยตัวเอง และแสดงบัตรประชาชน ถ้าสุนันท์ไม่ได้ไปเซ็น (ตามที่บอกว่าไม่ได้กลับบ้านร่วม 30 ปี) ไม่ใช่อาจจะ มันต้องปลอมลายเซ็นแน่ แต่การเซ็น ต้องทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่
หาตัวปลอมเป็นสุนันท์ ไปปลอมลายเซ็นน่ะพอได้ แต่ตอนเจ้าหน้าที่ขอดูบัตร เขาทำยังไง
ส่วนหน้าเซ็นขาย ตรงช่องลายเซ็นพยาน 2 คน นั่นก็คนในสำนักงานที่ดินนั่นล่ะที่เจ้าหน้าที่เรียกให้มาเซ็นเป็นพยานให้สมบูรณ์ตามแบบ ถึงหาตัวเจอ เขาก็จำไม่ได้หรอกว่าเซ็นอะไรไว้
3 โฉนดที่ดิน อย่ามาไม่แน่ใจว่าล่าสุดหรือไม่ ไม่ล่าสุดจะมีไว้ทำไม ไปคัดลอกใหม่ ถามเจ้าหน้าที่สิครับ เอาฉบับล่าสุดมา
ถ้าชื่อยังเป็นของสุนันท์ แล้วสัญญาขายที่ดินนั่นมันคืออะไร
จะฟ้องร้องเอาที่ดินที่เป็นชื่อของตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นของตัวเองอยู่แล้ว
ไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินให้แน่ โฉนดนั่นเป็นชื่อใคร ถ้าเป็นของตัวเอง ถ้าไม่คิดจะทำไรอะไรกับที่ดินนั่น ก็รีบขายทิ้ง หรือเอาไปจำนองซะ จะได้ตัดปัญหาครอบครองปรปักษ์
ข้อมูลที่คุณให้มามันแปลกๆ หลักฐานก็ไม่แน่นอน หาทนายปรึกษาเป็นเรื่องเป็นราวดีกว่าครับ ไปปรึกษาฟรีที่สภาทนายความจังหวัดก็ได้ แต่ที่ต้องทำก่อนคือตรวจสอบโฉนดที่สำนักงานที่ดิน ถ้าไม่ใช่ชื่อสุนันท์ แจ้งความครับ
1 การคัดชื่อคนออกจากทะเบียนบ้าน ต้องเป็นเจ้าบ้าน อาสุรางค์เป็นเจ้าบ้าน ที่โฉนดเป็นชื่อสุนันท์ได้ยังไง เหตุให้เจ้าบ้านคัดชื่อคนออกได้ คือ ตาย หรือติดต่อไม่ได้เกิน 180 วัน มาอ้างเหตุ นึกว่าตายไปแล้วไม่ได้ ถ้าตายต้องมีการแจ้งตาย ข้อมูลการตายจะอยู่ในสารบบ และเมื่อถูกคัดชื่อออก จะถูกย้ายไปอยู่ทะเบียนบ้านกลาง ตอนไปต่อบัตรประชาชนไม่โดนท้วงติงอะไรมาเลยหรือ และระหว่างนี้ไม่มีเรื่องที่ต้องใช้ทะเบียนบ้านเลยหรือ
2 หนังสือขอรับมรดกที่ดิน - สัญญาขายที่ดิน ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ แสดงว่าต้องไปด้วยตัวเอง และแสดงบัตรประชาชน ถ้าสุนันท์ไม่ได้ไปเซ็น (ตามที่บอกว่าไม่ได้กลับบ้านร่วม 30 ปี) ไม่ใช่อาจจะ มันต้องปลอมลายเซ็นแน่ แต่การเซ็น ต้องทำต่อหน้าเจ้าหน้าที่
หาตัวปลอมเป็นสุนันท์ ไปปลอมลายเซ็นน่ะพอได้ แต่ตอนเจ้าหน้าที่ขอดูบัตร เขาทำยังไง
ส่วนหน้าเซ็นขาย ตรงช่องลายเซ็นพยาน 2 คน นั่นก็คนในสำนักงานที่ดินนั่นล่ะที่เจ้าหน้าที่เรียกให้มาเซ็นเป็นพยานให้สมบูรณ์ตามแบบ ถึงหาตัวเจอ เขาก็จำไม่ได้หรอกว่าเซ็นอะไรไว้
3 โฉนดที่ดิน อย่ามาไม่แน่ใจว่าล่าสุดหรือไม่ ไม่ล่าสุดจะมีไว้ทำไม ไปคัดลอกใหม่ ถามเจ้าหน้าที่สิครับ เอาฉบับล่าสุดมา
ถ้าชื่อยังเป็นของสุนันท์ แล้วสัญญาขายที่ดินนั่นมันคืออะไร
จะฟ้องร้องเอาที่ดินที่เป็นชื่อของตัวเองได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นของตัวเองอยู่แล้ว
ไปตรวจสอบที่สำนักงานที่ดินให้แน่ โฉนดนั่นเป็นชื่อใคร ถ้าเป็นของตัวเอง ถ้าไม่คิดจะทำไรอะไรกับที่ดินนั่น ก็รีบขายทิ้ง หรือเอาไปจำนองซะ จะได้ตัดปัญหาครอบครองปรปักษ์
ข้อมูลที่คุณให้มามันแปลกๆ หลักฐานก็ไม่แน่นอน หาทนายปรึกษาเป็นเรื่องเป็นราวดีกว่าครับ ไปปรึกษาฟรีที่สภาทนายความจังหวัดก็ได้ แต่ที่ต้องทำก่อนคือตรวจสอบโฉนดที่สำนักงานที่ดิน ถ้าไม่ใช่ชื่อสุนันท์ แจ้งความครับ
แสดงความคิดเห็น
แบบนี้เรียกว่าโดนฉ้อโกงที่ดินรึป่าวครับ ขอความเห็นด้วยครับ
นายสุรัตน์ ได้เสียชีวิตลงและได้มอบหมายให้นางสุรางค์ซึ่งเป็นน้องสาว เป็นคนจัดการเรื่องมรดก
หลังจากได้มีการแบ่งปันมรดกเรียบร้อย นายสุนันท์ซึ่งเป็นลูกชายของนายสุรัตน์ก็ได้รับมรดกไปพอสมควร
จนทำให้นายสุนันท์พลาดเรื่องสำคัญไปหนึ่งอย่าง นั่นคือ ลืมหรือไม่ได้สนใจโฉนดที่ดินบ้านของพ่อตนเอง
จนอยู่วันนึงมีเหตุการณ์บางอย่าง ที่ทำให้นายสุนันท์ต้องจากบ้านของตนเอง มาอยู่ต่างจังหวัด
และได้ขาดการติดต่อกะทางบ้านไปเลย เรียกได้ว่าเหมือนกับหายสาบสูญไปเลย เป็นเวลาร่วม 30 ปี
หลังนั้นผ่านมา นายสุนันท์ต้องไปทำธุระที่ละแวกบ้านเดิมของตนที่เคยอยู่กับพ่อ แต่เมื่อไปถึงกลับกลาย
เป็นว่า บ้านเดิมของตน ปัจจุบันได้กลายเป็นบ้านที่มีไว้เช่า โดยมีลูกหลานของนางสุรางค์ที่เป็นอาของตน
เป็นผู้ดูแล... นายสุนันท์เกิดความสงสัยจึงได้มีการพูดคุยกะคนละแวกนั้นที่พอจะจำกันได้ จึงได้ทราบข่าว
สำคัญมา 2 เรื่องนั่นคือ อาสุรางค์ได้เสียชีวิตไปแล้วก่อนตนจะมาประมาณ 4 ปีที่แล้ว และตนได้ถูกคัดชื่อ
ออกจากทะเบียนบ้านดังกล่าวนานแล้ว โดยเค้านึกว่านายสุนันท์ตายไปแล้ว (แต่ความจริงก็คือ ยังอยู่นะครับ)
นายสุนันท์จึงได้เดินทางไปที่กรมที่ดินเพื่อตรวจเช็คเพิ่มเติม ได้เอกสารสำคัญมา 3 อย่าง มีดังนี้............
1.ใบเซ็นรับมรดก - ซึ่งในใบได้ระบุไว้ชัดเจนว่า นายสุนันท์ได้เซ็นรับมรดกบนที่ดินบริเวณนี้ไปแล้ว
2.หนังสือสัญญาขายที่ดิน - ในใบก็มีระบุไว้ชัดเจนด้วยลายเซ็นของนายสุนันท์ ว่าที่ดินที่รับตาม ใบที่ 1
ถูกขายต่อให้นางสุรางค์ผู้เป็นอา ด้วยราคาเพียงแค่สองหมื่นบาทเท่านั้น
*ประเด็นปัญหาจีงเกิดขึ้นทันทีครับ เนื่องจากว่านายสุนันท์ยังไม่เคยเห็นโฉนดของบ้านของพ่อตัวเองเลย
(แล้วยังเคยสงสัยด้วยว่า ที่ไม่เคยเห็นเพราะมีคนเอาไปซ่อนรึป่าว) แล้วก็มั่นใจว่าตนยังไม่ได้ไปเซ็นรับ
ใดๆทั้งสิ้น..... แถมยังมีการเซ็นขายต่อไปยังผู้เป็นอาแล้วด้วย ซึ่งจุดนี้อาจมีการปลอมลายเซ็นกันแน่นอน
และในหน้าเซ็นขาย ตรงช่องลายเซ็นพยาน 2 คน ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร จะไปตามยังไง ตายไปรึยังก็ไม่รู้*
3.สำเนาโฉนดที่ดิน - ที่คัดลอกได้จากกรมที่ดิน ไม่แน่ใจว่าล่าสุดรึไม่ แต่คือเท่าที่หาได้ ในใบก็ยังระบุว่า
ที่บริเวณนั้นเป็นชื่อของนายสุนันท์ (ตราวันที่ระบุวันออกโฉนดไว้ ห่างจาก 2 ใบแรก 15 ปี)
จากที่ผมเล่ามาทั้งหมด จึงอยากขอความเห็นว่า นายสุนันท์จะสามารถฟ้องร้อง หรือเอาที่ดินคืนได้มั้ย
ต้องมีอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ แล้วมีเปอร์เซ็นต์มากน้อยแค่ไหนครับ......
(ปล.การขอเจรจากับทางลูกหลานของอา ให้ตัดออกได้เลยเนื่องจากว่า ทางนั้นแถบจำนายสุนันท์ไม่ได้แล้ว
และคิดว่าทางนั้นเค้าก็คงไม่ยอม เพราะมันกลายเป็นมรดกตกทอดจากทางแม่อีกที)